บทที่ 974 การเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจ
ความลับล้วนเป็นสิ่งที่มีกันทุกคน ไม่ว่าจะเป็นพี่น้อง เพื่อน คนรัก หรือแม้แต่พ่อแม่…ทุกคนต่างก็มีความลับที่ไม่ยินดีเปิดเผยกับคนอื่น
หากเป็นความลับเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังพอทำเนา แต่เมื่อไหร่ที่เป็นความลับซึ่งเกี่ยวพันกับชีวิต ก็มักจะทำให้ระหว่างคนสองคนเหมือนมีกำแพงที่มองไม่เห็นกั้นขวางให้พวกเขาห่างไกลกัน
ในอดีตตู้หลิงเฟยเคยเป็นเช่นนี้ บัดนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนก็เป็นแบบเดียวกัน
ในใจเขามีความลับ เกี่ยวกับสำนักธาราเทพ เกี่ยวกับทารกหญิง เกี่ยวกับอาวุธอาคมของสายเหนือ…ทว่าเขากลับไม่สามารถพูดมันออกมาได้ จึงได้แต่เงียบงัน
เห็นได้ชัดว่าตู้หลิงเฟยมองออก แต่นางกลับไม่ซักไซ้ คนทั้งสองจมอยู่ในความเงียบ ทว่าเมื่อเดินไปได้ช่วงระยะหนึ่ง จู่ๆ ตู้หลิงเฟยก็ประโยคหนึ่งพูดขึ้นมาคล้ายไม่ใส่ใจ
“หลังจากที่ข้าออกมาจากสำนักธาราเทพจะมีความเคยชินอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือจะไม่บอกทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่มั่นใจหรือเป็นแค่การคาดเดาให้พ่อข้ารู้ทั้งหมดอีก แต่จะบอกเขาแค่บางเรื่องที่ข้าเห็นว่าสมควรเท่านั้น”
ป๋ายเสี่ยวฉุนพลันเงยหน้าขึ้นมองตู้หลิงเฟย เขาเข้าใจประโยคนี้ของนางได้ทันที นางต้องการจะบอกป๋ายเสี่ยวฉุนว่า นางไม่ได้บอกเรื่องทุกอย่างที่รู้มาแก่เทียนจุน
“หลายปีมานี้ พ่อข้า…เปลี่ยนไป” ตู้หลิงเฟยเงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะพึมพำเบาๆ ด้วยน้ำเสียงหดหู่
อารมณ์ของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ดิ่งลงตามไปด้วย ดูเหมือนว่าการพูดคุยครั้งนี้ได้ค่อยๆ ทำให้ความสัมพันธ์ใกล้ชิดก่อนหน้านั้นเปลี่ยนแปลงไป คนทั้งสองเดินเคียงกันไปเงียบๆ ในพื้นที่ราบน้ำแข็งแห่งนี้
ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่รู้ว่าจุดหมายอยู่ที่ไหน และเขาก็คิดว่าบางทีตู้หลิงเฟยคงไม่รู้เหมือนกัน พวกเขาจึงเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ ด้วยความเงียบงันเช่นนี้
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่หิมะโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า ลมเหนือพัดมาเสียงดังอื้ออึง นภากาศหม่นมัวกว่าเดิม เห็นเพียงเลือนๆ ว่าบนท้องฟ้ามีหิมะขมุกขมัวถูกลมพัดหอบแล้วปลิวปรายลงมาอย่างอย่างต่อเนื่อง
หิมะพวกนั้นร่วงลงมาบนกาย บนศีรษะของพวกเขา ร่วงลงไปยังรอยเท้าที่อยู่ด้านหลังของพวกเขา ไม่นานก็กลบทับรอยเท้าเอาไว้จนมิด ราวกับว่าไม่เคยมีรอยเท้าเหล่านั้นปรากฏขึ้นมาก่อน…
หิมะตกหนักขึ้นทุกที ลมก็พัดดังอื้ออึงจนใจคนมิอาจสงบ ฟังนานๆ เข้าก็รู้สึกราวกับมีผีร้ายจำนวนนับไม่ถ้วนร้องคำรามวนเวียนอยู่รอบกาย
“พวกเราหาสถานที่…” ป๋ายเสี่ยวฉุนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเงยหน้ามองตู้หลิงเฟยแล้วเห็นว่าขนตาของนางเกาะตัวเป็นน้ำแข็งจึงเอ่ยขึ้นเบาๆ
ทว่าเขาเพิ่งพูดมาถึงตรงนี้ จู่ๆ สีหน้าของป๋ายเสี่ยวฉุนก็เปลี่ยนไป วิกฤตความเป็นความตายที่รุนแรงถึงขีดสุดปะทุขึ้นกะทันหัน ทำให้ขนทั่วร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนลุกชัน เขาพลันขยับตัวพุ่งเข้าไปกอดตู้หลิงเฟยเอาไว้แล้วพาถอยกรูดไปข้างหลังพร้อมกัน
ตู้หลิงเฟยในเวลานี้ลมหายใจถี่รัว โอนอ่อนให้ป๋ายเสี่ยวฉุนกอดแต่โดยดี ขณะเดียวกันก็ยกมือทั้งคู่ขึ้นทำมุทราแล้วชี้ไปยังหว่างคิ้วของตัวเอง
ทันใดนั้นเอง จุดที่พวกเขายืนอยู่ก่อนหน้านี้ก็มีเงาดำเส้นหนึ่งพุ่งวาบออกมาจากความว่างเปล่า ออกมาจากพายุหิมะด้วยความเร็วที่คนมองขวัญผวา อีกทั้งวินาทีที่มันโผล่ออกมายังมีกลิ่นอายแห่งความตายขุมหนึ่งระเบิดตามมาด้วย
หลังจากกระโจนเข้าใส่ความว่างเปล่า เงาดำนั้นก็ไม่รีรอ มันกระโจนเข้าจู่โจมป๋ายเสี่ยวฉุนและตู้หลิงเฟยอีกครั้ง แรงกระโจนนั้นทำให้พายุพัดพวยพุ่งสู่ท้องฟ้า
พูดแล้วช้า แต่ในความเป็นจริงทุกอย่างนี้เกิดขึ้นในเวลาชั่วสายฟ้าแลบ
ขณะที่เงาดำกระโจนเข้ามาก็เป็นเวลาเดียวกับที่ตู้หลิงเฟยชี้ไป ทันใดนั้นก็มีวงแสงสีทองขนาดใหญ่ยักษ์ระเบิดออกมาจากร่างของตู้หลิงเฟย สีทองแผ่คุ้มครองร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนเอาไว้ด้วย ขณะเดียวกับที่วงแสงขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ร่างของพวกเขาก็พลันหายไป มาปรากฏตัวอีกครั้งก็ห่างมาหลายร้อยจั้งแล้ว
เงาดำกระโจนใส่ความว่างเปล่าเป็นครั้งที่สองก็คล้ายจะโมโหถึงขีดสุด มันจึงแผดเสียงร้องคำรามดุดันหมุนขวับกลับมา ต่อให้พายุหิมะที่พัดตลบจะบดบังการมองเห็นบางส่วน ทว่าป๋ายเสี่ยวฉุนและตู้หลิงเฟยก็ยังคงเห็นหน้าตาของเงานั่นได้อย่างชัดเจน!
เงาดำนี้…ก็คือกลุ่มควันสีดำกลุ่มหนึ่ง ในกลุ่มควันมีใบหน้าที่คล้ายจะร้องไห้ก็ไม่ใช่ หัวเราะก็ไม่เชิงซึ่งแผ่ปราณวังเวงน่าสะพรึงกลัวอยู่ใบหน้า ขณะที่แผดเสียงร้องคำรามเกรี้ยวกราด มันก็กระโจนเข้าใส่ป๋ายเสี่ยวฉุนและตู้หลิงเฟยเป็นครั้งที่สาม!
ชั่วขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนมองเห็นใบหน้านี้ชัดเจน ในสมองเขาก็มีเสียงตูมระเบิดดังลั่น ร้องอุทานเสียงหลง
“เจ้า…เป็นเจ้า!!”
ใบหน้าผีนี้ก็คือใบหน้าผีหนึ่งในธงผ้าสามผืนที่อยู่บนเรือของมารดาแห่งผี ตอนที่มารดาแห่งผีจากไป มันเป็นฝ่ายพุ่งเข้าไปรับกรงเล็บของเทียนจุน ทำให้ตัวมันถูกฉีกกระชากออกจากเรือผี จึงถูกทิ้งให้อยู่ในโลกใบนี้นับแต่นั้น
ภายหลังตอนที่เทียนจุนไปตามหามัน ไม่รู้ว่าใบหน้าผีหัวเราะร้องไห้นี่ใช้วิชาอภินิหารอะไรถึงได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ทว่าตอนนี้…มันกลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ อีกทั้งแค่ปรากฏตัวก็พกพาปราณดุร้ายจู่โจมเข้ามาหมายปลิดชีพป๋ายเสี่ยวฉุนและตู้หลิงเฟย!
“มันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!” สีหน้าป๋ายเสียวฉุนร้อนรน ไม่มีเวลาให้มัวคิดมาก ตอนนี้ใบหน้าผีหัวเราะร้องไห้นั่นขยับเข้ามาใกล้แล้ว อีกทั้งพายุหิมะที่อยู่รอบด้านก็คล้ายจะถูกปราณภูตผีของมันแทรกซึมเข้าไปจึงกลายมาเป็นสีดำ ทั้งยังคมกริบเหมือนใบมีด ซึ่งถูกใบหน้าผีพัดหอบให้เข้ามาหาพวกเขาพร้อมกัน
ป๋ายเสี่ยวฉุนคำรามเสียงดัง พลันร่ายใช้บรรพจารย์อวิ๋นเหลยห้าแปรเปลี่ยน ร่างของเขาจึงยืดขยายในชั่วพริบตา ทั้งยังร่ายคาถาคนขุนเขา แสงจันทร์เปล่งวาบออกมาจากเงาจันทร์ในดวงตาข้างซ้าย ขณะเดียวกันมือซ้ายขวาของเขาก็โบกสะบัดเรียกเขตแดนธารา ก่อนที่มือขวาจะกำเป็นหมัด ครั้นเงาร่างเผด็จการของจักรพรรดิไม่ดับสูญก็จำแลงกายออกมา
ลงมือที…ก็คือท่าไม้ตายสองท่าใหญ่ในสภาวะที่แข็งแกร่งที่สุด!!
นั่นเป็นเพราะใบหน้าผีนี้สร้างแรงกดดันให้ป๋ายเสี่ยวฉุนมากเกินกว่าขอบเขตของคนฟ้า อีกทั้งเขายังสัมผัสไม่ได้ด้วยว่าใบหน้าผีนี่แข็งแกร่งแค่ไหนกันแน่!
แทบจะชั่วขณะเดียวกันกับที่ป๋ายเสี่ยวฉุนลงมือ ตู้หลิงเฟยที่ลมหายใจหอบรัวก็ยกมือสองข้างขึ้นทำมุทรา ทันใดนั้นวงแสงสีทองที่ปกคลุมร่างของพวกเขาเอาไว้ก็ยุบยวบลงไปกลายมาเป็นหงส์ทองตัวหนึ่ง เมื่อหงส์ทองตัวนี้หวีดร้องก็มีทะเลเพลิงสีทองอร่ามลุกท่วมบนพื้นที่ราบน้ำแข็ง ร่วมมือกับป๋ายเสี่ยวฉุนต้านทานใบหน้าผีที่เข้ามาใกล้
พอใบหน้าผีหัวเราะร้องไห้เห็นว่าป๋ายเสี่ยวฉุนและตู้หลิงเฟยร่วมมือกัน มันก็หัวเราะเสียงแปร่งฟังบาดหู อีกทั้งดวงตายังฉายแววเหยียดหยัน แล้วจู่ๆ ร่างของมันก็พลันพร่าเลือน ครั้นจึงเปลี่ยนจากใบหน้าผี กลายมาเป็นกรงเล็บควันดำ!
กรงเล็บนี้เป็นสีดำสนิท คมกริบจนเหมือนจะฉีกทึ้งความว่างเปล่าให้กลายเป็นผุยผง พอเผยกายก็ทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสีโดยพลัน ท่ามกลางไอความเย็นรอบด้านที่ซัดกระหน่ำโหมแรง กรงเล็บดำที่จำแลงมาจากใบหน้าผีก็พุ่งออกมาคว้ากระชาก!
เสียงอึกทึกดังสนั่นหวั่นไหว ที่กรงเล็บนี่ปะทะก่อนเป็นอันดับแรกก็คือเท้ายักษ์ที่เยื้องกรายลงมาในเขตแดนธารา เสียงสะเทือนราวแก้วหูจะดับเขย่าคลอนไปแปดทิศ เท้ายักษ์ของเขตแดนธาราสั่นไหวรุนแรง ถึงขั้นมิอาจสกัดกั้นเอาไว้ได้ เพียงกรงเล็บนั้นแตะมาโดนก็พังทลายลงไปทันตาเห็น!
อีกทั้งยังมีเสียงร้องคำรามด้วยความเจ็บปวดแว่วดังมาจากความว่างเปล่าหลังจากเท้ายักษ์แตกสลาย ป๋ายเสี่ยวฉุนสั่นเทิ้มไปทั้งร่างอย่างรุนแรง เลือดสดพุ่งออกมาจากปาก เวลาเดียวกันนั้นหงส์เพลิงสีทองที่จำแลงมาจากวิชาอภินิหารของตู้หลิงเฟยก็พลันบินดิ่งเข้าหากรงเล็บผี
หงส์เพลิงสีทองพุ่งปะทะกรงเล็บผีทันควัน ทว่ากลับถูกกรงเล็บผีฉีกทึ้งไม่เหลือชิ้นดี หงส์เพลิงสีทองหวีดร้องอย่างเจ็บปวด ร่างพังทลายแหลกลาญ ตู้หลิงเฟยเองก็กระอักเลือด ซ้ำร้ายหัวไหล่นางยังมีรอยกรีดสามรอยที่ลึกจนเห็นไปถึงกระดูก!
ขณะเดียวกัน มือขวาของป๋ายเสี่ยวฉุนที่กำเป็นหมัดจักรพรรดิมิดับสูญซึ่งระเบิดออกมาพร้อมคาถาบรรพจารย์แปรเปลี่ยนและคาถาคนขุนเขาก็ได้พกพาเอาปราณแห่งความความเผด็จการเหี้ยมหาญเหวี่ยงออกไป!
ฟ้าสนั่นดินสะเทือน เมื่อหมัดนั้นร่วงลง ร่างบรรพจารย์แปรเปลี่ยนของเขาก็พังครืน คนขุนเขาแตกทลายออกเป็นเสี่ยงๆ กระอักเลือดออกมาอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่หมัดจักรพรรดิมิดับสูญก็ยังสลายกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย!
พลังการร่วมมือของเขากับตู้หลิงเฟยไม่ธรรมดาเลยแม้แต่น้อย แม้กรงเล็บผีจะทำลายการโจมตีของพวกเขาลงได้ ทว่าเมื่อถูกจู่โจมติดต่อกันจากคาถาหลายชนิด สุดท้ายพอเจอกับหมัดจักรพรรดิมิดับสูญ กรงเล็บผีของใบหน้าผีก็สั่นเทิ้มอยู่กลางอากาศ ชะงักกึกไปชั่วขณะ
อาศัยช่วงเวลาที่พลังอำนาจของมันชะงักงันนี้ ตู้หลิงเฟยรีบทำมุทรา ทั่วร่างมีแสงสีทองปกคลุมอีกครั้ง ครั้นจึงหอบพาร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนที่ยังคงกระอักเลือดไม่ต่างจากตัวเองถอยกรูดไปอย่างรวดเร็ว
พริบตาเดียวก็ถอยห่างออกไปพันจั้ง แต่ยังคงไม่หยุดพัก ไม่รู้ว่าตู้หลิงเฟยใช้วิชาอภินิหารอะไร เพราะประเดี๋ยวเดียวความเร็วของนางก็ระเบิดออกอีกครั้ง
แสงทองเปล่งวาบหนึ่งทีก็ออกห่างไปหมื่นจั้ง แล้วพอเปล่งวาบอีกทีก็ห่างไปไกลจนมองไม่เห็นเงา
ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นในเวลาเพียงชั่วกะพริบตา กรงเล็บที่ชะงักค้างอยู่กลางอากาศพลันบิดเบือน ก่อนจะกลับมาเป็นใบหน้าผีหัวเราะร้องไห้อีกครั้ง ดวงตาของมันยังคงมีแววดูแคลน แต่ที่มากกว่านั้นคือความกระหาย
“พวกเจ้าหนีไม่รอดหรอก…” เสียงนั้นเหมือนเสียงของคนจำนวนนับไม่ถ้วนที่พูดขึ้นพร้อมกัน ฟังแล้วน่าขนลุก มันแสยะปากยิ้มแล้วรีบไล่กวดตามมาทันควัน อันที่จริงที่มันมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ก็เพราะถูกดึงดูดด้วยปราณจากร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนและตู้หลิงเฟยซึ่งดูเหมือนว่าจะมีเพียงมันเท่านั้นที่สัมผัสได้ และเวลานี้ต่อให้ป๋ายเสี่ยวฉุนและตู้หลิงเฟยจะหนีไปแล้ว ทว่าในความรู้สึกของมัน อีกฝ่ายกลับเป็นเหมือนคบไฟในค่ำคืนมืดมิดที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน
บนท้องฟ้า ป๋ายเสี่ยวฉุนและตู้หลิงเฟยที่ถูกห่อหุ้มอยู่ในวงแสงสีทองต่างก็หน้าขาวเผือด ตู้หลิงเฟยกัดฟันร่ายใช้วิชาลับหายตัวครั้งแล้วครั้งเล่า
“มันมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้อย่างไร!!” สีหน้าของป๋ายเสี่ยวฉุนเผยความกระวนกระวายและร้อนใจ หยิบยาส่งให้ตู้หลิงเฟย ขณะเดียวกันตนก็กลืนเข้าไปไม่น้อย และเวลานี้พลังการฟื้นตัวของเลือดคงกระพันก็ได้เผยออกมาให้เห็น พลังเลือดเนื้อของเขาที่เผาผลาญไปก่อนหน้านั้นจึงฟื้นคืนกลับมาแล้วถึงเจ็ดแปดส่วน
แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ก็ยังไร้ประโยชน์ เพราะตอนที่ลงมือไปก่อนหน้านั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนก็มองออกแล้วว่าพลังของใบหน้าผีไม่ใช่แค่ขอบเขตคนฟ้าแน่นอน!!
หาไม่แล้วเขากับตู้หลิงเฟยร่วมมือกัน ในขอบเขตที่ต่ำกว่าครึ่งเทพ ก็มากพอจะเรียกได้ว่าไร้เทียมทาน!
“ข้าว่า ข้ารู้ว่าทำไมมันถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ ดูท่า…อีกไม่นานบิดาผู้นั้นของข้าคงใกล้จะมาถึงแล้ว” ตู้หลิงเฟยสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตาของนางมีความเย็นชาวาบผ่าน ยามที่เปล่งคำว่าบิดา ร่างของนางสั่นระริกดั่งคนร้าวรานใจ