บทที่ 197 ถ้าเจ้าทำได้ ก็ลองดู!
ทั้งสหพันธรัฐและทุกหน่วยงานต่างมีส่วนร่วมกับเรื่องดังกล่าว สำนักศึกษา เต๋าศักดิ์สิทธิ์ หนึ่งในสี่ยอดสำนักเต๋านั้นมีศิษย์มากมายที่ได้เข้าไปทำงานภายใต้สหพันธรัฐ ศิษย์แต่ละคนมาจากภูมิหลังที่ต่างกัน ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาและสหพันธรัฐนั้นค่อนข้างซับซ้อนยุ่งเหยิง
และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ข่าวเรื่องปฏิบัติการดวงอาทิตย์ปักกระบี่แพร่กระจายภายในเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูงแทบจะในทันที ก่อนที่จะโครงการจะได้รับการอนุมัติและประกาศต่อสาธารณชนอย่างเป็นทางการด้วยซ้ำ ผู้คนต่างพูดคุยแลกเปลี่ยน ความคิดเห็นอย่างร้อนแรงบนเครือข่ายวิญญาณ
“ได้ยินข่าวเรื่องปฏิบัติการดวงอาทิตย์ปักกระบี่หรือยัง ภารกิจขึ้นไปเหยียบบนกระบี่สำริดเขียวโบราณ! ต้องมีอาวุธเวทอยู่บนนั้นแน่!”
“ปราณวิญญาณแรงกล้าและสมบัติของหายากต่างๆ บนกระบี่สำริดเขียวโบราณอย่างนั้นหรือ เทียบกันแล้วข้าสนว่าจะมีผู้ฝึกตนหญิงบนดาบโบราณที่ยังมีชีวิตอยู่ รึเปล่าเท่านั้น รูปร่างหน้าตาความคิดต่างๆ จะเหมือนเราหรือไม่ ถ้ามีโอกาส ในฐานะผู้รักการศึกษา ข้าอยากจะทำการวิจัยทดสอบดูว่าเราสามารถสานสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับพวกนางได้บ้างหรือเปล่า!”
“ทำไมพูดถึงแต่ผู้ฝึกตนหญิง…ความเห็นข้างบนช่างไร้ศีลธรรม! ข้าขอสั่งให้ พวกเจ้ารับข้าเข้าร่วมทีมวิจัยด้วย!”
“พวกไร้ยางอาย ความคิดในหัวบ่งบอกแล้วว่าพวกเจ้าช่างต่ำตมเสียจริง!”
ความคิดเห็นอันตื่นเต้นและข้อความเย้าแหย่ต่างๆ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว บนเครือข่ายวิญญาณราวกับไฟป่า หวังเป่าเล่อเองก็ตื่นเต้นไม่ต่างกัน เขาเริ่มจินตนาการวันที่เขาจะมีโอกาสได้เดินทางขึ้นไปบนกระบี่สำริดเขียวโบราณและเปิดตัวเป็นผู้นำสหพันธรัฐคนใหม่บนนั้น เบื้องหลังชายหนุ่มมีผู้ฝึกตนจากกระบี่โบราณ หลายคนคอยยืนคุ้มกัน หวังเป่าเล่อวาดภาพฝันในหัว ดวงตาเป็นประกาย
เขาห้ามใจไม่ได้ จึงโพสต์ข้อความแบบไม่ระบุตัวตนลงบนเครือข่ายวิญญาณ
“ข้าผิดหวังในตัวพวกเจ้าที่ไร้ซึ่งอุดมการณ์ อีกทั้งในหัวยังหมกมุ่นคิดถึงแต่เรื่อง ผู้ฝึกตนหญิง เป็นถึงผู้ฝึกตน พวกเจ้าน่าจะรู้ดีว่าควรทำตัวเยี่ยงไร! ข้าขอบอกพวกเจ้าอย่างจริงจังเลยนะว่า ถ้ามีวิจัยเรื่องความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับผู้คนนอกโลกจริง โปรดเรียกข้าด้วย! ข้าเชี่ยวชาญเรื่องนี้มาก!”
ไม่นานข้อความของเขาก็โดนผู้อื่นล้อเลียน ท่ามกลางบรรยากาศครื้นเครงปนหื่นกาม เหล่าศิษย์สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ต่างเริ่มตั้งตาคอยภารกิจนี้ ที่พวกเขาพูดไปก่อนหน้าเป็นแค่เรื่องล้อเล่นขบขัน จริงๆ แล้ว เหล่าศิษย์เองก็ไม่สามารถอธิบายความรู้สึกอันแรงกล้าของตนที่มีต่อกระบี่สำริดเขียวโบราณได้ อารยธรรมเต๋าเฟื่องฟูขึ้นมา บนโลกก็เพราะการปรากฏตัวของกระบี่โบราณเล่มนี้ ผู้คนต่างเฝ้าตรึกตรองถึงที่มาของกระบี่ อีกทั้งยังรู้สึกยำเกรงกระบี่สำริดเขียวโบราณเช่นกัน
หลายคนเริ่มพูดถึงปฏิบัติการดวงอาทิตย์ปักกระบี่มากขึ้น สื่อหลักในสหพันธรัฐหลายสำนักก็เริ่มออกอากาศเกี่ยวกับปฏิบัติการนี้เช่นกัน หวังเป่าเล่อเคี้ยวขนมเลื่อนดูกระทู้ต่างๆ บนเครือข่ายวิญญาณ เตรียมเขียนกระทู้ภายใต้บัญชีไม่ระบุตัวตน แต่ก็ได้รับข้อความเสียงจากแม่ทัพโจวเต๋อสี่แห่งปราการชั้นต้นระดับเจ็ด
“หวังเป่าเล่อ ข้าจัดแจงให้คนไปส่งเขี้ยวราชันอสูรที่ข้าสัญญาไว้เมื่อครั้งก่อนแล้วนะ น่าจะถึงวันนี้!”
แม่ทัพโจวกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นเคย เสียงทุ้มค่อยๆ ลอยเข้าหูหวังเป่าเล่อ ชายหนุ่มตื่นตัวทันที หยุดกินขนม ก่อนหันไปทางเครื่องสื่อสาร
“ขอบคุณมากขอรับ ท่านแม่ทัพโจว!”
ภายในใจของหวังเป่าเล่อมีไฟลุกโชติช่วง เขารอเขี้ยวราชันอสูรมานาน มั่นใจว่าถ้าได้เขี้ยวจักรพรรดิอสูรขั้นกำเนิดแก่นในมา คงจะยกระดับสมบัติเวทเขี้ยวมังกร ของตนได้เป็นแน่ เมื่อได้รับการเสริมพลังจากเขี้ยวอสูรขั้นกำเนิดแก่นในแล้ว เขี้ยวมังกรของเขาจะต้องมีพลังล้นเหลือยิ่งนัก
โจวเต๋อสี่ยังคงสงบนิ่งแม้จะได้ยินน้ำเสียงตื่นเต้นของหวังเป่าเล่อ เขาพูดคุยกับหวังเป่าเล่ออีกเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนน้ำเสียงทันใด “หวังเป่าเล่อ เจ้าตัวแสบ เจ้าสร้างความตื่นตระหนกให้กับคนทั่วสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ในการทดสอบองครักษ์อาวุธเวท ตีกลองศึกอัญเชิญผู้อาวุโสสูงสุดมาประเมินสมบัติเวทของเจ้า เรื่องนี้ได้ยินมาถึงหูพวกข้าด้วย
“ข้าสนใจปืนใหญ่เป่าเล่อของเจ้า ขอข้ายืมสักลำ เดี๋ยวข้าจะหาคนมาทดสอบประสิทธิภาพในการรบจริงด้วย”
หวังเป่าเล่อตอบตกลงอย่างไม่ลังเลใจ ปืนใหญ่สวรรค์เป็นแรงบันดาลใจให้เข้าสร้างปืนใหญ่ลำนี้ขึ้นมา อีกทั้งเขายังมีความสัมพันธ์อันดีกับปราการชั้นต้นลำดับเจ็ด จริงๆ แล้วชายหนุ่มก็คิดว่าจะให้แม่ทัพโจวทดลองเช่นกัน
โจวเต๋อสี่พอใจการตอบตกลงอย่างรวดเร็วของหวังเป่าเล่อ เขาพูดอะไรอีกเล็กน้อยก่อนจะจบบทสนทนา ไม่นานหลังจากนั้น พอดวงตะวันกำลังจะคล้อยฟ้า เรือบินจากปราการชั้นต้นลำดับเจ็ดก็ลงจอดที่สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์
ผู้ที่มาเยือนคือโจวลู่ หลังจากติดต่อทางสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์เสร็จ นางก็เดินทางมาหาหวังเป่าเล่อ ยืนคอยหวังเป่าเล่อออกมาจากถ้ำที่พัก แม้ว่า หวังเป่าเล่อจะสร้างความดีความชอบให้กับปราการชั้นต้นลำดับเจ็ด นางก็ยังรู้สึกแปลกๆ กับชายหนุ่ม เนื่องด้วยอดีตระหว่างทั้งสอง นางทำใจญาติดีกับหวังเป่าเล่อไม่ได้ อีกทั้งยังรู้สึกได้ถึงความสัปดนในการตั้งชื่อสมบัติเวทของชายหนุ่ม ด้วยเหตุผลทั้งหมดทำให้นางจ้องอีกฝ่ายเขม็งพร้อมกับยื่นมือขวาออกไปอย่างฉุนเฉียว
“เอาสมบัติเวทของเจ้ามา!”
ตอนแรก หวังเป่าเล่อกระหยิ่มใจเมื่อเห็นโจวลู่มาและกำลังจะเอาปืนใหญ่เป่าเล่อให้ แต่พอได้ยินน้ำเสียงของนาง เขาก็เริ่มรู้สึกไม่พอใจ จึงหยุดทันใดพร้อมกับกลอกตา ชายหนุ่มยืนพิงผนังหิน กอดอกมองโจวลู่ตั้งแต่หัวจรดเท้า
“อะไรกัน เจ้าร้องขอของแทนใจทุกครั้งที่เจอชายหนุ่มหน้าตาดีหรือ”
“เลิกกวนข้าแล้วส่งมาเร็วๆ!” โจวลู่พะอืดพะอมอย่างมากเมื่อได้ยินหวังเป่าเล่อบอกว่าตนเองเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี นางขมวดคิ้วพร้อมกับแค่นเสียงทางจมูกใส่
หวังเป่าเล่อเริ่มโกรธเมื่อเห็นท่าทีของโจวลู่ ตลอดทั้งชีวิต นอกจากตู้หมินแล้ว เขาก็ไม่เคยเจอใครที่สามารถต่อล้อต่อเถียงกับตนได้อย่างสมน้ำสมเนื้อมาก่อน ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูง
“ข้ามีสมบัติเวทมากมาย ชิ้นไหนกันที่เจ้าต้องการ”
“เจ้า…” หน้าอกของโจวลู่กระเพื่อมขึ้นลง รูปร่างโค้งเว้าของนางดูโดดเด่นในชุดเครื่องแบบรัดรูปสีดำ พอนางเริ่มเกรี้ยวกราด เครื่องแบบของนางก็ดูจะปริแตกออก
ผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็กัดฟันพูดขึ้นทีละคำ
“ปืน ใหญ่ เป่า เล่อ!”
“…” หวังเป่าเล่อกระแอมไอพลางคิดในใจว่าตนช่างมีพรสวรรค์ในการตั้งชื่อยิ่งนัก เขาคงจะไม่ทำตัวแบบนี้หากเป็นคนอื่น แต่น้ำเสียงของโจวลู่ดูไม่เป็นมิตร พยายามชี้นิ้วสั่ง อีกทั้งยังมองมาด้วยความเกลียดชัง หวังเป่าเล่อไม่รู้สึกผิดเลยสักนิดที่ยียวนนางเช่นนั้น
แต่หวังเป่าเล่อก็แอบคิดว่าโจวลู่อาจจะเป็นอนุภรรยาของแม่ทัพโจวก็เป็นได้ แม้อาจจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น แต่ทั้งสองก็ใช้แซ่เดียวกัน อาจจะมีความเกี่ยวดองกัน ก็เป็นได้ เขาคิดว่าตนไม่ควรลดตัวลงไปต่อล้อต่อเถียงกับนาง
ระหว่างตัดสินใจ หวังเป่าเล่อก็คิดถึงหน้าแม่ทัพโจวขึ้นมาเสียก่อน จึงยอมยกมือขวาขึ้นโบก ส่งปืนใหญ่เป่าเล่อให้ไป
โจวลู่รับเอาสมบัติเวทพร้อมกับส่งเสียงไม่พอใจใส่ นางปากำไลคลังเวทใส่ หวังเป่าเล่อก่อนจะกลับออกไป ชุดของนางแนบชิดกับร่างกาย ขณะนางเดินหันหลังออกไป หวังเป่าเล่อก็อดมองนางเดินจากไปไม่ได้
กลับเป็นลูกท้ออีกแล้ว… เขาถอนหายใจ ห้ามตนเองไม่ให้ตะโกนไล่หลังโจวลู่ไม่ได้
“โจวลู่ สารภาพมาเถอะ เจ้าแอบชอบข้าใช่หรือไม่”
โจวลู่ได้ยินที่หวังเป่าเล่อพูดแม้จะอยู่ห่างออกไปหลายเมตร นางตัวสั่นเทิ้มหันกลับมาพร้อมกับความโกรธจวนจะระเบิดออก ก่อนจะมองตาแข็งไปยังหวังเป่าเล่อ
“ถ้าไม่ใช่อย่างนั้น ทำไมเจ้าถึงได้ใส่ชุดขนาดเล็กกว่าตัวเจ้าเวลามาพบข้า โจวลู่ ข้าแนะนำให้เจ้าตัดใจเสียเถอะ เราทั้งสองนั้น…ไม่เหมาะกันเลย!” หวังเป่าเล่อ ถอนหายใจเสียงดัง ไม่รอให้โจวลู่ได้โต้ตอบใดๆ รีบหันกลับเข้าถ้ำที่พักอย่างรวดเร็ว ก่อนจะปิดประตูเสียงดัง
ด้านนอกถ้ำ โจวลู่นั้นโกรธจัดจนแทบจะระเบิด หน้าอกของนางสั่นกระเพื่อม จ้องประตูถ้ำของหวังเป่าเล่อตาไม่กะพริบ ผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็เริ่มทุเลาความโกรธ กัดฟันแน่น ก่อนจะหันกลับขึ้นเรือบินไป
“เจ้าอ้วนหน้าโง่ เจ้าหนูสกปรกไร้ยางอาย! โจวลู่ผู้นี้ยอมตกหลุมรักอสูรดีกว่ามาตกหลุมรักเจ้า!” โจวลู่ก่นด่าอย่างแค้นเคืองบนเรือบิน
พอมั่นใจว่าโจวลู่กลับไปแล้ว หวังเป่าเล่อที่นั่งขัดสมาธิอยู่ในถ้ำที่พักก็ครวญเพลงขึ้นอย่างสุขใจ เขาหยิบเอาเขี้ยวสีดำความยาวเท่าแขนออกมาจากกำไลคลังเวท
เขี้ยวนั้นแหลมคมเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังแผ่รังสีอันตรายออกมา พอหยิบออกมา อุณหภูมิรอบข้างก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด หวังเป่าเล่อตัวสั่น มุ่งความสนใจไปยัง ลมหายใจของตน ท่าทีดูเคร่งขรึมขึ้น เขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่ส่งผลต่อร่างกายตัวเองในขณะนี้
รังสีพลังล้นเหลือที่เขี้ยวตรงหน้าปล่อยออกมาทำให้พลังปราณของหวังเป่าเล่อปั่นป่วน ชายหนุ่มต้องใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะเริ่มคุ้นชินกับมัน ถือว่าเป็นเรื่องยากลำบากมาก ดวงตาของเขาเป็นประกายขึ้นมา
ของดีทีเดียว นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อฉายแสงวาบ เขาทนรอไม่ไหว จึงรีบพุ่งไปยังห้องเตาหลอมพร้อมกับเขี้ยวอสูรในมือ หยิบเอาเขี้ยวมังกรขึ้นมา ก่อนจะเริ่มกระบวนการหลอม
ระหว่างนั้น โจวลู่ก็กลับถึงปราการชั้นต้นลำดับเจ็ดและส่งมอบปืนใหญ่เป่าเล่อให้แม่ทัพโจว เขาพิจารณาปืนใหญ่คร่าวๆ ก่อนจะส่งให้ทหารนำไปทดลองใช้กับอสูรที่คุมขังไว้ในทันที
เสียงกัมปนาทดังขึ้น กระสุนจากปืนใหญ่เป่าเล่อพุ่งทะลุอสูรส่งผลให้ร่างครึ่งหนึ่งหายวับไป อสูรตนนั้นมีความสามารถเทียบเท่ากับผู้ฝึกตนระดับลมหายใจเที่ยงแท้ ขั้นที่หนึ่ง
พลังของปืนใหญ่เป่าเล่อไม่ได้สร้างความแปลกใจให้กับเหล่าทหารที่ยืนสังเกตการณ์ทดลองแม้แต่น้อย พลังของมันยังด้อยกว่าปืนใหญ่สวรรค์ แม้จะมีพลังรุนแรงต่ออสูรระดับลมหายใจเที่ยงแท้ แต่สมบัติเวทคล้ายๆ กันนี้ก็มีให้เห็น
“ยิงต่อ!” แม่ทัพโจวสั่งเสียงเรียบ ทหารที่ถือปืนใหญ่อยู่ทำการยิงต่อ ไม่นานจำนวนนัดที่ปืนใหญ่ยิงก็พุ่งไปถึงแปดสิบนัด 160 นัด 350 นัด 530 นัด…
ทหารที่ถือปืนใหญ่เริ่มหายใจถี่รัวด้วยความตื่นเต้น เหล่าผู้ที่สังเกตการณ์อยู่ ก็สงบใจไว้ไม่ได้เช่นกัน ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างด้วยความตื่นตกใจ ไม่อยากจะเชื่อภาพที่เห็น
โจวลู่ที่ยืนอยู่แถวนั้นก็ตะลึงงันไม่แพ้กัน
แม่ทัพโจวเริ่มหายใจกระชั้นขึ้นเล็กน้อย
ปืนใหญ่เป่าเล่อนั้น…มีเสถียรภาพสูงยิ่งนัก แม้จะมีสมบัติเวทที่พลังทำลายล้างเทียบเท่ากันอีกมากมาย แต่เหตุผลที่สมบัติเวทเหล่านั้นไม่ค่อยมีการนำมาใช้อย่างแพร่หลายเป็นเพราะมีค่าใช้จ่ายสูง ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งคือ…ไม่ค่อยเสถียร!
การทำสงครามนั้นแตกต่างจากการสู้รบฉันมิตรทั่วไป ระหว่างการสู้รบฉันมิตรนั้น สามารถเปลี่ยนสมบัติเวทที่ใช้ได้ตลอด สมบัติเวทจึงใช้ยิงแค่ไม่กี่นัด สูงสุดไม่เกิน ห้าสิบถึงร้อย แต่ในสงครามนั้น สมบัติเวทจะใช้ยิงหลายร้อยหลายพันครั้ง
ปืนใหญ่เป่าเล่อยิงได้ทั้งหมด 1,200 นัด ก่อนจะเริ่มแสดงอาการไม่เสถียร การทดสอบจบลง ทั่วพื้นที่ตกอยู่ในความเงียบ ทุกคนต่างหยุดหายใจ ดวงตาเบิกกว้าง มองปืนใหญ่เป่าเล่อตรงหน้า ภาพการใช้งานมันในสมรภูมิจริงผุดขึ้นในหัว
ในภาพฝันของพวกเขานั้น ปืนใหญ่เป่าเล่อได้รับการผลิตเป็นจำนวนมาก หลังจากลั่นปืนใหญ่สวรรค์ออกไปหนึ่งนัด ก็จะลั่นปืนใหญ่เป่าเล่อต่ออีกหมื่น แสน อาจจะถึงล้านนัดเสียด้วยซ้ำ ทุกคนสั่นสะท้านไปถึงทรวงเมื่อเห็นภาพเช่นนั้น
“ไม่แปลกใจเลยที่เหตุใดสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์จึงเก็บเงียบเรื่องนี้ไว้ และติดต่อมายังกองทัพเป็นการส่วนตัว…ข้ากลัวว่าหวังเป่าเล่อจะไม่รู้ถึงความสามารถที่แท้จริงของปืนใหญ่ลำนี้ ไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่ามันมีค่าเพียงใด…” แม่ทัพโจวพึมพำกับตนเอง
โจวลู่ที่ยืนอยู่ข้างกายเขา ยังคงไม่ยอมรับความสามารถของปืนใหญ่ นางพูดขึ้นเงียบๆ “ข้าทำการตรวจสอบระหว่างทางกลับมาเช่นกัน แม้ข้าจะไม่เข้าใจวิธีการทำงานของมันอย่างถ่องแท้ แต่ข้าก็พูดได้ว่าสมบัติเวทชิ้นนี้ไม่ได้มีความซับซ้อนอะไรมาก แค่ปรับแต่งอักขระนิดหน่อยเพียงเท่านั้น ผู้ฝึกตนด้านอาวุธเวทในสหพันธรัฐก็มีเยอะแยะ เหตุใดถึงไม่มีใครคิดค้นขึ้นมาได้ก่อนนะ”
แม่ทัพโจวมองโจวลู่อย่างสงบนิ่ง พอโจวลู่ก้มหน้าลงด้วยความไม่มั่นใจ เขาก็กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “มีผู้คนมากมายคิดเช่นนั้นเช่นกันเมื่อแรก ปืนใหญ่สวรรค์ถูกสร้างขึ้น จริงๆ ก็มีผู้คนมากมายคิดเช่นเจ้าเวลามีอะไรสักอย่าง ถูกสร้างขึ้นเป็นครั้งแรก!
“แค่ปรับแต่งอักขระนิดหน่อยอย่างนั้นหรือ…เจ้าลองปรับดูสิ ถ้าเจ้าคิดว่าทำได้ ก็ลองดู!”