บทที่ 964 น้องชาย ข้ามีวิชาอภินิหารอยู่ชุดหนึ่ง
ต่อให้ร่างของบรรพบุรุษสายฟ้าจะอยู่ท่ามกลางพายุสายฟ้าก็แทบจะกระโดดเหยง เขาชี้หน้าป๋ายเสี่ยวฉุนพลางร้องอุทานเสียงหลงด้วยความตะลึงพรึงเพริด
หลังจากที่ดูดสวบเอามา สายฟ้าสิบกว่าเส้นก็หายเข้าไปในปากของป๋ายเสี่ยวฉุน ซึ่งทำสำเร็จได้เพราะความระมัดระวังของเขา หลังจากดูดเอามาแล้วเขาก็รีบแผ่ตบะออกไปสกัดขวางการโจมตีของสายฟ้าเส้นอื่นอย่างเต็มกำลัง และหลังจากที่สายฟ้าถูกป๋ายเสี่ยวฉุนกลืนเข้าปาก ท่ามกลางความตื่นเต้นของเขา เขาก็ค้นพบทันทีว่าสายฟ้าเหล่านี้ที่อยู่ในร่างของตัวเองได้สลายหายไปโดยอัตโนมัติ ครั้นจึงกลายมาเป็นพลังแห่งฟ้าดินที่น่าตื่นตะลึงซึ่งว่ายเวียนไปทั่วเส้นชีพจรของเขา
สายฟ้าสิบกว่าเส้นนั้นเทียบเคียงได้กับการฝึกตนสิบกว่าวันของเขา!
ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นประกายในทันใด ลมหายใจที่หอบรัวก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ยามที่มองไปยังสายฟ้ารอบกายก็ไม่มีความหวาดเกรงอีกต่อไป กลับยิ่งเผยความกระตือรือร้นอันเร่าร้อน
“ทำได้จริงๆ ด้วย!” ป๋ายเสี่ยวฉุนฮึกเหิมจึงสลายตบะที่อยู่รอบกายแล้วสูดเฮือกอีกครั้ง การสูดลมหายใจของเขาครั้งนี้ได้สูบเอาสายฟ้านับร้อยเส้นมาพร้อมเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น
มองไกลๆ สายฟ้าพวกนั้นเป็นเหมือนมังกรแสงหลายตัวที่กำลังร้องคำรามแล้วถูกป๋ายเสี่ยวฉุนเขมือบกลืนลงท้อง สีหน้าของเขาพลันแดงก่ำ ในร่างถึงกับมีเสียงเปรี๊ยะๆ ลั่นออกมา พลังวิญญาณที่เทียบเคียงได้กับการฝึกตนหนึ่งร้อยกว่าวันระเบิดตูมอยู่ในร่างของเขาเพียงชั่วพริบตา
ท่ามกลางเสียงอึกทึก พลังวิญญาณที่มากมายขนาดนี้ทำให้หัวใจของป๋ายเสี่ยวฉุนเต้นรัวเร็ว ขณะเดียวกันเขาก็รีบฝึกคาถาสุริยันจันทราฟ้าไพศาลอย่างไม่มัวรีรอ จึงเป็นเหตุให้ในร่างของเขามีเค้าโครงของดวงจันทร์ดวงใหม่ก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ
และเห็นได้ชัดว่าบัดนี้ปราณตบะของเขาก็แข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้อีกเล็กน้อย
ทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในสายตาของผู้เฒ่าคนนั้น เขามองเซ่อตาค้างไปในบัดดล เหตุการณ์นี้อยู่เหนือการคาดเดาของเขามากนัก เขาคือครึ่งเทพที่เกิดและเติบโตขึ้นมาในแม่น้ำสายเหนือ ตอนที่แข็งแกร่งที่สุด เขาเรียกตัวเองว่าบรรพบุรุษสายฟ้า มีพรสวรรค์ด้านการฝึกวิชาสายฟ้าอย่างลึกล้ำถึงขีดสุด แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ เขาก็ยังไม่กล้าเขมือบกลืนสายฟ้าลงท้องตัวเอง
เพราะเขารู้ว่าสายฟ้าของสำนักเมฆาอัสนีเก้าฟ้าแห่งนี้ไม่ธรรมดา นั่นคือการฉายภาพสะท้อนของปณิธานแห่งฟ้าดิน แฝงเร้นไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้าง มากพอจะเขย่าคลอนโลกทั้งใบได้
ทว่าวันนี้ เขากลับได้มาเห็นภาพตัวอย่างที่แท้จริงคาตาของตัวเอง นี่จึงทำให้ลมหายใจของผู้เฒ่ายุ่งเหยิง ในสมองมีเสียงอื้ออึงดังไม่หยุด
“หรือว่าข้าคิดผิดไป…สายฟ้านี่…สามารถกินได้งั้นหรือ?” ผู้เฒ่าถูกจับขังมานานเกินไป อีกทั้งความคิดของเขายังพลิกคว่ำคะมำหงายไปเพราะภาพเหตุการณ์นี้ จึงเป็นเหตุให้ความคิดในสมองเริ่มฟุ้งซ่าน แล้วก็ดันอ้าปากดูดสายฟ้าจากรอบด้านมาจริงๆ
ทันใดนั้นสายฟ้าหลายสิบเส้นก็พุ่งพรวดเข้าปากเขาไปพร้อมเสียงดังเปรี้ยงปร้าง ผู้เฒ่าเบิกตาจนแทบถลนออกมาจากเบ้า ก่อนจะหวีดเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ร่างสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง ทั้งยังกระอักเลือดออกมาคำใหญ่ ครู่หนึ่งถึงพอจะฟื้นคืนพลังกลับมาได้บ้าง
เมื่อมองไปยังป๋ายเสี่ยวฉุนอีกครั้ง สายตาของเขาก็ดำมืดเคียดแค้น แล้วเขาก็เห็นว่าตอนนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังดูดกลืนสายฟ้ามาเป็นครั้งที่สามแล้ว
ครั้งที่สามนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนกลืนสายฟ้าหลายร้อยเส้นในรวดเดียว…แถมสีหน้าของเขายังเคลิบเคลิ้มเปี่ยมสุข…
ความแตกต่างที่เห็นได้อย่างเด่นชัดเช่นนี้ทำให้ผู้เฒ่ารู้สึกเพียงว่าในจิตใจมีคลื่นลูกยักษ์ถาโถม อีกทั้งยังเกิดความรู้สึกไม่เป็นธรรมอย่างลึกล้ำจนเขาแทบบ้า
“เป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไร…นี่มันเป็นไปไม่ได้เลย…ข้าคือครึ่งเทพ ปีนั้นข้าเป็นถึงบรรพบุรุษแห่งสายฟ้า…” ขณะที่ผู้เฒ่ากำลังคลุ้มคลั่ง พายุสายฟ้าของรอบนี้ก็ได้ค่อยๆ จางหายไป
หลังจากดูดเอาสายฟ้าหลายร้อยเส้นเหล่านั้นมาเสร็จ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็รู้สึกว่าขั้นแรกของคาถาสุริยันจันทราฟ้าไพศาลในร่างตัวเองสำเร็จไปแล้วเกินครึ่ง เขาจึงเลียริมฝีปากอย่างฮึกเหิม บังเกิดความรอคอยอย่างเปี่ยมล้นต่อพายุสายฟ้าในครั้งถัดไป
“สำนักเมฆาอัสนีเก้าฟ้านี่ดีกับข้าไม่น้อยเลยนี่นา เอาข้ามาขังไว้ในสถานที่แบบนี้ ที่นี่อาจเป็นความทรมานสำหรับคนอื่น แต่สำหรับข้าแล้ว…นี่มันพื้นที่แห่งโชคชัดๆ” ป๋ายเสี่ยวฉุนยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้น หัวเราะร่าเสียงดังอย่างอดใจไม่ไหว
เมื่อเห็นว่าป๋ายเสี่ยวฉุนปลอดภัยดี อีกทั้งตบะยังเพิ่มขึ้นอีกบางส่วน จิตวิญญาณของผู้เฒ่าก็สั่นคลอนอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาเปล่งประกายระยับ รีบตะโกนเสียงดัง
“น้องชาย…”
ป๋ายเสี่ยวฉุนถลึงตาเลิกคิ้วผินหน้าไปมองผู้เฒ่า
“เจ้าลิงเฒ่า เจ้ามีธุระอะไร?”
ได้ยินว่าตัวเองถูกเรียกเป็นลิงเฒ่า หนังหน้าของบรรพบุรุษสายฟ้าก็กระตุกยิกๆ อยู่หลายที รู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องการแก้แค้นที่ก่อนหน้านี้ตนเคยเรียกเขาว่าม้าน้อย…
“น้องชาย เมื่อ…เมื่อครู่นี้เจ้าทำได้อย่างไร?” บรรพบุรุษสายฟ้าสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามทำให้ตัวเองดูน่าคบหา ไม่คิดจะถือสาที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเรียกตนว่าเจ้าลิงเฒ่า เพียงมองป๋ายเสี่ยวฉุนตาปริบๆ ด้วยสายตาที่แฝงไว้ด้วยความคาดหวัง
นั่นเป็นเพราะเขาถูกขังอยู่ที่นี่มานานมากเหลือเกินแล้ว ได้เห็นคนมากมายถูกฟ้าผ่าตาย ได้เห็นคนไม่น้อยที่ตายไปเพราะกลืนกินสายฟ้า แล้วก็มีคนมากมายที่ฆ่าตัวตายเพราะทนต่อความทรมานไม่ไหว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นคนคนหนึ่งดูดเอาสายฟ้าไปโดยไม่เป็นอะไร ทั้งตบะกลับยังพัฒนาไปอีกระดับ…
“ลิงเฒ่า เจ้าเต้นเป็นไหม ไหนลองเต้นสวยๆ ให้นายท่านอย่างข้าดูคลายเครียดสักหน่อยสิ หากนายท่านอารมณ์ดี ไม่แน่ว่าอาจถ่ายทอดวิชาลับอะไรให้เจ้า ทำให้เจ้าแบกรับความเจ็บปวดจากการถูกสายฟ้ากลืนกินร่างน้อยลงก็เป็นได้นะ” ป๋ายเสี่ยวฉุนสะบัดปลายแขนเสื้อ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่ง
“เจ้า!!” พอได้ยินประโยคนี้ บรรพบุรุษสายฟ้าก็พลันถลึงตา ความเดือดดาลพุ่งปะทุ เขาเป็นถึงครึ่งเทพ ต่อให้ถูกขังอยู่ที่นี่ สูญเสียอิสรภาพ แต่ก็ยังคงมีศักดิ์ศรี ต่อให้ครึ่งเทพของสำนักเมฆาอัสนีเก้าฟ้ามาที่นี่แล้วเห็นเขา ก็ยังไม่กล้าหยามเกียรติเขาถึงเพียงนี้
พอเห็นว่าผู้เฒ่าถลึงตาใส่ ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงถลึงตากลับไป
สีหน้าบรรพบุรุษสายฟ้าไม่น่ามอง หน้าผากเริ่มมีเส้นเอ็นสีเขียวปูดโปน สายตาก็เปลี่ยนมาเป็นมืดดำ หลังจากประสานสายตากับป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่พักหนึ่ง เขาก็ถลันลุกขึ้นยืน แม้ว่าพลังวิญญาณจะแห้งขอด ทว่าพลานุภาพสยบของครึ่งเทพยังคงอยู่ เมื่อเขาลุกขึ้นยืน พลานุภาพก็พลันระเบิดครืนครั่นไปสี่ทิศ
ส่งผลกระทบต่อก้อนเมฆที่อยู่แปดทิศ ทำให้ไอหมอกพวกนั้นกลิ้งซัดหลุนๆ ไปรอบด้านไม่หยุด ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ผงะตกใจ ถอยหลังไปสองสามก้าว ส่วนผู้เฒ่านั้นสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะค่อยๆ ยักย้ายเรือนกายช้าๆ แม้ว่าร่างจะผอมแห้ง ทว่ากลับมีท่วงทำนองอยู่ด้านใน ซึ่งมองดูแล้วก็แช่มช้อยมีเสน่ห์ไม่น้อย…
ภาพนี้ทำเอาป๋ายเสี่ยวฉุนปากอ้าตาค้างไปทันใด สูดลมหายใจเกือบไม่พ้นคอ
“เจ้า…เจ้าเต้นจริงหรือนี่” ป๋ายเสี่ยวฉุนแค่มองปราดเดียวก็รู้สึกรับไม่ได้ รีบถอยหนีพลางยิ้มเหยเก
บรรพบุรุษสายฟ้าไม่ได้สนใจป๋ายเสี่ยวฉุน ยังคงยักย้ายร่างเป็นจังหวะอยู่อีกพักหนึ่งถึงยอมหยุด ครั้นจึงปรายตามองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยสีหน้าเฉยชา เอ่ยด้วยเสียงเรียบเฉย
“นี่จะนับเป็นอะไรได้ ข้าผู้อาวุโสถูกขังอยู่ในนี้มานานเกินไปแล้ว จะยังไงก็ต้องหาวิธีคลายเครียดบ้าง อยู่ว่างๆ ข้าก็เต้นแบบนี้ หมุนซ้ายสามรอบ หมุนขวาสามรอบ บิดคอส่ายก้น ไม่ได้หรือไง?”
ฟังคำพูดที่เต็มไปด้วยเหตุด้วยผลของอีกฝ่าย สายตาของป๋ายเสี่ยวฉุนก็เริ่มเผยความนับถือ เขารู้สึกว่าตาแก่นี่คืออัจฉริยะคนหนึ่ง หากเปลี่ยนมาเป็นคนอื่น ถูกขังมานานขนาดนี้ เกรงว่าคงเป็นบ้าไปนานแล้ว แต่เขาไม่เพียงแต่ไม่เป็นบ้า ทั้งยังหาวิธีคลายเครียดให้กับตัวเองได้ด้วย
“ผู้อาวุโส ด้วยการเต้นครั้งนี้ของท่าน รอให้ข้าออกไปจากที่นี่ได้เมื่อไหร่จะต้องมอบยาให้ท่านสักหลายๆ เม็ดแน่นอน” ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“พอทีเถอะ คำพูดเหมือนผายลมแบบนี้อย่าได้พูดเลย ลิงเฒ่าเจ้าก็เรียกข้าไปแล้ว เจ้าให้ข้าเต้น ข้าก็เต้นให้ดูแล้ว ตอนนี้เจ้าควรบอกข้าได้แล้วกระมังว่ากลืนสายฟ้าพวกนั้นไปได้อย่างไร?” บรรพบุรุษสายฟ้ามองมายังป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยดวงตาที่เปล่งประกายอีกครั้ง
เมื่อเห็นว่าผู้เฒ่ายอมทุ่มสุดตัวเพื่อให้ได้รู้เรื่องนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนที่เกิดความเลื่อมใสก็ยอมพูดความจริงออกมาส่วนหนึ่ง
แต่เขาไม่ได้พูดถึงเรื่องการคาดเดาเกี่ยวกับป๋ายฮ่าว แค่บอกไปว่าปีนั้นตนเคยกลืนทัณฑ์สวรรค์มาก่อนแล้วสัมผัสได้ว่าในสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์นี้มีพลังชีวิตซุกซ่อนอยู่ ก่อนหน้านี้จึงได้ทดลองทำดู
ประโยคนี้ผู้เฒ่าเชื่อไม่ลง แต่ไม่ว่าจะถามอย่างไร ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ไม่ยอมบอกอะไรไปมากกว่านั้น ผู้เฒ่ารู้สึกขุ่นเคืองเล็กน้อย นั่งครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ จนกระทั่งพายุสายฟ้ารอบใหม่มาเยือนอีกครั้ง แล้วเห็นว่าป๋ายเสี่ยวฉุนกลืนกินสายฟ้ามาใช้ฝึกตนด้วยสีหน้าฮึกเหิม ความอิจฉาที่อยู่ในส่วนลึกของจิตใจเขาก็ดุเดือดมากกว่าเก่า
และก็เป็นแบบนี้จนกระทั่งผ่านไปได้สิบวัน เมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนดูดเอาสายฟ้ามามากขึ้นเรื่อยๆ คาถาสุริยันจันทราฟ้าไพศาลของเขาก็ถึงกับฝึกได้ถึงขั้นสมบูรณ์แบบของขั้นที่หนึ่ง และตอนนี้ก็กำลังจะเลื่อนสู่ขั้นที่สองแล้ว
บรรพบุรุษสายฟ้าอดทนไม่ไหวอีกต่อไป มองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยอาการคิดไม่ตกอยู่พักใหญ่ ก่อนจะเอ่ยขึ้นกะทันหัน
“น้องชาย เจ้าก็เห็นว่าพวกเราได้มาพบกันที่นี่ย่อมเป็นเพราะมีวาสนาต่อกัน เจ้าถูกจับขังมาไว้ที่นี่ ข้าเองก็สัมผัสได้ถึงความเกลียดแค้นที่สายเหนือมีต่อเจ้า ข้าเองก็แค้นเหมือนกัน…”
“พวกเราคือพันธมิตรกัน…เจ้าบอกข้าถึงวิธีการดูดสายฟ้า หลังจากข้าออกไปได้ ข้าก็จะช่วยเจ้าจัดการกับคนสายเหนือ ดีไหม?”
ป๋ายเสี่ยวฉุนกวาดตามองผู้เฒ่าครั้งหนึ่งแล้วก็ไม่ได้สนใจอีก ยังคงดูดกลืนสายฟ้าของตัวเองต่อไป สัมผัสได้ถึงตบะในร่างที่เพิ่มพูนขึ้น ขณะเดียวกันก็พยายามฝ่าขั้นที่หนึ่งของคาถาสุริยันจันทราฟ้าไพศาลนี้ไปให้ได้อย่างสุดกำลัง
ตามการคำนวณของเขา รอให้พายุสายฟ้ามาเยือนอีกแค่ไม่กี่ครั้ง เขาก็สามารถฝ่าทะลุขั้นที่หนึ่งของคาถาสุริยันจันทราฟ้าไพศาล เลื่อนสู่ขั้นที่สองได้สำเร็จ!
เมื่อเห็นว่าป๋ายเสี่ยวฉุนไม่สนใจตน บรรพบุรุษสายฟ้าก็เริ่มคิดหนักอีกครั้ง พักใหญ่ก็กัดฟันกรอด คล้ายตัดสินใจอะไรได้ จึงพูดขึ้นด้วยเสียงอันดัง
“น้องชาย ข้ามีวิชาอภินิหารที่สะท้านฟ้าสะเทือนดินชุดหนึ่ง พวกเรามาแลกกันดีไหม?” พอกล่าวจบแล้วเห็นว่าป๋ายเสี่ยวฉุนไม่แม้แต่จะชายตามองตน บรรพบุรุษสายฟ้าก็ร้อนใจขึ้นมาทันที
“วิชาอภินิหารนี้ของข้าร้ายกาจนักล่ะ มีชื่อว่าบรรพจารย์อวิ๋นเหลยร้อยแปรเปลี่ยน! สำนักเมฆาอัสนีเก้าฟ้าก็มีวิชาลับนี้เหมือนกัน แต่เป็นฉบับไม่สมบูรณ์ ยามที่ฝึกจะทำให้จิตวิญญาณแยกออกจากกัน ทว่าของข้าเป็นฉบับสมบูรณ์แบบ อานุภาพเกรียงไกรน่าครั่นคร้าม!”
วินาทีที่ประโยคนี้ดังออกไป ต่อให้ป๋ายเสี่ยวฉุนจะมุ่งมั่นดูดสายฟ้าแค่ไหนก็ยังอึ้งไปครู่ ก่อนหันมามองผู้เฒ่า
“เมื่อครู่นี้เจ้าพูดว่าวิชาอภินิหารอะไรนะ?”
“บรรพจารย์อวิ๋นเหลยร้อยแปรเปลี่ยน!”