Skip to content

A Will Eternal 944

บทที่ 944 ข้ามาผิดทางน่ะ

ลมหายใจของป๋ายเสี่ยวฉุนหอบหนักรุนแรง ในสมองมีสายฟ้าฟาดผ่าลงมาเป็นระลอก ระดับความสั่นสะเทือนในใจตอนนี้เหนือเกินกว่าทุกครา ต่อให้หลังจากที่เข้ามาในพื้นที่การประลองแห่งนี้แล้วเขาจะรู้สึกว่าที่นี่อันตรายเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทว่าความตะลึงพรึงเพริดและสะท้านสะเทือนในตอนนั้นก็ยังเทียบกับอารมณ์ตอนนี้ไม่ติดแม้สักกะผีก

นั่นเป็นเพราะ…การที่ได้เห็นเหรียญทองแดงปรากฏตรงหน้า ทำให้เขาตะลึงงันไปอย่างสิ้นเชิง

ผ่านไปพักใหญ่ สมองของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยังคงมิอาจสงบลงได้ หลังจากที่ยกมือขวาไปหยิบเหรียญทองแดงเบื้องหน้าขึ้นมาพินิจมองอย่างละเอียด สีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง จิตวิญญาณยิ่งสั่นสะเทือนรุนแรง

“นี่มันจะเป็นไปได้อย่างไร…” ป๋ายเสี่ยวฉุนพึมพำเบาๆ เหรียญทองแดงนี้…คือของของเสินซ่วนจื่อ!!

แถมบนเหรียญนี่ยังสลักคำว่าเสินซ่วนจื่อสามคำเอาไว้ด้วย!

ป๋ายเสี่ยวฉุนไพล่นึกไปถึงตอนที่เสินซ่วนจื่อทำเหรียญทองแดงเหรียญนี้หายแล้วคร่ำครวญว่านี่คือสมบัติของเขา บนนั้นยังเขียนชื่อเขาเอาไว้ด้วย…

ถือเหรียญทองแดงไว้ในมือ ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนก็เริ่มสั่นเทิ้มอย่างห้ามไม่ได้ เขาจำได้แม่นเลยว่าตอนนั้นที่เขา ซ่งเชวียและเสินซ่วนจื่อสามคนอยู่ในเขตต้องห้ามแห่งชีวิต อยู่บนเรือกระดูกพิลึกพิลั่นลำนั้น เพราะคำแนะนำของตน เสินซ่วนจื่อถึงได้หยิบเอาเหรียญทองแดงนี่ออกมา หมายจะทำนายดูว่าต้องทำอย่างไรถึงจะออกไปจากเรือผีนั่นได้ ทว่ากลับเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น ทำให้เหรียญทองแดงร่วงหลุดไปจากมือเขาแล้วกลิ้งหายไปในร่องแตกของแผ่นกระดานดาดฟ้าเรือ…

อีกทั้งตอนที่อยู่ชั้นที่หนึ่ง ชั้นที่สองหรือแม้แต่ชั้นที่สามของเรือ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ไม่เคยได้เห็นเหรียญทองแดงนั่นอีก ราวกับว่ามันหายไปกลางอากาศอย่างไรอย่างนั้น

แต่วันนี้…เขากลับมาพบเหรียญทองแดงนี่ในพื้นที่การประลองแห่งนี้!

นี่จึงทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนใจสั่นรัว ลมหายใจติดขัด ขณะเดียวกันเมื่อเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า เขาก็รู้สึกเพียงว่าหนังหัวชาหนึบ ไม่ว่าจะในหรือนอกร่างล้วนหนาวเยือกสะท้านขั้วหัวใจ

“ที่นี่…มันคือสถานที่อะไรกันแน่…” ป๋ายเสี่ยวฉุนกลืนน้ำลายลงคอหนึ่งอึก มองท้องฟ้าที่ขมุกขมัวหม่นหมอง ในสมองของเขาก็มีเพียงความคิดที่น่าตกใจความคิดเดียว และความคิดนี้ก็ยิ่งดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นเหตุให้ท้ายที่สุด ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ถึงกับหน้าซีดขาวไร้สีเลือด

“หรือว่าพื้นที่การประลองแห่งนี้…ก็คือ…เรือกระดูกลำนั้น!!” หัวใจป๋ายเสี่ยวฉุนสั่นรัวอย่างบ้าคลั่ง ทั้งๆ ที่เขาพร่ำบอกกับตัวเองว่านี่มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะอย่างไรซะสถานที่หนึ่งก็อยู่บนเกาะทงเทียน ส่วนอีกที่หนึ่งนั้นอยู่ในเขตต้องห้ามแห่งชีวิต หนึ่งคือพื้นที่การประลอง อีกหนึ่งคือเรือกระดูก

ไม่ว่าจะมองอย่างไร ไม่ว่าจะคาดเดาอย่างไรก็ไม่สามารถเอาสองสถานที่มาเชื่อมโยงเข้าด้วยกันได้ นั่นก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเรือกระดูกกับพื้นที่การประลองแห่งนี้จะเป็นสถานที่เดียวกันเลย

เพียงแต่ว่า…การปรากฏของเหรียญทองแดงเหรียญนี้กลับทำลายทุกความเป็นไปไม่ได้ให้สิ้นซาก!

“ถ้าหาก…ที่นี่คือเรือกระดูกจริงๆ ถ้าเช่นนั้นเป้าหมายที่เทียนจุนส่งนักพรตสี่สายเข้ามาที่นี่…เพื่อตามหาทางออก…ก็เหมือนว่าจะฟังขึ้นแล้ว” ป๋ายเสี่ยวฉุนยิ่งคิดยิ่งหวาดผวา เขาสัมผัสได้แล้วว่าบนเรือกระดูก ในพื้นที่การประลองแห่งนี้จะต้องซุกซ่อนความลับที่น่าตะลึงบางอย่างเอาไว้แน่นอน

แต่ว่าความลับนี้…คืออะไรกันแน่เล่า?!

ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่อยากจะไขความลับที่ว่านี้ เพราะเขายังจดจำได้อย่างชัดเจนถึงภาพเงาร่างของผีผู้หญิงผมยาวไร้เครื่องหน้าที่แขนขาดข้างหนึ่ง…ซึ่งนั่งหวีผมอยู่หน้ากระจกบนชั้นสามของเรือกระดูก!

“ยังดี…ยังดีที่หยกประดับที่ท่านปู่คนเฝ้าสุสานมอบไว้ให้ข้าป้องกันตัวยังอยู่!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนผวาจนรีบลูบคลำไปทั่วถุงเก็บของ หลังจากแน่ใจแล้วว่าหยกประดับชิ้นนั้นยังอยู่ เขาถึงได้ผ่อนลมหายใจออกมาน้อยๆ แต่พอนึกถึงผีผู้หญิงคนนั้น เขาก็ยังขนลุกขนชันไปทั้งร่างอยู่ดี

“บางทีข้าอาจเข้าใจผิดไปเอง…” ป๋ายเสี่ยวฉุนทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ขณะที่พึมพำปลอบใจตัวเอง เขาก็อดหวนนึกไปถึงเรือกระดูกลำนั้นไม่ได้ เขาจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ตนมองไปยังเรือกระดูกลำนั้นก็คล้ายว่าเรือกระดูกลำมโหฬารจะไม่ได้มีแค่สามชั้นเท่านั้น…

พอคิดอย่างนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่ ยามนี้เมื่อเขาเงยหน้ามองท้องฟ้า นัยน์ตาจึงยังคงมีความตะลึงลานหวาดกลัวอย่างคนไม่อยากเชื่อหลงเหลืออยู่

“หรือว่าด้านบน…ก็คือชั้นที่สาม?” ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้านิ่วคิ้วขมวด ใจไม่อยากครุ่นคิดเรื่องนี้ต่อแล้ว อยากจะรีบไปให้พ้นๆ ที่แห่งนี้โดยเร็วที่สุด ทว่าในใจกลับฟุ้งซ่าน ไม่สงบสุขเอาเสียเลย

“ต้องเป็นแค่ความบังเอิญแน่นอน…หากที่นี่คือเรือกระดูกจริงๆ ถ้าเช่นนั้นจุดที่เหรียญทองแดงตกลงมาก็ต้องมีรอยแยกที่เป็นทางออก…แค่ต้องไปหาดู หากหาทางออกที่ว่านั่นไม่เจอ ก็แสดงว่าข้าแค่หลอกให้ตัวเองตกใจกลัวไปเองเท่านั้น…”

ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจติดๆ กันหลายครั้ง สองจิตสองใจอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ยังเลือกที่จะบินขึ้นฟ้าไปอย่างระมัดระวัง

เพราะหากเขาไม่ยืนยันเรื่องนี้ให้รู้แน่ชัด ความไม่สงบสุขในใจจะทำให้เขาหายใจยากลำบาก ด้วยความกระวนกระวาย ร่างของเขาจึงสะบัดวูบทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วเคลื่อนหน้าไปเรื่อยๆ คล้ายต้องการจะบินไปให้ถึงจุดสิ้นสุดของขอบฟ้า

ตลอดทางที่บินตรงมา ความเร็วของเขาไม่มากนัก อำนาจจิตก็แผ่ออกไปเต็มกำลัง ดวงตาทั้งคู่คอยกวาดมองไปรอบด้านอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งบินมานานมากแล้ว และเขาเองก็มองไม่เห็นร่องรอยแตกอะไรแม้แต่เสี้ยวเดียวจากความว่างเปล่ารอบด้าน

ท้องนภาทั้งผืนที่แม้จะขุ่นมัวอย่างหนัก แต่กลับอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์แบบ นี่จึงทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนค่อยๆ วางใจลงได้

“ฮ่าๆ ต้องเป็นแค่ความบังเอิญแน่นอน” ป๋ายเสี่ยวฉุนหัวเราะแห้งๆ กะพริบตาปริบๆ ก่อนจะตามหาอีกนานมาก สุดท้ายเมื่อไม่พบอะไร เขาที่ถึงแม้จะคลายใจ ทว่ากลับมีข้อสงสัยใหม่ผุดขึ้นมา

“นี่คือเหรียญทองแดงอีกเหรียญหนึ่ง หรือว่ามีคนโยนเหรียญทองแดงนี้มาที่นี่?”

ทางเลือกสองข้อนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกว่ามันทะแม่งๆ พิกล แต่กลับไม่มีเบาะแสอื่นให้ไล่ตามหาอีกแล้ว จึงครุ่นคิดว่าควรจะไปดูสถานการณ์ที่ทะเลทรายสักหน่อยดีกว่า เรื่องต่อยตีแย่งชิงกันก็ปล่อยให้คนอื่นทำไป

ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะพกพาเอาความคิดเช่นนี้บินตรงไปข้างหน้า ทว่าเขายังไม่ทันบินไปได้ไกลเท่าไหร่ ทันใดนั้นร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนก็แข็งค้าง เบิกตากว้าง ร่างสั่นเทิ้มขึ้นมาอีกครั้ง

สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนอย่างรุนแรง ดวงตาจ้องเป๋งไปยังเบื้องหน้า!!

เบื้องหน้าของเขา ความว่างเปล่าที่มองดูเหมือนเป็นปกติ ทว่าเมื่ออำนาจจิตของเขากวาดออกไปกลับ…พบว่าตรงนั้นมีรอยแยกผลุบๆ โผล่ๆ อยู่เส้นหนึ่ง!!

รอยแยกนี้ไม่ใหญ่มากนัก บางครั้งก็ปรากฏ บางครั้งก็หายไป อีกทั้งหากไม่ใช่เพราะป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่ใกล้มากแล้ว บวกกับที่อำนาจจิตของเขาเฉียบคม เขาก็คงไม่สังเกตเห็นแน่นอน และหากเปลี่ยนมาเป็นก่อกำเนิดคนอื่นก็ยิ่งสัมผัสไม่ได้เข้าไปใหญ่

เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งคนฟ้าอย่างป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่ที่นี่และไล่หาอย่างละเอียดตามพื้นที่รอบด้านที่ถูกกำหนดไว้ หาไม่แล้วก็ยากที่จะสังเกตเห็นรอยแยกนี่เหมือนกัน

“มีรอยแยกอยู่จริงๆ ด้วย…” หัวใจของป๋ายเสี่ยวฉุนแทบจะกระดอนออกมาจากหน้าอก หนังหัวชาเหมือนใกล้ระเบิด ยิ่งเขามองรอยแยกนั้นแล้วก้มหน้าลงมองจุดที่ตนพบเหรียญทองแดง ก่อนจะลองหยิบเอาเหรียญทองแดงมาวางทาบกับวงโคจรที่มันน่าจะตกลงมา ครั้นจึงปล่อยมือออก เหรียญทองแดงจึงร่วงดิ่งลงสู่พื้นดินเบื้องล่าง สุดท้ายจุดที่มันไปตกอยู่ก็คือระยะที่ห่างจากตำแหน่งเดิมที่มันเคยอยู่ไม่ถึงสามจั้ง…

นี่ทำให้สมองของป๋ายเสี่ยวฉุนมีเสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหว

“เป็นเรือกระดูกจริงๆ ด้วย!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนกรีดร้องเสียงแหลมพลางถอยกรูดไปข้างหลัง ราวกับว่ารอยแยกนั้นคือเทพมารชั่วร้ายสำหรับเขา ซึ่งในความเป็นจริงก็เป็นเช่นนี้ เพราะระดับความแปลกประหลาดของเรือกระดูกที่อยู่ในเขตต้องห้ามแห่งชีวิตลำนั้นทำให้หัวจิตหัวใจของป๋ายเสี่ยวฉุนสั่นไหวไม่เลิกรา…

ยิ่งพอนึกถึงภาพที่ซ่งเชวียและเสินซ่วนจื่อสติหลุดในคราวนั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยิ่งตื่นตระหนก และที่สำคัญที่สุดก็คือ…ผีผู้หญิงที่เหมือนมารดาแห่งผีซึ่งอยู่บนชั้นที่สามนั่น!!

ป๋ายเสี่ยวฉุนมั่นใจว่าหากไม่เป็นเพราะตนมีหยกประดับที่คนเฝ้าสุสานมอบให้ เกรงว่าตอนนั้นที่เข้าไปในเรือกระดูก ตนคงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่มีทางที่จะรอดชีวิตกลับมาได้เลย

“เทียนจุนใช้คำว่ารับลูกศิษย์มาบังหน้า เป้าหมายก็เพื่อต้องการให้นักพรตของสี่สายช่วยเขาหาทางออกของที่นี่ และเห็นได้ชัดว่าเขาน่าจะมีเหตุผลอย่างอื่น ด้านหนึ่งก็เพราะไม่สามารถขึ้นเรือกระดูกจากในเขตต้องห้ามแห่งชีวิต อีกด้านหนึ่งก็เพราะไม่กล้ามาตามหาด้วยตัวเอง…”

“ถ้าเช่นนั้นเป้าหมายของเขาก็น่าจะเป็นว่า เมื่อหาทางออกเจอแล้ว…จะได้เข้ามาในเรือกระดูกลำนี้!!”

“หากมองตามนี้ บางทีเทียนจุนอาจอยู่ในกลุ่มของพวกเรา!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนถอยหลังทั้งที่ตัวยังสั่นเทิ้ม ภาพแรกที่ผุดขึ้นมาในสมองของเขาก็คือชายหนุ่มที่อยู่ข้างกายตู้หลิงเฟย

“ก่อนหน้านี้ข้าก็รู้สึกแล้วว่าความรู้สึกยามที่มือตบลงไปบนหัวเขา ไม่เหมือนกับเวลาตบหัวของครึ่งเทพ…” พอป๋ายเสี่ยวฉุนคิดมาถึงตรงนี้ หน้าผากก็มีเหงื่อผุดพรายลงมาทันที

“นี่ข้าตบหัวเทียนจุนหรือนี่…”

“และที่ใดที่เทียนจุนอยู่…ที่นั่นก็ต้องมีกงซุนหว่านเอ๋อร์อยู่ด้วย!”

เมื่อเทียบกับเทียนจุนแล้ว คนที่ป๋ายเสี่ยวฉุนกลัวมากที่สุดกลับเป็นกงซุนหว่านเอ๋อร์ เขาในเวลานี้ไม่อยากตามหาทางออกอะไรอีกแล้ว แล้วก็ไม่อยากไปที่ทะเลทรายแล้วด้วย เขาแค่อยากไปหาพวกจางต้าพั่งให้เร็วที่สุดแล้วลากทุกคนไปหลบด้วยกัน รอให้เรื่องทุกอย่างจบลงแล้วค่อยหาวิธีออกไป

ทว่าชั่วขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนถอยหลังนั้นเอง จู่ๆ น้ำเสียงแผ่วเบาวังเวงชวนขนลุกกลับดังลอดจากในรอยแตกมาสะท้อนก้องอยู่ข้างหูของป๋ายเสี่ยวฉุน

“ในเมื่อมาแล้ว ทำไมไม่เข้ามาดูเล่า…นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้ามาที่นี่เสียหน่อย”

“เข้าใจผิด นี่คือความเข้าใจผิดกัน…เอ่อ…ข้ามาผิดทางน่ะ…” ป๋ายเสี่ยวฉุนตกใจจนเกือบจะร้องไห้ออกมา ขณะที่เอ่ยตอบเสียงแหลมก็ร่ายความเร็วสุดกำลัง หมายจะหนีออกไปจากที่นี่ให้ได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version