บทที่ 94 อาจารย์อาป๋าย พวกเราคนกันเองนะ
“ศึกศิษย์แห่งความภาคภูมิใจครั้งนี้…เฮ้อ” บนแท่นยก เจ้าสำนักเจิ้งหย่วนตงส่ายหัวอย่างหน่ายใจ ผู้นำแต่ละยอดเขาที่อยู่ข้างกายเขา แต่ละคนล้วนยิ้มเจื่อนออกมา
พวกเขาก็เข้าใจเหมือนกันว่าศึกศิษย์แห่งความภาคภูมิใจครั้งนี้ที่เดิมทีควรจะเคร่งเครียดจริงจัง เวลานี้กลับตาลปัตรไปหมด…ตอนแรกก็ดีอยู่ แต่เพราะมีป๋ายเสี่ยวฉุนเพิ่มเข้ามาหนึ่งคน ทุกอย่างก็พินาศปั่นป่วนไปเสียสิ้น
“ป๋ายเสี่ยวฉุนผู้นี้…ชื่อของเขาดีนัก แต่ตัวจริงกลับไม่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาอย่างชื่อเลยสักนิด” ผู้เฒ่าโจวยิ้มเจื่อน มองไปยังป๋ายเสี่ยวฉุนที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางฝูงชน แล้วก็มองไปยังลูกศิษย์ชายฝั่งทิศเหนือจำนวนนับไม่ถ้วนที่กำลังบ้าคลั่ง
“ไม่เป็นไร ในเมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนผู้นี้เกเรได้ถึงขนาดนี้ กลายมาเป็นศัตรูร่วมของลูกศิษย์ชายฝั่งทิศเหนือไปแล้ว ถ้าเช่นนั้นต่อไปก็หาโอกาสโยนเขาไว้ในชายฝั่งทิศเหนือเสียเลย น่าจะพอให้เขาหยุดเกเรลงไปได้ไม่น้อย” ผู้พูดก็คือท่านผู้นำของเขายวนเหว่ย เป็นหญิงสูงวัยผู้หนึ่ง เอ่ยปากด้วยรอยยิ้มเสแสร้ง
ทุกคนสีหน้ากระตุก เริ่มครุ่นคิดตาม มีเพียงหลี่ชิงโหวเท่านั้นที่ใช้สายตาแฝงแววเห็นอกเห็นใจมองไปยังผู้นำเขายวนเหว่ยหนึ่งที เขารู้จักป๋ายเสี่ยวฉุนดีนักล่ะ เขากล้ารับรองว่าหากโยนป๋ายเสี่ยวฉุนไปไว้ที่ชายฝั่งทิศเหนือ เกรงว่าคนที่ซวยไม่มีทางเป็นป๋ายเสี่ยวฉุนแน่นอน…
ขณะที่ทุกคนกำลังครุ่นคิดกันอยู่นั้นเอง การประลองสนามที่สามของรอบที่สามได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
กุ่ยหยารบกับสวีซง ซ่างกวานเทียนโย่วรบกับกงซุนหว่านเอ๋อร์ สนามรบทั้งสองสนามนี้แทบไม่มีอะไรให้ต้องลุ้น ด้วยความแข็งแกร่งที่กุ่ยหยาและซ่างกวานเทียนโย่วแสดงออกมาให้เห็นก่อนหน้า ย่อมสามารถคว้าชัยชนะไปได้อย่างง่ายดาย
ลูกศิษย์ทุกคนของสองชายฝั่งเหนือใต้ หรือแม้แต่พวกเจ้าสำนักที่อยู่บนแท่นยกล้วนจับจ้องเขตการสู้รบที่สาม มองเห็นกงซุนอวิ๋นขึ้นมาก่อนเป็นคนแรก พลังอำนาจตลอดร่างลุกโหม เต็มไปด้วยไอเย็นเยียบ มองไปยังป๋ายเสี่ยวฉุนที่เดินขึ้นเวทีประลองมาด้วยมาดของยอดฝีมือ
คราวนี้ชายฝั่งทิศเหนือไม่คำรามด้วยความโกรธแค้นอีกแล้ว แต่สายตาฟาดฟันที่รวมเอาไอสังหารจากคนหลายหมื่นคนได้มารวมกันอยู่บนตัวของป๋ายเสี่ยวฉุน ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนอกสั่นขวัญแขวน
“เจ้ายอมแพ้เถอะ” ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจเข้าลึก มองไปยังกงซุนอวิ๋น ในมือกำยากระสันซ่านเอาไว้ รีบร้อนเอ่ยปาก
กงซุนอวิ๋นมองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยความเย็นชา นัยน์ตาเผยความรังเกียจเดียดฉันท์ สะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งครั้ง ตรงปากแขนเสื้อของเขาก็มีแมลงสีดำนับไม่ถ้วนบินออกมาทันที แม้แต่ในเสื้อผ้าของเขาก็ยังมีตะขาบสีแดงจำนวนมากไต่ออกมาตามร่างกาย พริบตาเดียวก็ปกคลุมไปทั่วพื้นดินรอบกายเขา
แมลงพวกนั้นเบียดเสียดกันยั้วเยี้ยมากพอจะทำให้คนขนลุกขนพองได้
“แมลงเหล่านี้ของข้า แม้ว่าจะมีเพศผู้เพศเมีย แต่พวกมันไม่ใช่สัตว์สี่เท้า ยาของเจ้าใช้กับพวกมันไม่ได้ผล” กงซุนอวิ๋นเอ่ยปากราบเรียบ ไม่ให้โอกาสป๋ายเสี่ยวฉุนได้พูดต่อ ความนึกคิดกระตุกหนึ่งครั้ง แมลงพิษรอบด้านก็เปล่งเสียงร้องบาดหู พริบตาเดียวก็พุ่งถลาออกไปหาป๋ายเสี่ยวฉุนราวกับมหาสมุทรแมลง
ตะขาบพวกนั้นเลื้อยเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว ส่วนแมลงสีดำพวกนั้นกลับบินขึ้นมาทั้งหมด ปกคลุมไปทั่วพื้นดินและกลางอากาศ พุ่งดิ่งเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน
มหาสมุทรแมลงนี้ แมลงแต่ละตัวในนั้นล้วนมีพลังโจมตีที่แน่นอน แม้ว่าแสงคุ้มกันจะพอสกัดกั้นได้บ้าง แต่ก็เกรงกลัวการโจมตีที่แน่นหนาแบบนี้มากที่สุด ป๋ายเสี่ยวฉุนถึงขั้นพอจินตนาการออกว่า การคุ้มกันของเขาเมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับกงซุนอวิ๋นก็แทบจะไม่ได้เปรียบเท่าไหร่นัก
“กงซุนอวิ๋น เจ้าอย่าบีบบังคับข้า รีบยอมแพ้ซะ ข้าไม่อยากลงมือต่อจริงๆ นะ เมื่อใดก็ตามที่ข้าลงมือ เจ้า…เจ้าก็สิ้นท่าเมื่อนั้น!” ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้าซีดเผือด ถอยหลังกรูด รีบพูดเสียงแหลม
“งั้นก็มาดูกันว่าเลือดเนื้อของเจ้าจะถูกกลืนกินเสียสิ้นก่อน หรือว่าข้าจะสิ้นท่าอย่างที่เจ้าว่าก่อน” กงซุนอวิ๋นหัวเราะเสียงเย็น แววดูหมิ่นในดวงตายิ่งมีมาก เมื่อโบกมือมหาสมุทรแมลงเหล่านั้นก็ยิ่งไหลทะลักออกมาจากร่างกายเขา
ภาพนี้ทำให้ทุกคนของชายฝั่งทิศใต้ที่มองดูอยู่ล้วนหนังหัวชาหนึบ ตอนมองไปยังกงซุนอวิ๋น แต่ละคนตะลึงพรึงเพริดอยู่ในใจ พวกเขารับรู้อย่างลึกซึ้งถึงความแข็งแกร่งของกงซุนอวิ๋น คนผู้นี้ไม่เพียงแต่เชี่ยวชาญด้านแมลงพิษ คาถาก็น่าตื่นตะลึงมากเช่นกัน สามารถสกัดกั้นนิ้วหนึ่งของกุ่ยหยาได้ หรือแม้แต่ซ่างกวานเทียนโย่วที่สู้รบกับเขาก็ยังจำเป็นต้องใช้กระบี่ถึงสามเล่ม อีกทั้งยังผลาญพลังไปไม่น้อย
คนของชายฝั่งทิศเหนือเมื่อเห็นว่าเป็นเช่นนี้ แต่ละคนจึงฮึกเหิมขึ้นมาโดยพลัน พากันตื่นเต้นดีใจ
“ศิษย์พี่กงซุนเก่งมาก จัดการป๋ายเสี่ยวฉุนเลย!”
“ฮ่าๆ ป๋ายเสี่ยวฉุน คราวนี้ดูสิว่าเจ้าจะต้านทานอย่างไรไหว คอยดูเถอะ แมลงเหล่านั้นจะมุดเข้าไปในร่างกายของเจ้า แล้วกลืนกินเลือดเนื้อของเจ้าอย่างรวดเร็ว!”
“ป๋ายเสี่ยวฉุน เจ้าก็มีวันนี้กับเขาเหมือนกัน!” ลูกศิษย์ชายฝั่งทิศเหนือจำนวนมากห้าวเหิม สัตว์รบมากมายที่อยู่ข้างกายพวกเขาก็คล้ายจะสัมผัสได้ถึงความคึกคักของเจ้านาย จึงพากันส่งเสียงคำรามอยู่ด้านข้าง
พริบตาเดียวแมลงสีดำเหล่านั้นก็กระโจนเข้ามาตรงหน้าป๋ายเสี่ยวฉุน เกาะอยู่บนแสงคุ้มกัน กัดกระชากอย่างต่อเนื่อง เห็นได้ชัดว่าแสงคุ้มกันสลัวลงอย่างรวดเร็ว
ตะขาบสีแดงพวกนั้นก็ตามมาด้วยเช่นกัน กระโดดขึ้นมาจากบนพื้น ทำให้แสงคุ้มกันมืดสลัวลงเร็วกว่าเดิม แถมตะขาบแปลกประหลาดพวกนี้ยังมีอีกไม่น้อยที่กำลังมุดเข้ามาในแสงคุ้มกันชั้นแรก
ป๋ายเสี่ยวฉุนหนังหัวชาหนึบ ดวงตาแดงก่ำ เขาคำรามเสียงดังหนึ่งที
“กงซุนอวิ๋น เจ้าบีบบังคับข้าเองนะ!” ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็จนใจเหมือนกัน เดิมเขาไม่คิดจะใช้ไม้ตาย แต่ตอนนี้ไร้ทางเลือก ทำได้เพียงถอนหายใจเสียงเบา กระโดดพรวดขึ้นพร้อมความรู้สึกว่าตนคือผู้บริสุทธิ์อยู่ในใจ แสงคุ้มกันตลอดทั้งร่างสั่นไหว ทำให้แมลงพิษจำนวนไม่น้อยที่เกาะอยู่ด้านบนร่วงหลุดออกไป ขณะที่พวกมันบุกเข้ามาอีกครั้ง มือขวาของเขาที่ถือยากระสันซ่านเอาไว้ก็ขว้างออกไปแรงๆ ตรงไปยังทิศที่ลูกศิษย์ชายฝั่งทิศเหนืออยู่
เสียงฟิ้วดังหนึ่งครั้ง ยาเม็ดนี้พุ่งดิ่งออกไปรวดเร็วอย่างถึงที่สุด ในขณะที่ทุกคนยังไม่ทันตั้งตัวมันก็ลอยอยู่กลางอากาศเหนือหัวลูกศิษย์ชายฝั่งทิศเหนือแล้ว ลูกศิษย์พวกนั้นพากันอึ้งงั้น ขณะเดียวกันกับที่เงยหน้าขึ้น หูก็ได้ยินเสียงคำรามต่ำของป๋ายเสี่ยวฉุน
“ระเบิด!”
เสียงตูมดังหนึ่งที ยากระสันซ่านเม็ดนั้นพลันแตกโพละออกมาทันที กลายเป็นฝุ่นผงเหลือคณานับแผ่กระจายไปรอบด้าน ปกคลุมไปเกือบครึ่งเขตของลูกศิษย์ชายฝั่งทิศเหนือ
กงซุนอวิ๋นเบิกตากว้าง เผยความตกตะลึง
ยานี้ใช้ได้ผลกับคนหรือไม่นั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่รู้จริงๆ เขาหลอมยาแปลกประหลาดออกมาเยอะเกินไป ตัวเองไม่กล้าลองแม้แต่เม็ดเดียว แต่เขารู้ดีว่ายากระสันซ่านนี้กระตุ้นสัตว์ร้ายได้อย่างรุนแรงมากแค่ไหน
พริบตาเดียวสัตว์รบทุกตัวในเขตที่โดนยากระสันซ่านปกคลุมล้วนเงยหน้าขึ้นฟ้าคำรามอย่างบ้าคลั่ง ร่างกายพองขยายออกมา ลูกตาแดงฉาน หอบหายใจหนักขึ้น ทำให้เจ้านายของพวกมันร้องตกใจ รีบถอยหลังกรูดทันที
เสียงฮือดังขึ้น ลูกศิษย์ทุกคนของชายฝั่งทิศเหนือที่อยู่ในเขตนี้แต่ละคนถอยกรูดอย่างกับคนบ้า ไม่นานพื้นที่นี้ก็ไม่เหลือคนอยู่อีก มีแต่สัตว์แต่ละตัวที่คำรามเสียงก้องอยู่ตรงนั้น สัตว์ร้ายที่หันมองสะเปะสะปะไปรอบด้านคล้ายกำลังมองหาเป้าหมาย ทำให้ลูกศิษย์ชายฝั่งทิศเหนือทุกคนที่มองดูอยู่แตกตื่น คนหลายหมื่นวิ่งหนีกันอุตลุดในชั่วพริบตา
“ป๋ายเสี่ยวฉุน!!” ลูกศิษย์ชายฝั่งทิศเหนือแทบจะเปล่งเสียงแหลมสูงออกมาพร้อมกันทุกคน ดังสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน หน้าผากของกงซุนอวิ๋นมีเหงื่อผุดซึม ด้วยคุณสมบัติของร่างกายเขา หลังจากที่ฝึกวิชาแมลงพิษแล้วก็ไม่เคยมีเหงื่อออกมาก่อน
แต่ตอนนี้เขาหายใจถี่กระชั้น มองป๋ายเสี่ยวฉุนที่ห่างออกไปไม่ไกลซึ่งหยิบอีกเม็ดออกมาไว้ในมือ อีกทั้งยังเห็นได้ชัดเจนว่า พอยานี้ปรากฏออกมา สัตว์ร้ายเหล่านั้นพลันงุ่นง่านกันขึ้นมาทันที นี่ทำให้กงซุนอวิ๋นคิดถึงยาที่แตกกระจายไปโดนตัวของเป่ยหันเลี่ยโดยพลัน
“เจ้า…”
ลางร้ายรุนแรงระลอกหนึ่งลอยมาปรากฏในใจกงซุนอวิ๋น ใจของเขาสั่นระรัว ในสมองมีภาพนับไม่ถ้วนลอยขึ้นมาเป็นฉาก เวลานี้จึงรีบถอยหลังกรูด แม้แต่ขาทั้งสองข้างก็ยังสั่นสะท้าน เขาพอจะนึกได้ว่าหากป๋ายเสี่ยวฉุนโยนยาเม็ดนั้นมาทางตัวเอง ถ้าเช่นนั้นแปบเดียว…ตัวเองก็จะโดนสัตว์รบมากมายกระโจนเข้าใส่
“เจ้าบังคับข้าเองนะ ข้าเองก็ไม่อยากทำแบบนี้” ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้าม่อย ทอดถอนใจ กำลังจะโยนยาที่อยู่ในมือออกไป
“ข้ายอมแพ้!” กงซุนอวิ๋นเปล่งเสียงกรีดร้องแหลมอย่างที่ชีวิตนี้ไม่เคยทำมาก่อน สีหน้าของเขาขาวเผือด ร่างถอยกรูดอย่างรวดเร็วแทบจะใกล้เคียงกับคำว่าหนีหัวซุกหัวซุน รีบพุ่งเข้าไปในกลุ่มคนราวกับตกใจสุดขีด ตอนที่มองมายังป๋ายเสี่ยวฉุนก็เผยให้เห็นถึงความหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
“อ๋า?” มองกงซุนอวิ๋นที่อยู่ในกลุ่มคนซึ่งยามนี้ขวัญเตลิดกระเจิดกระเจิงไปหมดแล้ว และก็มองสัตว์รบที่กำลังฉุนเฉียวเหล่านั้น เขาก็รู้สึกว่าท่าไม่ดีขึ้นมาบ้างแล้ว
โดยเฉพาะสัตว์รบพวกนั้นที่เวลานี้มีอยู่หลายตัวกำลังคำรามก้อง จ้องเขม็งมายังยาที่อยู่ในมือป๋ายเสี่ยวฉุน แล้วเริ่มขยับเข้ามาใกล้ หน้าผากของป๋ายเสี่ยวฉุนมีเหงื่อผุดซึม เขารีบย้ายสายตาไปมองยังตำแหน่งของลูกศิษย์ชายฝั่งทิศเหนือ
เสียงฮือดังขึ้นหนึ่งที จุดที่เขามองไป ลูกศิษย์ชายฝั่งทิศเหนือเหล่านั้นแต่ละคนอกสั่นขวัญบิน ล้วนไม่กล้าตะโกนอย่างเคียดแค้นใส่ป๋ายเสี่ยวฉุนอีกแล้ว พริบตาเดียวก็หนีกระเจิงกันไปหมด
ป๋ายเสี่ยวฉุนร้อนใจเข้าให้แล้ว จึงมองไปยังตำแหน่งอื่น ผลคือไม่ว่าจุดใดก็ตามที่สายตาของเขากวาดผ่านไป พริบตาเดียวทุกคนล้วนแตกฮือ ตะเกียกตะกายหนีกันอุตลุด ทั้งยังมีเสียงร้องโหยหวนดังลอยมาอย่างต่อเนื่อง
พอถึงท้ายที่สุดป๋ายเสี่ยวฉุนก็หันหน้ามามองลูกศิษย์ชายฝั่งทิศใต้ด้วยความร้อนใจ
พริบตาเดียว…ทุกคนของชายฝั่งทิศใต้ล้วนหนังหัวชาหนึบ ถอยหลังอย่างพร้อมเพรียง แผล็บเดียวทุกคนก็ถอยห่างออกไปไกลหลายสิบจั้ง
“อาจารย์อาป๋าย พวกเราคนกันเองนะ! คนกันเอง!” ยังมีคนไม่น้อยตะโกนเสียงสูงอย่างร้อนรน
แม้แต่กุ่ยหยาและซ่างกวานเทียนโย่วเองเวลานี้ก็ยังหน้าถอดสี ถอยหลังกรูดอย่างว่องไว
โฮก! สัตว์รบที่งุ่นง่านเหล่านั้น เวลานี้มีหลายตัวที่เข้ามาใกล้ แต่ละตัวล้วนดวงตาแดงฉาน ทำเอาป๋ายเสี่ยวฉุนที่มองดูอยู่มีเหงื่อไหลออกมาจากหน้าผากมากกว่าเดิม
“ทำยังไงดี ทำยังไงดี ข้าก็บอกแล้วว่าให้พวกเจ้ายอมแพ้ เมื่อใดที่ข้าลงมือ แม้แต่ข้าก็ยังกลัวตัวเอง!” ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกว่านี่ไม่ใช่ความผิดตัวเองเลย ดังนั้นจึงกัดฟันหันไปทางชายฝั่งทิศเหนือ
“พวกเจ้าเมื่อครู่ใครกันที่บอกว่าจะให้รางวัลจับตัวข้า!”
ทุกคนของชายฝั่งทิศเหนือก้มหน้าลงทันที ไม่มีใครกล้าสบตาป๋ายเสี่ยวฉุน แต่ละคนใจสั่นสะท้าน
ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็สั่นเหมือนกัน เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นคนจิตใจดีงามคนหนึ่ง ไม่สามารถโยนยาในมือออกไปตามอำเภอใจได้ ขณะที่กำลังกลัดกลุ้ม และสัตว์รบแต่ละตัวก็ยิ่งฉุนเฉียวมากขึ้นอยู่นั้นเอง พลันป๋ายเสี่ยวฉุนก็เหลือบตาไปเห็นนกฟ่งเหนี่ยวของผู้เฒ่าโจวตัวนั้น ที่เวลานี้บินอยู่บนฟ้าด้วยท่าทางยโสโอหังไม่คลาย
ดวงตาทั้งคู่เปล่งแสงวาบ ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่มีเวลาให้คิดมากจึงขว้างยาเม็ดนั้นตรงไปที่นกฟ่งเหนี่ยวตัวนั้นด้วยความรวดเร็ว ยากลายเป็นรุ้งเส้นยาวหนึ่งเส้น ตรงดิ่งเข้าหานกฟ่งเหนี่ยวของผู้เฒ่าโจว
นกฟ่งเหนี่ยวตัวนั้นกำลังมีความสุขบนความทุกข์ของป๋ายเสี่ยวฉุน ไม่ได้สนใจว่ามียาลอยมา เมื่อมันรู้สึกตัว ขนตลอดทั้งร่างก็ระเบิดออก เปล่งเสียงกรีดร้องโหยหวนจะบินหลีกหลบ แต่เสียงปังดังหนึ่งครั้ง ยาเม็ดนั้นระเบิดออก ฝุ่นผงจำนวนนับไม่ถ้วนติดไปทั่วร่างของมัน
นกฟ่งเหนี่ยวอึ้งตะลึงไป ที่ตามมาติดๆ คือสัตว์รบเบื้องล่างเหล่านั้น แต่ละตัวคำรามคลุ้มคลั่ง ใช้สายตาดุเดือดร้อนแรงมองมา ราวกับต้องการกระโจนขึ้นฟ้าไล่ตามนกฟ่งเหนี่ยว
แม้แต่พวกเจ้าสำนักที่อยู่บนแท่นยกก็ยังสูดหายใจเฮือก ทุกคนลุกขึ้นไปยืนตรงขอบแท่น เบิกตากว้างอ้าปากค้าง
“ลงมือกับคนดูแบบนี้…ถือว่าผิดกฎแล้วหรือเปล่า?” ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสคนใดเอ่ยปากออกมาอย่างไม่รู้ตัว แต่กลับพบว่าไม่มีใครใส่ใจคำพูดของเขา โดยเฉพาะท่านผู้นำของชายฝั่งทิศเหนือสามคนที่ยังอยู่ที่นี่ แววตาของแต่ละคนกลับเผยแววประหลาดใจ จุดที่พวกเขามองไปก็คือสัตว์ตัวหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางสัตว์รบมากมายตรงพื้นที่นั้น!
นั่นคือสัตว์รบที่มีลักษณะเหมือนกวาง สัตว์ตัวนี้ตอนนี้ก็กำลังคำรามเสียงแหบพร่าเช่นกัน เห็นได้ชัดว่ากำลังมีอารมณ์กำหนัด จึงคำรามก้องใส่นกฟ่งเหนี่ยวที่อยู่บนท้องฟ้า
“ยานี่ก่อนหน้านี้ข้าคิดว่าต่อให้มีผลจริง แต่ก็คงส่งผลกระทบต่อสายเลือดระดับสามเท่านั้น…คิดไม่ถึงว่าแม้แต่สายเลือดระดับสองก็ยังใช้ได้ผล!”
“ยานี่…หากเป็นเช่นนี้ก็เท่ากับว่ามีประโยชน์อย่างยิ่งต่อชายฝั่งทิศเหนือของเรา!” ผู้นำสามคนของชายฝั่งทิศเหนือสั่นสะท้านไปทั้งร่าง นัยน์ตาเผยความตื่นเต้น หญิงชราผู้นั้นถึงขนาดยกมือขวาขึ้นชี้ไปทางนกฟ่งเหนี่ยว
พริบตาเดียวนกฟ่งเหนี่ยวก็ร่างสั่นเทิ้ม ถูกพละกำลังมหาศาลระลอกหนึ่งปกคลุมเอาไว้และพุ่งดิ่งลงมายังแท่นสูง ก่อนจะถูกหญิงชราจับกดไว้ตรงหน้า เวลาเดียวกันนี้ สัตว์รบด้านล่างแต่ละตัวคำรามเสียงพร่า และมีบางส่วนที่ทะยานมาทางแท่นยก
หญิงชราแค่นเสียงเย็นชา ตวัดสายตาลงไปหนึ่งที สัตว์ร้ายพวกนั้นร้องครางเสียงเศร้า ถูกพลังมหาศาลพัดกวาด ร่างถูกม้วนตลบ แต่ละตัวร่างหดเล็ก ถูกเก็บเข้ามาไว้ในปลายแขนเสื้อของหญิงชราทั้งหมดไม่เหลือแม้แต่ตัวเดียว
หญิงชรามองนกฟ่งเหนี่ยวที่ใบหน้าเศร้ารันทด แต่กลับไม่กล้าร้องคำราม หลังจากมองอย่างละเอียดแล้ว นัยน์ตาก็เผยแววตะลึงระคนดีใจ เริ่มพูดคุยกับท่านผู้นำคนอื่นๆ
ผู้เฒ่าโจวที่ยืนอยู่ด้านข้างสีหน้าเขียวคล้ำไปหมด…
ป๋ายเสี่ยวฉุนเห็นว่าไม่เกิดเรื่องแล้วจึงผ่อนลมหายใจอยู่ในใจ ขณะกำลังจะเดินถอยไป ทันใดนั้นเองลูกศิษย์ชายฝั่งทิศเหนือเหล่านั้นที่ถูกคำขู่บีบคั้นเอาไว้ เวลานี้ได้ระเบิดเสียงคำรามอย่างเคียดแค้นดุเดือดมากกว่าเมื่อครู่หลายต่อหลายเท่าออกมา
“ป๋ายเสี่ยวฉุน ข้าจะฆ่าเจ้า!”
“ป๋ายเสี่ยวฉุน พวกเราชายฝั่งทิศเหนือไม่ขออยู่ร่วมโลกกับเจ้า!!”
“เจ้าคนสมควรตาย ป๋ายเสี่ยวฉุน!!” ขณะที่คนจำนวนนับไม่ถ้วนของชายฝั่งทิศเหนือเส้นเอ็นบนหน้าผากปูดโปน พากันคำรามอย่างแค้นเคืองอยู่นั้นเอง ป๋ายเสี่ยวฉุนหมุนตัว ยกมือขวาขึ้นมาหยิบเอายาธรรมดาเม็ดหนึ่งออกมาชูขึ้นสูงพลางเชิดหน้าขึ้น
พริบตาเดียว…ลูกศิษย์ทุกคนของชายฝั่งทิศเหนือล้วนตัวสั่นกันหมด รีบสงบปากสงบคำทันควัน
ป๋ายเสี่ยวฉุนสะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งครั้ง หัวเราะคิกๆ พลางโยนยาเม็ดนั้นเข้าปากแล้วเดินลงมาจากเวทีด้วยความรวดเร็ว ที่ตามมาติดๆ เบื้องหลังเขา…คือเสียงอาฆาตแค้นของชายฝั่งทิศเหนือซึ่งดังสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน
———