บทที่ 225 ของขวัญวันเกิด
หลังจากนั้นเพียงไม่นาน เสียงของแม่นางน้อยก็ดังกังวานขึ้นในหัวของหวังเป่าเล่อ
“เจ้าเรียกข้ามา จะขอช่วยอะไรอีกแล้วใช่หรือไม่ บอกมาเถอะว่าต้องการอะไรกันแน่”
ชายหนุ่มยิ้มด้วยดวงตาเปล่งประกายเล็กน้อย เมื่อได้ยินนางพูดราวกับรู้ใจ เพียงเท่านั้นชายหนุ่มก็ได้ข้อสรุปบางอย่างภายในใจทันที
แม่นางน้อยจะต้องคอยสังเกตการณ์โลกภายนอก ผ่านตัวเขาหรือด้วยวิธีการบางอย่างอย่างไม่ต้องสงสัย อย่างเศษชิ้นส่วนชิ้นนี้ ดูท่านางจะรู้เรื่องมาตั้งแต่ตอนที่เขาได้มันมาแล้วด้วยซ้ำ
เพียงแต่นางไม่เอ่ยอะไรออกมาเท่านั้น…
“แม่นางน้อย เจ้าเข้าใจข้าผิดไปแล้ว ข้าดูเป็นคนเช่นนั้นหรือ จริงๆ คือข้าตั้งใจจะมอบชิ้นส่วนนี้ให้เจ้าเป็นของขวัญวันเกิดต่างหาก” หวังเป่าเล่อกะพริบตาปริบๆ และพูดอย่างไม่ลังเลทันที
“ของขวัญวันเกิดหรือ” แม่นางน้อยอึ้ง
ชายหนุ่มพอใจอยู่ลึกๆ เพราะตั้งใจใช้คำนั้นเพื่อล่อให้อีกฝ่ายถามคำถามนี้กลับ โดยส่วนตัวแล้วเขาเข้าใจอุปนิสัยของแม่นางน้อยแทบจะทะลุปรุโปร่ง ไม่ต่างอะไรกับการศึกษาดูใจผู้หญิงสักคน เขาต้องเอ่ยบางสิ่งบางอย่างให้นางเกิดความสนใจหรือสงสัยขึ้นมาก่อน ส่วนคำอธิบายหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไรไม่สำคัญ สำคัญเพียงว่ามันจะหวานหยาดเยิ้มสักปานใด
“ข้าไม่รู้ว่าวันเกิดของท่านคือวันใด แต่ข้าก็หวังว่าของขวัญทุกชิ้นที่มอบให้จะมีความหมายและถูกใจท่าน เช่นเดียวกับช่อดอกไม้ที่ข้าเคยมอบให้ก่อนหน้านี้…
“ข้าเพียงอยากเห็นท่านมีความสุข และอยากได้ยินเสียงท่านหัวเราะ แค่นั้นข้าก็…สบายใจแล้ว” หวังเป่าเล่อเอ่ยอย่างอ่อนโยน
ในขณะที่แม่นางน้อยได้แต่เงียบกริบ “…”
ชายหนุ่มรู้สึกยินดีเมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบอะไร ก่อนนึกย้อนกลับไปถึงกลเม็ด จีบสาวเหล่านั้นที่ตนเองศึกษามาตั้งแต่ชั้นปฐมวัย แม้ว่าโตขึ้นแล้วมันไม่เคยทำประโยชน์ให้เขาเลยสักครั้ง…แต่จากการทุ่มเทฝึกฝนซ้ำมาตลอดหลายปี ในที่สุดเขาก็เริ่มรู้สึกว่าผลลัพธ์ของมันเริ่มเป็นที่ประจักษ์และมีพัฒนาการขึ้นอีกครั้ง
ได้ผลทุกทีที่ใช้กับแม่นางน้อย ข้าเดาว่าในโลกของนางคงไม่มีใครมีพรสวรรค์เทียบเท่ากับข้าอีกแล้ว หวังเป่าเล่อคิดอย่างพึงพอใจในตัวเอง ก่อนหยิบ หมอนเวทมายาเข้าสู่มิติมายา ก่อนวางชิ้นส่วนสีดำนั้นลงบนหน้ากากนิล
เศษชิ้นส่วนนั้นหลอมรวมกับหน้ากากนิลอย่างรวดเร็ว ส่วนของหน้ากากที่เคยถูกทำลายไปครึ่งหนึ่งค่อยๆ สมบูรณ์ขึ้นเล็กน้อยจากการหลอมรวมของชิ้นส่วนนั้น
หวังเป่าเล่ออดทนรออยู่ชั่วครู่ แล้วเสียงสั่นเครือของแม่นางน้อยก็ดังขึ้นในหัวของชายหนุ่ม
“ขอบใจ…
“เจ้ามาถึงจุดสำคัญของเส้นทางการฝึกตนแล้ว ก้าวต่อไปคือขั้นรากฐานตั้งมั่น
“ขั้นรากฐานตั้งมั่นนั้น เป็นเหมือนกับแว่นขยายชนิดหนึ่ง มันจะทวีขนาดรากฐานเดิมของเจ้าให้ยิ่งใหญ่ขึ้นอีกหลายเท่านัก ส่วนเจ้าจะแข็งแกร่งเพียงใดหลังจากบรรลุ สู่ขั้นรากฐานตั้งมั่นนั้นขึ้นอยู่กับสองปัจจัย อย่างแรกคือหนทางที่เจ้าบรรลุสู่ ขั้นรากฐานตั้งมั่น และอีกอย่างคือความแข็งแกร่งของรากฐานของเจ้านั่นเอง
“หนทางบรรลุสู่ขั้นรากฐานตั้งมั่นนั้นมีอยู่หลายวิธี แต่ตอนนี้เจ้ายังขาดคุณสมบัติอันจำเป็นหลายข้อ ซึ่งข้ามิอาจช่วยอะไรได้ แต่ถ้ารากฐานของเจ้าแข็งแกร่งถึงที่สุดแล้ว ในอนาคตเมื่อเข้าสู่ขั้นรากฐานตั้งมั่น ความสามารถและความแข็งแกร่งของเจ้าย่อมจะอยู่เหนือกว่าคนอื่นๆ ในระดับเดียวกันอย่างแน่นอน”
ดวงตาของชายหนุ่มทอประกาย ใจเต้นระรัวเมื่อได้ยินคำพูดของแม่นางน้อย เขาหมายให้นางอธิบายรายละเอียดหรือชี้ทางให้เขาเช่นนี้ตั้งแต่แรกแล้ว ในที่สุดก็เริ่มเข้าใจสิ่งที่นางพยายามจะบอกขึ้นมาบ้าง
“หมายความว่า ถ้าตอนนี้รากฐานวิญญาณของข้าอยู่ในระดับสิบ หลังจากข้าบรรลุขั้นรากฐานตั้งมั่น จะทำให้มันเพิ่มระดับเป็นสิบเท่าจากเดิม ก็คืออยู่ที่ระดับ หนึ่งร้อยอย่างนั้นหรือ…หรือในทำนองเดียวกัน หากรากฐานวิญญาณก่อนบรรลุสู่ขั้นรากฐานตั้งมั่นอยู่ที่ระดับหนึ่งร้อย เมื่อข้าบรรลุขั้นรากฐานตั้งมั่นแล้ว มันก็จะเพิ่มเป็นระดับหนึ่งพันเลยหรือ!”
“หลักการของมันเป็นไปเช่นที่เจ้าเข้าใจ ส่วนหนทางที่ข้าจะสอนเจ้านั้นเรียกว่าวิชาบีบอัด ระดับลมหายใจเที่ยงแท้นั้นมีข้อจำกัด เหมือนกับเป็นน้ำเต็มแก้วซึ่งไม่อาจเทอะไรเพิ่มเข้าไปได้อีก แต่ว่าวิชาบีบอัดจะช่วยบีบอัดระดับการฝึกตน ทำให้มีพื้นที่สำหรับการฝึกตนเพิ่มมากขึ้น และช่วยให้รากฐานวิญญาณของเจ้าแข็งแกร่งขึ้นด้วย!
“หนทางนี้ไม่เพียงแต่ใช้ได้กับการฝึกตนเท่านั้น แต่ยังใช้กับการหลอมอักขราจารึก ได้อีกด้วย” แม่นางน้อยอธิบายด้วยความใจเย็นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และสอนหลักคำนวณให้กับหวังเป่าเล่อ ก่อนจะเงียบหายไป
ชายหนุ่มรู้สึกกระตือรือร้นขึ้นมาทันที หลังจากจดจำเคล็ดวิชาบีบอัดได้ครบถ้วน ก่อนทบทวนสูตรหลักคำนวณในหัวเพื่อความมั่นใจว่าทุกอย่างถูกต้องสมบูรณ์ จึงเดินทางออกจากมิติมายา แล้วเริ่มฝึกวิชาทันที
ทว่าหลังจากไตร่ตรองครู่หนึ่งแล้ว เขากลับเลี่ยงที่จะใช้วิธีการนี้กับตัวเอง และตัดสินใจฝึกหลอมอักขราจารึกบนสมบัติเวทด้วยวิธีการนี้ก่อน หากคุ้นเคยเมื่อใดจึงค่อยนำมาปรับใช้กับตัวเอง
เวลาผ่านไป หลังจากหวังเป่าเล่อเก็บตัวฝึกเคล็ดวิชาบีบอัดแบบไม่ยอมกินยอมนอน ผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นที่น่าประทับใจ ผนวกกับพรสวรรค์ในการหลอมวัตถุเวทของเขาด้วยแล้ว ทำให้ภายในเวลาเพียงครึ่งเดือน ชายหนุ่มก็สามารถหลอมผลงานชิ้นแรก ได้สำเร็จ…เป็นสมบัติเวทระดับสามขั้นสุดยอด
สมบัติเวทระดับสามขั้นสุดยอดถือเป็นสมบัติเวทที่เหนือกว่าขั้นสมบูรณ์แบบ และไม่อาจหาพบได้โดยง่ายในสหพันธรัฐ
แม้ว่าทางสหพันธรัฐจะรู้วิธีการหลอมสมบัติเวทระดับสามขั้นสุดยอด แต่โอกาสที่จะหลอมสำเร็จนั้นมีน้อยมาก หากเกิดข้อผิดพลาดระหว่างกระบวนการหลอม สมบัติเวทจะเสียเปล่าไปทันที หวังเป่าเล่อขะมักเขม้นใช้หลอมสมบัติเวทระดับสามขั้นสุดยอด ครั้นใช้เคล็ดวิชาบีบอัดเข้าช่วยแล้ว เขาก็สามารถหลอมอักขราจารึกลงบนแก่นวิญญาณชิ้นเดียวได้มากกว่าเดิมถึงสิบเท่า ทำให้พลังของสมบัติเวทกล้าแกร่งขึ้น และแปรสภาพเป็นสมบัติเวทระดับสามขั้นสุดยอดในที่สุด
“เคล็ดวิชาบีบอัดนี้เพิ่มพลังให้กับสมบัติเวท…แต่ก็เพียงแค่ระดับเดียวเท่านั้น ข้าทำได้ดีที่สุดเพียงเท่านี้แล้วกระมัง เว้นแต่ว่าจะมีวิชาบีบอัดชั้นสูงขึ้นไปอีก”
หวังเป่าเล่อพึมพำกับตัวเอง ดวงตาคู่นั้นทอประกายดูตื่นเต้น แม้ว่าจะเป็นเพียงการยกระดับสู่ขั้นสุดยอด แต่นั่นก็ส่งผลยิ่งใหญ่กับเขาเหลือคณา อีกทั้งการ หลอมสมบัติเวทสำเร็จยังทำให้ชายหนุ่มมั่นใจมากขึ้นอีกว่าตัวเองจะบรรลุเข้าสู่ ขั้นรากฐานตั้งมั่นได้สำเร็จ
หลายวันต่อมา ชายหนุ่มจึงมุ่งมั่นปรับแต่งสมบัติเวทของตน โดยใช้เคล็ดวิชา บีบอัดยกระดับสมบัติเวทเกินครึ่งของตัวเองให้เป็นระดับสามขั้นสุดยอด และเริ่มคุ้นเคยกับเคล็ดวิชาบีบอัดมากขึ้น
ตอนนั้นเองที่เขาตัดสินใจเริ่มใช้วิชาบีบอัดกับการฝึกตนของตัวเอง!
หวังเป่าเล่อนั่งขัดสมาธิในถ้ำที่พักและฝึกตนโดยใช้เคล็ดวิชาบีบอัด ร่างกาย สั่นสะท้านในทันที และรู้สึกว่ารอบห้องพลันมีแรงกดบีบอัดร่างกายจนลึกเข้าไปถึงเลือดเนื้อ ราวกับมันตั้งใจจะจู่โจมทุกเศษเสี้ยวในปราณวิญญาณของเขา ก่อนจะเริ่มการบีบอัดทันทีโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า!
แรงบีบอัดเพิ่มพูนขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ภายในร่างกายของชายหนุ่มเจ็บปวดรุนแรงจนเริ่มหายใจหอบถี่ ใบหน้าซีดขาว เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดพรายโชกไปทั้งตัว
เหตุใดแม่นางน้อยจึงสอนแต่เคล็ดเวทที่เจ็บปวดทรมานให้ข้าตลอดเลยหนอ…ร่างกายของหวังเป่าเล่อแทบฉีกขาด แต่ก็รับรู้ได้ว่าเคล็ดวิชาบีบอัดนี้ทำงานได้ผลอย่างวิเศษ ปราณวิญญาณในร่างเขาอัดเข้าหากันอย่างแน่นหนาไม่รามือ ราวกับวิธีการนี้เข้าไปบีบรัดปราณวิญญาณในตัวให้เล็กลง จนทำให้เกิดช่องว่างมากมายในปราณวิญญาณแทน ดูเหมือนการบีบรัดปราณวิญญาณจะทำให้ระดับการฝึกตน ลดระดับลง แต่มวลพลังรอบกายหวังเป่าเล่อกลับเจิดจ้าขึ้นทุกขณะ!
หลังจากช่องว่างระหว่างปราณวิญญาณถูกบีบอัดและลดจำนวนลง ปราณวิญญาณก็มีความแข็งแกร่งขึ้นและหดเล็กจนถึงขีดสุด โครงสร้างภายใน ปราณวิญญาณที่เปลี่ยนไป ทำให้ปราณวิญญาณทนทานมากขึ้น ราวกับกลายสภาพเป็นเหล็กกล้าก็ไม่ปาน
หวังเป่าเล่อยังคงกัดฟันทน แม้จะทุกข์ทรมานอย่างหนักก็ตาม หลังจากต้านทานความเจ็บปวดราวกับถูกค้อนทุบตีอยู่สองสัปดาห์ ระดับการฝึกตนของชายหนุ่มก็ถูกบีบอัดแน่น และดูเหมือนว่าระดับลมหายใจเที่ยงแท้ขั้นสูงสุดที่เขาเพิ่งบรรลุไปนั้น จะลดลงเหลือเพียงระดับลมหายใจเที่ยงแท้ขั้นที่ห้า
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ตอนนี้มวลพลังของเขากลับรุนแรงกว่าเดิมถึงสามในสิบส่วน เช่นเดียวกับความสามารถในการต่อสู้ที่เพิ่มพูนทับทวี!
แม้แต่หุ่นเจ้าเนื้อของเขายังลดขนาดลงหนึ่งส่วนตลอดระยะเวลาสองสัปดาห์ที่ ฝึกวิชาบีบอัด ทำให้ใบหน้าอ้วนกลมนั้นเรียวลงเล็กน้อย
หวังเป่าเล่อจ้องตัวเองในกระจกอย่างตื่นเต้นตกใจและมีความสุขอย่างมาก
ข้าเห็นคางของตัวเองแล้ว!
ตอนนั้นชายหนุ่มดีอกดีใจจนอธิบายไม่ถูก เขามองกระจกอยู่นานถึงสองชั่วโมงเต็มๆ พลางลูบคลำคางของตนซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนในที่สุดก็เงยหน้าขึ้นระเบิดเสียงหัวเราะลั่น
ตอนนี้ข้าเป็นคนมีคางแล้ว! หวังเป่าเล่อเดินไปเดินมาในถ้ำที่พักอย่างร่าเริง หลังจากนั้นครู่หนึ่ง จึงค่อยๆ ข่มความสุขอันเปี่ยมล้นเอาไว้ในใจ แล้วเริ่มสำรวจ ระดับการฝึกตนของตัวเอง หลังจากตรวจสอบผลึกภายในกาย ดวงตาของเขาก็ฉายแสงวาววับ
ขั้นตอนต่อไป ข้าต้องกลับขึ้นสู่ระดับลมหายใจเที่ยงแท้ขั้นสูงสุดให้ได้โดยเร็วที่สุด… ผลึกภายในกายคือกุญแจสำคัญ ดูเหมือนว่าข้าจะต้องกลับไปยังมิติเวทเขตอัสนี อีกครั้ง ความคิดนั้นทำให้หวังเป่าเล่อรู้สึกกระตือรือร้น ด้วยความปรารถนาจะกลับคืนสู่ระดับลมหายใจเที่ยงแท้ขั้นสูงสุดให้ได้ อีกใจหนึ่งก็คาดหวังว่าตัวเองจะผอมลงอีก สักนิด หลังออกมาจากเขตอัสนีแล้วนั่นเอง
ไปกันเถอะ! ไปเพิ่มระดับการฝึกตน และเผาผลาญไขมันกัน! ชายหนุ่มคิด พลางพุ่งถลาออกจากถ้ำที่พักด้วยท่วงท่าอกผายไหล่ผึ่ง บึ่งตรงไปยังตำหนัก อักษรปราณ…เพื่อเข้าสู่มิติเวทเขตอัสนีทันที!