บทที่ 110 เมล็ดดูดกลืนระเบิด
ความรู้สึกอันตรายเกินบรรยายโหมเข้าใส่ดั่งคลื่นมหาสมุทรแล้วระเบิดข้างในอกของหวังเป่าเล่อ ดั่งว่าประตูแห่งความตายเปิดต่อหน้าเขา แล้วมีมือผู้เฝ้าประตูอเวจียื่นออกมาหมายจะดับไฟชีวิตเขาเสีย!
เกิดอะไรขึ้น
ข้างในหัวหวังเป่าเล่อปั่นป่วนวุ่นวายโดยที่เขายังไม่ทันได้ลืมตา เหมือนมีพายุหมุนที่ฉีกกระชากได้ทั้งแผ่นดินและสวรรค์เคลื่อนเข้ามาเพื่อฉีกทั้งร่างกายและทำลายวิญญาณของเขา!
เขาได้ยินเสียงเย็นยะเยือกแผ่วเบาดังก้องข้างในหู
“พบแล้ว…ยอดฝีมือ…สังหาร…กลืนกินมันเสีย!”
ภยันตรายมาถึงอย่างกะทันหัน เสียงนั้นฟังไม่ชัดเท่าไรนัก หวังเป่าเล่อไม่ทันโต้ตอบอะไร ก็บังเกิดคลื่นเสียงอื้ออึงระเบิดขึ้นรอบตัวเขาเสียก่อน!
เสียงนั้นดังก้องกังวาน ภูเขาที่หวังเป่าเล่อนั่งสมาธิอยู่ถล่มลงมาในทันใด เศษดินและหินลอยไปทุกสารทิศ ภายในร่างกายเขาบอบช้ำจากเศษหินที่พุ่ง กระแทกร่าง เขารู้สึกไม่ต่างกับโดนคลื่นยักษ์และภูเขาสูงโถมลงบดขยี้ เลือดสดทะลักจากปากอย่างไม่อาจกลั้นไว้ ร่างกายเขาเป็นดั่งว่าวที่ถูกตัดสายปลิวละล่องไปมา
เลือดพุ่งออกทางปากเขาไม่หยุด ทุกส่วนในร่างกายเจ็บปวดรุนแรง หวังเป่าเล่อตัวลอยไปในอากาศ รู้สึกสับสนกับทุกอย่างที่เกิดขึ้น บัดนี้จิตใจเขาอลหม่าน ฝืนตา ลืมขึ้นก็ยังมองไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นรอบด้าน เขาเห็นเพียงแสงสีม่วงบดบังทุกอย่างก่อนจะกลืนกินร่างของเขาเข้าไปภายใน
สิ่งที่ตามมาคือความเจ็บปวดขั้นรุนแรงชนิดที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน!
“อ๊ากกก!” หวังเป่าเล่อกรีดร้องโหยหวน ความเจ็บปวดทรมานเกินจะพรรณนาเป็นคำพูด เหมือนว่าทุกส่วนทั่วสรรพางค์กายถูกบดขยี้เป็นผุยผง ความรู้สึกเจ็บแผ่ซ่านออกมาอย่างรวดเร็วจากข้างในตัวเขา ประหนึ่งกรดกัดกร่อนทั่วร่าง
ความเจ็บปวดสาหัสสากรรจ์ทำให้หวังเป่าเล่อแทบเสียสติ มองจากระยะไกลจะเห็นตัวเขาลอยอยู่กลางอากาศ โอบล้อมด้วยแสงสีม่วงรูปลักษณ์คล้ายปากขนาดใหญ่พร้อมจะกลืนกินเขา ร่างของหวังเป่าเล่อเริ่มเหี่ยวแห้งลงอย่างเห็นได้ชัด!
ชีวิตเขาดูเหมือนจะมาถึงจุดจบ แต่ทว่าในตอนนั้นเอง จู่ๆ สสารปริศนาสีดำซึ่งประสานรวมอยู่กับสรีระทองคำของเขาก็ปรากฏขึ้นมาพยายามยับยั้งแสงสีม่วงนั้น ขัดขวางไม่ให้มันกลืนกินเขาลงไปได้
ในจังหวะเดียวกัน อักษรปราณบนภูเขาเศษชิ้นส่วนจากห้วงอวกาศส่องแสงสว่างจ้าออกมายิ่งกว่าครั้งไหนๆ ลำแสงฉายเจิดจ้ายิ่งขึ้น สร้างแรงกดดันอันแข็งแกร่งขึ้น เท่าทวี
แรงต้านทั้งหลายที่เกิดขึ้นทำให้จิตใจอันสับสนของหวังเป่าเล่อกลับมาแจ่มชัดได้ อีกครั้ง เขาไม่รู้ว่าใครอยากฆ่าเขา และไม่รู้ว่าเหตุใดตนจึงตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ แต่เขารู้ว่าเขาไม่อยากตาย!
“เจ้าอยากกลืนกินข้าอย่างนั้นรึ ข้ากลืนกินเจ้าแทนก็แล้วกัน!” หวังเป่าเล่อขัดขืน คำรามอย่างทรมานพร้อมกัดฟันทนกระแสความเจ็บปวดที่ราวกับจะลากเขาลงไป ข้างใต้ดั่งวังน้ำวน ก่อนปล่อยพลังสูบจากเมล็ดดูดกลืนภายในกาย บัดนี้ชายหนุ่มเป็นเหมือนหลุมดำที่ดูดกลืนแสงสีม่วงรอบตัวเข้าหา
ความดุร้ายของชายหนุ่มฉายชัดก็คราวนี้ หวังเป่าเล่อโหดร้ายกับศัตรู แต่โหดร้ายกับตัวเองยิ่งกว่า เขาตระหนักดีว่าตนหนีจากแสงสีม่วงไม่ได้ จึงไม่แยแสอีกต่อไป แล้วมีความคิดเพียงอย่างเดียวในใจคือกลืนแสงสีม่วงเข้าไปแทน!
เจ้าอยากกลืนกินข้าไม่ใช่รึ เช่นนั้นข้าจะกลืนกินเจ้าก่อน ข้าจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด!
เพียงพริบตา แสงสีม่วงรอบตัวเขาก็เริ่มวูบไหว ถ้าแสงนั้นอยู่ในสภาพสว่างจ้าที่สุดของมัน หวังเป่าเล่อคงจะถูกกลืนกินภายในคราวเดียวไปแล้ว แต่บัดนี้แสงนั้นอ่อนแรงอยู่ เมื่อผนวกกับแรงกดดันที่มันเจอตอนพุ่งออกมาจากยอดเขาเศษชิ้นส่วน และแรงกดดันตลอดทางมายังที่แห่งนี้ แสงสีม่วงจึงสูญเสียพลังไปมากโข
ในตอนที่มันพยายามจะกลืนกินหวังเป่าเล่อ สสารปริศนาสีดำในตัวหวังเป่าเล่อ มีผลต่อมันด้วยเช่นกัน ดูท่าแล้วะลังของมันจะเป็นรูปแบบเดียวกันกับเมล็ดดูดกลืนของหวังเป่าเล่อ!
แสงสีม่วงบิดเบี้ยวตกอยู่ใต้พลังสูบจากเมล็ดดูดกลืนของหวังเป่าเล่อ แสงนั้น หายเข้าไปในตัวหวังเป่าเล่อทีละน้อยๆ
มองจากไกลๆ จะเห็นสีหน้าเหี้ยมโหดของหวังเป่าเล่อ แสงสีม่วงรอบตัวเขาอ่อนแอลงกลายเป็นลำแสงกะปริบกะปรอย บางลำแสงบางเฉียบแลดูคล้ายเส้นใย สีม่วง ส่วนหนึ่งของแสงเหล่านั้นเข้ามาอยู่ในตัวหวังเป่าเล่อ แต่ยังมีส่วนอื่นที่อยู่ ข้างนอก ลำแสงนั้นบิดเบี้ยวและดิ้นพล่าน ตัวหวังเป่าเล่อดูเหมือนมีเส้นขนสีม่วง งอกออกมาเต็มไปหมด!
ดูเหมือนสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติสักชนิด!
แสงสีม่วงบิดเปลี่ยนกลายเป็นลำแสงสีม่วงจำนวนมากที่พยายามหนีจาก เมล็ดดูดกลืนของหวังเป่าเล่อ ช่างน่าตื่นตะลึงยิ่งนัก ท่าทางหวังเป่าเล่อจะคุ้นชินกับสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายครั้งนี้แล้ว สีหน้าเขาเริ่มบิดเบี้ยวฉายแววโหดร้าย บ้าคลั่ง เขารู้ว่าถ้าแสงสีม่วงหนีไปได้ มันจะย้อนกลับมากลืนกินเขาอีกครั้ง เขาจึงไม่อาจยอมให้ตัวเองเสียสมาธิในระหว่างศึกแห่งความเป็นความตายครั้งนี้ได้
“คิดจะหนีรึ อย่าหวังเลยว่าเจ้าจะรอดไปได้ เข้ามาเสียดีๆ!” หวังเป่าเล่อกู่ร้อง ทุ่มสุดกำลังบังคับเมล็ดดูดกลืนในตัวให้ปล่อยพลังสูบอันทรงพลังยิ่งกว่าเดิม
พลังสูบนั้นรุนแรงจนรากฐานวิญญาณเก้านิ้วสีเงินในตัวหวังเป่าเล่อเริ่มสั่นสะเทือนและไม่มั่นคง หวังเป่าเล่อบรรลุระดับการฝึกตนโบราณไปได้กว่าครึ่งทาง แต่ยังไม่ถึงระดับลมหายใจเที่ยงแท้โดยสมบูรณ์ รากฐานวิญญาณยังไม่ประสานรวมกับกายเนื้อของหวังเป่าเล่อดี เมล็ดดูดกลืนจึงเห็นรากฐานวิญญาณเป็นสิ่งแปลกปลอมแยกจากร่างเนื้อของหวังเป่าเล่อ
เมื่อรับรู้ว่ารากฐานวิญญาณเริ่มไม่เสถียร หวังเป่าเล่อก็วิตกกังวล แต่พอเขาลดแรงดูดจากเมล็ดดูดกลืนลงตามไป แสงสีม่วงสัมผัสได้ถึงโอกาสแล้วเร่งพลังพยายามจะหนี
“ข้าจะเสี่ยงแล้วกัน!” เมื่อเห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อมา หวังเป่าเล่อจึงคำรามลั่น เลิกแยแสรากฐานวิญญาณแล้วเพิ่มแรงดูดของเมล็ดดูดกลืน รักษาระดับพลังไว้ สูงที่สุด ในไม่ช้า แสงสีม่วงถูกสูบเข้าสู่ตัวเขาทีละนิดอีกครั้งหนึ่ง รากฐานวิญญาณเองถูกขับเข้าใกล้เมล็ดดูดกลืนข้างในร่างเขาไปด้วย
ก่อนที่มันจะประสานเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับเมล็ดดูดกลืนของหวังเป่าเล่อ!
ครั้งเขาสัมผัสได้ว่ารากฐานวิญญาณค่อยๆ ประสานรวมเข้ากับเมล็ดดูดกลืน หวังเป่าเล่อยิ่งหัวเสียด้วยความโกรธเกรี้ยว ในที่สุดไม่นานต่อมา รากฐานวิญญาณก็รวมเข้ากับเมล็ดดูดกลืนโดยสมบูรณ์ แสงสีม่วงนอกตัวเขาถูกดูดเข้าไปในร่าง ตรงเข้าสู่เมล็ดดูดกลืนทันที!
วินาทีที่แสงสีม่วงถูกเมล็ดดูดกลืนดึงเข้าไป เหมือนมีหลุมดำดูดกลืนทับซ้อนกันอยู่สองหลุม เสียงคำรามดังอื้ออึงเหมือนจะทำลายสวรรค์และปฐพีระเบิดขึ้นจาก ข้างในร่างของหวังเป่าเล่อราวกับพายุหมุน!
แรงนั้นถาโถมมาจากทางทุกทางแล้วกลืนทั้งตัวหวังเป่าเล่อเข้าไป!
เสียงระเบิดดังกึกก้อง ร่างกายของหวังเป่าเล่อสั่นสะเทือนรุนแรง ปากกระอักเลือดแดงสด เขาเหมือนสูญเสียพละกำลังทั้งหมดไป พร้อมร่วงจากอากาศลงกระแทกพื้นเข้าอย่างจัง ชายหนุ่มหมดสติไป ไม่เหลือหนทางใดจะป้องกันตัวเอง
แม้ว่าเจ้าตัวจะหมดสติไปแล้ว แต่พายุหมุนในกายเขายังคงไม่อ่อนกำลังลง กลับยิ่งพัดรุนแรงขึ้น เมล็ดดูดกลืนกับแสงสีม่วงต่อสู้กันเอง กลายเป็นศึกตัดสินความเป็น ความตายระหว่างหลุมดำดูดกลืนทั้งสองภายในร่างของหวังเป่าเล่อ!
แสงสีม่วงขัดขืนและดูดกลืน ทำให้ตัวหวังเป่าเล่อเหี่ยวและซูบอย่างเห็นได้ชัด และในเวลาเดียวกัน เมล็ดดูดกลืนดึงแสงสีม่วงเข้าไปช่วยฟื้นสภาพร่างกาย หวังเป่าเล่อกลับไปเป็นดั่งเก่า
การต่อสู้ของสองฝ่ายดำเนินไปเช่นนั้นถึงจุดชี้ชะตา ฉีกทึ้งเส้นปราณของ หวังเป่าเล่อจนขาดสะบั้น สุดท้ายแล้วแสงสีม่วงพ่ายแพ้ อ่อนแอลงจนไม่มีทางโต้กลับ เมล็ดดูดกลืนฉวยโอกาสนี้ประสานมันเข้ารวมกับตัวเองทันที!
เมื่อประสานรวมกันแล้ว ร่างอันสั่นเทิ้มของหวังเป่าเล่อก็ค่อยๆ สงบลง แต่วิญญาณของเขาอ่อนแอยิ่งนัก เปลวชีวิตดูราวจะดับลงได้ทุกเมื่อ
ทว่าเมื่อเมล็ดดูดกลืนในร่างของเขารวมเข้ากับแสงสีม่วง กลับบังเกิดรากสีม่วงงอกขึ้นมาจากตัวเมล็ดดูดกลืนนั้น มองแวบแรกดูคล้ายรากฐานวิญญาณ แต่เมื่อพิจารณาให้ดีจะเห็นว่าดูเหมือนลำแสงสีม่วงที่เมล็ดดูดกลืนดึงเข้าไป!
รากคล้ายลำแสงสีม่วงแพร่กระจายอยู่ข้างในร่างของหวังเป่าเล่อ โดยมี เมล็ดดูดกลืนเป็นศูนย์กลาง เมื่อรากเข้าไปในเส้นปราณที่ขาดสะบั้น ก็เยียวยาแล้วผสานตัวเข้าด้วยกันแทนที่รากฐานวิญญาณที่สะบั้นไป กลายเป็นเส้นปราณวิญญาณกลายพันธุ์รูปแบบใหม่ที่ไม่เคยมีใครพบเห็นมาก่อน!
หนึ่งในสิบส่วน สองในสิบส่วน…
รากแพร่กระจายและฟื้นฟูสภาพเร็วยิ่งขึ้น เพียงชั่วพริบตาเดียวก็งอกไปถึง หนึ่งในสี่ของทั้งหมด และกำลังแตะสามในสิบส่วน!
รากฐานวิญญาณแสงสีม่วงรักษาและแพร่กระจาย วิญญาณของหวังเป่าเล่อก็ ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว พอเส้นปราณในตัวเขาผนวกเข้ากับรากฐานวิญญาณแสงสีม่วงถึงสามในสิบส่วน วิญญาณของเขาก็กลับคืนสู่สภาพสมบูรณ์ก่อนจะโดนเล่นงาน!
ตอนนั้นว่าหวังเป่าเล่อแข็งแกร่งมากแล้ว ยิ่งผนวกเข้ากับเส้นปราณได้ถึง แปดในสิบส่วนอีก วิญญาณของเขาก็แปรสภาพจากแข็งแกร่งธรรมดากลายเป็นแข็งแกร่งสุดขีดเลยทีเดียว
ทว่าตอนนี้ รากฐานวิญญาณแสงสีม่วงเพิ่งกระจายไปได้เพียงหนึ่งในสามของทั้งหมด หวังเป่าเล่อก็กลับฟื้นคืนสู่สภาพที่ดีที่สุดของเขาได้แล้ว เห็นได้ชัดว่า รากฐานวิญญาณแสงสีม่วงนั้นแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ!
รากนั้นงอกเลื้อยยาวต่อไป ไม่มีสิ่งใดหยุดยั้งมันได้ มวลพลังที่แผ่ออกจากร่าง ของหวังเป่าเล่อยิ่งแข็งแกร่ง เส้นปราณเขาประสานรวมเพิ่มจากสามในสิบส่วน เป็นสี่ในสิบส่วน ห้าในสิบส่วน…
จนมาแตะ…เก้าในสิบส่วน!
ชายหนุ่มยังคงหมดสติอยู่ แรงกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างเขานั้นน่าพรั่นพรึงยิ่งนัก ทว่ามันยังไม่สิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ รากยังคงงอกเลื้อยยาวต่อไป!
ผ่านหลายชั่วอึดใจ รากฐานวิญญาณแสงสีม่วงแพร่กระจายไปทั่วทั้งร่างของ หวังเป่าเล่อ เปลี่ยนเส้นปราณทั้งร่างของเขาให้กลายเป็นเส้นปราณวิญญาณ แม้กระทั่งเส้นปราณฝอยที่ยากจะชอนไชเข้าถึงก็เปลี่ยนไปด้วย ถือเป็นความสำเร็จเกินสิบส่วน ไปถึงขั้นที่มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถบรรลุได้ด้วยซ้ำ
หลังจากนั้น เมล็ดดูดกลืนถึงได้ผ่อนแรง มันสงบลงแล้วสร้างหลุมดำหมุนวนเข้าแทนที่จุดตันเถียนให้หวังเป่าเล่อ
ทุกแห่งหนเงียบสงัด แรงกดดันจากแสงที่แผ่ท่วมท้นหายไป ผืนฟ้ามืดสนิท หวังเป่าเล่อยังคงนอนนิ่งอยู่ตรงนั้น ค่อยๆ ได้สติและลืมตาตื่นขึ้น
เมื่อเขาเปิดเปลือกตา ก็ปรากฏแสงสีม่วงจางๆ ฉายวาบอยู่ภายในนั้นแล้ว!