บทที่ 897 หนึ่งลมหายใจวันนี้แลกมาด้วยการฟื้นตื่นของวันพรุ่งนี้
ก่อนหน้านี้ตอนที่ป๋ายเสี่ยวฉุนฝึกเลือดคงกระพันเป็นครั้งแรก เนื่องจากการกลืนกินพลังชีวิตน่าตะลึงมากเกินไป ทำเอาเขาตกใจจนต้องรีบหยุด จึงเป็นเหตุให้ไม่ทันสังเกตถึงความผิดปกติตรงตำแหน่งที่ตั้งของบรรพบุรุษโลหิต
ทว่าครั้งนี้กลับต่างออกไป ความเร็วในการฝึกตนของเขาช้าลงอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่กำลังจะรับสัมผัสกับความต้องการทางพลังชีวิตของการฝึกขั้นเลือดคงกระพันกลับสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงการเปลี่ยนแปลงของตำแหน่งที่ตั้งบรรพบุรุษโลหิต!
ความรู้สึกอย่างหนึ่งที่มิอาจใช้ถ้อยคำมาบรรยายได้ลอยขึ้นมากลางใจของ
ป๋ายเสี่ยวฉุน เขารู้สึกถึงความเศร้าเสียใจ รู้สึกถึงความแค้นที่อัดแน่นเต็มอก อีกทั้งท่ามกลางความเศร้าและความโกรธแค้นนี้ยังมีความดึงดันที่รุนแรงถึงขีดสุดรวมอยู่ด้วย!
นอกจากนี้ข้างหูของเขายังเหมือนได้ยินเสียงคำรามที่ทำให้ท้องฟ้าเปลี่ยนสี
“ลมหายใจในวันนี้ แลกมาด้วยการฟื้นตื่นของวันพรุ่งนี้ เมื่อข้าฟื้นตื่นคือเวลาแห่งการต่อสู้!!”
เสียงคำรามมีเพียงแค่ประโยคนี้ประโยคเดียว
แต่กลับทำให้จิตวิญญาณของป๋ายเสี่ยวฉุนบังเกิดคลื่นลูกยักษ์โหมกระหน่ำ ร่างของเขาสั่นสะท้านรุนแรง ขณะเดียวกันก็มีความรู้สึกเหมือนว่าตนกับอีกฝ่ายคือคนคนเดียวกัน
คลื่นเลือดลมที่เหมือนกัน ฝึกบทมิวางวายเหมือนกัน!!
“บรรพบุรุษโลหิต!” ลมหายใจของป๋ายเสี่ยวฉุนหอบรัว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาสัมผัสถึงอารมณ์ของบรรพบุรุษโลหิตได้ชัดเจนขนาดนี้ อีกทั้งยังรุนแรงยิ่งกว่าตอนที่เขาเคยผสานรวมเข้าไปบังคับร่างของบรรพบุรุษโลหิตหลายเท่าตัว
ความรู้สึกดั่งสายโลหิตเดียวกันนี้ทำให้หัวใจของป๋ายเสี่ยวฉุนพลันบังเกิดปณิธานแห่งการต่อสู้อย่างเหิมหาญ เลือดทุกหยดในร่างไหลโคจร กู่ก้องเพรียกขานกับร่างของบรรพบุรุษโลหิต!
และโดยที่ไม่ทันรู้ตัว ตอนนี้จิตสำนึกของป๋ายเสี่ยวฉุนยังสัมผัสได้ด้วยว่าฟ้าดินแห่งนี้นอกจากบรรพบุรุษโลหิตแล้ว ในร่างของสิ่งมีชีวิตบางอย่างซึ่งอยู่ในพื้นที่บางแห่งกลับยังมีคลื่นแบบเดียวกับเขาอย่างไม่มีผิดเพี้ยน!
เพียงแต่ว่าคลื่นของอีกฝ่ายอ่อนจางกว่าอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเทียบกับบรรพบุรุษโลหิตหรือเทียบกับตนก็ล้วนเป็นเช่นเดียวกัน และพื้นที่ที่สิ่งมีชีวิตเหล่านี้อยู่กลับมีสองจุดที่อยู่ในสำนักสยบธารพอดี ป๋ายเสี่ยวฉุนสัมผัสได้แทบจะทันทีเลยว่าหนึ่งในนั้นก็คือลิงของสำนักธาราเทพ!
ส่วนอีกหนึ่งก็คือกระต่ายพูดได้ของสำนักธาราโลหิต!
การค้นพบนี้ทำให้หัวใจของป๋ายเสี่ยวฉุนสั่นสะเทือนอีกครั้ง ตามมาติดๆ คือเขาสัมผัสได้ว่าสิ่งมีชีวิตในพื้นที่ที่อื่นๆ ที่ในร่างมีคลื่นเหมือนเขาและบรรพบุรุษโลหิตกลับให้ความรู้สึกคุ้นเคยแก่เขาอย่างยิ่ง!
เขามองเห็นสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยอย่างฝูงนกบิน มองเห็นพยัคฆ์มีปีก มองเห็นห่านที่เป็นองค์รักษ์ ป๋ายเสี่ยวฉุนมิอาจลืมได้เลยว่านั่นคือพวกกลุ่มสัตว์ที่มีอาการประหลาดหลังจากตนป้อนยาให้พวกมันในปีนั้น!!
“นี่จะเป็นไปได้อย่างไร!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนเบิกตากว้าง สำลักลมหายใจ ทว่าจู่ๆ ร่างของเขาก็พลันอ่อนแรง เขาจึงรีบหยุดการฝึกเลือดคงกระพันทันที หน้าผากมีเม็ดเหงื่อผุดพราย อ้าปากหอบหายใจคำใหญ่
เมื่อเขายุติการฝึกเลือดคงกระพัน ความเชื่อมโยงระหว่างบรรพบุรุษโลหิตและพวกสัตว์เล็กสัตว์ใหญ่ที่ผิดปกติก็พลันหายวับไป เนิ่นนานหลังจากนั้นป๋ายเสี่ยวฉุนถึงได้เงยหน้าขึ้น บนใบหน้ายังคงมีความฉงนไม่คลาย
“สัตว์เล็กๆ พวกนั้นเกี่ยวข้องกับบรรพบุรุษโลหิตหมดเลยหรือ?” ป๋ายเสี่ยวฉุนแอบรู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในปีนั้นต้องมีปริศนาชิ้นใหญ่ซุกซ่อนอยู่เบื้องหลังเป็นแน่แท้!
“ทั้งหมดนี้มันเรื่องอะไรกันแน่” ป๋ายเสี่ยวฉุนนิ่งคิดไปนาน ก่อนจะเดินออกมาหนึ่งก้าว พริบตาเดียวร่างก็หายวับไป เมื่อปรากฏตัวอีกครั้งก็มาอยู่บนไหล่บรรพบุรุษโลหิตของสำนักธาราโลหิตที่ยืนตระหง่านไม่กระดุกกระดิกแล้ว!
สถานที่แห่งนี้โล่งกว้างก็เพราะเป็นการแสดงความเคารพที่มีต่อบรรพบุรุษโลหิต คนที่มีสิทธิ์มาที่นี่ได้มีเพียงผู้แข็งแกร่งระดับบุรพาจารย์เท่านั้น เวลานี้รอบด้านไร้ผู้คน มีเพียงป๋ายเสี่ยวฉุนคนเดียวที่ยืนอยู่ตรงนั้น ลมหายใจของเขายังไม่สามารถสงบลงได้อย่างเต็มที่ ยามนี้เขายกมือขวากดลงไปเบาๆ บนผิวหนังของบรรพบุรุษโลหิตผู้มีเรือนกายใหญ่โต ความรู้สึกที่เหมือนได้สัมผัสพื้นดิน ไม่มีพลังชีวิตใดๆ ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกราวกับว่าก่อนหน้านี้ตนคิดไปเอง
“ไม่มีทางคิดไปเองแน่!” ป๋ายเสี่ยวฉุนพึมพำเบาๆ นิ่งเงียบไปนานก็ขยับกายมุดลอดเข้าไปในร่างของบรรพบุรุษโลหิต ทะยานตัวไปตามเส้นทางในปีนั้น ตรงดิ่งไปยังตำแหน่งหัวใจของอีกฝ่าย
เนิ่นนานหลังจากนั้น เมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนเดินออกมาจากร่างของบรรพบุรุษโลหิต ดวงตาของเขายังคงฉายความเลื่อนลอย ครั้งนี้เขาไม่ได้ผลพวงใดๆ ทว่าในใจกลับมีการคาดเดาอยู่อย่างหนึ่ง
“ลมหายใจในวันนี้ แลกมาด้วยการฟื้นตื่นของวันพรุ่งนี้ สรุปว่าบรรพบุรุษโลหิตตายไปแล้วหรือยังไม่ตายกันแน่?” ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนมีความซับซ้อน เดิมทีเขานึกว่าเมื่อคนเฝ้าสุสานมอบตำแหน่งจักรพรรดิหมิงให้แก่ป๋ายฮ่าว เมื่อตนเข้าใจเรื่องราวของเทียนจุน โลกใบนี้ในสายตาของตนจะไม่มีความลับอะไรมากมายอีกแล้ว
ทว่าเวลานี้ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับยังคงค้นพบว่าเรื่องราวที่ตนไม่เข้าใจยังมีอีกมากมายนัก อย่างบรรพบุรุษโลหิตก็คือหนึ่งในเรื่องราวเหล่านั้น
“และยังมีตู้หลิงเฟยอีกคน ทำไมปีนั้นนางถึงต้องมาอยู่ในสำนักเล็กๆ อย่างสำนักธาราเทพ หรือว่าเป็นเพราะในอดีตสำนักธาราเทพเคยเป็นสำนักหันเหมินของแม่น้ำสายเหนือ? แต่หากเป็นอย่างนี้จริง หลังจากนั้นทำไมนางถึงต้องไปที่สำนักธาราโลหิตด้วย” คำถามข้อนี้ซุกซ่อนอยู่ในใจของป๋ายเสี่ยวฉุนมานานหลายปี ก่อนหน้านี้เขาคิดมาโดยตลอดว่าน่าจะเป็นเพราะทารกหญิงเจินหลิงของสำนักธาราเทพ แต่ตอนนี้จู่ๆ เขาก็เริ่มไม่แน่ใจแล้ว
ป๋ายเสี่ยวฉุนเงียบงันไปตลอดทาง ความคิดมากมายฟุ้งซ่านอยู่ในสมอง เวลาผ่านไปช้าๆ ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ทันใดนั้นเสียงฟ้าร้องอื้ออึงก็พลันระเบิดออกมาจากในเทือกเขาของสายธาราเทพ
เสียงนี้ดังเกินไป ทำเอาสี่ทิศสั่นสะเทือน ลูกศิษย์จำนวนนับไม่ถ้วนในสำนักสยบธารใจเต้นระรัว ป๋ายเสี่ยวฉุนที่ถูกขัดจังหวะความคิดจึงมองไปยังที่มาของเสียง แล้วทันใดนั้นดวงตาของเขาก็พลันฉายแสงคมกริบ
“บุรพาจารย์” ป๋ายเสี่ยวฉุนมองปราดเดียวก็รู้ว่าตำแหน่งที่เสียงกัมปนาทดังลอยมาก็คือสถานที่ปิดด่านของบุรพาจารย์ธาราเทพที่กำลังฝ่าด่านสู่ขอบเขตคนฟ้า และเมื่อเสียงกัมปนาทดังลอยมา คลื่นรุนแรงขุมหนึ่งก็พวยพุ่งจากพื้นที่ปิดด่านของบุรพาจารย์ธาราเทพทะยานสู่ท้องฟ้า
คลื่นนี้แฝงเร้นไว้ด้วยปณิธานที่น่าครั่นคร้าม ปณิธานนั้นเหมือนกำลังผสานรวมเข้ากับฟ้าดิน ท่ามกลางการผสานรวมนี้ ปราณของบุรพาจารย์ธาราเทพก็ได้ระเบิดออกอย่างต่อเนื่อง ยิ่งนานก็ยิ่งแข็งแกร่ง!
“บุรพาจารย์จะฝ่าขอบเขตได้แล้ว!!”
“สำนักสยบธารของพวกเราจะมีคนฟ้าเพิ่มอีกคนหนึ่งแล้ว!!”
“ต้องสำเร็จแน่นอน!” ผู้อาวุโสทุกคนในสำนักสยบธารบินออกมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพากันห้อมล้อมรอบด้านเพื่อให้การพิทักษ์บุรพาจารย์ธาราเทพ
ซึ่งหลี่ชิงโหวเองก็เป็นหนึ่งในนั้น และยังมีบุรพาจารย์ธาราโลหิตกับบุรพาจารย์ของอีกสองสายที่ต่างก็พากันบินออกมาแล้วให้การคุ้มกันอย่างเข้มงวด
นั่นเป็นเพราะการฝ่าทะลุขั้นของบุรพาจารย์ธาราเทพสำคัญอย่างยิ่งยวด แม้แต่ค่ายกลใหญ่ของสำนักที่เพิ่งซ่อมแซมเสร็จก็ยังถูกเปิดใช้งานอย่างเต็มกำลัง พวกเขาจะไม่มีทางปล่อยให้มีเรื่องไม่คาดคิดใดๆ เกิดขึ้นเด็ดขาด
ส่วนลูกศิษย์ทุกคนที่กำลังตื่นเต้นก็พากันภาวนาขอพรอย่างต่อเนื่อง ดวงตาแต่ละคนกระตือรือร้นและเต็มไปด้วยความคาดหวัง
ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ฝังกลบความสงสัยที่มาจากบรรพบุรุษโลหิตไว้ในหัวใจอย่างรวดเร็ว ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดซึ่งวางอยู่เบื้องหน้าเขาก็คือการเลื่อนขั้นของบุรพาจารย์ธาราเทพ
วิธีการฝ่าทะลุขั้นของป๋ายเสี่ยวฉุนนั้นไม่เหมือนกับคนอื่น ดังนั้นเขาจึงไม่มีประสบการณ์ทางด้านนี้ แล้วก็ไม่สามารถชี้นำใดๆ ได้ ได้แต่อาศัยตบะของตนคอยจับตามองบุรพาจารย์ธาราเทพอยู่ตลอดเวลา และหากเห็นท่าไม่ดีก็จะลงมือช่วยคลี่คลายให้ทันที
ทว่าบุรพาจารย์ธาราเทพไม่เสียแรงที่เป็นผู้อาวุโสซึ่งมีชีวิตอยู่มาอย่างยาวนาน ปีนั้นเขาอาศัยพละกำลังของตัวเองคนเดียวนำพาสำนักเล็กๆ ปลายน้ำบุกเข่นฆ่าขึ้นมาเป็นสำนักแม่น้ำตอนล่าง และตอนนี้เขาก็คือบุรพาจารย์อันดับหนึ่งของสำนักสยบธารแห่งแม่น้ำตอนกลาง ไม่ว่าจะเป็นความรอบรู้หรือประสบการณ์ หรือแม้แต่ทรัพยากรในการฝึกตนก็ล้วนไม่ใช่สิ่งที่ใครจะมาทัดเทียมได้
ก่อนหน้านี้สิ่งที่เขาขาดมีเพียงโอกาสที่เหมาะสมเท่านั้น!
และโอกาสที่ว่านี้ป๋ายเสี่ยวฉุนก็เป็นคนมอบให้เขา เขาย่อมต้องคว้าเอาไว้และทุ่มสุดพลังเพื่อฝ่าทะลุขั้นอยู่แล้ว ยามนี้ท่ามกลางเสียงอสนีดังครืนครั่น พลังอำนาจของบุรพาจารย์ธาราเทพก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ เวลานี้ปณิธานของเขาได้ผสานรวมเข้าไปในฟ้าดินได้เกินครึ่งแล้ว
เจ็ดส่วน แปดส่วน เก้าส่วน
ความเร็วทะยานสูงสุด ขณะเดียวกันตบะของเขาก็ยิ่งแกร่งกล้า คนของทั้งสำนักสยบธารเพ่งสมาธิมองด้วยความตะลึงลาน ป๋ายเสี่ยวฉุนเห็นมาถึงตรงนี้ก็ผ่อนลมหายใจ คลี่ยิ้มอย่างหมดกังวล
วินาทีที่รอยยิ้มของเขาปรากฏอยู่บนใบหน้า ปณิธานของบุรพาจารย์ธาราเทพก็ผสานรวมเข้ากับฟ้าดินครบทั้งสิบส่วน!!
ตูมๆๆๆ!!
เสียงกัมปนาทดังก้องไปทั้งฟ้าดิน ชั้นเมฆซัดตลบปั่นป่วน ไม่มีทัณฑ์สวรรค์ใดๆ แต่กลับมีใบหน้าที่แก่ชราขนาดใหญ่มหึมาลอยขึ้นมาบนท้องฟ้า!
นั่นก็คือใบหน้าของบุรพาจารย์ธาราเทพ!
ใบหน้าปลงอนิจจังที่มาพร้อมกับพลานุภาพสยบซึ่งคล้ายจะสร้างมรสุมให้พัดกระหน่ำกำลังก้มมองลงมายังสรรพชีวิตที่อยู่บนพื้นดิน
“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป ข้าผู้อาวุโสจะเป็นคนปกป้องสำนักสยบธารของพวกเราเอง!” น้ำเสียงแก่ชราที่แฝงไว้ด้วยความเด็ดเดี่ยว เปี่ยมล้นไปด้วยความยึดมั่นถือมั่น ความศรัทธา และยิ่งมากด้วยความจริงใจอย่างถึงที่สุดพลันดังก้องไปทั่วทั้งฟ้าดิน
ปานประหนึ่งคำสัตย์สาบานของบุรพาจารย์ธาราเทพ!!
และเมื่อคำพูดของเขาดังออกไป แรงสั่นสะเทือนก็ลามไปทั้งฟ้าดิน ปณิธานของเขาแผ่ออกไปอย่างสมบูรณ์แบบ แม้จะเป็นคนฟ้าวิถีมนุษย์ ทว่ารากฐานของบุรพาจารย์ธาราเทพนั้นลึกล้ำยิ่งนัก เวลานี้เมื่อได้เลื่อนขั้นเป็นคนฟ้าพลังทั้งหมดจึงระเบิดออกมา ทั้งยังเหนือกว่าคนฟ้าวิถีมนุษย์ทั่วไปหลายเท่าตัว แทบจะเรียกได้ว่าใกล้เคียงกับคนฟ้าวิถีดินช่วงต้น!
“บุรพาจารย์!”
“บุรพาจารย์!!”
“บุรพาจารย์!!!” บัดนี้นักพรตมากมายในสำนักสยบธารต่างก็กู่ก้องร้องตะโกน ก่อนที่ลูกศิษย์ทุกคนในสำนักสยบธารจะก้มกราบคำนับอย่างฮึกเหิม ไม่เพียงพวกเขาเท่านั้นที่ทำเช่นนี้ ยังมีผู้อาวุโสก่อกำเนิด ต่อให้เป็นบุรพาจารย์สามท่านจากสายธาราโลหิต ธาราโอสถและธาราทมิฬเองก็ยังสูดลมหายใจเข้าลึก นัยน์ตาฉายความเคารพยำเกรง ก่อนจะพร้อมใจกันหันไปคารวะโค้งตัวต่ำๆ ให้แก่ใบหน้าใหญ่ยักษ์บนท้องฟ้า