Skip to content
Home » Blog » A World Worth Protecting 130

A World Worth Protecting 130

บทที่ 130 การทดลองโจมตีทางจิตใจ

ร่างนั้นคือ วัตถุเวทหุ่นเชิดที่หวังเป่าเล่อหลอมขึ้น!

หุ่นเชิดมีร่างสูงใหญ่ รูปลักษณ์กำยำล่ำสันเป็นอย่างมาก ทั่วตัวมีขนรุงรัง ดูดุร้าย     น่ากลัว ถ้าตัดเสียงออก หุ่นตัวนี้ก็ดูเหมือนกับหอคอยเหล็กกล้า ดวงตาของมัน      ส่องแสง แตกต่างจากหุ่นเชิดตัวก่อนๆ ที่หวังเป่าเล่อเคยสร้าง

วัตถุเวทหุ่นเชิดตัวนี้เป็นหุ่นเชิดรุ่นแรกๆ ที่หวังเป่าเล่อสร้างขึ้นที่เกาะ           มหาปราชญ์ชั้นรองช่วงหยุดเรียน มันร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่เขาที่ป่าฝนบ่อเมฆ เป็นหุ่นเชิดตัวที่ทำให้เหล่าชายชุดดำพรั่นพรึง

มันช่วยให้หวังเป่าเล่อเข้าใจวัตถุเวทหุ่นเชิดในแง่มุมใหม่!

เหตุการณ์ครั้งนั้น มีหุ่นเชิดสามตัวที่ทำให้เหล่าชายชุดดำหวาดกลัว จากนั้น    ชายหนุ่มก็ติดตั้งระบบเสียงให้เมื่อตอนมีเรื่องกับสาขาปรัชญาเต๋า แม้หวังเป่าเล่อจะหลอมหุ่นเชิดขึ้นมาอีกมากมาย แต่หลายตัวก็ได้รับความเสียหายหนัก เขาสูญเสีย   หุ่นเชิดไปมากในหมู่บ้านลมปราณวิญญาณ ตอนที่เขาพยายามทะลวงผ่าน              วงแหวนปราณในยอดเขาเศษชิ้นส่วน

หุ่นเชิดตัวนี้จึงเป็นหุ่นเชิดรุ่นแรกที่ยังหลงเหลืออยู่ ถึงจะเสียหายหนักจากมีดบินของหลินเทียนหาว แต่หวังเป่าเล่อก็ซ่อมแซมเรียบร้อย หวังเป่าเล่อยืนมองหุ่นเชิดด้วยความพึงพอใจ

“จูกังเฉียง ข้าจะใช้เจ้าในการทดลอง เจ้าจะทำให้ข้าได้หรือไม่” หวังเป่าเล่อแสร้งพูดเสียงนุ่ม

เมื่อเขาพูดจบ หุ่นเชิดร่างกำยำก็เงยหน้าขึ้น สีหน้าดูงุนงง พลันนัยน์ตาของมันก็เรืองแสงจ้าจากประกายศิลาวิญญาณรุ้งภายในตัว หากไม่สังเกตดูดีๆ คงจะคิดว่ามันคืนชีพขึ้นมาใหม่ด้วยความดุร้ายที่มากกว่าเก่า หุ่นเชิดเอ่ยตอบทันที

“อ๊างงง!”

เสียงนั่นทำให้หวังเป่าเล่อตัวสั่นสะท้านไปทั้งร่าง

“พอ พอ…” หวังเป่าเล่อทนเสียงของมันไม่ไหว เขายกมือแตะจมูกและกระแอมไอขึ้น ก่อนจะพาหุ่นเชิดไปยังห้องเตาหลอม ชายหนุ่มตั้งใจจะสร้างหุ่นเชิดเพิ่มขึ้นและปรับแต่งเสริมพลังให้จูกังเฉียงอีกเล็กน้อย

ไม่นาน หวังเป่าเล่อก็เดินออกจากห้องเตาหลอม มีชายล่ำสามคนเดินตามหลังมา ทั้งสามดูแข็งแรงกำยำเหมือนจูกังเฉียงไม่มีผิด พวกมันไม่ได้ใส่เสื้อ เผยกล้ามเกินจริงและขนรุงรังสู่สายตาสาธารณะ ใครผ่านมาเห็นก็ต้องหวาดกลัว

หวังเป่าเล่อพึงพอใจกับจูกังเฉียงหมายเลขหนึ่ง สอง และสามที่ตนสร้างเป็นอย่างมาก เขาเหลือบมองไปทางถ้ำที่พักของหลินเทียนหาวพลางยกมือขึ้นกอดอกอย่าง  เบิกบานใจ

“ต่อจากนี้ พวกเจ้าจะเป็นผู้คุมกันให้ข้า หวังเป่าเล่อ! จงไปเฝ้ายามหน้าประตู ห้ามมิให้ผู้ใดเข้ามา ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากข้า ในขณะเดียวก็จงจำภารกิจของพวกเจ้าไว้ให้ดี นั่นก็คือ คอยบันทึกความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของเจ้าหนูทดลอง”

“อ๊างงง!” หุ่นเชิดสุดล่ำครางออกมาพร้อมกัน

เสียงครางนั้นทำให้หวังเป่าเล่อสั่นสะท้าน หุ่นเชิดทั้งสามวิ่งออกไปหน้าถ้ำที่พักในทันที พวกมันยืนอยู่หน้าประตูอย่างองอาจ ไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย

หวังเป่าเล่อพอใจเป็นอย่างมาก เขานั่งขัดสมาธิลง เลิกสนใจสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกถ้ำและเริ่มศึกษาเรื่องวัสดุหลอมจากวิชาแปรสภาพอาวุธไร้ขอบเขต สองวันผ่านไป   อย่างรวดเร็ว หลินเทียนหาวไม่ได้ออกจากถ้ำที่พักเลยตลอดสองวันนั้น ชายหนุ่มสบายอกสบายใจ ระหว่างที่กำลังหลอมวัตถุเวทอยู่ ก็มีอันต้องหันไปจ้องเขม็งทางถ้ำที่พักของหวังเป่าเล่อ ก่อนจะเบ้ปากใส่ด้วยความรังเกียจ

“นอกจากใช้โทรโข่งสร้างเสียงรบกวน เจ้าหวังเป่าเล่อก็ไม่มีกลเม็ดอื่นใดอีก ไม่เหมือนข้าที่มีเหลืออีกมากมาย มาดูกันว่าใครจะย้ายออกไปก่อนกัน เจ้าหวังเป่าเล่อ!”

เขาลุกขึ้นยืนหลังจากพูดจบ ตั้งใจจะออกไปซื้อวัสดุสำหรับหลอมวัตถุเวทเพิ่ม ชายหนุ่มเปิดประตู เดินออกไปข้างนอกด้วยความเบิกบานใจ

ทันทีที่เขาก้าวออกจากถ้ำที่พัก เสียงครางสุดคุ้นหูก็พุ่งเข้ามาในทันใด หลินเทียนหาวตื่นตกใจ หันไปมองทางต้นเสียงก็เห็นชายสุดล่ำสามคนยืนอยู่หน้าถ้ำที่พักของ        หวังเป่าเล่อ พวกมันทำท่าสัปดน มองมาทางเขาด้วยความหื่นกระหาย

เป็นเรื่องยากมากที่จะจินตนาการภาพชายสุดล่ำทำท่าทางยั่วเย้าเล้าโลม       ภาพเบื้องหน้าช่างแปลกพิสดาร เป็นเรื่องยากเข้าไปใหญ่ที่จะจินตนาการภาพ       ชายฉกรรจ์สามคนหน้าแดงขวยเขินยืนบิดกระมิดกระเมี้ยน ร้องครางเสียงหวาน     ทุกสิ่งรวมกันทำให้ผู้พบเห็นต้องขนหัวลุก

พวกมันต่างกวักมือเรียกให้หลินเทียนหาวเข้าไปหา

ถ้าเพียงแค่นั้น คงจะพอทนไหว แต่ไพ่ตายของหวังเป่าเล่อไม่ได้กระจอกขนาดนั้น ขณะที่หลินเทียนหาวกำลังยืนงงงวยอยู่ เสียงแหลมสูงก็ดังขึ้นจากปากของชายฉกรรจ์ทั้งสาม

“มามะ อื้มมม…อ้าห์…มามะที่รัก!”

“อ๊างงง มาจับข้ารัด มาจับข้าตีก้นมา!”

“พ่อหนุ่มน้อยจ๋า…อ๊างงง…”

ภาพเบื้องหน้าทำให้หลินเทียนหาวสมองตื้อไปหมด เกือบจะหกคะเมนลงกับพื้น ชายหนุ่มขนลุกไปทั่วร่างเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มกล้ามล่ำทั้งสามหน้าตาเหมือนจูกังเฉียงไม่มีผิด เหตุการณ์สุดสยองเมื่อครั้งก่อนที่หวังเป่าเล่อสร้างไว้ลอยเข้ามาในหัว      ความโกรธของชายหนุ่มพวยพุ่งขึ้นในใจ อยากจะต่อยหน้าพวกนั้นสักที

แต่ก็ต้องปรามตัวเองไว้เมื่อรู้ว่าทั้งหมดนี่คือแผนของหวังเป่าเล่อ ถ้าเขาจู่โจม  พวกนั้นไป ก็จะติดกับทันที หลินเทียนหาวพยายามควบคุมตนเอง แสร้งทำใจเย็น ไม่ได้ยินเสียงใดๆ และเดินหนีไป

หุ่นเชิดทั้งสามกับสู่สภาวะปกติทันทีที่หลินเทียนหาวจากไป พวกมันยืนนิ่งเหมือนยามเฝ้าประตู หวังเป่าเล่อยืนมองตาเป็นประกายอยู่ภายในถ้ำที่พัก

เหมือนว่าการโจมตีทางจิตใจวิธีนี้จะได้ผลมากที่สุด ผลการทดลองนี้จะเป็นประโยชน์กับการศึกษาของข้าในอนาคต

หวังเป่าเล่อคิดว่าเขาได้ค้นพบทิศทางการพัฒนาวัตถุเวทโจมตีจิตใจ เขาไม่กลัวเลยว่าหลินเทียนหาวจะโจมตีหุ่นเชิดของเขา เพราะหากอีกฝ่ายทำเช่นนั้น ก็จะถือเป็นการขัดคำสั่งเจ้าตำหนัก หุ่นเชิดเป็นวัตถุเวทของหวังเป่าเล่อ หากหลินเทียนหาวเข้า     จู่โจมพวกนั้นก็เทียบเท่ากับจู่โจมหวังเป่าเล่อ ครั้งนี้หวังเป่าเล่อตั้งใจจะไม่ทำรุนแรงเพราะไม่อยากให้หนูทดลองเขาหนีไปอีก ชายหนุ่มจะต้องใช้โอกาสครั้งนี้ให้ดีที่สุด

เจ้าเด็กดื้อหาว ตั้งใจทำหน้าที่เสีย! ข้าตั้งความหวังกับเจ้าไว้มาก

หลังจากจดบันทึกทุกอย่างเสร็จ หวังเป่าเล่อก็คิดว่าข้อมูลการทดลองนี้จะต้องเป็นประโยชน์ต่อการหลอมวัตถุเวทในภายภาคหน้ามากแน่ๆ ชายหนุ่มเบิกบานใจ   ยิ่งนัก เขาอ่านเรื่องวัสดุหลอมต่อ จากประสบการณ์ทั้งหมดที่หวังเป่าเล่อสั่งสม       มาตลอด บวกกับความรู้ที่ได้ศึกษาช่วงก่อนหน้า ทำให้เขาเข้าใจหลักต่างๆ ได้ดีมากทีเดียว

หลังจากเข้าใจเรื่องวัสดุหลอมทั้งหมด ชายหนุ่มตั้งใจจะหลอมวัตถุเวทระดับหนึ่งคุณภาพสมบูรณ์เป็นการต่อไป ซึ่งจะช่วยให้เขาเข้าใจบทสุดท้ายของเรื่องวัสดุหลอมได้ดียิ่งขึ้น หวังเป่าเล่อไม่รู้ตัวเลยว่าตั้งแต่เขาขึ้นมายังเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูง ความรู้และทักษะของเขาก็พุ่งขึ้นพรวดพราด

ขณะที่หลินเทียนหาวนั้นไม่สามารถจดจ่อกับการฝึกตนได้เลยเพราะเขาแทบจะบ้าไปแล้ว เป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่ช้าหวังเป่าเล่อคงจะพัฒนาจนห่างชั้นกับหลินเทียนหาวไปมาก

สองสัปดาห์ต่อมา หลินเทียนหาวไม่รู้ตัวเลยว่าตนโกรธจัดจนเต้นเร่าๆ อยู่หลายครั้ง ทุกครั้งที่เขาเข้าออกถ้ำที่พัก หุ่นเชิดทั้งสามของหวังเป่าเล่อก็จะยั่วยวนกวนประสาทจนชายหนุ่มเลือดขึ้นหน้า จะอย่างไรก็ไม่อาจทำใจให้ชินกับมันได้

จะไม่ออกไปข้างนอกก็เป็นไปไม่ได้ แม้ว่าเขาจะพยายามลดทอนจำนวนครั้งที่จะต้องออกไปข้างนอกให้น้อยที่สุด ก็ยังมีบ้างที่แขกเหรื่อมาเยี่ยมเยียนเป็นครั้งคราว

ข่าวแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว หลินเทียนหาวทำอะไรไม่ได้ ความคิดอยากจะย้ายออกผุดขึ้นมาในหัว เขาโกรธแค้นมากจนไม่อยากจะเรียนหรือฝึกตนใดๆ หมกมุ่นอยู่แต่การคิดแก้แค้น

ยังไม่ทันจะคิดแผนออก ชายหนุ่มสวมอาภรณ์สีขาวก็ปรากฏตัวหน้าถ้ำที่พักของหลินเทียนหาวเสียก่อน ชุดที่เขาสวมนั้นแตกต่างจากศิษย์อาวุธเวท รอบกายมี          ไอพิศวงล้อมรอบ เห็นแล้วก็รู้ว่าชายผู้นี้มีตำแหน่งสูง อีกทั้งยังมีพลังมากทีเดียว

ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์มากล้น ทำให้ชุดที่สวมอยู่ดูสง่างามยิ่งขึ้น

ชายรูปงามยืนเท้าเอวอยู่หน้าถ้ำที่พักของหลินเทียนหาว เขามองหุ่นเชิดสุดล่ำสามตัวที่ยืนอยู่นอกถ้ำที่พักของหวังเป่าเล่อด้วยแววตางุนงง

ชายร่างกำยำทั้งสามยืนอย่างองอาจ ตามองนิ่ง ราวกับยามเฝ้าประตู

ชายหนุ่มคนนั้นยืนจ้องพวกมันอยู่สักพัก เขาดูประทับใจเล็กน้อย หลังจากมองประตูถ้ำที่พักของหวังเป่าเล่อกับหลินเทียนหาว ชายรูปงามหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อ ทันใดหน้าประตูถ้ำที่พักของหลินเทียนหาวก็สั่นไหวทันที

“ศิษย์น้องหลินอยู่รึเปล่า” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

หลินเทียนหาวนั่งอมทุกข์อยู่ในถ้ำที่พัก เขาตั้งใจจะเมินเฉยเมื่อได้ยินเสียงเรียก แต่พอเขาเงยหน้ามองออกไปข้างนอก ดวงตาของชายหนุ่มก็เบิกกว้างทันที

“เฉินอวี่ถง มาทำอะไรกัน”

หลินเทียนหาวรู้จักชายชุดขาวที่ยืนอยู่หน้าถ้ำที่พัก ชายหนุ่มทราบว่าชายชุดขาวนั้นเป็นอัจฉริยะโดยกำเนิดของตำหนักอาวุธเวท เขาได้บรรลุระดับลมหายใจเที่ยงแท้ด้วยรากฐานวิญญาณแปดนิ้ว หลังจากได้ขึ้นมายังเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูง ก็ได้รับคัดเลือกให้เป็นศิษย์เอกประจำตัวหนึ่งในห้าผู้อาวุโสแห่งตำหนักอาวุธเวท เขามีชื่อเสียงมากทีเดียวในเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูง

เขาทั้งรูปงามและมีความสามารถโดดเด่น นอกจากนี้ยังเชี่ยวชาญเรื่องการซ่อมแซมอาวุธเวทเป็นอย่างมาก แม้แต่ผู้อาวุโสสูงสุดยังให้การยอมรับและกล่าวชมเชยสมบัติเวทที่ชายหนุ่มหลอมขึ้น!

นอกจากเขาจะมีตำแหน่งองครักษ์อาวุธเวทแล้ว ชายหนุ่มยังถือว่าเป็นหัวกะทิ  ในหมู่องครักษ์อาวุธเวทอีกด้วย มีข่าวลือว่าเขากำลังจะได้ขึ้นเป็นรองเจ้าตำหนัก  อาวุธเวทในไม่ช้า!

บุคคลมีชื่อเสียงเช่นนี้เป็นคนที่หลินเทียนหาวอยากจะตีสนิทด้วย แม้ว่าเขาจะมาจากตระกูลใหญ่ ชายหนุ่มก็ไม่กล้าทำอะไรให้อีกฝ่ายขุ่นเคืองใจ ตั้งแต่ขึ้นมายัง     เกาะมหาปราชญ์ชั้นสูง หลินเทียนหาวหาโอกาสไปทักทายตีสนิทกับอีกฝ่ายไม่ได้เลย

พอเห็นชายชุดขาวมาหา หลินเทียนหาวจึงรีบวิ่งไปเปิดประตู ออกไปต้อนรับด้วยรอยยิ้มสดใส จากนั้นก็ประสานมือคำนับทันที

“ศิษย์พี่เฉิน…”

ทันทีที่หลินเทียนหาวเปิดประตูออกมา เหล่าหุ่นเชิดก็หันขวับมาหา นัยน์ตาพวกนั้นเต็มไปด้วยความหื่นกระหาย บิดตัวไปมา ชายหนุ่มไม่ทันจะได้พูดจนจบประโยค     หุ่นเชิดทั้งสามก็ร้องครางขึ้นและพูดด้วยน้ำเสียงเย้ายวน

“ที่รักขา ในที่สุดเจ้าก็ออกมา! มาหาข้าเสียดีๆ อ๊างงง!”

เส้นเลือดปูดโปนขึ้นบนหน้าผากหลินเทียนหาว หากเป็นผู้มาเยือนเป็นคนอื่น   เขาคงจะทนได้ แต่ชายหนุ่มกลับโดนหยามเกียรติต่อหน้าผู้ที่เขาอยากจะตีสนิทด้วย ยิ่งเฉินอวี่ตงอุตส่าห์มาหาเขาถึงที่แล้ว ชายหนุ่มก็เริ่มคุมสติไม่อยู่ ร้องคำรามด้วยความโกรธ คิดอยากจะทำลายพวกหุ่นทิ้งเสีย แต่ก็…

ชายหนุ่มชุดขาวนามว่าเฉินอวี่ตงหันไปจ้องหุ่นเชิดทั้งสาม พวกมันกลับสู่สภาวะปกติในทันใด หากแต่นัยน์ตาของพวกมันกลับเต็มไปด้วยความตื่นตกใจอย่างใหญ่หลวง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version