บทที่ 224 ยึดครองตำหนักอาวุธเวท
พันธมิตรคนหน้าตาดีขั้นเทพจัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการบนเรือบิน ซึ่งกำลังเดินทางจากเมืองหลวงสหพันธรัฐกลับสู่สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ สมาชิกในพันธมิตรประชุมกัน จนในที่สุดหนุ่มสาวอีกสองคนก็ลงมติจำยอมให้หวังเป่าเล่อเป็นประธานพันธมิตรลำดับหนึ่ง
“คนต้องการข้ามีมากมายนัก ความรับผิดชอบบนบ่าของข้านั้นช่างหนักอึ้งเสียจริง” หวังเป่าเล่อยืนขึ้นต่อหน้าจั่วอี้ฟานและเจ้าเยี่ยเหมิง ขณะลูบท้องของตนพลางพูดอย่างคร่ำครวญ
เวลาผ่านไป จั่วอี้ฟานยังคงนิ่งเงียบ และความเศร้าในใจของเจ้าเยี่ยเหมิงยิ่ง เพิ่มมากขึ้น เรือบินนำพาเหล่าพันธุ์กล้าแห่งสหพันธรัฐและสมาชิกของพันธมิตร คนหน้าตาดีขั้นเทพเข้าสู่เขตสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ ณ เกาะมหาปราชญ์ชั้นสูง
เมื่อเรือบินลงจอด หวังเป่าเล่อและเหล่าคณะก็สังเกตเห็นผู้คนมากมายมายืนให้การต้อนรับ หลายคนเป็นเจ้าพนักงานระดับสูงจากฝ่ายปกครองสำนัก รวมถึงบรรดาผู้อาวุโสชั้นสูงประจำตำหนักที่เกี่ยวข้องและรองประมุขสำนัก
พิธีการต้อนรับเป็นไปอย่างอบอุ่นและยิ่งใหญ่ เหล่าพันธุ์กล้าแห่งสหพันธรัฐเป็นบุคคลตัวอย่าง ทั้งยังสร้างชื่อเสียงมากมายให้แก่สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ จนบรรดา ผู้ฝึกตนรวมถึงศิษย์นับไม่ถ้วนจากทั้งเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูงและชั้นรองต่างอิจฉาด้วยทั่วกัน
ตอนนั้นหวังเป่าเล่อและพรรคพวกเหมือนมีรัศมีเจิดจรัสปกคลุมร่างอยู่ จนดึงดูดความสนใจจากผู้คนมากมาย และกลายเป็นแบบอย่างของศิษย์สำนักรุ่นใหม่ทุกคน
สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ประชาสัมพันธ์แค่เพียงเท่านั้น แต่ที่สำคัญกว่าคือ มีการถ่ายทอดสดเหตุการณ์รอบคัดเลือกพันธุ์กล้าหนึ่งร้อยต้นของสหพันธรัฐ รวมถึงพิธีจบการฝึกเคล็ดเวท ที่มีท่านผู้นำสหพันธรัฐกล่าวคำสรรเสริญเป็นรายบุคคล ให้ประชาชนทั่วทั้งสหพันธรัฐได้รับชมอีกด้วย ความสำเร็จและภาพลักษณ์ของ เหล่าพันธุ์กล้าเป็นที่รู้จักทั่วทั้งสหพันธรัฐ ทำให้ผู้คนต่างน่าอิจฉาและชื่นชมกับชื่อเสียงของพวกเขา
ภายในพิธีประกาศมอบรางวัลแด่เหล่าพันธุ์กล้าของสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ ทั่วทั้งสำนักศึกษาแห่งนี้ก็คลาคล่ำไปด้วยเหล่าผู้ฝึกตนและศิษย์สำนักมากมาย
“หวังเป่าเล่อ เจ้าเยี่ยเหมิง และจั่วอี้ฟานได้รับการแต่งตั้งให้เป็น…รองเจ้าตำหนักประจำตำหนักของตนเอง!”
แม้ว่าเหล่าผู้ฝึกตนในเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูงจะรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ครั้น ได้ยินคำประกาศ ก็ยังอดตื่นเต้นตัวสั่นไม่ได้ ทั้งนี้เพราะตำแหน่งรองเจ้าตำหนักนั้น…ทรงอำนาจยิ่งนัก!
หากเปรียบสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์เป็นดั่งประเทศประเทศหนึ่ง ตำหนักก็คือนครขนาดใหญ่ ส่วนตำแหน่งรองเจ้าตำหนักนั้นเปรียบเสมือนเป็นรองเจ้าเมืองนั่นเอง เมื่ออ้างอิงจากลำดับชั้นการปกครองแล้ว ทุกเกาะในเกาะมหาปราชญ์ชั้นรองรวมกันยังไม่อาจเทียบชั้นกับตำหนักเพียงตำหนักเดียวบนเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูงได้เลย
แม้ตำแหน่งของหวังเป่าเล่อจะไม่สูงเท่ากับเจ้าสำนักลู่ในเกาะมหาปราชญ์ชั้นรองก็จริง แต่ถ้าเทียบลำดับชั้นกับรองเจ้าสำนักเกาเฉวียนแล้ว หวังเป่าเล่อก็อยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่า ครั้นเจอหน้ากัน อีกฝ่ายต้องเป็นผู้ประสานมือคารวะเขาก่อนเสียด้วยซ้ำ!
นอกจากนี้…เกาะเส้นทางสวรรค์ของสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ยังเป็นผู้แต่งตั้งตำแหน่งให้กับเขาเอง และการเป็นหนึ่งในพันธุ์กล้าร้อยต้นของสหพันธรัฐยังช่วยสนับสนุนให้กลุ่มพันธมิตรของเขากล้าแกร่งขึ้นอีกด้วย เรียกได้ว่าตอนนี้ชายหนุ่มบรรลุสู่จุดสูงสุดของตนเองในตำหนักอาวุธเวทบนเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูงแล้ว
สถานภาพและอำนาจของพวกเขาเปลี่ยนไปทันทีที่ได้รับการประกาศให้สาธารณชนรับทราบโดยทั่วกัน หวังเป่าเล่อและพันธมิตรจึงกลับมาเป็นจุดสนใจ อีกครั้ง แม้แต่จั่วอี้ฟานและเจ้าเยี่ยเหมิงยังได้รับผลประโยชน์นี้จากการเลื่อนขั้นเป็นรองเจ้าตำหนักของตนอีกด้วย
แต่หากมองย้อนกลับมาดูพันธมิตรคนหน้าตาดีขั้นเทพที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นแล้ว จะรู้สึกได้ทันที…ว่ากลุ่มพันธมิตรนี้พิลึกกึกกือนัก เมื่อเทียบกับสถานภาพและอำนาจที่ พวกเขาได้รับมาโดยสิ้นเชิง
เมื่อพิธีต้อนรับจบลงท่ามกลางสายตาชื่นชมยินดีจากเหล่าผู้ฝึกตนรอบข้าง ชายหนุ่มจึงกลับถ้ำที่พักของตน เพราะต่อจากนี้ เขาจะแทบไม่มีเวลาพักผ่อนอีกเลย
อีกทั้งเมื่อขึ้นเป็นรองเจ้าตำหนักแล้ว จึงไม่เหมาะสมนักที่ยึดอำนาจฝ่ายปกครองตำหนักไว้กับตัวเองอีก หลังจากพูดคุยกับเฉินอวี่ถงทำให้รู้ว่าฝ่ายปกครองตำหนักจัดหาองครักษ์อาวุธเวทคนใหม่มาแทนเขาแล้ว ถึงอย่างนั้นหวังเป่าเล่อก็ยังมีอำนาจตัดสินใจกำกับดูแลฝ่ายปกครองตำหนักอยู่เหมือนเดิม
ตอนนั้นเป็นเวลาเดียวกับที่บรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาจากเกาะมหาปราชญ์ชั้นรองอย่างหลิวเต้าปินและคนอื่นๆ ต่างบรรลุขึ้นมาสู่ตำหนักอาวุธเวทบนเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูงได้สำเร็จ
หวังเป่าเล่อตั้งหน้าตั้งตารอการมาถึงของเหล่าลูกน้อง โดยเฉพาะหลิวเต้าปินที่ชายหนุ่มสนิทสนมและให้การยอมรับเป็นพิเศษ ทั้งยังจัดแจงให้สหายผู้นี้เป็นมือขวาติดตามตัวเขาไปทุกที่อีกด้วย
ข่าวดีที่เกิดขึ้นไม่ได้มีเพียงเท่านี้ หลังจากขึ้นรับตำแหน่งเป็นรองเจ้าตำหนักแห่งตำหนักอาวุธเวทแล้ว บางทีความสำเร็จที่ชายหนุ่มคว้ากลับมาได้นั้น ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ข่าวดีเรื่องอื่นๆ เกิดขึ้นตามมาด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของท่านซุนอี้เฟิง ผู้เป็นอาจารย์ของเฉินอวี่ถงที่เอาชนะคู่แข่งคนอื่นๆ ได้สำเร็จ…และก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง ผู้อาวุโสชั้นสูงแห่งตำหนักอาวุธเวท ซึ่งสูงส่งยิ่งกว่าเจ้าตำหนักเป็นที่เรียบร้อย
และนั่นส่งผลให้เจ้าสำนักลู่ผู้เป็นศิษย์พี่ได้เข้ามาอยู่ในคณะกรรมการชั้นในของฝ่ายปกครองสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย!
คนที่ลำบากใจที่สุดกับการเลื่อนตำแหน่งครั้งนี้ คงหนีไม่พ้นเจ้าตำหนักอาวุธเวท เนื่องจากเป็นผู้ที่ต้องคอยรับแรงกดดันจากผู้อาวุโสชั้นสูงซึ่งอยู่สูงกว่าตนเองอีกที และยังต้องถูกเฉินอวี่ถงและหวังเป่าเล่อ ซึ่งอยู่ในตำแหน่งต่ำกว่าคอยตรวจสอบและคานอำนาจให้สมดุลอีกด้วย เจ้าตำหนักจึงไม่สามารถบริหารอำนาจได้ตามใจชอบ อีกต่อไปแล้ว
นอกจากนี้ เมื่อหวังเป่าเล่อกลับมาจะต้องมีตำแหน่งว่างเตรียมพร้อม ทำให้รองเจ้าตำหนักคนปัจจุบันของสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ถูกสั่งย้ายไปด้วย โดยรองเจ้าตำหนักผู้นั้นก็มีพวกพ้องของตัวเอง การถูกเตะออกจากตำแหน่ง ก็เหมือนกับถูกตัดแขนขา รองเจ้าตำหนักอีกสองคนที่เหลือก็ถูกผู้อาวุโสชั้นสูงจับตา ทำให้ทั้งคู่ต้องเชื่อฟังคำสั่งต่อหน้า และเอาอกเอาใจหวังเป่าเล่อกับเฉินอวี่ถง จนผิดปกติ แม้ลึกๆ แล้วจะแอบแข็งข้ออยู่ในใจ
ด้วยเหตุนี้ จึงกล่าวได้ว่าศิษย์พี่น้องคู่นี้อยู่ในตำแหน่งอันสุดยอดในตำหนักอาวุธเวทแล้ว ตอนที่หวังเป่าเล่อผู้มีจิตใจดีงามเป็นทุน เข้าไปพบเจ้าสำนักลู่จากเกาะ มหาปราชญ์ชั้นรองอีกครั้ง…
หลังจากพูดคุยกันอย่างเรียบง่าย เขาก็จากไป เจ้าสำนักลู่ยืนในภายนอกห้องโถงใหญ่แห่งเกาะมหาปราชญ์ชั้นรอง ขณะมองเรือบินของชายหนุ่มหายลับสายตาไปด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าหนุ่มคนนั้นไม่ได้ไร้เดียงสา” เจ้าสำนักลู่พึมพำกับตนเอง จากนั้นจึงทำเรื่องสั่งย้ายรองเจ้าสำนักเกาเฉวียนออกจากตำแหน่งโดยทันที และเปิดการไต่สวนเกี่ยวกับคดีความผิดต่างๆ ที่เขาเคยทำมาในอดีตทั้งสิ้น!
เมื่อได้ยินคำประกาศนั้น เกาเฉวียนก็ถึงกับเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้น
ต่อมา เจ้าสำนักลู่ก็ประกาศคำสั่งอีกว่าให้หัวหน้าสาขาอาวุธเวทคนปัจจุบันอย่างชายเคราแพะจางโยวเต่อ…เลื่อนขั้นขึ้นเป็นรองเจ้าสำนักคนใหม่แทนเกาเฉวียน!
แน่นอนว่าการปลดจากตำแหน่ง การตรวจสอบความผิด และการแต่งตั้งต่างๆ ต้องรายงานกลับไปยังเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูง ถึงอย่างไรโดยทั่วไป เกาะมหาปราชญ์ชั้นสูงก็จะเคารพการตัดสินใจของเจ้าสำนักลู่ ในการดูแลจัดการเรื่องต่างๆ ในเกาะมหาปราชญ์ชั้นรองอยู่แล้ว
ส่วนตำแหน่งหัวหน้าสาขาอาวุธเวทคนใหม่ที่ว่างอยู่ ก็ได้คนที่เฉินอวี่ถงไว้ใจและเป็นพันธมิตรด้วย ย้ายจากภายนอกสาขาวิชาเข้ามารับตำแหน่งนี้ไป
หลังจากปรับโครงสร้างเจ้าพนักงานกันใหม่ หวังเป่าเล่อและเฉินอวี่ถงก็ควบคุมจัดการได้เกือบจะทั้งสาขาอาวุธเวทและตำหนักอาวุธเวทเลยทีเดียว!
ชายทั้งสองกลายเป็นผู้ดูแลฝ่ายวินัยอาวุธเวททั้งหมดในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริง ส่วนเจ้าตำหนักที่ยังดำรงตำแหน่งอยู่ได้ถูกลดทอนอำนาจลงไปแล้ว… เขาจึงเป็นได้แต่เพียงในนามเท่านั้น
เจ้าตำหนักไม่มีทางตอบโต้อะไรได้และต้องจำใจยอมรับชะตาเพียงสถานเดียว เขาเลือกที่จะเก็บตัวศึกษาสมบัติเวทอยู่แต่ในถ้ำตามลำพัง ปลีกตัวออกจากงานบริหารปกครองตำหนักทั้งหมด…
ทั่วทั้งสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์มีข่าวลือเกี่ยวกับการรับศิษย์ทั่วไปเข้าเป็นศิษย์เอก บางคนได้ยินมาว่าผู้อาวุโสชั้นสูงแห่งตำหนักอาวุธเวทตั้งใจจะให้หวังเป่าเล่อเป็น ศิษย์เอกของตน ในขณะที่บางคนก็ได้ยินมาว่า… ผู้อาวุโสสูงสุดเองก็ต้องการเช่นเดียวกัน
หวังเป่าเล่อแปลกใจเมื่อได้ยินข่าวเช่นนั้น ก่อนสอบถามเฉินอวี่ถงเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ทว่าอีกฝ่ายก็ไม่รู้รายละเอียด หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงตัดสินใจว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตื่นตระหนก เพราะในฐานะที่เป็นผู้เกี่ยวข้องโดยตรง สุดท้ายเรื่องก็คงมาถึงหูเขาอยู่ดี
ทว่าตั้งแต่กลับมา ชายหนุ่มก็ยังไม่ยุ่งเกี่ยวกับกิจการเมืองหรืออำนาจทั้งหลายเลยแม้แต่น้อย เขารู้ดีว่าอำนาจเหล่านั้นสำคัญเพียงใด แต่ก็เข้าใจเช่นกันว่าทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับการฝึกตนของตัวเองทั้งสิ้น!
หลังจากทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว สิ่งแรกที่ชายหนุ่มจะทำคือศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับขั้นรากฐานตั้งมั่นเพิ่มเติม
เขารู้ดีว่าหลังจากอยู่ในขั้นลมหายใจเที่ยงแท้ระดับสูงสุดแล้ว ก้าวสำคัญที่สุดต่อจากนั้นคือขั้นรากฐานตั้งมั่น!
นั่นยังเป็นเป้าหมายของศิษย์ผู้เข้าร่วมแผนพันธุ์กล้าหนึ่งร้อยต้นในปฏิบัติการ ดวงอาทิตย์ปักกระบี่ทุกคนอีกด้วย การสำเร็จเคล็ดเวทระเบิดกำเนิดดวงดารานั้นเป็นเพียงก้าวแรก ขั้นตอนต่อไปกำลังจะตามมา แต่ว่าพวกเขาจะต้องบรรลุสู่ขั้นรากฐานตั้งมั่นเสียก่อน!
หวังเป่าเล่อมีความรู้เพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับขั้นรากฐานตั้งมั่น เพราะก่อนการเดินทางครั้งล่าสุดนั้น เขาเพิ่งอยู่ในระดับลมหายใจเที่ยงแท้ขั้นที่สี่ ซึ่งห่างชั้นกับขั้น ลมหายใจเที่ยงแท้ระดับสมบูรณ์นัก
ไม่มีใครคาดคิดว่าการเดินทางครั้งล่าสุดจะนำพาโชคดีมาให้เขาอย่างใหญ่หลวง จนแผนการทุกอย่างที่ตระเตรียมไว้ขับเคลื่อนไปรวดเร็วกว่าที่คิด
“ข้ารู้เพียงว่าหากต้องการบรรลุสู่ขั้นรากฐานตั้งมั่น ผู้ฝึกตนทุกคนจากแต่ละขุมอำนาจทางการเมืองทั่วทั้งสหพันธรัฐจะต้องเดินทางขึ้นไปบนดวงจันทร์เสียก่อน…” ชายหนุ่มพึมพำ ก่อนจะติดต่อเฉินอวี่ถงเพื่อถามคำถาม
ศิษย์พี่ของเขารู้ข้อมูลเรื่องขั้นรากฐานตั้งมั่นมากกว่าตนเอง เนื่องจากมีประสบการณ์ในฐานะองครักษ์อาวุธเวท ที่เตรียมตัวเพื่อก้าวสู่ขั้นรากฐานตั้งมั่นมาเป็นเวลานานแล้ว!
ถึงกระนั้น ข้อมูลเกี่ยวกับขั้นรากฐานตั้งมั่นก็มีให้ต้องศึกษามากมายมหาศาล เฉินอวี่ถงจึงเล่าให้ฟังคร่าวๆ ก่อนบอกศิษย์น้องว่าจะรวบรวมข้อมูลและเอกสารใส่แผ่นหยก ส่งมาให้ชายหนุ่มศึกษารายละเอียดอีกครั้ง
ระหว่างที่ศิษย์พี่เฉินกำลังรวบรวมข้อมูลเรื่องขั้นรากฐานตั้งมั่นให้อยู่นั้น หวังเป่าเล่อเองก็เริ่มฟักไข่อสูร อย่างไรก็ตามการฟูมฟักนั้นจำเป็นต้องมีระยะเวลาและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมด้วย
การแก้ปัญหาเรื่องสภาพแวดล้อมนั้นง่ายดายมาก ด้วยอำนาจในปัจจุบันของตน เพียงแค่เอ่ยไม่กี่คำ หลิวเต้าปินก็จัดแจงทุกอย่างให้พร้อมเสร็จสรรพ แล้วเขาค่อยรอให้มือขวาของเขาแจ้งอีกครั้งตอนที่ไข่ฟักออกมาเป็นตัว
หลังจากนั้น หวังเป่าเล่อก็ยืนสูดลมหายใจลึกอยู่ในถ้ำที่พักของตน ก่อนหยิบเอาต้นหมากสีแดงที่ซื้อจากนครหลวงสหพันธรัฐออกมา!
ไม้พันธุ์นี้นำมาหลอมเป็นสมุนไพรชั้นดีได้ แต่สำหรับชายหนุ่มแล้ว สิ่งสำคัญของมันคือชิ้นส่วนสีดำขนาดเล็กเท่าเล็บมือจำนวนมากที่แทรกอยู่ในต้นไม้นี้ต่างหาก
เขาบรรจงแกะชิ้นส่วนเหล่านั้นออกพินิจดูทีละชิ้น ความทรงจำของเหตุการณ์ ทุกอย่างในช่วงหลายปีหลังจากเข้าเรียนในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ทยอยผุดขึ้นมา ในใจ ทำให้เขาตื้นตันไปด้วยอารมณ์ที่ท่วมท้นขึ้นมา
ข้าค่อยๆ ก้าวหน้าทีละขั้นโดยอาศัยพรสวรรค์อันยิ่งใหญ่โดยกำเนิดของตัวเอง บวกกับความอุตสาหะอันไม่มีวันจบสิ้น ทำให้ตอนนี้ข้ามาไกลเหลือเกิน ข้าผ่านความยากลำบากทั้งหลายมาได้ โดยตั้งใจไว้จะไม่พึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น หลังจากต้องหลั่งเลือด หยาดเหยื่อ และน้ำตามานักต่อนัก ในที่สุดข้าก็มาอยู่ในตำแหน่งนี้ พร้อมกับมีสรรพวิชาและอำนาจบารมีในมือมากมายจนได้
ข้าไม่จำเป็นต้องให้ใครคอยช่วยเหลือ เพราะข้ามีพันธมิตรอันยิ่งใหญ่เป็นตัวข้าเองเท่านั้น! หวังเป่าเล่อเชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ ชายหนุ่มโคจรมวลพลัง แล้วเอ่ยเสียงเรียกออกไปในหัวตนเอง
“แม่นางน้อย เจ้าอยู่ที่นั่นหรือเปล่า”