บทที่ 112 อาวุธพิเศษล่าสมบัติ
ยามมองจากไกลๆ ยอดเขาเศษชิ้นส่วนดูสูงสง่าเหมือนจะค้ำเหนือผืนฟ้า!
ยอดเขาตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้นมาตลอด 38 ปี ในฐานะเศษชิ้นส่วนที่ใหญ่ที่สุดจากกระบี่สำริดเขียวโบราณ ที่หล่นลงมายังพื้นโลก เป็นสักขีพยานในการกำเนิดขึ้นของอารยธรรมการฝึกปราณบนโลกใบนี้ ตลอดสามสิบกว่าปีนั้น มียอดฝีมือระดับ การฝึกตนโบราณจากสี่ยอดสำนักศึกษาเต๋าหลายคน ได้รับโอกาสให้เข้าไปในยอดเขาแห่งนั้น สุดท้ายยอดฝีมือเหล่านั้นก็ได้กลายมาเป็นเสาหลักของสหพันธรัฐทุกคน!
ยอดเขาเด่นเป็นสง่ายิ่ง หลังจากตกลงมายังตำแหน่งที่มันตั้งอยู่เมื่อหลายปีก่อน เศษชิ้นส่วนดังกล่าวก็กวาดล้างผืนดิน สร้างพายุหมุนขนาดยักษ์ปกคลุมทั้งแดนทราย ใช้เวลาหลายปีกว่าพายุจะสงบลง และแม้พายุหมุนจะหมดไปแล้ว แต่สนามแม่เหล็กก็ยังห่อหุ้มอยู่รอบหมู่บ้านลมปราณวิญญาณ เป็นที่รู้กันดีในบรรดาผู้ฝึกตนทั้งหลาย
ทรัพยากร วิชายุทธ์ โอสถ สมบัติเวท และสมบัติอีกมากมายที่ไม่เคยมีใครใน สี่ยอดสำนักศึกษาเต๋าเคยค้นพบมาก่อนอยู่ลึกเข้าไปในยอดเขาเศษชิ้นส่วนแห่งนี้!
เพราะฉะนั้นแล้ว ทุกครั้งที่หนทางเข้าสู่ข้างในเปิดออก สานุศิษย์ทั้งหลายจึงพยายามอย่างสุดกำลัง เพื่อเข้าไปทำภารกิจสำรวจภายในยอดเขาแห่งนั้นให้สำเร็จ!
หวังเป่าเล่อมุ่งหน้าไปต่อ เขามองไปยังยอดเขาเศษชิ้นส่วนแล้วรู้สึกระส่ำระส่ายเกินควบคุม มันดึงดูดทั้งวิญญาณและหัวใจของเขาเอาไว้ ความรู้สึกดังกล่าวยิ่งทวีคูณขึ้นไป เมื่อเขาเข้าใกล้ยอดเขาเศษชิ้นส่วนอันแสนน่าเกรงขาม!
พื้นผิวภูเขามีรอยแยกต่างระดับความลึกกันไปปรากฏทั่วให้เห็น บางรอยเกิดขึ้นมาตั้งแต่สามสิบกว่าปีก่อน แต่ส่วนใหญ่ดูจะเกิดขึ้นมานานยิ่งกว่านั้น
รอยเหล่านั้นเหมือนรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าคน ให้ความรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเมื่ออายุมาก มองไปไม่ต่างกับมองร่องรอยของเวลานับพันปีที่ล่วงเลย
บนผิวภูเขาเต็มไปด้วยอักษรปราณส่องประกายนับไม่ถ้วน แม้ไม่สว่างเจิดจ้าเท่าตอนที่เพิ่งฉายออกมาก่อนหน้านี้ แต่ก็ยังส่องสว่างไม่หยุดด้วยรัศมีที่อ่อนแรงลง
บริเวณตีนเขา ศิษย์จากสี่ยอดสำนักศึกษาเต๋าต่างเข้าออกกันพัลวัน ประตูทางเข้าออกนั้นเกิดจากรอยแยกที่โผล่บนยอดเขาเศษชิ้นส่วน รอยแยกหนึ่ง ในนั้นอยู่ใกล้พื้นที่สุด ใหญ่ถึงยี่สิบกว่าเมตร และกว้างราวหกเมตร
และเป็นทางเข้าที่ใหญ่ที่สุด ศิษย์ส่วนใหญ่ก็ใช้ตรงนั้นเป็นทางเข้าภูเขา!
จะเห็นได้ว่ามีหลายคนบุกเข้าไปภายในภูเขา และอีกหลายคนโดนขับไล่ออกมาหลังจากถูกสนามแม่เหล็กล้อม
น้อยคนนักที่จะถูกสนามแม่เหล็กขับออกมามือเปล่า ส่วนใหญ่มักจะหอบเอาบางอย่างกลับมาด้วย ต่อให้สิ่งนั้นจะเป็นซากปรักหักพัง แต่ก็พวกลูกศิษย์ทั้งหลายก็มีสีหน้าตื่นเต้นชัดเจนที่ได้มันติดมือกลับมา
สี่ยอดสำนักศึกษาเต๋าพยายามจูงใจเหล่าลูกศิษย์ด้วยคำสัญญา ว่าพวกเขาจะได้ส่วนแบ่งเล็กน้อยจากอะไรก็ตามที่พวกเขานำออกมาจากภูเขาได้ สานุศิษย์ทั้งหลายจึงพากันฮึกเหิมกับภารกิจครั้งนี้
ในขณะเดียวกัน วัตถุเหล่านั้นที่ได้มาจากยอดเขาเศษชิ้นส่วนก็มีพลังพิเศษจน ไม่สามารถซุกซ่อนไว้ในคลังเวทส่วนตัวได้ สี่ยอดสำนักศึกษาเต๋าจึงไม่ต้องเป็นห่วงว่าลูกศิษย์จะยักยอกไปเป็นของตนเอง ทุกอย่างล้วนยุติธรรมถึงระดับหนึ่ง ทำให้งานนี้เป็นโอกาสอันดีสำหรับศิษย์จากสี่ยอดสำนักศึกษาเต๋าจะได้คว้าโอกาสเปลี่ยนแปลงชะตาของตัวพวกเขาเอง
ส่วนใครจะได้รับโอกาสทองหลังจากบรรลุระดับปราณแล้วบ้าง ก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตา การได้สมบัติติดไม้ติดมือออกมาจากยอดเขาเศษชิ้นส่วนเป็นเรื่องปกติ อันที่จริง ทุกครั้งที่ทางเข้าสู่ภูเขาเปิดออก ก็มักจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อยู่ร่ำไป ครั้งที่เลื่องลือที่สุดคือ ตอนที่ผู้นำของสหพันธรัฐคนปัจจุบัน ซึ่งเดิมเป็นศิษย์สำนักศึกษาเต๋ากวางขาว ได้โอสถอมตะในตำนานมาจากยอดเขาแห่งนี้เมื่อหลายปีก่อน!
เรื่องเล่าขานเกี่ยวกับโอกาสเหล่านี้แพร่หลายไปในหมู่ศิษย์ กระตุ้นให้พวกเขายิ่งพร้อมจะทุ่มสุดตัวเพื่อภารกิจเมื่อเข้าภูเขาได้
เขามองพวกผู้ฝึกตนคนแล้วคนเล่าถูกขับออกมาจากภูเขาหลังโดนสนามแม่เหล็กล้อมตัวไว้ หวังเป่าเล่อเลียริมฝีปากเตรียมตัวพุ่งไปยังทางเข้ายอดเขาเศษชิ้นส่วน ทว่าตอนนั้นเอง กลับมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นตรงใกล้ทางเข้าเสียก่อน
“นั่นเขาหอบอะไรออกมาน่ะ ให้ตายเถอะ นั่นมันพืชนี่ แถมยังมีชีวิตอยู่ด้วย!”
“เจ้าคนนี่ท่าจะได้สมบัติชิ้นโตทีเดียว!”
“ต้นไม้นั่นแม้จะไม่ใช่โอสถอมตะ แต่ดูอย่างไรก็เป็นสมบัติมีค่ามหาศาลแน่!”
ในความวุ่นวายนั้น ศิษย์สำนักศึกษาเต๋ากวางขาวผู้หนึ่งถูกขับออกมาจากปากทางเข้าทันทีที่สนามแม่เหล็กหุ้มร่าง เขาตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง ชายผู้นั้นบรรลุระดับ ลมหายใจเที่ยงแท้หลังจากได้รากฐานวิญญาณเพียงหกนิ้ว บัดนี้เขาอุ้มพืชสามสีไว้ในอ้อมแขน ผลไม้ที่ติดอยู่บนต้นส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจาย
เขากลายเป็นจุดสนใจของทุกคนในทันที เสียงพูดคุยกระซิบกระซาบแพร่สะพัดไปในฝูงชน พอรู้ตัวว่าโดนดีดออกจากยอดเขาเศษชิ้นส่วน ศิษย์สำนักศึกษาเต๋ากวางขาว ผู้นั้นก็หัวเราะร่า ร่างแกว่งไกวไปมากลางอากาศ
พอได้เห็นภาพตรงหน้า ไฟในใจของทุกคนยิ่งลุกโชน ต่างพากันพุ่งเข้าไปใน ยอดเขาเศษชิ้นส่วนกันเร็วกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
หวังเป่าเล่อเองก็ฮึกเหิมไม่ต่างกัน ครั้นเห็นศิษย์สำนักศึกษาเต๋ากวางขาวผู้นั้นจากไปพร้อมพืชในอ้อมแขน ยอดเขาเศษชิ้นส่วนในความคิดของเขา กลายเป็นขุมทรัพย์สมบัติไปเสียแล้ว
“ใครดีใครได้!” ดวงตาหวังเป่าเล่อทอประกาย เขามุ่งหน้าไปทางยอดเขา เศษชิ้นส่วน พุ่งแซงหน้าหลายคนเข้าไปในรอยแยก ภายในค่อนข้างมืดทึม แต่หลังจากปรับสายตาให้คุ้นชินกับความสว่างที่เปลี่ยนไป เขาก็มองเห็นรายละเอียดสิ่งรอบข้างได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
บริเวณนั้นคล้ายกับถ้ำขนาดใหญ่ ห้องลับนับสิบเปิดหราจากความเสียหายที่เกิดขึ้น ทางที่คนส่วนใหญ่เข้ามาก็ดูเหมือนเป็นรอยแตกบนกำแพงห้องลับห้องหนึ่งในถ้ำแห่งนั้น
ทางซ้ายมือมีทางเดินวกเวียนกว้างกว่าสามร้อยเมตร มองไม่เห็นสุดปลายทาง คนที่เข้ามาในพื้นที่นี้ไม่แวะสำรวจห้องลับรอบๆ พวกเขาเลือกตรงดิ่งไปยังทางเดินนั้นแทน
“นี่จะไม่โล่งโจ้งไปหน่อยรึ!” หวังเป่าเล่อกวาดตามองรอบๆ เพ่งเข้าไปในห้องลับ ห้องเหล่านั้นว่างเปล่า สภาพเหมือนเคยมีแค่หนอนแมลงวันมาอาศัยอยู่ ไม่มีกระทั่งเศษชิ้นส่วนเหลืออยู่บนพื้น
ดูเหมือนว่าทางเข้าจะโดนบุกสะดมหมดเกลี้ยงไปหลายต่อหลายครั้ง นับตั้งแต่หมู่บ้านลมปราณวิญญาณเปิดให้เข้ามาได้ตั้งแต่หลายปีก่อน หากอยากได้อะไรจากที่แห่งนี้กลับไป เห็นจะแต่ต้องเข้าไปให้ลึกเท่านั้น
หวังเป่าเล่อไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาพุ่งปราดไปยังทางเดิน ระหว่างทาง หวังเป่าเล่อลอบสังเกตห้องหลายห้องสองข้างทาง ทุกห้องค่อนข้างกว้างแต่ว่างสนิท และยังมีทางแยกออกไป ทำให้ที่นี่ดูเหมือนเขาวงกต
ผู้คนโผล่ออกมาไม่หยุดหย่อน ดูไม่มีใครกังวลว่าตนจะหลงทางในเขาวงกตนี้เลย
เห็นทีข้าต้องเข้าไปลึกกว่านี้จึงจะเจอสมบัติ หวังเป่าเล่อมองรอบกายโดยไม่ชะลอความเร็วลง เขามุ่งหน้าต่อไป จนได้ยินเสียงต่อสู้ดังแว่วมาจากข้างหน้า ดวงตา หวังเป่าเล่อเป็นประกายทันที เขารีบตามทิศทางต้นเสียงไปจนถึงบริเวณเปิดโล่ง
บริเวณนั้นดูเหลือแต่ซาก หวังเป่าเล่อกวาดตาดูไวๆ ก็เห็นซากสิ่งก่อสร้าง เครื่องมือ และวัตถุที่บอกไม่ได้ว่าคืออะไรตกอยู่เกลื่อนพื้น ศิษย์หลายสิบคนจาก สี่ยอดสำนักศึกษาเต๋ากำลังเก็บวัตถุเหล่านั้นให้เร็วที่สุดเท่าที่พวกตนจะทำได้ และเจ็ดถึงแปดคนกำลังต่อสู้กันเองเพื่อแย่งชิงสมบัติเหล่านั้น โดยมีคนอื่นส่งเสียงร้องปลุกเร้า
บางคนกอดสมบัติเอาไว้อย่างปลื้มปิติ ขณะที่โดนสนามแม่เหล็กส่งออกจากถ้ำไปเป็นระยะๆ บางคนเข้ามาถึงบริเวณนี้หลังจากหวังเป่าเล่อ และตรงเข้าไปหยิบอะไรก็ตามที่พวกเขามองเห็นทันที
นี่มาปล้นสะดมกันหรืออย่างไร
ครั้นเห็นความวุ่นวายตรงหน้า หวังเป่าเล่อก็ได้แต่กะพริบตาปริบๆ หลายครั้ง ก่อนรีบพุ่งตัวออกไป ไม่นานเขาก็พบวัตถุดูคล้ายถังน้ำชิ้นหนึ่ง แต่มีขนาดใหญ่และ มีรูเล็กๆ แบบเดียวกันเรียงรายเป็นแถวรอบ เห็นได้ชัดว่าถังน้ำนั้นรั่วอยู่ แต่ถ้าสิ่งนี้ไม่ใช่ถังวักน้ำ หวังเป่าเล่อเองก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่ามันใช้ทำอะไร เขาอุ้มถังใบนั้นขึ้นมา ครุ่นคิดว่าอาจเอาไว้ใส่สมบัติต่างๆได้ ไม่ใช่ความคิดที่เลวร้ายนัก ว่าแล้วเขา ก็มุ่งหน้าไปยังบริเวณอื่นทันที
คนส่วนใหญ่ไม่มีเวลาฉวยของมาจากคนอื่น แต่บางคนก็อยากจะฉวยอะไรติดไม้ติดมือกลับไปมากขึ้น หวังเป่าเล่อได้พบกับคนพรรค์นั้นคนหนึ่ง ระหว่างที่เขากำลังค้นหาสมบัติอยู่
ชายผู้นั้นมาจากสำนักศึกษาเต๋าธารสวรรค์ ตัวเขาโดนสนามแม่เหล็กหุ้มเอาไว้อยู่ เห็นชัดว่ากำลังจะโดนขับออกไปในไม่ช้า ทว่าครั้นเห็นชิ้นส่วนโลหะขนาดเท่ากำปั้นตรงหน้าหวังเป่าเล่อ ชายหนุ่มก็นัยน์ตาลุกวาว พร้อมพุ่งเข้าไปจะคว้าเอาไว้!
“กล้าดีนักนะ หึ” หวังเป่าเล่อจ้องหน้า กอดถังน้ำเอาไว้แล้วระเบิดความเร็ว ขั้นสูงสุด ซัดลูกเตะใส่ศิษย์สำนักศึกษาเต๋าธารสวรรค์คนนั้น ศิษย์ผู้นั้นร้องเจ็บปวด วัตถุหลายชิ้นในอ้อมแขนหล่นลงเกลื่อนพื้น
เขาร้อนรนขึ้นมาทันใด ใจอยากเก็บทั้งหมดขึ้นมา ทว่าตัวเขากลับโดนสนามแม่เหล็กห่อหุ้มร่างเสียก่อน ร่างของเขาลอยสูงขึ้นไปในอากาศอย่างไม่อาจควบคุมได้ ชายหนุ่มร้องโวยวายโกรธเกรี้ยวขณะที่ถูกขับออกไป
หวังเป่าเล่อถอนหายใจด้วยอารมณ์เดือดพล่าน ก้าวไปข้างหน้าเพื่อหยิบวัตถุที่ถูกทิ้งไว้ขึ้นมาเก็บใส่ในถังน้ำของตน จากนั้นก็ออกวิ่งค้นหาต่อ ครึ่งชั่วโมงต่อมา หลังจากสำรวจเป็นบ้าเป็นหลัง เขาก็ออกมาจากซากปรักหักพังตรงนั้น เมื่อเขาล่วงผ่านบริเวณที่คล้ายกันอีกสามจุดไปตามเส้นทางเดิน จำนวนคนก็ลดน้อยตามลงไปด้วย
เขาเจอวัตถุประหลาดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และจับมันโยนใส่ลงไปในถังน้ำ จนกองพะเนินเหมือนภูเขาน้อยๆ
เมื่อคืบหน้าต่อไป เขาก็มองเห็นลูกบอลกลมดิกอยู่ไกลๆ ตรงหน้า