Skip to content

A World Worth Protecting 238

บทที่ 238 ทุกคนรวมตัว

ในขณะที่สานุศิษย์จากสี่สำนักศึกษาเต๋า กำลังมุ่งหน้าเข้าสู่เขตจันทราเวทผ่านกระแสปราณเคลื่อนย้ายนั้น ขุมอำนาจอื่นในสหพันธรัฐก็กำลังเดินหน้าส่งศิษย์ของสำนักตนเอง ผ่านฐานที่มั่นของตนเข้าไปภายในเขตจันทราเวทเช่นกัน

ณ ทางเข้าฐานที่มั่นของสำนักรุ่งสางจักรพิภพ ความเงียบอันแสนเยียบเย็นแผ่    ไปทั่วบริเวณ สำนักนี้มีความสัมพันธ์ระหว่างตัวสำนักกับศิษย์ ในรูปแบบที่แตกต่างจากสี่สำนักศึกษาเต๋า

สานุศิษย์นับพันคนจากสำนักรุ่งสางจักรพิภพล้วนมีแววเย็นเยือกปรากฏอยู่ในดวงตา พวกเขามุ่งหน้าเข้าสู่กระแสปราณด้วยความเงียบงัน ต่างรักษาระยะห่างระหว่างกันราวกับไม่ต้องการให้ผู้ใดเข้าใกล้

มวลพลังชั่วร้ายที่แผ่ออกมาจากกายของพวกเขา ดูอันตรายขึ้นไปอีกขั้น         เมื่อผสานรวมเข้ากับความเย็นเยียบในดวงตา ศิษย์ทุกคนจากสำนักรุ่งสางจักรพิภพ   ดูไร้ความรู้สึกต่อชีวิตและตัวตน ความเย็นในแววตาฉายชัดว่าพวกเขากำลังจะออกล่าและสังหาร

สำนักรุ่งสางจักรพิภพนี้เป็นอีกหนึ่งสำนักในสหพันธรัฐ ที่กำลังพยายามสร้างชื่อให้ตนเอง!

ในสายตาของปุถุชนคนทั่วไป สำนักรุ่งสางจักรพิภพเป็นสำนักที่ให้ความสำคัญกับขนบประเพณีโบราณ ขนบที่แสนลึกลับและแฝงไปด้วยกลิ่นอายของบรรพกาล        ในความเป็นจริงแล้ว สำนักนี้ช่างป่าเถื่อนยิ่งนัก ทั้งยังเต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดี สมาชิกสำนักล้วนแต่สนใจผลลัพธ์โดยไม่เลือกวิธีการ หากจะเรียกว่าเป็นสำนักปีศาจก็คงไม่เกินจริงแต่อย่างใด

พันธุ์กล้าของสหพันธรัฐที่มาจากสำนักรุ่งสางจักรพิภพนั้น ผ่านการคัดเลือกมาแล้วว่าไม่มีความกระหายเลือดและความชั่วร้ายอยู่ในตัว เนื่องด้วยแผนพันธุ์กล้านั้นจะได้รับการถ่ายทอดสดให้ทุกคนในสหพันธรัฐได้รับชม ทางสำนักจึงต้องรักษาภาพพจน์ของตนในสายตาสาธารณชนเอาไว้

ศิษย์จากสำนักรุ่งสางจักรพิภพที่ได้เป็นพันธุ์กล้านี้ เก่งกล้าสามารถก็จริง           แต่ยังห่างชั้นจากศิษย์ยอดฝีมือตัวจริงภายในสำนักมากนัก!

บรรดาศิษย์ยอดฝีมือของสำนักปีศาจ ไม่จำเป็นต้องเป็นที่รู้จักโด่งดังไปทั่วอาณาจักร และในบรรดาศิษย์ทั้งหมดนี้ มีสองคนที่ถือว่าเป็นยอดฝีมือตัวจริง!

แม้จะปะปนอยู่ในฝูงชนมากมาย ทั้งสองก็ยังโดดเด่นสะดุดตา คล้ายว่ามวลพลังของพวกเขาแตกต่างจากผู้คนรอบกาย ทำให้สังเกตเห็นได้โดยง่ายกว่าคนอื่น

สองยอดฝีมือนี้เป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ฝ่ายชายนั้นมีร่างกายผ่ายผอมและดวงตาเย็นเยียบ บนใบหน้ามีรอยแผลเป็น และมือขวาก็มีผ้าสีดำพันอยู่ ทั้งยังแผ่พลังมืดออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง มวลพลังรอบกายชายหนุ่มผู้นี้ ทำให้เขาดูอำมหิตและโหดร้ายมากขึ้นกว่าเดิม ขับความเป็นหัวขบถให้เด่นชัดยิ่งขึ้น

ฝ่ายหญิงนั้นตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง นางมีรูปลักษณ์สวยสง่าจนต้องตะลึง และดูบริสุทธิ์ราวดอกบัวสีขาวสะอาด นางสวมกระโปรงยาวสีขาว ขับให้ความงามบริสุทธิ์  ดูผ่องขึ้นไปอีก แน่นอนว่าหญิงสาวผู้นี้ก้าวขึ้นมายังจุดสูงสุดของสำนักปีศาจได้      ย่อมไม่ใช่คนอ่อนแอน่าทะนุถนอมอย่างที่มองเห็น ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้นางเกิน      สิบเมตร ทุกคนที่อยู่รอบกายต่างมองนางด้วยสายตาระแวดระวัง

มวลพลังชั่วร้ายที่แผ่ออกมาจากหญิงสาวนั้นยากจะวัดได้ แววยั่วยวนในสายตานาง   ยิ่งทำให้อ่านยากขึ้นไปอีก แต่หากลองพินิจดูใกล้ๆ จะเห็นความอำมหิตที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความงามนั้น

ในเวลาเดียวกันนั้น บรรยากาศที่สำนักสหชุมนุมสกุณาแตกต่างออกไป         อย่างสิ้นเชิง ศิษย์จากสำนักสหชุมนุมสกุณาแข็งแกร่งด้วยพลังกายล้นเหลือ เมื่อเทียบกับศิษย์จากสำนักรุ่งสางจักรพิภพ เป้าหมายสูงสุดของสำนักนี้คือ การพัฒนาร่างกายให้ถึงขีดสุด การฝึกตนของพวกเขาจึงเน้นที่พื้นฐานเป็นสำคัญ

ในสำนักนี้มีศิษย์หญิงมากกว่าศิษย์ชาย และศิษย์หญิงทุกคนมีอารมณ์มุทะลุดุดันยิ่งกว่าศิษย์ชายเสียอีก!

นอกจากสองสำนักนี้ ยังมีตระกูลนภาห้าสมัยที่กำลังเดินผ่านประตูเข้าไปยัง    เขตจันทราเวทเช่นกัน ตระกูลนภาห้าสมัยเป็นการรวมตัวกันของห้าตระกูลใหญ่      ถือเป็นสายสัมพันธ์ที่เก่าแก่ที่สุดในสหพันธรัฐ การเรียกชื่อกลุ่มก้อนของตนเองว่า ‘ตระกูลนภา’ นั้น ก็บอกได้เป็นอย่างดีกว่าพวกเขาภูมิใจและให้ความสำคัญกับสายเลือดของตนเพียงใด

สกุลจั่วเป็นหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่ ที่มารวมตัวกันภายใต้นามตระกูลนภาห้าสมัย พันธมิตรอันแสนเก่าแก่ของตระกูลนภานี้ มีเสาหลักที่เป็นผู้ปกครองอยู่ห้าตระกูลที่มีสกุลต่างกัน และมาจากทั้งโลกตะวันออกและตะวันตก

นอกจากนั้นยังมีอีกหลายสกุลที่คอยพึ่งพาอาศัยทั้งห้าตระกูลใหญ่นี้ พลังของพวกเขาทั้งหมดไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าใคร และมีจารีตที่หยั่งรากลึกยาวนานแต่โบราณกาล

ความสัมพันธ์ระหว่างคณะสิบเจ็ดเสนาบดี ก็คล้ายคลึงกันกับตระกูลนภาห้าสมัย หลายคนกล่าวไว้ว่าหากคณะสิบเจ็ดเสนาบดี รักษาพันธมิตรระหว่างกันให้แข็งแกร่งยาวนาน ผ่านหลายรุ่นหลายสมัยโดยไม่ถูกกำจัดไปเสียก่อน อาจสามารถสร้างตระกูลขนาดใหญ่ได้ทัดเทียมกับตระกูลนภาห้าสมัยเลยทีเดียว ทั้งสิบเจ็ดตระกูลนี้มี         สายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น แม้กระทั่งฐานที่มั่นบนดวงจันทร์ของพวกเขายังตั้งอยู่         ไม่ห่างกัน ในฐานที่มั่นหนึ่ง หลี่ซิ่วและบุตรชายคนอื่นๆ ของเสนาบดี พร้อมด้วยผู้ติดตามมากมาย กำลังก้าวเข้าไปภายในกระแสปราณเคลื่อนย้าย เพื่อมุ่งหน้าไปยังเขตจันทราเวท

ทุกครั้งที่ประตูปราณเปิดออก ทุกขุมอำนาจในสหพันธรัฐจะเดินทางเข้าไปภายในเขตจันทราเวท และครั้งนี้ก็ไม่ผิดแผกจากเดิม แม้แต่กลุ่มไตรจันทราเองยังส่งสมาชิกเข้าเสี่ยงโชคเช่นกัน

กลุ่มไตรจันทรานั้นแตกต่างจากขุมอำนาจอื่นๆ ในสหพันธรัฐ แม้จะเคยส่งคนของตนเข้าไปในเขตจันทราเวทมาบ้างก่อนหน้านี้ แต่ก็เป็นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจเท่านั้น บุคคลที่พวกเขาเคยส่งเข้าไปก่อนหน้า เป็นเพียงเครือญาติหรือไม่ก็สมาชิกปลายแถวทั้งหมด บุคคลที่อยู่ในตระกูลจริงๆ ยังไม่เคยปรากฏตัวให้ใครเห็นมาก่อน

นั่นเพราะตราบใดที่ยังใช้เงินแก้ปัญหาได้ ก็ไม่มีความจำเป็นใดที่จะต้องนำชีวิตเข้าไปเสี่ยงเอง

แต่ครั้งนี้กลับแตกต่างออกไป ภายในฐานที่มั่นหรูหราโอ่อ่าของกลุ่มไตรจันทรา ชายหนุ่มในเสื้อลายหมากรุก กางเกงขาสั้นเสมอเข่า สวมแว่นตานักบิน กำลังนอนกลางวันเอกเขนกอยู่บนเก้าอี้หน้ากระแสปราณเคลื่อนย้าย พลางกรนเสียงดังลั่น

รอบกายเขามีหญิงสาวนุ่งน้อยห่มน้อยสามสิบกว่านางรายล้อม พวกนางทุกคนดูอ่อนหวานและสวยหยาดเยิ้ม พรั่งพร้อมด้วยระดับปราณสูงส่ง ต่างกำลังพูดคุยกันเจื้อยแจ้ว บางคนก็กางร่มให้ชายหนุ่ม บางคนก็กำลังนวดคลายเส้นให้ บางคนก็กำลังปอกผลไม้ให้เขา… แม้แต่ตอนที่หลับอยู่ พวกนางก็ยังไม่เลิกปรนนิบัติเอาใจ

รอบเก้าอี้นั้นมีองครักษ์สิบคนที่มีระดับปราณสูงส่ง และยังมีวานรสูงยี่สิบเมตรสองตนนั่งยองๆ อยู่ข้างเก้าอี้

ข้างประตูกระแสปราณเคลื่อนย้ายนั้น ผู้อาวุโสสองสามคนจากกลุ่มไตรจันทรา    ที่มีระดับปราณขั้นกำเนิดแก่นใน ต่างเฝ้ามองไปยังชายหนุ่มที่กำลังนอนกรนอยู่อย่างจนปัญญา พวกเขาหันกลับมามองหน้ากันเอง และถอนใจลึกอยู่ในอก

“นายน้อยคิดอะไรอยู่กันแน่…แค่ฝึกตนอยู่แต่ในบ้านไม่พอเช่นนั้นหรือ เหตุใดจึงต้องมาปะปนกับคนพวกนี้เพื่อบรรลุระดับปราณด้วย เจ้านายเราก็หาวัตถุเวทสมบูรณ์แบบมาประเคนให้ท่านเรียบร้อยแล้วไม่ใช่หรือ”

“นายน้อยพนันกับผู้ใดไม่รู้ ว่าท่านจะไม่พึ่งพาครอบครัวของท่านในการบรรลุปราณขั้นรากฐานตั้งมั่น แต่จะใช้เพียงความสามารถของตนเองเท่านั้น ท่านจึงแอบหนีมาที่นี่ขณะเจ้านายเราปลีกวิเวกอยู่”

“ช่างวุ่นวายเสียนี่กระไร รีบติดต่อขุมอำนาจอื่นเร็วเข้า…นายน้อยผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้…จะปล่อยให้มีเรื่องเลวร้ายอะไรเกิดขึ้นกับท่านไม่ได้เป็นอันขาด…” ผู้อาวุโสคนหนึ่งส่ายหน้าอย่างอับจนหนทาง แต่ตนเองก็ไม่รู้ว่าจะหว่านล้อมชายหนุ่มให้เลิกล้มความคิดนี้ได้อย่างไร นายน้อยของพวกเขาผู้นี้ เป็นถึงหนึ่งในสองผู้สืบตระกูลของกลุ่มไตรจันทราก็ว่าได้

กลุ่มไตรจันทรามีเพียงตระกูลเดียวที่กุมอำนาจเบ็ดเสร็จเอาไว้อยู่ แม้ทายาทจะยังมีปราณเพียงระดับลมหายใจเที่ยงแท้ แต่ระดับปราณของเขาก็ไม่ได้สลักสำคัญอะไรเลย เมื่อเทียบกับสถานะอันยิ่งใหญ่และความมั่งคั่งมหาศาลของตระกูลที่จะได้ขึ้นสืบทอดต่อไป

ขณะที่กลุ่มผู้อาวุโสกำลังปวดเศียรเวียนเกล้ากันอยู่นั้น นายน้อยแห่งกลุ่ม       ไตรจันทราก็จามขึ้น แล้วสะดุ้งตื่นด้วยสีหน้าง่วงงุน เพียงยกแขนขวา บรรดาหญิงสาวรอบกายก็พากันล้อมวงเข้ามาช่วยพยุงร่างของเขาให้ลุกขึ้น ชายหนุ่มหาวหวอดก่อนหันไปถามคนรอบข้างว่าได้เวลาเข้าเขตจันทราเวทหรือยัง หลังจากทราบว่าพร้อมแล้ว ชายหนุ่มก็กลับมากระปรี้กระเปร่า และชูมือขวาไปข้างหน้า

“ออกเดินทางกันเสียที!”

ทันทีที่สิ้นคำสั่ง วานรยักษ์สองตนก็คำรามลั่นพร้อมยกเก้าอี้ของเขาขึ้น ท่ามกลางหญิงสาวและผู้คุ้มกันที่รายล้อมอยู่ คณะเดินทางของชายหนุ่มมุ่งหน้าเข้าไปยังประตูกระแสปราณทันที

ขณะที่ทุกคณะในสหพันธรัฐมารวมตัวกันที่ดวงจันทร์ และกำลังเดินหน้าเข้าสู่  เขตจันทราเวทนั้น แสงสว่างก็ฉายเรืองรองขึ้นมาจากแอ่งกระทะทั้งหลายในด้านสว่างของดวงจันทร์ ศิษย์หลายพันคนของสำนักศึกษาเต๋าทั้งสี่ ค่อยๆ ก้าวจาก          กระแสปราณออกมายืนอยู่บนแอ่งเหล่านั้น

ไม่นานนักทุกคนก็ได้เห็นภาพตรงหน้า และเริ่มพูดคุยกันเสียงดังจอแจ พลางสูดหายใจเข้าอย่างตื่นตะลึง

หวังเป่าเล่อที่อยู่ในฝูงชนก็มองไปรอบๆ อย่างรวดเร็วเช่นกัน หลังจากที่เห็นว่าตนเองไม่ได้อยู่ที่ฐานที่มั่นอีกต่อไป ชายหนุ่มก็เงยหน้ามองฟ้าสีดำสนิท และก้มลงมองผืนดินสีเหลืองราวทะเลทรายที่ทอดตัวอยู่เบื้องหน้า แรงกดดันจากเขตจันทราเวทส่งให้หัวใจของชายหนุ่มเต้นแรงขึ้นไปอีก

หลังจากที่ทำตนเองให้คุ้นชินกับบรรยากาศสักพัก ก็เริ่มมีศิษย์หลายคนจาก       สี่สำนักศึกษาเต๋าแยกตัวกันออกไป บางคนก็ออกไปเป็นกลุ่มสามถึงห้าคน บางคน     ก็เดินไปคนเดียว

ในบรรดาคนที่เหลืออยู่ ศิษย์อาวุโสลงความเห็นกันว่าจะออกเดินไปด้วยกันเป็นกลุ่มเพื่อตามหาเศษชิ้นส่วน

หวงซานจากตำหนักหลุมพรางก็อยู่ในกลุ่มนั้นด้วย

หวังเป่าเล่อลองคิดไตร่ตรองดู และปรึกษาจั่วอี้ฟานและเจ้าเยี่ยเหมิงเป็นที่เรียบร้อย พวกเขาลงความเห็นกันว่าจะดูลาดเลาไปก่อน โดยจะเข้าร่วมกับกลุ่มใหญ่เพื่อหาเศษชิ้นส่วนไปด้วยสักพัก ก่อนตัดสินใจอีกครั้งว่าจะแยกตัวออกมาหรือไม่ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ด้วย

ด้วยเหตุนี้ ศิษย์จากสี่สำนักศึกษาเต๋าหลายร้อยคนก็ออกเดินทางจากแอ่งกระทะ มุ่งหน้าไปด้วยกันอย่างแข็งแกร่งและกระตือรือร้น หลังจากตัดสินใจเป็นที่เรียบร้อยว่าจะรวมกลุ่มกันไว้…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version