Skip to content

A World Worth Protecting 237

บทที่ 237 สายใยแห่งสี่สำนัก

ฐานที่มั่นบนดวงจันทร์ดูราวกับนครทองคำ แม้ขนาดของมันจะไม่ใหญ่มากแต่ก็จุ    คนได้หลายหมื่น เสียงอื้ออึงที่ดังมาจากภายในบ่งบอกว่าทั้งบริเวณอัดแน่นไปด้วยผู้คน

ผู้ฝึกตนจากสี่สำนักศึกษาเต๋ามารวมตัวกันที่ลานจัตุรัสสาธารณะภายในฐานที่มั่น ที่หน้าลานมีกระแสปราณหลากสีหมุนวนเป็นรูปไข่แนวตั้ง ส่องประกายระยิบระยับอยู่ แสงเรื่อเรืองออกมาจากภายในกระแสปราณนั้น กระจายตัวไปทั่วบริเวณ พลังที่บ่งบอกว่ากระแสนี้เคลื่อนย้ายสิ่งของจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งได้ หมุนวนอยู่ภายใน    ปากทางเข้าแห่งนั้น

กระแสปราณนี้คือวงแหวนปราณที่จะนำทุกคนเข้าไปยังเขตจันทราเวท เมื่อเข้าไปแล้ว ผู้มาเยือนจะไปปรากฏตัวที่จุดรวมพลในเขตมิติเวทที่เป็นของสี่สำนักศึกษาเต๋า

เหล่าศิษย์จากสี่สำนักบนจัตุรัสมองหน้ากันไปมา และพยายามทำความคุ้นเคยกับสหายต่างสำนัก ขณะที่ศิษย์จากสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ตามมาสมทบ ประมุขสำนักทั้งสี่ก็รวมกลุ่มด้วยเช่นกัน ทั้งสี่พูดคุยกันด้วยเสียงเบา โดยมีผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในหลายคนจากหลากสำนักติดตามมาด้วย

ตามธรรมเนียมของสี่สำนักศึกษาเต๋า ทุกครั้งที่ประตูของเขตจันทราเวทเปิดออก ประมุขสำนักจะเดินทางมาควบคุมการทดสอบด้วยตนเอง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุไม่คาดคิดขึ้น ด้วยเหตุนี้แต่ละสำนักจึงให้ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในเดินทางมาสมทบด้วยอย่างน้อยห้าคน

บรรยากาศบนจัตุรัสค่อนข้างเต็มไปด้วยความกดดัน เพราะว่าศิษย์จากสี่สำนักยังไม่คุ้นเคยกันมากนัก แม้จะเจอกันหลายต่อหลายครั้ง จนเรียกได้ว่าไม่ใช่คนอื่นคนไกล

โดยเฉพาะศิษย์อาวุโสจากแต่ละสำนักที่เจอกันอยู่บ่อยครั้ง หลังจากที่ทักทายพูดคุยกันเรียบร้อย บางคนก็รวมกลุ่มกัน บางคนก็ยืนอยู่คนเดียว พวกเขามองสำรวจบรรยากาศรอบตัว และมองไปเห็นกระแสปราณหลากสี ฉับพลันดวงตาของทุกคนก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและคาดหวัง

ด้วยความที่หวังเป่าเล่อได้รับตำแหน่งพันธุ์กล้าแห่งสหพันธรัฐไปครอบครอง    คนที่รู้จักเขาย่อมมีมากกว่าคนที่เขารู้จัก กระนั้นชายหนุ่มก็เห็นหลายใบหน้าจาก    อีกสามสำนักที่เขาคุ้นเคยอยู่ในฝูงชน ตั้งแต่หลี่อี้ ชายหนุ่มหน้าดำจาก              หมู่บ้านลมปราณวิญญาณ และคนอื่นๆ ทุกคนล้วนทำหน้าเหยเกทันทีที่เห็น          หวังเป่าเล่อ บางคนถึงกับกัดฟันกรอดด้วยความเกลียดชัง ถึงกระนั้นความรู้สึกคุ้นเคยก็ยังก่อตัวขึ้นในใจของชายร่างอ้วน

“บางทีข้าก็รู้สึกว่าเราเป็นญาติพี่น้องกัน ถึงจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ก็เจอกันบ่อยเหลือเกิน” หวังเป่าเล่อถอนใจพลางมองจั่วอี้ฟานที่ยืนอยู่ข้างกายเขา แล้วยกมือขึ้นทักทายเหล่าศิษย์จากสำนักศึกษาเต๋ากวางขาว

จั่วอี้ฟานพยักหน้ารับ ไม่ใช่แค่ทั้งคู่ที่คิดเช่นนั้น แต่หลายคนจากอีกสามสำนัก     ก็คิดเห็นไม่ต่างกัน สี่สำนักศึกษาเต๋าได้ชื่อว่าเป็นพันธมิตรกันเพราะเหตุผลนี้       ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน คือคุณสมบัติที่ทั้งสี่สำนักพยายามปลูกฝังเสมอมา

ขณะที่สานุศิษย์จากทั้งสี่สำนักกำลังมองกันไปมา บ้างก็เดินเข้าไปทักกันบ้าง      สี่ประมุขสำนักก็พูดคุยกันเสร็จเรียบร้อย ในที่สุดท่านประมุขสำนักจากสำนักศึกษาเต๋ากวางขาวก็เริ่มกล่าวเปิดพิธี ก่อนที่ทุกคนจะเข้าไปปฏิบัติภารกิจในเขตจันทราเวท

ท่านประมุขสำนักจากสำนักศึกษาเต๋ากวางขาวเป็นชายชรา หน้าตาคงแก่เรียน ดวงตาของเขาดูกว้างใหญ่ราวจักรวาล และใบหน้าก็มักเปื้อนยิ้มอยู่เสมอ จึงทำให้ดูเป็นคนใจดีน่าเข้าหา แต่คนที่รู้จักเขาจริงๆ จะรู้ดีว่าชายชราเป็นคนอารมณ์ร้ายมาก และมักจะบันดาลโทสะทันที หากมีสิ่งใดไม่ได้ดั่งใจ

ท่านประมุขสำนักกระแอมกระไอให้คอโล่ง แค่นั้นก็ทำให้ทุกคนเงียบกริบลง และหันมามองเขาเป็นตาเดียวได้

ศิษย์จากสำนักศึกษาเต๋าธารสวรรค์และสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ มีสีหน้างุนงง แต่ก็ทำตามแต่โดยดี หวังเป่าเล่อกะพริบตาปริบๆ ขณะมองไปยังท่านประมุขสำนักของตน เสียงแหบพร่าดังแหวกอากาศขึ้นมา

“ข้าจะขอย้ำอีกครั้ง!

“แม้ว่าบางทีทั้งสี่สำนักศึกษาเต๋าของเราจะไม่ลงรอยกันบ้าง แต่ทั้งหมดนั้นล้วนเป็นการแข่งขันภายในเท่านั้น เป้าหมายของพวกเราคือการเดินไปข้างหน้าด้วยกัน อย่างพร้อมเพรียงและไม่หยุดยั้ง!

“หากมีพวกเจ้าคนใดเข้าใจสายสัมพันธ์ระหว่างสี่สำนักของเราผิด และคิดว่าเราจะต้องต่อสู้กันจนตัวตาย พวกเจ้าคิดผิดมหันต์!

“แม้ภายในเราจะแข่งขันกันเองเพื่อพัฒนาตนเองอย่างไม่หยุดยั้ง แต่เมื่อออกสู่โลกภายนอก พวกเราทั้งสี่สำนักรวมกันเป็นหนึ่งภายใต้นามของสำนักศึกษาเต๋า!

“ความสามัคคีเป็นปัจจัยหลักที่จะทำให้เราอยู่รอดได้ในยุคกำเนิดวิญญาณ     พวกเจ้าทุกคนจงจำไว้ว่า ไม่ว่าเราจะอยู่ในสำนักหรือออกไปเผชิญโลกภายนอก ไม่ว่าพวกเจ้าจะพบเจอเข้ากับสถานการณ์ใด จะไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งหรือเข่นฆ่ากันเองระหว่างพวกเราเป็นอันขาด!

“พวกเจ้าทุกคนถือเป็นพี่น้องตระกูลเดียวกัน หากมีผู้ใดละเมิดคำสั่งและ         ฆ่าพี่น้องร่วมสำนัก สำนักศึกษาเต๋าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร้ความปรานี เราจะไม่มีวันยอมให้รากฐานความสามัคคีของทั้งสี่สำนักสั่นคลอนเป็นอันขาด ห้ามไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นแม้แต่ครั้งเดียว!” แม้เหล่าศิษย์ทั้งหลายจะตั้งใจฟังอย่างเงียบๆ    แต่ทุกคนก็ปั่นป่วนด้วยอารมณ์มากมายที่อยู่ภายใน

ในฐานะผู้ฝึกตนที่บรรลุปราณระดับลมหายใจเที่ยงแท้ขั้นที่ห้าจนถึงขั้นสุดยอดแล้ว พวกเขาทุกคนรู้ดีถึงสายสัมพันธ์ของสำนักศึกษาเต๋าทั้งสี่ ที่ท่านประมุขสำนักเพิ่งอธิบายให้ฟัง เนื้อหานี้ยังบรรจุอยู่ในหลักสูตรของสำนักศึกษาเต๋าทั้งสี่อีกด้วย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ยินท่านประมุขสำนักเอ่ยกำชับเรื่องดังกล่าว

หมายความว่าพวกเขาไม่สามารถประหัตประหารกันเองได้ในเขตจันทราเวท     ซึ่งความจริงแล้วก็ช่วยออมแรงและคลายความกังวล จากการต้องคอยระแวงกันเองตามสัญชาตญาณไปได้มากอยู่

ท่านประมุขสำนักเปิดปากพูดอีกครั้งราวอ่านใจออก

“ข้าให้เวลาพวกเจ้าทำความรู้จักกันห้านาที หลังจากนั้นประตูสู่เขตจันทราเวทจะเปิดออก!” ทันทีที่พูดจบ ท่านประมุขสำนักจากสำนักศึกษาเต๋ากวางขาว ก็หันไปจัดการแจกจ่ายเหรียญหยกกู้ชีพให้ทุกคน

เหรียญหยกกู้ชีพนั้นโปร่งใสและมีสีเขียวหยก หวังเป่าเล่อหยิบมันขึ้นมาพินิจ และรู้สึกได้ว่าพลังที่ปล่อยออกมาเทียบเคียงกับกระแสปราณรูปไข่เหลือเกิน ราวกับว่าหากทำลายมันเรียบร้อยจะเกิดวงแหวนปราณเคลื่อนย้ายขึ้น

เมื่อนึกได้ว่าเจ้าสิ่งนี้เอาไว้ทำอะไร หวังเป่าเล่อก็รีบเก็บของตนเอาไว้ให้ปลอดภัยทันที

ขณะที่กำลังแจกจ่ายเหรียญหยกกันอยู่นั้น บรรดาศิษย์จากทั้งสี่สำนักก็เริ่มเดินเข้ามาทำความรู้จักกันมากขึ้น โดยเริ่มจากรู้จักกันผ่านคนใกล้ตัวก่อน ไม่นานนัก     ทุกคนก็เริ่มปะปนกัน ทักทายและพูดคุยเพื่อสร้างความคุ้นเคย

บรรดาพันธุ์กล้าของสหพันธรัฐ หัวกะทิของแต่ละสำนัก และศิษย์หลายคนต่างเข้าหาหวังเป่าเล่อเพื่อทำความรู้จัก ซึ่งตัวชายหนุ่มเองก็ตอบกลับอย่างมีไมตรีจิตและเป็นกันเอง

ขณะที่ทำความรู้จักกันไปนั้น บรรดาสานุศิษย์ก็อดไม่ได้ที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับเขตจันทราเวทกันด้วย ไม่นานนัก หญิงสาวผู้หนึ่งจากสำนักศึกษา             เต๋าธารสวรรค์ ก็ดึงความสนใจจากหวังเป่าเล่อไปได้

หญิงสาวผู้นั้นมีท่าทีสงบนิ่งเยือกเย็น นางไม่ได้เป็นพันธุ์กล้าของสหพันธรัฐ และหวังเป่าเล่อก็ไม่เคยเห็นนางมาก่อนในหมู่บ้านลมปราณวิญญาณ แต่กลับมีคนเข้าไปห้อมล้อมนางมากมาย

แม้แต่หญิงสาวที่มีใบหน้าสะสวยอย่างหลี่อี้ ยังสู้หญิงสาวผู้นี้ไม่ได้

“นั่นใครหรือ” หวังเป่าเล่อถามสหายใหม่จากสำนักศึกษาเต๋าธารสวรรค์อย่างสนใจใคร่รู้

“นางเป็นศิษย์อาวุโสจากสำนักของข้าเอง นามว่าฉีหลิง แม้นางจะไม่ได้มี         กายาวิญญาณ แต่สัญชาตญาณในการตรวจจับวิญญาณนั้นนับว่าแหลมคมกว่าทุกคน แม้กระทั่งผู้มีที่กายาวิญญาณเองยังสู้ไม่ได้ ท่านประมุขสำนักของข้าตั้งความหวังไว้ว่านางจะหาชิ้นส่วนในเขตจันทราเวทได้เป็นจำนวนมากแน่นอน” สหายใหม่จากสำนักศึกษาเต๋าธารสวรรค์ไขข้อข้องใจให้หวังเป่าเล่อ น้ำเสียงของเขาเจือด้วยความอิจฉา

“ยอดเยี่ยมขนาดนั้นเชียวหรือ” หวังเป่าเล่อกะพริบตาปริบๆ และคิดว่าตนควรไปทำความรู้จักนางเอาไว้เสียหน่อย เมื่อทุกคนได้รับเหรียญหยกกู้ชีพเป็นที่เรียบร้อย ท่านประมุขสำนักจากสำนักศึกษาเต๋ากวางขาวก็กระแอมอีกครั้ง ทำให้เหล่าศิษย์ที่กำลังทำความรู้จักกันเงียบเสียงลง พลางหันไปมองท่านเป็นตาเดียว

“สำหรับการหลอมแก่นรากฐานนั้น พวกเจ้าต้องใช้เศษชิ้นส่วนพิเศษอย่างน้อย 20 ชิ้น ส่วนจำนวนที่แน่นอนนั้น พวกเจ้าจะได้รู้หลังจากเข้าไปในเขตจันทราเวท และเก็บเศษชิ้นส่วนแรกของตนมาได้เรียบร้อยแล้ว

“วิธีการตามหาเศษชิ้นส่วนนั้นเรียบง่าย พวกเจ้าเพียงต้องอาศัยเคล็ดวิชาพื้นฐานที่เคยได้ร่ำเรียนมาก่อนหน้าเข้าช่วย ซึ่งก็คือเคล็ดวิชาค้ำจุนปราณนั่นเอง!

“เขตจันทราเวทนั้นแตกต่างจากโลกมนุษย์เรา กระแสปราณมีอยู่เพียงบางพื้นที่เท่านั้น ไม่ได้มีอยู่ทุกหนแห่งอย่างที่เราคุ้นเคยกัน ดังนั้นบริเวณที่มีเศษชิ้นส่วนตกอยู่เท่านั้นจึงจะมีพลังปราณไหลวนอยู่

“จงใช้กระบวนท่าหลอมศิลาวิญญาณทั้งหลาย ดูดเอาพลังปราณรอบตัวมาไว้ในร่างกายตน เพื่อวัดดูว่าบริเวณนั้นมีความเข้มข้นของปราณเท่าใด แล้วพวกเจ้าจะตามหาเศษชิ้นส่วนที่ใช้หลอมแก่นรากฐานตั้งมั่นได้สำเร็จ!” เมื่อท่านประมุขสำนักจากสำนักศึกษาเต๋ากวางขาวชี้แนะเสร็จเรียบร้อย ท่านก็หยุดมองเหล่าศิษย์หลายพันคนตรงหน้า

“ท้ายที่สุดนี้ ข้าขอให้พวกเจ้าโชคดี!

“ประตูสู่เขตจันทราเวทได้เปิดออกแล้ว!” ท่านประมุขสำนักผายมือขวาออกและสะบัด ทันใดนั้น กระแสปราณเคลื่อนย้ายก็ระเบิดเสียงดัง และเริ่มหมุนวนอย่างรวดเร็วรุนแรง แสงจ้าสาดออกมาจากกระแสปราณรูปไข่นั้น

หวังเป่าเล่อตัวสั่นเทิ้มด้วยความตื่นเต้น ศิษย์คนอื่นๆ ก็ไม่ต่างกัน ดวงตาของ  พวกเขาทุกคนเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ทันทีที่กระแสปราณเคลื่อนย้ายเปิดออก ทุกคนก็รีบพุ่งตัวเข้าไปในทันที

หวังเป่าเล่อก็รีบกระโจนเข้าไปพร้อมผู้คนมากมาย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวังว่าพลังปราณของตนจะบรรลุขั้นรากฐานตั้งมั่นได้สำเร็จ ชายหนุ่ม    ก้าวเท้าเข้าไปในประตูพร้อมกับศิษย์ทุกสำนัก ก่อนจะอันตรธานหายไป!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version