Skip to content

A World Worth Protecting 214

A world worth protecting

บทที่ 214 พิธีมอบรางวัลพันธุ์กล้าหนึ่งร้อยต้น

หลังจากที่ประกาศเรื่องพืชกลายพันธุ์กระจายออกไป ขุมอำนาจต่างๆ ก็เริ่มตรวจตราอาณาเขตในความคุ้มครองของตน เพื่อกำจัดภัยคุกคามให้สิ้นซาก แต่ก็ไม่ลืมที่จะระแวดระวังภัยอื่นนอกจากสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์เช่นกัน

โชคดีที่การกลายพันธุ์ของพืชนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากยิ่ง ตั้งแต่ตอนที่ประกาศเตือนภัยออกมาจนถึงเวลาสิ้นสุดการคัดเลือก ไม่มีผู้ใดพบเจอพืชกลายพันธุ์อีก     ความเร่งด่วนของเรื่องนี้จึงตกไป

เมื่อการคัดเลือกสิ้นสุดลง บรรดาพันธุ์กล้า 98 คนจากทั่วสหพันธรัฐก็มารวมตัวกัน พวกเขาเหล่านี้จะเป็นกำลังสำคัญในปฏิบัติการดวงอาทิตย์ปักกระบี่ และจะได้รับทรัพยากรจากสหพันธรัฐอีกมากมายในภายภาคหน้า

รายชื่อที่ออกมานั้นมีเพียง 98 คน ขาดไปสองคน ทั้งอาณาจักรจึงตกอยู่ใน      ห้วงแห่งความสงสัย ความสงสัยนี้คงอยู่จนกระทั่งนามของบุคคลที่จะมาเติมพันธุ์กล้าให้ครบร้อย ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ

นามหนึ่งคือ กงเต๋า ส่วนอีกนามคือ หวังเป่าเล่อ!

สหพันธรัฐยังได้ประกาศคุณงามความดีของทั้งสองในปฏิบัติการต่างๆ ในสนามรบ ข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณชนนั้นบอกรายละเอียดโดยสังเขป สมบัติที่หวังเป่าเล่อกอบกู้ออกมาได้จากหมู่บ้านลมปราณวิญญาณ ความกล้าหาญของเขาขณะทำสงครามเหตุอสูรหลั่งไหล รวมถึงปืนใหญ่เป่าเล่อที่เขาคิดค้นขึ้น

สหพันธรัฐถือโอกาสนี้สร้างชื่อเสียงให้หวังเป่าเล่อ และประกาศให้โลกรู้ไปพร้อมๆ กัน ว่าเหตุใดเขาจึงสมควรได้รับตำแหน่งนี้โดยไม่ต้องเข้ารับการทดสอบ!

นามของหวังเป่าเล่อกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วสหพันธรัฐ เขาเป็นที่โจษจันใน         ขุมอำนาจทุกหมู่เหล่า ข่าวของหวังเป่าเล่อเดินทางไปถึงเมืองปักษาเพลิงเช่นกัน     เมื่อบิดามารดาเห็นชื่อของบุตรชาย ทั้งสองก็อึ้งจนพูดไม่ออก หลังจากที่ดูข่าวและทราบรายละเอียดเหตุการณ์เลวร้ายที่บุตรชายได้ผ่านมา บิดามารดาของหวังเป่าเล่อ   ก็ตกใจเป็นอันมาก

ทั้งสองติดต่อหาหวังเป่าเล่อในทันที เมื่อบุตรชายได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วย      ความเป็นห่วงและความกระวนกระวายใจของผู้เป็นบิดามารดา เขาก็ต้องใช้เวลานานพอตัวกว่าจะพูดให้ทั้งสองเข้าใจว่าตนไม่เป็นอะไร และสัญญาว่าจะระวังตัวให้มากขึ้นในอนาคต ในที่สุดคู่สามีภรรยาชราก็ยอมวางสายไป หัวใจทั้งหนักอึ้งด้วยความเป็นห่วงบุตรชาย แต่ก็ภูมิใจไปในเวลาเดียวกัน

มีหลายสิ่งที่หวังเป่าเล่อไม่ได้เล่าให้พวกเขาฟัง ตั้งแต่ได้เข้าศึกษาที่สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ ชายหนุ่มก็ได้รับรู้ว่าเส้นทางแห่งการเป็นผู้ฝึกตนนั้น ทั้งยากลำบากและโหดร้ายเพียงใด เขาไม่ต้องการให้บิดามารดาเป็นห่วงไปมากกว่านี้

การได้พูดคุยกับทั้งคู่ทำให้จิตใจของหวังเป่าเล่อรวนเร ชายหนุ่มรีบควบคุมสติของตน เปิดเครือข่ายวิญญาณดูเพื่อสืบหาข้อมูลของกงเต๋า อีกคนหนึ่งที่ได้รับตำแหน่งไปโดยไม่ต้องเข้ารับการทดสอบเช่นกันกับเขา

หวังเป่าเล่อดวงตาเบิกกว้างขณะอ่านประวัติของกงเต๋า ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึก

กงเต๋าไม่ได้เป็นสมาชิกของขุมอำนาจมนุษย์ใดในสหพันธรัฐ หากแต่มาจาก    ท้องทะเลแห่งอสูร ท่านผู้นำสหพันธรัฐคนปัจจุบันรับเขาเป็นบุตรบุญธรรมเมื่อ        เก้าปีที่แล้ว และเลี้ยงดูฟูมฟักเขามาตั้งแต่นั้นในฐานะบุตรชาย

กงเต๋าถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจยังอาณานิคมดาวอังคาร เขาเอาชีวิตรอดจากสภาพแวดล้อมอันโหดร้ายบนดาวอังคารได้เป็นเวลาห้าปี

ระหว่างการฝึกตนนั้น กงเต๋าเก็บกู้ชิ้นส่วนมากมายจากกระบี่สำริดโบราณกลับมาให้สหพันธรัฐ จำนวนทั้งหมดที่เขาค้นพบนั้นน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง

แต่นั่นก็คงไม่มากพอให้เขาได้รับตำแหน่งพันธุ์กล้านี้มาได้โดยไม่ต้องเข้าแข่งขัน สิ่งที่ทำให้สหพันธรัฐตัดสินใจมอบตำแหน่งนี้ให้ชายหนุ่ม คือข่าวที่เขาส่งกลับมา      เมื่อหนึ่งเดือนที่แล้ว

กงเต๋าได้ค้นพบพิกัดบนดาวอังคาร…ว่าอาจมีอาวุธเทพชิ้นอื่นตกค้างอยู่!

หลายภาคส่วนของสหพันธรัฐต่างยืนยันว่าข่าวนี้มีโอกาสมากที่จะเป็นความจริง แต่ด้วยเหตุผลหลายอย่าง จึงทำให้สหพันธรัฐสำรวจเพิ่มเติมไม่ได้ในเวลานี้           และไม่สามารถเก็บกู้อาวุธเทพนั้นได้เช่นกัน

แม้จะยังทำภารกิจไม่ลุล่วง แต่ความสำเร็จของกงเต๋าก็มากพอที่จะทำให้เขาได้เป็นหนึ่งในพันธุ์กล้าหนึ่งร้อยต้นของสหพันธรัฐ

อาวุธเทพ! เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ หวังเป่าเล่อก็ตาแทบถลน ฟันเฟืองในสมองของเขาเริ่มเดินเครื่อง ชายหนุ่มตระหนักได้ในทันทีว่าคงมีข้อมูลบางอย่างรั่วไหล ขณะที่กงเต๋าส่งรายงานไปที่สหพันธรัฐ จึงทำให้ขุมอำนาจทั้งหลายในอาณาจักรรับรู้เรื่องนี้ด้วย จนเกิดเป็นการผนึกกำลังกันค้นหาอาวุธเทพจากหลายกลุ่มอำนาจ เนื่องจาก   ข่าวหลุดออกไปเสียก่อนแล้ว

หวังเป่าเล่อรู้สึกได้ว่าการคาดเดาของเขามีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นความจริง ชายหนุ่มไล่ดูรายชื่อทั้งหมดต่อ และเห็นบางชื่อที่คุ้นตา สหายจั่วอี้ฟานและ        เจ้าเยี่ยเหมิงก็อยู่ในหนึ่งร้อยชื่อนั้นด้วย

มีศิษย์อีกสองคนจากสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ที่ผ่านเข้ารอบด้วยเช่นกัน นอกจากสำนักศึกษาเต๋ากวางขาวแล้ว ผู้ที่ผ่านเข้ารอบจากสำนักศึกษาอื่นมีไม่มากนัก       สำนักศึกษาเต๋ากวางขาวมีรายชื่อพันธุ์กล้ามากที่สุด คือจำนวนเก้าคน

แม่นางหลี่อี้ ผู้ที่ข่มขู่ว่าจะจับเขาแก้ผ้า ก็ผ่านเข้ารอบมาด้วยเช่นกัน รวมถึง       ผู้ครอบครองรากฐานวิญญาณแปดนิ้วคนอื่นๆ จากหมู่บ้านลมปราณวิญญาณ

นอกจากพวกนั้นแล้ว หวังเป่าเล่อไม่เห็นชื่อของจั่วอี้เซียนอยู่ในรายชื่อพันธุ์กล้า แต่กลับมีชื่อที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนจากตระกูลนภาห้าสมัยโผล่ขึ้นมาแทน นอกจากนี้ยังมีอีกหลายคนจากสำนักแสนลึกลับอีกสองสำนักด้วย

ทายาทของเสนาบดีหลายคนก็ได้ตำแหน่งนี้ไปด้วย แต่หวังเป่าเล่อกลับไม่เห็นสมาชิกของกลุ่มไตรจันทรา ที่มั่งคั่งร่ำรวยเทียบเท่าประเทศทั้งประเทศเลยแม้แต่คนเดียว

หลังจากที่รายชื่อพันธุ์กล้าของสหพันธรัฐทั้งหนึ่งร้อยคนได้รับการยืนยันเรียบร้อย ข่าวเกี่ยวกับพวกเขาก็แพร่กระจายไปทั่วอาณาจักร ด้วยความเร็วราวไฟลามทุ่ง ตามมาด้วยการอำลาผู้ที่ไม่ผ่านการคัดเลือก ไม่นานนักยอดฝีมือทั้งร้อย ก็ได้รับข้อความจากสำนักผู้นำสหพันธรัฐ

ในอีกสามวันต่อจากนี้ ยอดฝีมือทั้งร้อยคนต้องเข้าร่วมฝึกตนด้วยกันเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ คนของสหพันธรัฐจะเป็นผู้สอนเคล็ดเวทต่างๆ ให้กับพวกเขา!

เคล็ดเวทเหล่านี้เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ผู้ฝึกตน และได้การจัดอันดับอยู่ในลำดับสิบจากรายการเคล็ดเวททั้งหมดที่สหพันธรัฐค้นพบ ตั้งแต่เริ่มยุคกำเนิดวิญญาณมา!

เคล็ดเวทนี้ได้รับการเก็บรักษาเป็นความลับอย่างดี ก่อนหน้านี้มีเพียงสหพันธรัฐเท่านั้นที่เข้าถึงได้ แม้แต่สำนักที่ยิ่งใหญ่ทั้งสองสำนัก และตระกูลนภาห้าสมัยยังพยายามเสาะหาเคล็ดเวทนี้มาไว้ในครอบครองเสมอมา นั่นก็เป็นเพราะว่าเคล็ดเวทนี้ไม่ได้ใช้พลังปราณในการฝึกฝน…หากแต่เป็นกระบวนท่าการยุทธ์ต่างหาก!

กระบวนท่านี้เป็นสิ่งหายากยิ่ง ทั้งสำหรับสหพันธรัฐและกลุ่มอำนาจอื่น

ชื่อของมันก็คือ…เคล็ดเวทระเบิดกำเนิดดวงดารา!

ก่อนที่จะเข้าฝึกวิทยายุทธ์ พันธุ์กล้าทุกคนจะต้องไปรวมตัวกันที่ตำหนัก         ผู้นำสหพันธรัฐ เพื่อรับรางวัลเกียรติยศจากท่านผู้นำด้วยตนเอง!

เมื่อหวังเป่าเล่อเห็นประกาศข่าวนี้ เขาก็เนื้อเต้นด้วยความคาดหวัง ชายหนุ่มหายใจหอบ ดวงตาเป็นประกายวาววาบ เขาเดินวนไปวนมาในห้อง ควบคุมความตื่นเต้นของตนเองไม่ได้

เคล็ดเวทระเบิดกำเนิดดวงดารากระนั้นหรือ ฟังจากชื่อแล้วแข็งแกร่งเสียจริง แถมยังมีพิธีรับรางวัลเกียรติยศจากมือผู้นำสหพันธรัฐด้วยตนเองอีก!

นี่จะเป็นช่วงเวลาที่ผู้คนเล่าขานกันไปจนรุ่นลูกรุ่นหลาน เพราะมันจะกลายเป็นช่วงเวลาที่ผู้นำสหพันธรัฐทั้งสองคน ได้พบหน้ากันเป็นครั้งแรก! หวังเป่าเล่อหยิบ     น้ำเย็นหล่อวิญญาณรสส้มมาดื่มจนหมดอย่างรวดเร็ว ความตื่นเต้นพุ่งทวี

หากข้าได้เจอท่านตัวเป็นๆ ข้าควรพูดหรือไม่ว่าตำแหน่งของท่านจะกลายเป็นของข้า เมื่อข้าเติบใหญ่ในอนาคต หวังเป่าเล่อคิดอย่างมีความสุข แต่ก็ตระหนักได้          อย่างรวดเร็วว่านั่นฟังดูไม่ค่อยเหมาะสมเท่าใด เนื่องจากหากตนเองพูดสิ่งนั้นออกไป ก็คงไม่มีโอกาสได้เติบใหญ่ในอนาคตอีกเลย…

ความตื่นเต้นทำให้ชายหนุ่มจิตใจว้าวุ่นด้วยความคิดมากมาย เขาคิดวนไปวนมาว่าตัวเองควรสวมอาภรณ์แบบใดภายในวันงาน แต่ก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป เพราะว่าสามวันให้หลัง ก่อนที่เขาจะออกจากคฤหาสน์ที่พักไปยังสถานที่จัดงาน ก็มีคนจากสหพันธรัฐส่งชุดเครื่องแบบมาให้เขาเสียก่อน เครื่องแบบที่ตัดเพื่อพันธุ์กล้าทั้งร้อยคนโดยเฉพาะ

เครื่องแบบนั้นเป็นสีม่วงระยิบระยับ ดูอย่างไรก็รู้ว่าไม่ใช่อาภรณ์ธรรมดาดาษดื่น หวังเป่าเล่อดูผอมลงเมื่อใส่ชุดนั้น…และนั่นทำให้เขาดูคมคายยิ่งขึ้น ราวกับกระบี่ที่กำลังจะถูกชักออกจากฝัก กระบี่ไม่ได้อ้วนหนาอย่างที่เคยเป็น

ช่างหุ่นดีอะไรเช่นนี้ ดูดีเสียจริง! หวังเป่าเล่อสำรวจตัวเองในกระจก ดวงตาของเขาถูกสร้างมาให้มองทุกอย่างที่เกี่ยวกับตนเองเพี้ยนไปจากความเป็นจริง เขาชื่นชมตนเองอยู่อีกครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินออกจากห้องพักด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม ก้าวขึ้นไปยังเรือบินที่มาค่อยท่าอยู่สักพักแล้ว ที่จะพาเขาไปยังตำหนักจุดหมาย เมื่อขึ้นเรียบร้อย เรือบินก็มุ่งตรงไปยังตำหนักใจกลางเมืองทันที

ในเวลาเดียวกันนั้น เรือบินมากมายจากทุกมุมเมือง ก็กำลังมุ่งหน้าตรงไปยังจุดหมายเดียวกัน นอกจากเหล่าพันธุ์กล้าทั้งหนึ่งร้อยคนแล้ว ก็ยังมีสื่อมวลชนจากสำนักต่างๆ และบุคคลสำคัญมากมายที่มาเข้าร่วมงานนี้ด้วย

หวังเป่าเล่อเดินทางมาถึงใจกลางเมือง เขาก้าวเท้าเข้าไปภายในตำหนักผู้นำสหพันธรัฐ ที่ดูหรูหราโอ่อ่าราวกับปราสาทราชวัง ชายหนุ่มควบคุมความตื่นเต้นและความกระตือรือร้นของตนเองไม่ได้อีกต่อไป วันหนึ่งสถานที่แห่งนี้จะเป็นที่ที่ข้าได้    อยู่อาศัย ฝึกตน และทำงาน เขาครุ่นคิดกับตนเองเช่นนั้น

หวังเป่าเล่อมัวแต่ตื่นเต้นจึงไม่ได้สนใจคนรอบข้าง ชายหนุ่มไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีหลายคนในบรรดาพันธุ์กล้า ที่พ่นลมออกมาทางจมูกทันทีที่เห็นเขา โดยเฉพาะหลี่อี้ที่   เหม็นขี้หน้าชายหนุ่มอย่างชัดเจน

มีชายหนุ่มอีกคนที่รูปร่างหน้าตาหล่อเหลาเอาการ จนแทบจะเทียบได้กับ        จั่วอี้ฟาน เขายืนนิ่งอย่างสุขุมมั่นใจอยู่ในห้องนั้น ความยโสโอหังฉายลึกอยู่ในแววตา ดูเหมือนว่าชายหนุ่มรูปงามผู้นี้ไม่ประสงค์จะเสวนากับใคร แต่เมื่อเขาเห็น         เจ้าเยี่ยเหมิง ร่างทั้งร่างของเขาก็สั่นระริก ประกายประหลาดฉายขึ้นมาในดวงตา      สีหน้าท่าทางดูตะลึงจนไม่อาจกลั่นเป็นคำพูดได้

ในบริเวณนั้นมีคนรวมตัวกันอยู่หลายพันคน ทุกคนต่างพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ นอกจากนี้ยังมีนักข่าวมากมายที่กำลังทำข่าวอยู่หน้ากล้อง และผู้คุ้มกันที่จำนวนมากไม่แพ้กัน แต่ละคนมีพลังปราณอยู่ที่ขั้นรากฐานตั้งมั่นทั้งสิ้น

ในบรรดาผู้คนเหล่านั้น ยังมีหลายคนที่กดพลังปราณของตนเองไว้ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดแก่นในจากสหพันธรัฐ!

ทุกองค์ประกอบในงานผ่านการวางแผนจัดเรียงมาเป็นอย่างดี พิธีการนี้ดำเนินไปอย่างไม่ติดขัด ทุกคนที่เข้าร่วมก้าวเท้าเข้าไปในวงแหวนปราณ

ท่ามกลางบรรยากาศการพูดคุยอย่างออกรสชาติ หวังเป่าเล่อที่กำลังเนื้อเต้น และอารมณ์มากมายหลากหลายของผู้ร่วมงาน ก็พลันมีเสียงฝีเท้ามากมายดังกึกก้องมาจากทางเข้า ชายในชุดคลุมสีดำหลายคนย่างกรายเข้ามา ตามมาด้วยคณะติดตามอีกราวสิบชีวิต

ตรงกลางของคณะนั้นคือชายวัยกลางคนร่างสูงในอาภรณ์เรียบง่ายสีขาว         ชายในชุดขาวท่ามกลางกลุ่มคนชุดดำนี้ ดูโดดเด่นสะดุดตาเกินใคร

ชายชุดขาวตัดสั้นผม ปลดปล่อยมวลพลังออกมายิ่งใหญ่น่าเกรงขาม ไม่ว่าใครได้พบเจอเป็นต้องรู้สึกเคารพนับถืออย่างอดไม่ได้ พลังปราณที่ปล่อยออกมาจากตัวเขาเข้มข้นจนน่าตกใจ และแผ่สะท้อนไปทั่วทั้งอาณาบริเวณ ทุกย่างก้าวของเขาทำให้    ฝูงชนสั่นไหววิงเวียนศีรษะ พลังปราณในตัวพวกเขาหมุนวนอย่างควบคุมไม่ได้         ทุกคนรู้สึกราวกับกำลังจ้องมองเทพเจ้าอยู่อย่างไรอย่างนั้น!

ชายผู้นี้คือ…เจ้าของอาวุธเทพเพียงหนึ่งเดียวในอาณาจักร ผู้นำสหพันธรัฐ        คนปัจจุบันจากสำนักศึกษาเต๋ากวางขาวนั่นเอง!

ชายผู้แข็งแกร่งทรงอำนาจที่สุดในสหพันธรัฐ ต้วนมู่ฉี!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version