บทที่ 239 คู่แค้น
ฝูงชนหลายร้อยคนกำลังบุกพื้นที่รกร้าง สำรวจพื้นที่บนด้านสว่างของดวงจันทร์ ท้องฟ้าสีดำสนิทไม่ได้มีผลต่อพื้นดินที่เรืองแสงเจิดจ้าแต่อย่างใด
บริเวณรอบกายพวกเขามีต้นไม้ขึ้นบ้างประปราย เนื่องจากพลังปราณที่เปลี่ยนไปบนดวงจันทร์ทำให้ผืนดินนี้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ปัญหาเดียวก็คือแรงกดทับที่มีผลต่อร่างกายทุกคน ไม่เว้นแม้แต่หวังเป่าเล่อที่มีกำลังกายอันยอดเยี่ยม
หลังจากที่บุกตะลุยไปข้างหน้ากันได้ราวครึ่งชั่วโมง ผู้ฝึกตนหญิงที่ร่างกายอ่อนแอกว่าก็เริ่มหายใจหอบ และเดินช้าลงอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าพลังปราณของพวกนางจะอยู่ที่จุดสูงสุดของระดับลมหายใจเที่ยงแท้ก็ตาม
“ใช้วิชาค้ำจุนปราณตรวจจับกระแสปราณที่เปลี่ยนผันรอบกายเพื่อตามหา เศษชิ้นส่วน เศษชิ้นส่วนที่ใช้หลอมแก่นรากฐานวิญญาณได้นั้นมีความพิเศษในตัวของมันเอง ต้องแยกเศษชิ้นส่วนเหล่านี้ออกจากเศษชิ้นส่วนอื่นๆ ให้ได้…” หวังเป่าเล่อพึมพำกับตนเองขณะมองผู้ฝึกตนหญิงที่เดินช้าลง เขาพยายามใช้วิชาค้ำจุนปราณตรวจสอบอย่างที่ท่านประมุขสำนักบอก แต่ก็รู้สึกได้เพียงความว่างเปล่า
ตรงนี้ไม่มีพลังปราณอยู่เลย หวังเป่าเล่อเกาหัวแกรก ก่อนหันไปมองจั่วอี้ฟานและเจ้าเยี่ยเหมิง และรับรู้ได้ว่าทั้งสองก็ไม่รู้สึกถึงพลังปราณเช่นกัน
สำหรับหวงซานนั้น หวังเป่าเล่อลอบมองเขาอยู่สองสามที หวงซานไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำและดูไม่มีพิษมีภัย ทำให้หวังเป่าเล่อเบาใจลงเล็กน้อยแม้จะยังคงระแวงอยู่
กระแสปราณบนดวงจันทร์ไร้ซึ่งความสม่ำเสมอ มีหลายจุดอยู่เหมือนกันที่ ไม่มีพลังปราณอยู่เลย คณะศิษย์จากสำนักศึกษาเต๋าทั้งสี่ดันมาโผล่อยู่ในหลุม กระแสปราณที่ว่างเปล่านี้พอดิบพอดี
ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าจะพยายามใช้วิชาค้ำจุนปราณตรวจหาเท่าใด ก็ไม่มีทางเจอได้เลย หวังเป่าเล่อเริ่มรำคาญใจเล็กน้อย หลังจากชั่งใจอยู่สักพัก ชายหนุ่มก็แอบใช้พลังจากเมล็ดดูดกลืนของตนเองดูบ้าง
ได้เวลาตื่นแล้ว! ตั้งแต่ดูดกลืนปราณเข้าไปจนอิ่ม เจ้าก็ไม่เชื่อฟังคำสั่งของข้าเลย…ต่อจากนี้ไปข้าจะไม่ยอมปล่อยให้เจ้าอิ่มเกินอีกแล้ว…หวังเป่าเล่อคิดขณะพยายามปลุกเมล็ดดูดกลืนของตนขึ้นมา
แต่เจ้าเมล็ดดูดกลืนก็ยังไม่ตอบสนอง หวังเป่าเล่อตบพุงอย่างขัดใจ แต่ยังไม่ทันได้ค่อนขอดอะไรต่อ เมล็ดดูดกลืนก็เริ่มขยับตัวหลังจากโดนตบเข้าไปเช่นนั้น
“อะไรกัน” หวังเป่าเล่อตาเป็นประกายขึ้น และตบพุงตนเองอีกหลายครั้ง เขารู้สึกว่าเมล็ดดูดกลืนเริ่มขยับตัวตามแรงตบ หวังเป่าเล่อตื่นเต้นเป็นอันมากกับผลลัพธ์นี้ จึงตบพุงตัวเองอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเห็นหวังเป่าเล่อกำลังทำท่าทางประหลาด จั่วอี้ฟานและเจ้าเยี่ยเหมิงก็พากันงุนงง ศิษย์หลายคนรอบกายสังเกตเห็นสิ่งที่หวังเป่าเล่อทำอยู่เช่นกัน และพากันหันมามองอย่างประหลาดใจหลังจากได้ยินเสียงตบพุงดังรัวไม่หยุด
ไม่นานนักหลายคนก็สังเกตเห็นท่าทีประหลาดของหวังเป่าเล่อ ทุกคนงุนงงแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก หลี่อี้ที่อยู่รวมกับฝูงชนหันมามองหวังเป่าเล่อด้วยสายตาดูถูก และพ่นลมเยาะเย้ยอย่างรำคาญใจ
หวงซานก็หันมามองเช่นกัน แต่ก็หันกลับไปอย่างรวดเร็วและไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร
หวังเป่าเล่อกำลังดีใจในความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น จึงไม่รู้สึกถึงสายตาของ คนรอบข้างเลยแม้แต่น้อย ยิ่งเขาตบพุงตนเองมากเท่าใด เมล็ดดูดกลืนก็ดูจะเริ่มตื่นขึ้นมากเท่านั้น หลังจากผ่านไปสักพัก เนื้อใต้เสื้อผ้าของหวังเป่าเล่อตรงที่โดนตบก็กลายเป็นสีแดงเถือก เมล็ดดูดกลืนกลับมาตื่นตัวเต็มที่อีกครั้ง
เมื่อตื่นจากหลับไหล แรงสูบก็ทำงานทันทีตามธรรมชาติ หวังเป่าเล่อรีบควบคุมพลังสูบเอาไว้ไม่ให้คนอื่นจับสังเกตได้
แม้จะปล่อยพลังสูบออกมาเพียงเล็กน้อย แต่เมล็ดดูดกลืนนั้นถือว่าอ่อนไหว ต่อพลังปราณมาก จึงทำให้หวังเป่าเล่อตรวจจับกระแสปราณได้ดีกว่าตอนที่ใช้วิชา ค้ำจุนปราณ
ในไม่กี่อึดใจ หวังเป่าเล่อก็รู้สึกได้ถึงพลังปราณที่แผ่มาจากทิศตะวันตกเฉียงเหนือ พลังปราณนั้นอ่อนแรงและคงจะจับไม่ได้หากใช้วิชาค้ำจุนปราณเพียงอย่างเดียว หวังเป่าเล่อหันไปมองทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความตื่นเต้น
ในตอนนั้นเอง…
“ข้าพบแล้ว! มีกระแสปราณมาจากทิศตะวันตกเฉียงเหนือ!” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากฝูงชน เจือไปด้วยความโอหังในความสามารถตน
หวังเป่าเล่อตกใจจนต้องหันไปมอง เจ้าของเสียงนั้นคือฉีหลิงจากสำนักศึกษา เต๋าธารสวรรค์ ผู้ที่ตรวจจับกระแสปราณได้ดีกว่าใคร หญิงสาวกอดอกและเชิดหน้าขึ้น แสดงความภาคภูมิใจในความสามารถตน ขณะประกาศความสำเร็จให้คนรอบข้างได้รับรู้
“พบแล้วเช่นนั้นหรือ”
“หญิงสาวผู้นี้มีพรสวรรค์ด้านการตรวจจับกระแสปราณชนิดที่ไม่มีใครเทียบเทียมได้! ข้าหามาเป็นชั่วโมงแล้วยังไม่รู้สึกถึงอะไรเลยสักนิด!”
การค้นพบของฉีหลิงทำให้หญิงสาวกลายเป็นจุดสนใจของคนหลายร้อยในทันที ไม่นานนักฝูงชนก็พุ่งทะยานไปยังทิศที่นางบอก หวังเป่าเล่อตามไปทั้งที่ในใจ นึกหงุดหงิด ไม่นานนัก กลุ่มศิษย์จากสี่สำนักศึกษาก็มาถึงดินแดนแห้งแล้งทาง ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
หวังเป่าเล่อรู้สึกได้ถึงพลังปราณบางเบาที่แผ่ออกมาจากพื้นดินแห้งแล้งนั้น ฉีหลิงเองก็เช่นกัน หญิงสาวนำฝูงชนมุ่งหน้าไปที่แห่งนั้น เรือนผมปลิวสยายไปใน สายลม เหล่าศิษย์เริ่มพากันขุดพื้นดินในทันที หลังจากที่ขุดพื้นดินลงไปได้ราว สามเมตร พวกเขาก็พบเศษชิ้นส่วนขนาดเท่าเล็บนิ้วมือ
ทันทีที่ชิ้นส่วนนั้นปรากฏขึ้นต่อสายตาทุกคน พลังปราณเข้มข้นก็กระจายตัวออกมา ศิษย์น้อยใหญ่ต่างพากันตาลุกวาวด้วยความอยากได้ แต่ฉีหลิงเป็นผู้คนพบ และพวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ต่อสู้กันเองเพื่อแย่งชิงเศษชิ้นส่วน สิ่งเดียวที่ทุกคน ทำได้คือเฝ้ามองชิ้นส่วนขนาดเท่าเล็บมือนั้นตกไปเป็นของหญิงสาวผู้ค้นพบ แม้พลังปราณที่ปล่อยออกมาจากเศษชิ้นส่วนจะเข้มข้น แต่มันก็ยังไม่ใช่ชิ้นส่วนพิเศษที่ใช้หลอมแก่นรากฐานวิญญาณแต่อย่างใด
“วางใจเถิดศิษย์ร่วมสำนัก ตราบใดที่ยังมีข้า ฉีหลิง อยู่ตรงนี้ พวกเจ้าทุกคนก็จะได้เศษชิ้นส่วนไปครอบครองตามต้องการแน่นอน” ฉีหลิงประกาศขณะหยิบ เศษชิ้นส่วนนั้นเข้าแนบอก ก่อนสะบัดแขนเสื้อ
คำรับรองของนางทำให้ทุกคนใจชื้น ฝูงชนเริ่มเข้าไปรายล้อมนางและมุ่งหน้าหาชิ้นส่วนต่อไป หวังเป่าเล่อมองเหตุการณ์จากวงนอก อดรู้สึกขุ่นเคืองและรังเกียจนางขึ้นมาไม่ได้
ข้าไม่อยากเชื่อว่าเมล็ดดูดกลืนของข้าจะพ่ายแพ้ให้กับนางเสาอากาศนี่! หวังเป่าเล่อถลึงตาจ้อง ปลุกเมล็ดดูดกลืนของตัวเองอีกครั้งเพื่อค้นหาต่อไป
อีกห้านาทีผ่านไป ขณะที่คนอื่นกำลังก้มหน้าก้มตาจับพลังปราณอยู่นั้น ภายในกายของหวังเป่าเล่อก็เริ่มสั่นเทาเพราะจับกระแสปราณได้อีกครั้ง ชายหนุ่มกำลังจะประกาศการค้นพบของตนให้โลกรู้ แต่…
ฉีหลิงตัดหน้าเขาไปอีกครั้งหนึ่ง นางชิงประกาศขึ้นมาก่อนด้วยน้ำเสียงทะนงระคนดีใจ
“ข้าพบอีกแล้ว ข้างหน้านี้ ห่างไปราวสามร้อยเมตร!”
หวังเป่าเล่อตัวสั่นยืนนิ่งด้วยความตกใจ ขณะมองฝูงชนแห่แหนกันไปข้างหน้าตามพิกัดที่ฉีหลิงบอก ไม่นานนักพวกเขาก็เจอเศษชิ้นส่วนอีกชิ้นหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่เศษชิ้นส่วนนี้ก็ใช้ไม่ได้เช่นกัน
เมื่อเห็นว่าเศษชิ้นส่วนนี้ใช้ไม่ได้ หวังเป่าเล่อก็แอบดีใจอยู่เงียบๆ คนเดียว
แม่นางผู้นี้เป็นคู่แค้นกันมาแต่ชาติปางใดกัน หวังเป่าเล่อหายใจเข้าลึก ขณะมองไปยังฉีหลิงที่กำลังหลงระเริงทะนงตนอยู่ นางสะบัดแขนเสื้อด้วยท่าทีเหนือกว่า ทำเอาชายหนุ่มรำคาญใจหนักขึ้นไปอีกเมื่อเห็นภาพนั้น
ทำบ้าบออะไรกัน จะสะบัดแขนเสื้อไปเพื่ออะไร หวังเป่าเล่อพ่นลมออกทางจมูก ก่อนคิดว่าตนเองควรแยกตัวออกจากกลุ่มเพื่อค้นหาคนเดียวหรือไม่ แต่ชายหนุ่ม ก็รู้สึกว่าหากแยกตัวออกมา ก็เท่ากับว่าเขายอมจำนนต่อฉีหลิงชัดๆ
เมื่อคิดได้ดังนั้น หวังเป่าเล่อก็รู้สึกว่าตนเองจะยอมแพ้ไม่ได้เป็นอันขาด ชายหนุ่มจึงปล่อยพลังสูบออกมามากขึ้น และเพ่งความสนใจทั้งหมดไปที่การตรวจจับ พลังปราณ เพื่อที่จะหาชิ้นส่วนให้ได้ก่อนฉีหลิงบ้าง
แต่ปัญหาก็คือ…แม้แผนการนี้จะดูเข้าที แต่ในความเป็นจริงกลับไม่เป็นไปตามที่หวังไว้ ไม่นานนักหวังเป่าเล่อก็ตรวจจับกระแสปราณได้เป็นครั้งที่สาม…
“ข้าพบอีกแล้ว ฮ่า!”
หวังเป่าเล่อสูดหายใจเข้าลึก กัดฟันกรอด ก่อนตั้งใจหาต่อไป…
“ชิ้นที่สี่! คราวนี้อยู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้!”
“ครั้งนี้เจอเยอะแยะเลย! ชิ้นที่ห้าอยู่ราวเก้าสิบเมตร ตรงนั้น!”
“ชิ้นที่หกอยู่ตรงนั้น ห่างไปราวสามร้อยเมตร ตรงข้างหน้านั่น!”
ขณะที่ฉีหลิงประกาศชัยชนะครั้งแล้วครั้งเล่า ฝูงชนก็เริ่มประหลาดใจกับความสามารถอันยอดเยี่ยมในการตรวจจับพลังปราณของเธอ ดวงตาของศิษย์หญิงบางคนทอประกายขึ้นมายามมองหญิงสาว
แต่ดูเหมือนว่าเศษชิ้นส่วนที่จะช่วยให้บรรลุขั้นรากฐานตั้งมั่นได้นั้น จะมีอยู่น้อยนิดและหายากเหลือเกิน แม้ฉีหลิงจะพบเศษชิ้นส่วนหลายต่อหลายชิ้นแล้ว แต่ก็ยังไม่มีชิ้นใดที่นำมาหลอมแก่นรากฐานวิญญาณได้
ถึงแม้ชิ้นส่วนเหล่านั้นจะไม่ช่วยให้พวกเขาบรรลุปราณขั้นรากฐานตั้งมั่น แต่มันก็ยังจัดว่ามีค่ามากล้น
หรือว่านางจะเป็นเสาอากาศกลับชาติมาเกิดจริงๆ เป็นครั้งแรกที่หวังเป่าเล่อรู้สึกไร้ประโยชน์ เมื่อเห็นฉีหลิงสะบัดแขนเสื้อทุกครั้งที่หาชิ้นส่วนใหม่เจอ ชายหนุ่มก็ทำได้เพียงถอนใจยาว
ช่างมันเถิด! ใช่ว่าข้าอ่อนแอกว่านางเสียเมื่อไหร่ ข้าต้องทำตัวแนบเนียนเข้าไว้ เจ้าหวงซานนั่นยังดูไม่น่าไว้ใจแปลกๆ ข้าไม่ควรดึงดูดความสนใจมาที่ตนเองมาก คงดีกว่าหากข้าแยกออกไปหาเองตามลำพัง! หวังเป่าเล่อหายใจเข้าลึก ก่อนปลุกใจตนเองให้เต็มกลับมาฮึกเหิมอีกครั้ง เขากำลังจะหันไปบอกจั่วอี้ฟานกับเจ้าเยี่ยเหมิง ทว่าตอนนั้นเอง เมล็ดดูดกลืนของเขาก็จับกระแสปราณรุนแรงที่พุ่งเข้ามาปะทะได้เสียก่อน
“ข้าเจอแล้ว!” หวังเป่าเล่อตะโกนตามสัญชาตญาณ แต่ขณะที่เขาเอ่ยออกมานั้น ฉีหลิงและศิษย์คนอื่นๆ ก็พูดออกมาพร้อมกันด้วย
“ข้าก็เจอ!”
“กระแสปราณนี้เข้มข้นมาก อยู่ข้างหน้าเรานี่เอง!”
ศิษย์ทุกคนเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น เมื่อค้นพบว่าพลังปราณที่จับได้คราวนี้เข้มข้นกว่าแต่ก่อนมาก ดูเหมือนว่ากระแสปราณนี้จะอยู่ตรงหน้าพวกเขานี่เอง ทั้งยังแผ่กระจายมาจากทุกทิศทาง จนปกคลุมไปทั่วบริเวณเลยทีเดียว
ทุกคนพลันกระตือรือร้นขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้ พวกเขาพากันพุ่งตัวไปยังจุดหมาย แม้แต่หวังเป่าเล่อก็ข่มความรำคาญใจของตนเองไว้ และเพิ่มความเร็วให้ตาม คนอื่นทัน
ไม่นานนัก ภาพตรงหน้าก็ปรากฏขึ้นเด่นชัดในดวงตาของทุกคน พวกเขากลั้นหายใจ เนื้อตัวเต้นระริกด้วยความตื่นเต้นถึงขีดสุด
หวังเป่าเล่อก็ตกใจตะลึงงันเช่นกัน เบื้องหน้าของพวกเขามีแอ่งกระทะขนาดใหญ่ ที่มีเศษชิ้นส่วนหลายร้อยตกกระจัดกระจายอยู่บนพื้นผิว ดูเหมือนจะเป็นชิ้นส่วนย่อยๆ ที่แตกออกจากชิ้นส่วนใหญ่ และกระจายไปทั่วบริเวณ!
เศษชิ้นส่วนน้อยหลายร้อยชิ้นเหล่านี้ ส่งพลังปราณเข้มข้นออกมายังพวกเขา ยิ่งเข้าไปใกล้เท่าใด พลังปราณที่รู้สึกได้ก็ยิ่งแก่กล้าขึ้นเท่านั้น
“สวรรค์โปรด! นั่นมัน…”
“เศษชิ้นส่วนชิ้นเล็กชิ้นน้อยเพียบเลย เป็นไปได้อย่างไรกัน มากมายสะดุดตาขนาดนี้แต่กลับไม่มีใครเคยค้นพบมาก่อนอย่างนั้นหรือ”