บทที่ 947 ต้นสายปลายเหตุ
ในใจป๋ายเสี่ยวฉุนเวลานี้สับสนอย่างถึงที่สุด ด้านหนึ่งก็เป็นห่วงโหวเสี่ยวเม่ย อีกด้านหนึ่งก็เพราะการปรากฏตัวของเทียนจุนทำให้เขารู้สึกว่ามือของตัวเองเหมือนจะปวดแปลบขึ้นมาอีกครั้ง…
นี่จึงทำให้เขาที่ร้อนใจและคิดไม่ตกรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างถึงที่สุด
ขณะเดียวกันวินาทีที่ปราณของเทียนจุนระเบิดออก ร่างทั้งร่างของเขาก็กลายเป็นภาพติดตาที่พุ่งตรงไปหาหญิงสาวที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ปากก็แค่นเสียงเย็นไปด้วย
“มารดาแห่งผี นึกหรือว่าซ่อนตัวอยู่ในเขตต้องห้ามแห่งชีวิต มีตาเฒ่านั่นปกป้องเจ้า แล้วข้าผู้เป็นเทียนจุนจะทำอะไรเจ้าไม่ได้น่ะห๊ะ!” ระหว่างที่พูดเทียนจุนก็ลงมือไปด้วย ทันใดนั้นปราณของโลกทงเทียนทั้งใบก็พลันระเบิดออกมา พื้นที่เบื้องหน้าเขาปรากฏเป็นภาพย่อส่วนของโลกทงเทียนที่พุ่งเข้ากระแทกใส่มารดาแห่งผี!
กงซุนหว่านเอ๋อร์เองก็ทำเช่นเดียวกัน นางกระโจนไปข้างหน้า ร่วมมือกับเทียนจุนสังหารมารดาแห่งผี!
ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป พริบตาเดียวโต๊ะเครื่องแป้งก็พลันระเบิดกระจาย ในห้องก็ยิ่งมีพายุบ้าระห่ำพัดกระโชกแรง พวกนักพรตที่หลบไม่ทันแล้วโดนลูกหลงจากพายุลูกนั้นไม่มีโอกาสแม้แต่จะร้องโหยหวน พริบตาเดียวร่างของพวกเขาก็กลายมาเป็นเศษเลือดเนื้อ จิตสลายกายดับ!
เพียงแต่ว่าชั่วขณะที่เทียนจุนพุ่งเข้ามาสังหาร ร่างของมารดาแห่งผีกลับพร่าเลือน เมื่อเผยกายอีกครั้งก็มาอยู่อีกฝั่งหนึ่งแล้ว ใบหน้าของนางไม่มีเครื่องหน้าใดๆ ทว่ากลับเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยับย่นบูดเบี้ยวคล้ายสามารถดูดดึงเอาเส้นแสงทั้งหมดที่อยู่รอบด้านมาได้ ครั้นจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น
“นักพรตทงเทียน เจ้าก็แค่คนที่ใกล้จะได้เป็นเทียนจุนเท่านั้น เจ้าไม่มีทางจินตนาการได้ถึงพลังที่แท้จริงของเทียนจุน นั่นก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการกระทำที่เจ้าเลือกสละชีพคนเผ่าเดียวกันมาบุกเบิกเส้นทาง ทว่าตัวเองกลับแอบไปซ่อนตัว เทียนจุนที่ไม่เหมาะจะเป็นผู้พิทักษ์คนเผ่าเดียวกัน เพียงแค่ข้อนี้ การที่คนเฝ้าสุสานไม่เลือกเจ้า นับว่าถูกต้องแล้ว”
“แต่ข้าต้องขอขอบคุณเจ้าจริงๆ ที่พาร่างแยกซึ่งจำแลงมาจากแขนข้างที่ถูกกระบี่มหาราชาบรรพกาลฟันขาดของข้า…มาส่งให้ข้าถึงที่!”
“เพื่อตามหามัน ข้าอุตส่าห์ถ่อมาถึงที่นี่โดยเสียดายค่าตอบแทนที่ต้องจ่าย ทั้งยังถูกคนเฝ้าสุสานใช้ปณิธานของโลกใบนี้มากักตัวข้าให้อยู่แต่ในเขตต้องห้ามแห่งชีวิต มิอาจติดต่อกับนอกโลก มิอาจไปจากที่นี่ได้…แต่ว่ามันกำลังจะจบลงแล้ว วันนี้คือวันที่พวกเจ้ารอคอยข้า และข้าเอง…ก็รอคอยพวกเจ้าอยู่เช่นกัน!”
มารดาแห่งผีกรีดเสียงหัวเราะแหลมบาดแก้วหู ก่อนที่นางจะสะบัดร่างอ้อมผ่านเทียนจุน ตรงดิ่งเข้าหากงซุนหว่านเอ๋อร์ แม้จะมองไม่เห็นสีหน้าของนาง ทว่าบนร่างของนางกลับแผ่กลิ่นอายของความตื่นเต้นและฮึกเหิมออกมาอย่างชัดเจน
“เจ้าต่างหากที่เป็นร่างแยก เป้าหมายของพวกเราเหมือนกัน คือไปจากโลกใบนี้ ต้องการกลับบ้าน ครั้งนี้ข้าจะกินเจ้า และกลายมาเป็นมารดาแห่งผีของรุ่นนี้แทนเจ้า!” ใบหน้าของกงซุนหว่านเอ๋อร์บูดเบี้ยว น้ำเสียงก็แหลมปรี๊ด นางไม่ได้หลบเลี่ยง แต่พุ่งกรากเข้าหามารดาแห่งผีเช่นกัน
พริบตานั้นคนทั้งสองก็เปิดฉากสังหารกัน เทียนจุนที่อยู่ด้านข้างแค่นเสียงในลำคอ ไม่สะทกสะท้านไปกับคำพูดเสียดสีของมารดาแห่งผี ก่อนที่เขาเองก็จะลงมือเช่นกัน ทันใดนั้นคนทั้งสามก็ปะทะกันจนเสียงกัมปนาทสะเทือนฟ้าดิน เรือรบสั่นคลอนอย่างต่อเนื่อง ห้องหญิงสาวพังถล่มทลายไม่หยุด ทุกคนที่ก้าวเข้ามาในนี้ต่างก็ถูกคลื่นโจมตีซัดมาโดน ใครที่หลบไม่ทัน ร่างก็จะแหลกลาญแล้วสลายไปทันที
นั่นเป็นเพราะการต่อสู้ระหว่างคนทั้งสามอันตรายเกินไปสำหรับคนนอก
ส่วนป๋ายเสี่ยวฉุนที่ถึงแม้จะเป็นคนฟ้า ต่อให้มีกล้ามเนื้อแข็งแกร่ง แต่ก็ยังกระอักเลือดอย่างบ้าคลั่ง สีหน้าซีดขาว ถอยกรูดด้วยความตะลึงลาน หมายจะพุ่งออกไปทางบันได
นี่คือทางออกเดียวที่เขาคิดได้ ขณะเดียวกันพวกนักพรตที่เหลืออยู่รอบด้านซึ่งกำลังตัวสั่นก็รีบพุ่งมาทางบันไดสุดชีวิต หวังจะหนีออกไปจากที่นี่ให้ได้
ในบรรดานั้นก็คือแฝดอวิ๋นเหลยและผู้เฒ่าที่มีปราณแห่งเซียนของสำนักเสาเอกสยบจันทรา เพียงแต่ว่าพวกเขาในเวลานี้ต่างก็เส้นผมยุ่งเหยิง สภาพกระเซอะกระเซิงกันอย่างถึงที่สุด และขณะที่พวกเขาแย่งชิงกันกรูขึ้นไปทางบันได การต่อสู้ระหว่างเทียนจุน กงซุนหว่านเอ๋อร์และมารดาแห่งผีก็ยิ่งดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังมีน้ำของมหาสมุทรทงเทียนรวมตัวขึ้นมา แล้วกลายมาเป็นหยดน้ำขนาดเท่ากำปั้นที่สีสันเข้มข้นอย่างถึงที่สุด ก่อนที่มันจะไประเบิดอยู่บนร่างของมารดาแห่งผี
ดูเหมือนว่าศึกนี้จะสำคัญกับกงซุนหว่านเอ๋อร์อย่างมาก นางพลันอ้าปากกว้างแล้วพ่น…กระบี่ยาวที่เต็มไปด้วยสนิมออกมาเล่มหนึ่ง พอกระบี่เผยกาย อานุภาพสยบของมันก็สะท้านฟ้าสะเทือนดิน คล้ายเป็นอานุภาพจากสรวงสวรรค์ไร้ทัดเทียมที่แทงเข้าประหัตประหารมารดาแห่งผี
กระบี่เล่มนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนเคยเห็นมาแล้วสามครั้ง ครั้งที่สองคือตอนที่อีกฝ่ายประมือกับคนเฝ้าสุสาน ครั้งที่สามคือตอนนี้ ส่วนครั้งที่หนึ่ง…ก็คือกระบี่อุกกาบาตที่เขาเคยเห็นตั้งแต่ตอนที่ยัง…ไม่ได้สร้างฐานราก!
มันคือกระบี่ยักษ์เล่มนั้นที่กลายมาเป็น…หุบเหวกระบี่อุกกาบาต!!
“ไม่นึกว่ากระบี่ของมหาราชาบรรพกาลจะถูกเจ้าชุบหลอมเสียแล้ว…น่าสนใจไม่น้อย”
มารดาแห่งผียังคงหัวเราะไม่เลิก แล้วทันใดนั้นนางก็ยกมือทั้งสองขึ้นโบก ก่อนที่กลิ่นอายแห่งภูตผีจะพวยพุ่งออกมาจากรอบกายนางแล้วก่อตัวขึ้นมาเป็นหลุมดำขนาดมหึมาที่พุ่งเข้าปกคลุมเทียนจุนกับกงซุนหว่านเอ๋อร์ไว้ภายใน
ท่ามกลางเสียงอึกทึก ลมหายใจของป๋ายเสี่ยวฉุนหอบรัว สีหน้าหวาดผวา เขาร่ายความเร็วสูงถึงขีดสุด พริบตาเดียวก็เหยียบขึ้นไปบนบันไดเป็นคนแรกแล้ววิ่งฉิวขึ้นไปด้านบนอย่างไม่มีลังเล
เวลานี้ในสมองของเขาเต็มไปด้วยการวิเคราะห์ที่มีต่อเรื่องราวในครั้งนี้
บทสนทนาของพวกเทียนจุนสามคน บวกกับข้อมูลที่ป๋ายเสี่ยวฉุนมีอยู่ในมือทำให้ในสมองของเขามีเค้าโครงของเรื่องนี้ปรากฏขึ้นมารำไร!
“การรับลูกศิษย์ของเทียนจุนในครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อรับลูกศิษย์จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่เพื่อฟื้นคืนตบะของเทียนจุน แล้วก็ยิ่งไม่ใช่แผนการที่มีขึ้นเพื่อเล่นงานแม่น้ำสี่สาย แต่นี่มันคือ…แผนการชั่วร้ายที่สร้างขึ้นเพื่อเรือกระดูกลำนี้โดยเฉพาะ!!”
“เพราะว่าเรือกระดูกลำนี้อยู่ในเขตต้องห้ามแห่งชีวิต ต่อให้เป็นเทียนจุนเองก็ยังไม่สามารถมาที่นี่ได้อย่างเปิดเผย ดังนั้นเขาถึงได้ให้นักพรตของแม่น้ำสี่สายเข้ามาเพื่อตามหาทางออก…ทุกอย่างนี้ล้วนเป็นเพราะ เทียนจุนต้องการใช้อีกวิธีการหนึ่งที่ไม่ดึงดูดความสนใจของคนอื่น ขึ้นมาบนเรือลำนี้!”
ส่วนที่มาของเรือกระดูกลำนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็เข้าใจได้ค่อนข้างชัดเจนแล้ว ในสมองของเขาเหมือนมีคลื่นลูกยักษ์โถมตัว ดวงตาของเขาเผยความสะท้านสะเทือน ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาอยู่แดนทุรกันดารก็รู้แล้วว่านอกฟ้าดินผืนนี้ ยังมีโลกอีกใบหนึ่งที่ใหญ่ยิ่งกว่า!
เรื่องราวน่าจะเป็นประมาณว่าเมื่อหลายปีก่อน มารดาแห่งผีโดยสารเรือกระดูกลำนี้มาถึงริมขอบของโลกใบใหญ่ใบนั้นซึ่งอยู่ใกล้กับโลกทงเทียน
แล้วเปิดฉากสังหารกับศัตรูตัวฉกาจที่ชื่อว่ามหาราชาบรรพกาล สุดท้ายนางถูกกระบี่บินของมหาราชาบรรพกาลฟันแขนข้างหนึ่งขาด!
เนื่องด้วยสถานการณ์ที่พิเศษบางอย่าง กระบี่และแขนข้างนั้นก็ได้ร่วงลงมาในโลกทงเทียนใบนี้ ซึ่งนั่นก็คือความเป็นมาของกระบี่อุกกาบาต…
หลังจากนั้น มารดาแห่งผีที่เสียแขนไปข้างหนึ่ง ตบะจึงลดดิ่งฮวบฮาบ แต่โชคดีที่นางหนีรอดศึกครั้งนั้นไปได้ ทว่านางกลับไม่ยินยอมให้แขนของตัวเองหายไป ดังนั้นหลังจากที่นางจ่ายค่าตอบแทนอันน่าตะลึงไปแล้วจึงไล่ตามเข้ามาในโลกทงเทียน หมายจะตามหาแขนข้างที่หายไปของตัวเอง
ทว่าตอนที่นางขยับเข้ามาใกล้โลกทงเทียน คนเฝ้าสุสานกลับจับได้เสียก่อน จึงอาศัยปณิธานฟ้าดินที่เขาเป็นผู้ควบคุมกักกันมารดาแห่งผีที่ดุร้ายอย่างถึงที่สุดผู้นี้ให้อยู่แต่ในเขตต้องห้ามแห่งชีวิต!
ทำให้นางมิอาจสื่อสารกับโลกภายนอก และยิ่งมิอาจตามหาแขนที่หายไป…และจากนั้นมานางก็ถูกกักตัวอยู่ในเขตต้องห้ามแห่งชีวิตเนิ่นนาน…ซึ่งมีความเป็นไปได้มากว่า เขตต้องห้ามแห่งชีวิตนี้ แท้จริงแล้วก็คือตราผนึกที่คนเฝ้าสุสานซึ่งตอนนั้นอยู่ในสภาวะที่แข็งแกร่งที่สุดสร้างขึ้นเพื่อมารดาแห่งผีโดยเฉพาะ
ส่วนกระบี่ยักษ์ที่ตกจากฟากฟ้าซึ่งพกพาปราณวิถีฟ้าเสี้ยวหนึ่งมาด้วยนั้นก็ได้ตกไปอยู่ในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรตอนล่างของแม่น้ำทงเทียนสายตะวันออก นับแต่นั้นมาจึงกลายมาเป็นพื้นที่สร้างฐานรากของโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรแม่น้ำตอนล่าง!
เนื่องด้วยอุบัติเหตุครั้งนั้น วิญญาณทุกดวงที่กระบี่เล่มนี้เคยสังหารไปก็ได้กลายมาเป็นวิญญาณร้าย และในบรรดาวิญญาณร้ายเหล่านั้นก็มีดวงวิญญาณกลุ่มหนึ่ง…ที่จำแลงมาจากแขนของมารดาแห่งผี!
ซึ่งก็คือเด็กหญิงที่ช่วงชิงร่างของกงซุนหว่านเอ๋อร์!
วิญญาณที่จำแลงมาจากแขนของมารดาแห่งผีวนเวียนอยู่ในกระบี่เล่มนั้น เดิมทีมันอยู่ในสภาวะทึ่มทื่อมึนงง ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะคืนสติและความทรงจำกลับมา ทว่าเพราะยาของป๋ายเสี่ยวฉุนกลับทำให้เด็กหญิงฟื้นตื่นก่อนกำหนด!
หลังจากที่นางฟื้นตื่นและความทรงจำทั้งหมดกลับคืนมา แม้นางจะอยากไปจากที่นี่ แต่สัญชาตญาณทำให้นางไม่ยินดีเข้าใกล้เขตต้องห้ามแห่งชีวิตที่มีเรือนกายของตัวเองอยู่ ดังนั้นนางถึงได้ร่วมมือกับเทียนจุนเป็นครั้งแรก!
เป้าหมายของศึกใหญ่ที่เกิดขึ้นในแดนทุรกันดารก็เพื่อให้ตัวนางได้ออกไปจากโลกใบนี้ กลับไปยังบ้านของตัวเอง โดยที่ร่างจริงยังคงถูกกักกันอยู่ในโลกใบนี้!
เพียงแต่ว่าแม้แผนการจะวางมาดิบดี ทว่าเมื่อคนเฝ้าสุสานยอมร่ายใช้เวทลับอวัยวะภายในทั้งห้าซึ่งร่วงลงมาจากฟ้าอย่างไม่เสียดาย กลับทำให้แผนการของเด็กหญิงล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ทั้งยังต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปพร้อมกับอาการบาดเจ็บสาหัส
และที่ตอนนั้นคนเฝ้าสุสานยอมปล่อยเด็กหญิงไป ก็เห็นได้ชัดว่า…นั่นคือข้อตกลงระหว่างคนเฝ้าสุสานกับมารดาแห่งผี เพราะพวกเขาคาดการณ์ไว้แล้วว่า…เด็กหญิงที่จนตรอกไร้ทางให้เดิน ต้องเลือกเส้นทางที่สองแน่นอน!
ซึ่งเส้นทางที่สองนี้ก็คือการร่วมมือกับเทียนจุนเป็นครั้งที่สอง นางจึงตามหาพิกัดและวิธีการในการเปิดเขตต้องห้ามแห่งชีวิต เข้ามาในเรือกระดูก แล้วเปิดประตูใหญ่ให้คนเข้าไป
จากนั้นค่อยหาทางออกที่นำไปสู่ชั้นที่สามอีกที!
เป้าหมายของนางก็คือต้องการเปลี่ยนจากแขกมาเป็นเจ้าบ้าน กลืนกินมารดาแห่งผี กลายมาเป็นจิตสำนึกหลัก กลายมาเป็นมารดาแห่งผีคนใหม่ และเห็นได้ชัดว่าวิธีที่นางใช้ตอบแทนเทียนจุนก็มีแค่วิธีเดียว…
นั่นก็คือ เมื่อนางบรรลุตามแผน และตบะฟื้นคืนสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง นางก็จะพาเทียนจุน โดยสารเรือลำนี้…ออกไปจากโลกใบนี้!
แล้วก็ชัดเจนว่าเทียนจุนเองก็มีความระแวงในตัวกงซุนหว่านเอ๋อร์เช่นกัน เขาจึงมีแผนการเป็นของตัวเอง นั่นจึงเป็นเหตุให้การประลองครั้งนี้บังเกิดขึ้นมา ด้านหนึ่งเขาต้องการให้นักพรตจำนวนมากมาช่วยกันตามหาทางออก ส่วนอีกด้านหนึ่งก็ต้องการให้นักพรตของสี่สายเป็นผู้บุกเบิกเส้นทาง ส่วนตัวเองมาซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มคน เพราะทำแบบนี้ถึงจะปลอดภัยที่สุด!
ขณะเดียวกัน ที่โหวเสี่ยวเม่ยถูกเลือกมายังเกาะทงเทียนก็เพราะความพิเศษของเรือนกายนาง ซึ่งเหมาะสมให้กงซุนหว่านเอ๋อร์ซุกซ่อนปราณของตัวเองได้อย่างมิดชิด โดยที่มารดาแห่งผีจับสังเกตไม่ได้