Skip to content
Home » Blog » A World Worth Protecting 129

A World Worth Protecting 129

บทที่ 129 หลินเทียนหาวเสียสติ

พอคิดถึงเส้นทางการศึกษาเรื่องอาวุธเวท หวังเป่าเล่อก็ตื่นเต้นจนหยุดไม่อยู่

เขาถือโทรโข่งที่เพิ่งหยิบออกมาในมือ ก่อนจะผุดยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้น ชายหนุ่มเดินเข้าไปในห้องเตาหลอมเพื่อหลอมโทรโข่งและปรับตัวอักขระใหม่เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังปรับทิศทางการกระจายของเสียงของมัน

สำหรับวัสดุที่ต้องใช้นั้น ศิษย์ตำหนักอาวุธเวทในเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูงสามารถหาซื้อได้ด้วยศิลาวิญญาณ วัสดุหลายชิ้นถือว่าเป็นของหายากในเกาะมหาปราชญ์ชั้นรอง แต่นั่นก็เพราะมาตรฐานของทั้งสองที่แตกต่างกันมากนัก วัสดุที่หายากจริงๆ นั้นมีให้เห็นในเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูง หากแต่ไม่สามารถซื้อได้ด้วยศิลาวิญญาณ ต้องทำภารกิจที่ระบุให้สำเร็จจึงจะสามารถได้วัสดุหายากชิ้นนั้นมาครอบครอง

ไม่นาน หวังเป่าเล่อก็เสร็จสิ้นกระบวนการหลอม เขามองโทรโข่งสามสิบกว่าอันที่หลอมมากับมือด้วยความพึงพอใจ จากนั้นก็รีบนำโทรโข่งเหล่านั้นไปติดบนผนังถ้ำ

ด้านหลังผนังคือ ถ้ำของหลินเทียนหาว

หลังจากติดโทรโข่งทั้งหมดเสร็จ หวังเป่าเล่อก็ปัดมือและนั่งขัดสมาธิลง ก่อนจะหยิบขนมออกมากินอย่างสบายใจ

ต่อไปเป็นขั้นตอนการทดสอบ อันดับแรกจะทดสอบผลกระทบทางจิตใจที่เกิดจากเสียงรบกวนนี้

คิดดังนั้น หวังเป่าเล่อก็โบกมือขวา โทรโข่งทั้งหมดตรงผนังก็สั่นเครื่องเปิดการทำงานทันที แต่กลับไม่มีเสียงใดๆ ดังขึ้นในถ้ำที่พักของเขาเลย เสียงทั้งหมดนั้น       พุ่งตรงไปหาหลินเทียนหาวจากการปรับแต่งของหวังเป่าเล่อ

เสียงรบกวนพุ่งทะลุผ่านผนังหิน ดังสนั่นในถ้ำหลินเทียนหาวโดยตรง!

หลินเทียนหาวกำลังนั่งใช้งานเครือข่ายวิญญาณในถ้ำที่พัก ยิ้มเยาะเมื่อเห็น  โพสต์ข่าวเรื่องหวังเป่าเล่อที่ตนเป็นคนปล่อย ชายหนุ่มคิดจะเอาแผ่นหยกออกมา    ส่งข้อความอีกครั้ง แต่ทันใดนั้น ก็มีคลื่นเสียงดังสนั่นราวกับสายฟ้ากัมปนาทดังขึ้นในถ้ำที่พักเสียก่อน

เสียงนั้นฟังดูเหมือนกับมีผู้คนกำลังตะโกนโหวกเหวกโวยวายพร้อมกันจนเกิดเป็นเสียงดังสั่นสะท้านภายในถ้ำที่พัก ผนังของถ้ำสั่นไหวรุนแรงจนมีฝุ่นร่วงกรูลงมาจากเพดานด้านบน

ถ้ำที่พักของหลินเทียนหาวนั้นอยู่สุดขอบเขตที่พักนี้ ด้านข้างอีกฝั่งติดกับหน้าผา แม้เสียงรบกวนนี้จะดังเพียงใดก็ไม่ส่งผลต่อคนอื่นๆ ที่อาศัยอยู่ในเขต

หลินเทียนหาวตื่นตะลึง ไม่ทันได้ตั้งตัวใดๆ พลันรู้สึกวิงเวียนศีรษะราวกับโลกหมุน   ถ้ำที่พักแสนสงบของเขาตกอยู่ในความโกลาหลในบัดดล

หลินเทียนหาวร้องลั่นอย่างน่าเวทนา ดีดตัวขึ้น ร่างกายสั่นเทิ้ม เขายกมือขึ้นปิดหู    แต่เสียงรบกวนนั้นดังเกินจะทานทนและยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง คลื่นเสียงสะท้านนี้ทำให้ชายหนุ่มเริ่มหายใจถี่รัวจนหัวใจจะระเบิดออก หลินเทียนหาวรีบวิ่งออกไป   นอกถ้ำที่พัก เกือบจะเป็นบ้าไป เสียงวุ่นวายยังดังขึ้นในหูไม่หยุด ผ่านไปครู่ใหญ่เขาถึงเริ่มตั้งสติกลับมาได้ ก่อนจะมองไปทางถ้ำที่พักของหวังเป่าเล่ออย่างโกรธแค้น

“หวังเป่าเล่อ!” หลินเทียนหาวไม่คาดคิดว่าการแก้แค้นของหวังเป่าเล่อจะพิสดารถึงเพียงนี้ เขาเริ่มคุมตัวเองไม่อยู่ ร้องลั่นขึ้นด้วยความเดือดดาล

เสียงร้องคำรามดังมาถึงหูของหวังเป่าเล่อที่กำลังนั่งขัดสมาธิเคี้ยวขนมอยู่        ชายหนุ่มหยิบแผ่นหยกขึ้นมาบันทึกผล

“ช่างเป็นการตอบสนองที่รุนแรงทีเดียว กลไกการป้องกันตัวภายในร่างกายน่าจะทำงานแล้ว คลื่นเสียงที่เกิดขึ้นฉับพลันมีผลต่อขีดจำกัดของพฤติกรรมมนุษย์ ไม่ค่อยส่งผลต่อจิตใจเท่าไหร่…ข้าต้องบันทึกผลการทดลองนี้ไว้”

หวังเป่าเล่อบันทึกผลการทดลองด้วยสีหน้าจริงจัง เขาปรับโทรโข่ง เห็นว่าคง    ไม่ได้ผลการทดลองใดๆ อีกภายในระยะเวลาสั้นๆ จึงหันมาศึกษาเคล็ดวิชา          เมฆาศักดิ์สิทธิ์แทน

หลินเทียนหาวยืนอยู่นอกถ้ำ เต้นเร่าด้วยความโกรธ นัยน์ตาของเขาแดงก่ำ      ยืนร้องโหยหวนอยู่นานสองนาน แม้ว่าหวังเป่าเล่อจะไม่ยอมออกมา แต่เสียงรบกวน  ก็เบาลงมาก ชายหนุ่มกัดฟันกรอดและเดินกลับเข้าถ้ำที่พักไป หลินเทียนหาวนั้น      ดูถูกการทดสอบจิตใจของหวังเป่าเล่อเกินไป เสียงรบกวนที่ผ่อนลงไป จู่ๆ ก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง สร้างความตื่นตกใจยิ่งกว่าเก่า

เสียงดังสนั่นเกินหลินเทียนหาวจะต้านไหว เขารีบวิ่งออกนอกถ้ำที่พักด้วย     ความเดือดดาลและคลุ้มคลั่งที่พุ่งจนถึงขีดสุด ชายหนุ่มเริ่มทุบตีประตูถ้ำที่พักของ   หวังเป่าเล่อ แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะวงแหวนปราณได้ ผ่านไปครู่ใหญ่ หลินเทียนหาวก็โดนป่วนประสาทอย่างหนักเกินจะทนจนเริ่มจะเป็นบ้า เขากัดฟันแน่นหลังจาก  หอบหายใจแรงหลายครั้ง

“หวังเป่าเล่อ เจ้าคิดจะไล่ข้าออกไปอย่างนั้นหรือ เป็นไปไม่ได้หรอก!”

หลินเทียนหาวมองตาแข็ง เขารู้ดีว่าฟ้องเจ้าตำหนักไปก็คงไร้ประโยชน์       เพราะหวังเป่าเล่อไม่ได้ทำร้ายร่างกายเขา อีกอย่าง เจ้าตำหนักคงไม่มายุ่งเกี่ยวกับเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้ คิดดังนั้นเขาก็กัดฟันเดินออกไปที่อื่น ก่อนจะกลับมา         ตอนกลางคืน ชายหนุ่มเปิดใช้งานวัตถุเวทป้องกันมากมายที่นำติดตัวมา เกิดเป็นเกราะป้องกันหนาแน่นช่วยปกป้องเขาจากเสียงรบกวน

เสียงรบกวนเดี๋ยวมาเดี๋ยวหาย บางทีก็เงียบสนิท บางทีก็ดังขึ้นไม่ให้ตั้งตัว        แม้หลินเทียนหาวจะสามารถจัดการกับเสียงรบกวนนี้ได้โดยการเปิดใช้วัตถุเวทป้องกัน แต่การเปิดใช้งานนั้นกินพลังวิญญาณของเขาไปมาก ดังนั้นพอชายหนุ่มเห็นเสียงเงียบลงก็จะปิดไว้ ทำให้เขาต้องตื่นตกใจบ่อยครั้งจากเสียงที่จู่ๆ ก็ดังขึ้นราวกับตั้งใจจะระเบิดสมองและหัวใจเขาไปพร้อมๆ กัน

หลินเทียนหาวตัวสั่นจากเลือดที่สูบฉีดทั่วร่าง

แม้ว่าจะทนทรมานอยู่หลายรอบ หลินเทียนหาวก็ยังไม่สามารถเข้าใจรูปแบบ  การกำเนิดของเสียงได้ เขาตะโกนขึ้นฟ้าด้วยความเดือดดาล ถึงชายหนุ่มจะเป็น        ผู้ฝึกตนระดับลมหายใจเที่ยงแท้ ก็ไม่สามารถทนรับการโจมตีแบบนี้ได้ ชายหนุ่ม   เคืองใจยิ่งนักเนื่องจากไม่อยากย้ายออกจากถ้ำที่พักแห่งนี้ แต่เขาก็ทนทรมานอยู่ที่นี่ไม่ได้เช่นกัน จึงออกไปหาที่หลบภัยอื่นอยู่แทน

หวังเป่าเล่อผิดหวังเล็กน้อยเมื่อเห็นหนูทดลองของเขาหนีออกไป ชายหนุ่ม    ถอนหายใจอยู่หลายครั้งก่อนจะเลิกสนใจหลินเทียนหาว ในหัวมีแต่เรื่องการฝึกวิชาเมฆาศักดิ์สิทธิ์และการขึ้นเป็นศิษย์เอกอาวุธเวทให้ได้เร็วที่สุด เขาศึกษาวิธีการขึ้นเป็นศิษย์เอกอาวุธเวทจากเครือข่ายวิญญาณมาแล้วเรียบร้อย

หากอยากจะขึ้นเป็นศิษย์เอกอาวุธเวท ข้าจะต้องหลอมวัตถุเวทระดับหนึ่งคุณภาพสมบูรณ์ร้อยชิ้น

ดวงตาหวังเป่าเล่อฉายแสงวาบ เขารู้ว่าวัตถุเวทระดับหนึ่งของเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูงและเกาะมหาปราชญ์ชั้นรองนั้นต่างกัน

วัตถุเวทที่หลอมในเกาะมหาปราชญ์ชั้นรองนั้นจะอยู่ที่ขั้นแก่นวิญญาณเนื่องจากมีความรู้ไม่เพียงพอ ที่เกาะมหาปราชญ์ชั้นรองนั้นไม่มีตำราที่อธิบายถึงวัสดุที่ใช้หลอมและขั้นตอนการหลอมวัสดุ ทำให้วัตถุเวทที่เหล่าศิษย์หลอมออกมาได้เป็นเพียง      วัตถุเวทเกือบจะระดับหนึ่ง

มาตรฐานวัตถุเวทระดับหนึ่งของเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูงคือ วัตถุเวทนั้นจะต้องหลอมด้วยวัสดุและเครื่องมือคุณภาพสูง ทำให้หลอมยากขึ้นไปอีก นอกจากนี้ยังไม่สามารถเลือกวัตถุเวทที่จะหลอมได้ตามใจชอบ ต้องเลือกวัตถุเวทระดับหนึ่งในรายชื่อที่ตำหนักอาวุธเวทจัดทำไว้

ศิษย์จะได้เลื่อนขั้นเมื่อหลอมวัตถุเวทจำนวนหนึ่งร้อยชิ้นที่มีในรายชื่อ โดยทุกชิ้นจะต้องเป็นวัตถุเวทคนละชนิดกัน!

ยิ่งเป็นศิษย์ที่เพิ่งเลื่อนขึ้นมายังเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูงแล้ว ภารกิจนี้ยากและท้าทายมากที่จะทำให้สำเร็จภายในเวลาอันสั้น ศิษย์บางคนแม้จะใช้เวลาอยู่หลายปีก็ยัง      ไม่สามารถทำได้สำเร็จ

แม้ว่าจะเป็นเรื่องท้าทายสำหรับหวังเป่าเล่อ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร             เขาได้ศึกษาเรื่องวัสดุและขั้นตอนการหลอมต่างๆ มาตั้งแต่อยู่ที่เกาะมหาปราชญ์    ชั้นรอง นอกจากนี้ยังเคยหลอมวัตถุเวทระดับหนึ่งอยู่หลายชิ้น วัตถุเวทระดับสูงกว่านี้ก็เคยหลอม เพียงแต่มีคุณภาพไม่สมบูรณ์

เขามั่นใจว่าถ้าหากได้ศึกษามากกว่านี้คงจะสามารถหลอมวัตถุเวทระดับหนึ่งคุณภาพสมบูรณ์ได้โดยใช้เวลาไม่นาน

สำหรับข้าก็ถือว่าท้าทายอยู่เหมือนกันที่จะขึ้นเป็นศิษย์เอกอาวุธเวท               เจ้าหลินเทียนหาวมันทำได้อย่างไรกัน

หลังจากรู้วิธีการขึ้นเป็นศิษย์เอกอาวุธเวท ก็เกิดคำถามนี้ขึ้นในหัวชายหนุ่ม       แต่หวังเป่าเล่อก็นึกออกว่าหลินเทียนหาวมีภูมิหลังอย่างไร ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก็พอจะเข้าใจว่าอีกฝ่ายทำได้อย่างไร

ดูเหมือนว่าข้าจะต้องหาผู้มีอำนาจมาเป็นพวกบ้างแล้ว มิเช่นนั้น หากข้ามุ่งฝึกตนอย่างหนักเพียงอย่างเดียว คงจะต้องเสียเปรียบมากในอนาคต

หวังเป่าเล่อเกาหัวขณะครุ่นคิด เขานึกถึงผู้อาวุโสคนที่เคยมอบแผ่นหยกให้เขาเมื่อตอนชุมนุมบนยอดเขาเจ้าสำนัก ได้ ชายหนุ่มเคารพผู้อาวุโสคนนี้เป็นอย่างมาก

ผู้อาวุโสแห่งตำหนักอาวุธเวทเหมือนจะมีตำแหน่งสูงทีเดียว

เหนือกว่าเจ้าตำหนักอีกรึเปล่านะ

หวังเป่าเล่อครุ่นคิดต่ออีกเล็กน้อย เขาคิดว่าก่อนอื่นตนจะต้องขึ้นเป็นศิษย์เอกอาวุธเวทให้ได้ก่อน

ก่อนอื่นต้องหลอมวัตถุเวท และเลื่อนขึ้นเป็นศิษย์เอกอาวุธเวทให้จงได้!

ระหว่างที่ศึกษาวิชาเมฆาศักดิ์สิทธิ์อยู่ เขาก็ศึกษาวิชาแปรสภาพอาวุธไร้ขอบเขตไปด้วย อีกทั้งยังซื้อวัสดุต่างๆ มาเตรียมไว้ใช้หลอมวัตถุเวทระดับหนึ่งคุณภาพสมบูรณ์

หลายวันผ่านไป ความสงบสุขกลับมาเยือนชีวิตหวังเป่าเล่ออีกครั้ง นอกจากฝึกฝนหลอมวัตถุเวทแล้ว เขายังศึกษาจากวิดีทัศน์การสอนบนเครือข่ายวิญญาณ บางครั้งก็ออกไปฟังศิษย์พี่อธิบายในชั้นเรียนต่างๆ ในตำหนัก ทุกอย่างกลับไปเป็นปกติดังเดิม

หลินเทียนหาว เพื่อนบ้านของเขายังคงไม่กลับมา แม้ว่าหวังเป่าเล่อจะครองถ้ำ   ที่พักแค่หลังเดียว แต่เขาก็สามารถหลอมศิลาวิญญาณได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจาก      ทั้งสองถ้ำที่พักนั้นใช้ปราณวิญญาณร่วมกัน หวังเป่าเล่อสุขกายสบายใจยิ่งนัก        แต่ก็เริ่มคิดถึงหลินเทียนหาวขึ้นมาตงิดๆ

เขาเป็นหนูทดลองชั้นเลิศทีเดียว…เสียดายที่ดันหนีออกไปเสียอย่างนั้น              มีการทดลองอีกมากมายที่ยังไม่ได้ลอง การศึกษาพัฒนาวัตถุเวทที่มีผลต่อจิตใจของข้าจึงต้องชะงักลงเสียอย่างนั้น

หวังเป่าเล่อรู้สึกเสียดายโอกาส แต่ก็รู้สึกเช่นนั้นได้ไม่นาน ผ่านไปครึ่งเดือน     หลินเทียนหาวก็กลับมา…

หลินเทียนหาวกลับถ้ำที่พักมาพร้อมกับโทรโข่งจำนวนมากที่เขาให้คนหลอมให้ช่วงที่หายไป ชายหนุ่มติดตั้งโทรโข่งบนผนัง ก่อนจะเปิดใช้งานปล่อยเสียงรบกวน    ไปแก้แค้นหวังเป่าเล่อ

นอกจากนี้ เขายังเตรียมมาตรการป้องกันพิเศษไว้อีกด้วย หลังจากกันเสียงออกไปจากตน หลินเทียนหาวก็นั่งขัดสมาธิหัวเราะเสียงเย็น

“อยากจะไล่ข้าออกไปอย่างนั้นหรือ ไม่มีวัน!”

หวังเป่าเล่อแปลกใจที่เห็นหลินเทียนหาวกลับมา เขาเตรียมการป้องกันหาก    หลินเทียนหาวเลียนแบบวิธีของตนไว้แล้วก่อนหน้า  จึงสามารถตั้งรับการโจมตีจาก  อีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย หวังเป่าเล่อกลัวว่าอีกฝ่ายจะหนีไปอีก จึงรีบดำเนินการทดลองลำดับต่อไปทันที เขาตวัดชายแขนเสื้อและร้องคำรามเสียงต่ำ “จูกังเฉียง!”

ร่างหนึ่งลอยออกมาจากกำไลคลังเวทของหวังเป่าเล่อในทันใด ลงเหยียบพื้นเสียงดัง ก่อนจะเงยหน้าร้องขู่คำรามเสียงต่ำ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version