บทที่ 150 ใช้งานกับคนได้ด้วย
“ใช่แล้ว ได้ยินไม่ผิดหรอก! เจ้าวัตถุเวทชิ้นใหม่นี้มีชื่อว่า หุบปาก!” หวังเป่าเล่อพูดด้วยเสียงดังลั่นอย่างกระตือรือร้น
หลังจากที่ชายหนุ่มจุดพลุครั้งที่สองเรียบร้อย ทุกคนบนอัฒจันทร์ลอยฟ้าและผู้ชมทั่วทั้งเกาะต่างก็จำต้องหันมาจ้องทางพวกเขาอย่างเสียมิได้
“อะไรกัน หมอนี่มันจะขายของทุกครั้งเลยหรืออย่างไร!”
“นี่มันรายการบ้าอะไรกันแน่ การประลองของตำหนักการยุทธ์ หรือรายการออกสินค้าใหม่”
“หุบปากอย่างนั้นหรือ หมอนี่มันจะมาไม้ไหนอีกนะ”
ทุกคนต่างมีความเห็นในเรื่องนี้แตกต่างกันไป การประลองของตำหนักการยุทธ์ครั้งนี้แตกต่างจากปีอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด
บนอัฒจันทร์ลอยฟ้า บรรดาเจ้าพนักงานจากสหพันธรัฐ เหล่าทหารกองทัพ และผู้อาวุโสของสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ต่างมีสีหน้าอ่านยาก หวังเป่าเล่อทำให้ พวกเขารู้สึกราวกับไม่ได้ดูการประลองอยู่ แต่เป็นรายการขายของแบบสมัครเล่น โดยพิธีกรอ่อนประสบการณ์
แต่ผู้ที่ตื่นกลัวที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้นคู่ต่อสู้ของลู่จื่อหาว ชายหญิงคู่นั้นตกอยู่ในสภาวะตะลึงงันทันทีที่หวังเป่าเล่อเปิดปากพูด และเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาประกาศเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองก็งงยิ่งกว่าเดิม พวกเขาคงพยายามพุ่งเข้าไปหยุดเรื่อง แปลกประหลาดนี้แล้ว ถ้าตัวของหวังเป่าเล่อเองไม่ได้ถูกรายล้อมไว้ด้วยเกราะป้องกันแน่นหนา พฤติกรรมประหลาดของหวังเป่าเล่อ ทำให้ทั้งคู่รู้สึกกระวนกระวายแบบบอกไม่ถูก
ชายร่างบึกบึนตกใจมาก จนอดหันไปถามลู่จื่อหาวไม่ได้ “หมอนั่นทำอะไรน่ะ”
ลู่จื่อหาวทำหน้าบอกบุญไม่รับ เขารู้สึกว่าหวังเป่าเล่อแย่งความเป็นจุดสนใจไปจากตนเองอีกแล้ว แต่ก็เงียบปากไว้ ชายหนุ่มที่กำลังหัวเสียทำได้แค่เหวี่ยงหมัดระบายอารมณ์เท่านั้น
“ไอ้อ้วนนั่นมันเล่นแง่กับเราจนเลยเถิดขนาดนี้! ไม่ต้องไปกลัวมัน! เจ้าดำใหญ่ เจ้าดำน้อย เจ้าขาวน้อย กัดมันเลยลูก!” เมื่อเห็นว่าลู่จื่อหาวได้แต่นิ่งเงียบ ศิษย์หญิงร่างน้อยจากตำหนักฝึกอสูรผู้นั้นหัวเราะด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น แววตาของนาง เป็นประกาย นางขยับกายอย่างรวดเร็วเพื่อควบคุมสุนัขกระหายเลือดทั้งสาม ให้พุ่งทะยานเข้าไปหาลู่จื่อหาว หมายจะกัดร่างเขาให้ได้
เมื่อการประลองกลับมาเป็นปกติแล้ว หวังเป่าเล่อก็เริ่มขายของต่อ
“อย่าดูถูกเจ้าสินค้าชิ้นนี้ทีเดียวเชียว นี่เป็นวัตถุเวทระดับสองชั้นเยี่ยม ที่มีแกนกลางเป็นศิลาวิญญาณรุ้ง วัตถุเวทนี้แข็งแกร่งมาก ข้าสลักอักขราจารึกลงไปด้วยตนเองถึงสองหมื่นอักขระ! เมื่อท่านลูกค้านำวัตถุเวทชิ้นนี้ไปใช้งาน มันจะทำการตรวจจับเป้าหมายอัตโนมัติ และยังสร้างหมอกได้ด้วย…” ขณะที่หวังเป่าเล่อร่ายยาวถึงสรรพคุณของสินค้านั้น ดวงตาเขาก็เป็นประกายขึ้นไปอีก เขาวาดมือขวาออกแล้วหน้ากากสีเหลืองสามชิ้นก็ปรากฏออกมา!
หน้ากากเหล่านี้มีหน้าตาคล้ายปากเป็ด เสียแต่ว่าสีเหลืองนั้นไม่ได้สม่ำเสมอ ทั่วกันตลอดชิ้น หน้ากากนี้หน้าตาอัปลักษณ์มาก แต่เมื่อลองมองดูดีๆ แล้ว ประกายแสงที่เรืองออกมาจากแก่นวิญญาณภายในนั้น แผ่รังสีทรงพลังพอตัวเลยทีเดียว
ขณะที่หวังเป่าเล่อพูดนั้น เขาสังเกตเห็นว่าลู่จื่อหาวกำลังถอยทัพ เมื่อได้ยินเสียงขู่คำรามของสุนัขป่าทั้งสามตัว หวังเป่าเล่อก็เริ่มวิตกในทันที
“เอาล่ะ ได้เวลาสาธิตวิธีการใช้แล้ว!” หวังเป่าเล่อเอ่ย ก่อนโยนหน้ากากเป็ด แสนน่าเกลียดทั้งสามชิ้นนั้นออกไปอย่างรุนแรง
เมื่อเห็นดังนั้น ศิษย์หญิงหน้าหวานก็แสดงสีหน้าเยาะเย้ย
“แต่ข้าเกลียดไอ้อ้วนนี่ที่สุดเลย!” นางประกาศก้องด้วยความรำคาญในท่าที เสแสร้งของหวังเป่าเล่อ แม่นางสะบัดข้อมือ เพื่อส่งสุนัขป่าทั้งสามตัวให้วิ่งตรงไปหาหวังเป่าเล่อ!
ขณะสัตว์ร้ายทั้งสามตัวกำลังพุ่งตรงมาหาเขา หน้ากากเป็ดทั้งสามอันก็ทะลุเกราะระฆังทองคำออกมาพอดี กองทัพหน้ากากส่องเรืองแสงจ้าแสบตาออกมา แสงสุกสกาวนี้มาพร้อมกัมวลพลังที่รุนแรงน่าตกใจกว่าเก่า ยิ่งไปกว่านั้น ขณะที่มันลอยออกไปข้างหน้า ปากบนและปากล่างของหน้ากากก็มาบรรจบกัน และจัดแจงปล่อยเสียงร้องโหยหวนแสบแก้วหู ที่ทำให้ทุกคนต้องหันกลับมามอง
สุนัขสามตัวนั้นตกใจจนแข็งทื่ออยู่กับที่ หน้ากากทั้งสามก็พลันตั้งพิกัดเหยื่อได้ และพุ่งเข้าหาพวกมันด้วยความเร็วที่รุนแรงกว่าเดิม ไม่ว่าสุนัขทั้งสามจะดิ้นรน พยายามหนี หรือร้องโหยหวนประท้วงแค่ไหน ก็ไม่มีทางหนีหน้ากากมหันตภัยนี้ไปได้
หน้ากากสองอันครอบเข้าที่ปากสุนัขป่าทั้งสองเรียบร้อย!
แต่หน้ากากอันที่สามดูเหมือนจะขัดข้องเมื่อเจอเข้ากับการเพิ่มความเร็วโดยฉับพลัน มันจับพิกัดศัตรูไม่ได้และลอยเท้งเต้งอยู่บนอากาศอย่างนั้น ราวกับสิ้นฤทธิ์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ก่อนที่ศิษย์หญิงจะเรียกสติกลับมาได้เต็มร้อย หน้ากากก็พุ่งเข้าครอบปากสุนัขสองตัวของนางเสร็จสรรพเสียก่อน หน้ากากส่งเสียงแตกดังขึ้น ที่หนีบโผล่ออกมาหนีบปากมันไว้ และปิดปากสุนัขทั้งสองตัวให้เงียบเสียงลง สุนัขทั้งสองนั้นทำไม่ได้แม้กระทั่งจะเปิดหรือปิดปากของตน ทำให้เสียงหอนประท้วงหยุดลงโดนฉับพลันราวโดนบีบคอ
เหยื่อทั้งสองล้มลงกับพื้นเมื่อโดนแรงปะทะเข้าไป เมื่อตั้งตัวลุกขึ้นยืนได้ ก็ทำได้แค่ครางหงิงๆ อยู่ในลำคอเท่านั้น พวกมันตื่นตกใจเป็นอันมาก และพยายามเอา อุ้งเท้าตะกุยหน้ากากรุนแรงเสียจนเป็นรอยแต่ก็เอาออกไม่ได้ หมอกกระจายออกมาจากตัวหน้ากากและพุ่งเข้าใส่ปากสุนัขทั้งสอง แต่ก็ไม่ได้มีผลอะไรมากมาย เพียงแค่ทำให้สุนัขเป๋ไปนิดหนึ่งเท่านั้น
ส่วนสุนัขอีกตัวหนึ่งที่เหลืออยู่ก็ตกอยู่ในภาวะกลัวหัวหด ความหวาดหวั่นฉายชัดในดวงตาของมัน ก่อนจะล่าถอยไป
“เจ้าดำน้อย! เจ้าขาวน้อย!” ศิษย์หญิงอุทานเสียงดัง สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความเป็นห่วง นางรีบวิ่งเข้าไปหาสัตว์อสูรทั้งสองเพื่อช่วยเหลือ
ในเวลาเดียวกันนั้น ผู้ชมบนอัฒจันทร์ก็เลิกสนใจรายการขายตรงหน้า เจ้าหน้ากากนี่ก็พอมีดีอยู่บ้าง แต่ก็ยังถือว่าเป็นวัตถุเวทดาษดื่นทั่วไป ไม่เหมือนลูกประคำทองคำที่หวังเป่าเล่อนำออกมาแสดงก่อนหน้า นี่ยังไม่ต้องพูดถึงหน้ากาก อีกหนึ่งอันที่หยุดทำงานไป รายการขายนี้ถือว่าล้มเหลวในสายตาพวกเขา
เมื่อเห็นภาพความชุลมุนตรงหน้า ฝูงชนบนเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูงก็พากันโห่ร้องด่าหวังเป่าเล่อกันขรม เหล่าศิษย์ต่างพากันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างออกรส
“กระจอกชะมัด แถมหนึ่งในนั้นยังพังเสียอีก!”
“ดูเหมือนตาหวังเป่าเล่อนี่จะหมดมุกเสียแล้วกระมัง น่าผิดหวังเป็นบ้า!”
หวังเป่าเล่อกังวลจนเหงื่อเริ่มออก เขารู้ว่าทั้งหมดเป็นเพราะตนเองลืมคำนวณความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นให้ถี่ถ้วน ขณะที่หลอมหน้ากากพวกนี้ขึ้นมา เห็นได้ชัดว่ามีอักขราจารึกบางตัวผิดไป หวังเป่าเล่อชูมือขวาขึ้นอย่างตื่นๆ หน้ากากอันที่หยุดทำงานหมุนวนอยู่กลางอากาศ ก่อนกลับสู่มือเจ้าของอีกครั้ง
“เอ้อ มีความผิดพลาดเล็กน้อยนะขอรับ เจ้าวัตถุเวทหุบปากนี้ ความจริงแล้วมันปรับปรุงได้ ข้าบันทึกข้อมูลของสัตว์อสูรราวเจ็ดถึงแปดชนิดลงไป หากท่านนำไปครอบครองแล้วสามารถเพิ่มเติมได้เองด้วย ดูสิ ท่านลูกค้าผู้มีอุปการคุณแค่ต้อง ปรับนิดเดียวเท่านั้นเอง เท่านี้ก็เรียบร้อย!”
แต่คราวนี้เมื่อหน้ากากบินออกจากมือเขา มันกลับไม่ได้จับเป้าไปที่สุนัข ตัวสุดท้าย ที่บัดนี้กำลังหลบซ่อนด้วยความหวาดกลัว เจ้าหน้ากากกลับลอยขึ้นไป บนฟ้าแทนเสียนี่ หวังเป่าเล่อตบหน้าผากดังป้าบ และถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เขายอมแล้วว่ารายการขายนี้ล้มเหลวไม่เป็นท่า
เมื่อเห็นพ่อค้าจำเป็นทำหน้าตาผิดหวัง ฝูงชนที่ดูอยู่ทางหน้าจอก็โห่ไล่ออกมาดังขึ้น เหล่าผู้ชมบนอัฒจันทร์พากันหันไปมองคู่อื่น ทันใดนั้น…เจ้าหน้ากากที่ผิดพลาดไปเมื่อครู่ก็หมุนวนในอากาศอีกครั้ง และบินตรงไปหาศิษย์หญิงเจ้าของอสูร ราวกับว่า แม่นางร่างน้อยคือ เป้าหมายใหม่ของมันนั่นเอง!
เสียงกรีดร้องจากหน้ากากแหลมสูงบาดหูตามมาติดๆ เรียกให้เหล่าผู้ชมที่หันไปมองทางอื่นแล้ว ต้องหันกลับมาใหม่ แล้วแต่ละคนก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นตกตะลึง
ศิษย์หญิงผู้นั้นหัวเสียอย่างมาก นางพยายามช่วยเอาหน้ากากออกจากสุนัขของนาง แต่เมื่อเห็นหน้ากากอันสุดท้ายกำลังพุ่งมาทางตน แม่นางก็ตาเบิกโพลงทันที ภาพของตนเองที่กำลังใส่หน้ากากน่าเกลียดอันนั้นทำให้นางลืมทุกสิ่งทุกอย่าง ภาพอันแสนน่าเกลียดทำให้นางตื่นกลัวจนไม่เป็นอันทำอะไร ศิษย์หญิงผู้นั้นกรีด ร้องลั่นออกมาดังกังวาน ก่อนจะรีบวิ่งหนีไป
จะบอกว่าแม่นางผู้นั้นเร็วแล้ว แต่หน้ากากกลับเร็วกว่า มันปล่อยเสียงร้องแหลมสูงมาประสานกับเสียงโหวกเหวกของนาง พลางพุ่งเข้ามาประชิดตัวในบัดดล ขณะที่มันกำลังจะพุ่งเข้าครอบปากของศิษย์หญิงหน้าตาสวยหวานนั้น นางก็หน้าซีดเผือด รีบควักเอาวัตถุเวทคุ้มกันออกมาอันแล้วอันเล่า เพื่อป้องกันตัวเองตามสัญชาตญาณ
ท่ามกลางความจ้าละหวั่นนี้ หน้ากากสีเหลืองน่าเกลียดหยุดชะงักลงพร้อม เสียงใกล้แตก หลังจากทะลวงผ่านเกราะป้องกันตนหลายต่อหลายชั้นของศิษย์หญิงมาได้ แต่ก่อนที่แม่นางจะได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก หน้ากากเจ้ากรรมก็ระเบิดออก หมอกหนาฟุ้งกระจายออกมาในพริบตา โดยมีศิษย์หญิงผู้นั้นเป็นจุดหมายปลายทาง
แค่หมอกยังไม่พอ บรรดาเชือกที่ซ่อนตัวอยู่ภายในหมอกพุ่งแหวกหน้ากากที่แตกออกมาเช่นกัน สีหน้าของแม่นางผู้เคราะห์ร้ายนั้นเปลี่ยนอีกครั้ง นางกำจัดหมอก ได้ไม่ยาก แต่เชือกนั้นหนีอย่างไรก็หนีไม่พ้นแน่ๆ เชือกนั้นรัดร่างของนางไว้แน่น ตรึงเอามือไว้ด้านหลังให้ขยับไปไหนไม่ได้
“ไอ้หวังเป่าเล่อ!” นางกรีดร้องเสียงแหลม แม่นางได้ยินตอนที่เขาแนะนำตนเองเมื่อก่อนหน้า และบัดนี้นางกำลังเดือดจัดด้วยโทสะ แต่ก็ทำได้เพียงยืนขึ้นและดีดดิ้นไปมาเท่านั้น
หวังเป่าเล่อกะพริบตาปริบ แต่ก็เรียกสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว เขารีบเงยหน้าขึ้นไปบนฟ้าทันทีพร้อมกระแอมแก้เก้อ
“ความจริงแล้วข้ายังพูดไม่จบ เจ้าวัตถุเวทนี้ไม่เพียงแต่ปรับตามการใช้งานได้ แต่ยังใช้ได้ผลกับมนุษย์ด้วยนะขอรับ…” เขาเริ่มพูด แต่ก็ถูกขัดด้วยเสียงสั่นจากข้อความจำนวนมากที่ส่งมายังแหวนสื่อสารของตน
จำนวนข้อความนั้นพุ่งทะลุเสียดฟ้าจนกลายเป็นประวัติการณ์
ในเวลาเดียวกันนั้น ทุกคนบนเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูงก็จับจ้องไปที่หน้าจอของหวังเป่าเล่อและลู่จื่อหาว หลายคนร้องอุทานด้วยความตกใจ สายตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น แม้แต่ศิษย์ตำหนักอาวุธเวทเองยังนิยมชมชอบเจ้าหน้ากากนี้
แม้จะมีวัตถุเวทที่ปรับการใช้งานได้อยู่มากมายในตำหนักอาวุธเวท แต่หน้ากากของหวังเป่าเล่อนี้ ถึงจะมีข้อผิดพลาดอยู่บ้าง ก็ยังมีจุดเด่นที่ไม่เหมือนใคร จุดเด่นของความคาดเดาไม่ได้นี่แหละ ที่จะกลายเป็นข้อได้เปรียบในการต่อสู้สนามจริง
“มันทำแบบนั้นได้ด้วยรึ! ร้ายเป็นบ้าเลย! หมอนี่มันเจ้าเล่ห์จริงๆ ! หวังเป่าเล่อ ข้าเกลียดคนเจ้าเล่ห์แบบเจ้าที่สุด! เอามาสามชิ้น!”
“วัตถุเวทชิ้นนี้สุดยอดเป็นบ้า! ใช้งานได้ตั้งสามแบบ ตอนแรกเป็นหน้ากากเอาไว้ปิดปาก แล้วก็ปล่อยหมอกได้ แถมยังมีเชือกออกมามัดอีก! ใครก็ไม่อาจตั้งรับ การโจมตีที่คาดเดาไม่ได้เช่นนี้! นี่แหละเครื่องมือชั้นยอดที่เอาไว้จับคู่ต่อสู้!”
“พวกเจ้าไปผิดทางกันหมดแล้ว! มันมัดคนได้แล้วอย่างไรเล่า วัตถุเวทคือ มิตรแท้ของตำหนักหลอมโอสถ! ถึงไอ้หมอกนั่นจะดูไร้สาระ แต่ลองคิดดูสิว่าหาก พวกเราปรับปรุงมันสักนิด แค่คิดก็สุดยอดแล้ว! ใครได้กลิ่นรับรอง สลบ!”
“เอามาสิบชิ้น!”