บทที่ 240 ผนึกลายไม้
เศษชิ้นส่วนหลายร้อยชิ้นในแอ่งกระทะตรงหน้า และพลังปราณแก่กล้าที่ แผ่ออกมา ทำให้ปราณภายในกายของทุกคนหมุนวนปั่นป่วนยิ่งขึ้นในทุกลมหายใจ
แต่เนื่องจากศิษย์จากสี่สำนักศึกษาที่อยู่ตรงนั้นล้วนแล้วแต่เป็นระดับหัวกะทิทั้งสิ้น พวกเขาจึงพากันยับยั้งชั่งใจ แล้วประเมินสถานการณ์ตรงหน้าเสียก่อน
แอ่งกระทะรกร้างที่เต็มไปด้วยเศษชิ้นส่วนนั้นแปลกประหลาดเกินไป แม้ทุกคนจะอยากวิ่งเข้าไปสำรวจให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ไม่มีใครกล้าก้าวเข้าไปอีกแม้แต่ก้าวเดียว
แต่หากจะให้ยอมแพ้เพราะกลัวอันตรายก็คงไม่ใช่เรื่องเช่นกัน หลายคนจึงเริ่มระดมสมองกันอย่างรวดเร็วว่าจะทำอย่างไรดี พวกเขาตกลงกันได้ว่าศิษย์จากสาขาหลุมพรางและฝึกอสูร จะปล่อยอสูรและหุ่นยนต์ออกสำรวจก่อน
หวงซานก็ปล่อยหุ่นยนต์ออกมาด้วยเช่นกัน หุ่นยนต์นั้นสร้างขึ้นมาเพื่อใช้งานโดยเฉพาะ ไม่เน้นความสวยงาม หน้าตาของมันดูคล้ายหุ่นเชิดอยู่เหมือนกันแต่ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว
กลุ่มหุ่นยนต์และอสูรค่อยๆ คืบเข้าไปใกล้แอ่งกระทะ ท่ามกลางสายตาจับจ้องด้วยความระแวดระวังของหวังเป่าเล่อและคนอื่นๆ ไม่นานนักเหล่าหุ่นยนต์และ อสูรนักสำรวจก็เข้าไปในแอ่งกระทะแห่งนั้นได้สำเร็จ
เมื่อเห็นว่าพวกมันเข้าไปได้โดยไม่มีอันตรายใดๆ ซ้ำยังเริ่มเก็บเศษชิ้นส่วนขึ้นมาจากพื้น ทุกคนก็ใจชื้นขึ้นมาทันที ตัวหวังเป่าเล่อเองก็หายใจรัวเร็วด้วยความตื่นเต้น แต่ยังไม่ทันที่เขาจะตัดสินใจว่าจะฉวยโอกาสใช้เมล็ดดูดกลืนสูบเอาชิ้นส่วนจำนวนมากมาให้ตัวเองดีหรือไม่ เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็อุบัติขึ้น
เสียงกึกก้องกัมปนาทระเบิดดังออกมาจากผืนดินเบื้องหน้า พื้นปฐพีสั่นไหวเป็นคลื่นเหมือนมหาสมุทรที่ปั่นป่วน ขณะที่ทุกคนกำลังอึ้งและตกใจกลัวอยู่นั้น กระแสปราณเคลื่อนย้ายก็อุบัติขึ้นใต้เท้าของหุ่นยนต์ หนอนยักษ์สีม่วงร่างหนาราว ห้าไม้บรรทัดตัวหนึ่งก็พุ่งออกมาจากกระแสปราณนั้นเสียก่อน
ทันทีที่หนอนยักษ์ปรากฏกาย มันก็กลืนหุ่นยนต์เข้าไปทั้งตัว หนอนยักษ์ไม่ได้กลับเข้าไปในกระแสปราณ หากแต่คลานอยู่ตรงนั้น และหันหน้ามามองสานุศิษย์จากสี่สำนักศึกษาเต๋า
ทันทีที่เจ้าหนอนหยุดเคลื่อนไหว ใบหน้าของมันก็ชัดเจนขึ้นในสายตาทุกคน หนอนสีม่วงมหึมาตัวนี้ไม่มีตาไม่มีจมูก ไม่มีศีรษะด้วยซ้ำไป มีเพียงปากขนาดมหึมาอย่างเดียวเท่านั้น!
ร่างของมันหนาราวห้าไม้บรรทัด ลำตัวที่โผล่พ้นพื้นขึ้นมายาวราวหนึ่งร้อยเมตร บนลำตัวเต็มไปด้วยก้อนเนื้อตะปุ่มตะป่ำขนาดเท่ากำหมัด เจ้าหนอนนี้ทำให้ศิษย์ ทุกคน ณ ที่แห่งนั้นขนลุกเกรียวและเสียวสันหลังวาบ
“แมลงจันทรา!” ศิษย์ผู้หนึ่งตะโกนออกมา
เจ้าหนอนยักษ์นี่คือแมลงจันทรา ที่มีพลังปราณประมาณขั้นที่สามถึงสี่ของระดับลมหายใจเที่ยงแท้
หวังเป่าเล่อสูดหายใจเข้าลึกและรีบล่าถอยทันที จั่วอี้ฟานและเจ้าเยี่ยเหมิงก็เช่นกัน ศิษย์ส่วนใหญ่จากสี่สำนักศึกษาเต๋าก็ตัดสินใจล่าถอยและพยายามหนีโดยพลัน กระนั้นหลายคนก็ยังอดฉุนเฉียวไม่ได้
นั่นเพราะว่า…ขณะที่แต่ละสำนักอธิบายเกี่ยวกับแมลงจันทราระหว่างส่งตัวศิษย์ขึ้นมายังดวงจันทร์นั้น พวกเขาได้ย้ำนักย้ำหนาอยู่หนึ่งประโยค…แมลงจันทรามักอยู่รวมกันเป็นฝูง…
ปฏิกิริยาตอบสนองของทุกคนถือว่าเร็วแล้ว แต่ก็ยังไม่เพียงพอ พวกเขาตัดสินใจช้า ไปเพียงก้าวเดียวเท่านั้น พื้นดินสั่นไหวอีกครั้ง กระแสปราณมากมายก็ผุดตามกันขึ้นมา แมลงจันทราตัวใหญ่มหึมานับไม่ถ้วน กระโดดออกมาจากทะเลกระแสปราณเคลื่อนย้ายตัวแล้วตัวเล่า
แอ่งกระทะเศษชิ้นส่วนนั้น บัดนี้มีแมลงจันทราผุดขึ้นมานับหลายพันตัว พื้นดินยังคงสั่นไม่หยุด ขณะที่ฝูงแมลงจันทราบุกตะลุยเข้ามาหาพวกเขา!
“มันเป็นกับดัก!” เสียงตื่นตระหนกดังออกมาจากฝูงชน หนังศีรษะของหวังเป่าเล่อเริ่มชาไร้ความรู้สึก ทะเลเศษชิ้นส่วนเบื้องหลังชายหนุ่มมลายหายไปอย่างรวดเร็ว ราวภาพวาดที่ถูกน้ำซัดสาด
สถานที่แห่งนั้นเป็นเพียงภาพมายา!
สิ่งที่ทำให้ภาพมายาบนดวงจันทร์แตกต่างจากภาพมายาทั่วไป คือภาพมายาบนดวงจันทร์แสดงสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในอดีต แอ่งกระทะชิ้นส่วนเหล่านั้นเคยมีอยู่จริงมาก่อน!
ดวงจันทร์ช่างสยองขวัญเหลือเกิน! หวังเป่าเล่อรู้สึกว่าขนลุกชันไปทั้งตัว ก่อนหน้านี้ชายหนุ่มเข้าใจธรรมชาติของดวงจันทร์ ผ่านการปะติดปะต่อเรื่องเล่าที่ได้ยินมาจากหลายต่อหลายคน แต่บัดนี้เขาเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่าเขตจันทราเวทนั้นแปลกประหลาดและน่าสะพรึงกลัวเพียงใด
“รีบหนีออกจากที่แห่งนี้โดยเร็วที่สุดเถอะ!” เหล่าผู้ฝึกตนจากสำนักศึกษาเต๋าทั้งสี่ ณ ที่แห่งนี้ มีพลังปราณอยู่ในขั้นที่ห้าของระดับลมหายใจเที่ยงแท้เป็นอย่างน้อย หลายคนพัฒนาไปจนถึงระดับลมหายใจเที่ยงแท้ขั้นสุดยอดแล้ว แม้พวกเขาจะกำลังตกใจกลัว แต่ก็ควบคุมสติไว้ได้ แล้วรีบรวมตัวกันหนีไปอีกทางทันที
ทันใดนั้น บรรดาแมลงจันทราที่รายล้อมพวกเขาอยู่ก็กู่ร้องด้วยสุ้มเสียงประหลาด เสียงโหยหวนนั้นดังปะทะเข้าใส่บรรดาศิษย์จากสี่สำนักศึกษาจากทุกทิศทาง แมลงบางตัวปล่อยของเหลวสีดำออกมา ของเหลวสีดำนั้นมีกลิ่นเหม็นอย่างเหลือเชื่อ และกัดกร่อนพื้นดินทันทีที่ไหลออกมา เพียงแค่มองภาพสยดสยองนั้นก็รู้ได้ทันทีว่าหากมันไหลมาโดนร่างกายของพวกเขาบ้าง คงจะย่อยสลายทั้งเลือด เนื้อ และกระดูกให้เหลวเละคาพื้นเลยทีเดียว
ภาพนี้ทำให้ทุกคนขนพองสยองเกล้ายิ่งกว่าเดิม ต่างคนต่างหยิบเอาสมบัติเวทและวัตถุเวทอื่นๆ ของตนออกมา เพื่อต่อสู้กับแมลงจันทราที่ขวางหน้าทันที
ทันใดนั้น เสียงกึกก้องกัมปนาทก็ดังก้องไปทั่วทั้งบริเวณอีกครั้ง
หวังเป่าเล่อเป็นหนึ่งในคนที่ตัดสินใจเปิดฉากต่อสู้ สายฟ้าแลบรายล้อมกายเขายามชายหนุ่มเปิดฉากจู่โจม เขาสังหารแมลงจันทราที่พุ่งเข้ามาหาจนตายคาที่ใน หมัดเดียว และกำลังพุ่งตรงไปข้างหน้าเพื่อหลบหนีอย่างไม่รีรอ
ผู้ฝึกตนคนหนึ่งจากสำนักศึกษาเต๋ากวางขาวสาขาย่อยที่อยู่ไกลออกไป กำลังหน้าซีดเผือดด้วยความตกใจ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง ชายหนุ่มพยายามจะหนีแต่ก็สายไปเสียแล้ว แมลงจันทราตัวหนึ่งยิงของเหลวสีดำใส่ร่าง ของเขา ชายหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายกรีดร้องอย่างสยดสยอง ทุกคนมองเห็นร่างของเขาสลายกลายเป็นเศษของเหลวสีแดง ใบหน้าเริ่มละลายจนไม่เหลือเค้า กระดูกพลันย่อยสลายลงอย่างรวดเร็ว
แต่ชายหนุ่มผู้นั้นก็ไม่ได้สิ้นชีพลงในทันที เขาทุบเหรียญหยกกู้ชีพของตนด้วยมือที่เหลืออีกข้างหนึ่ง ขณะที่ยังคงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ทันทีที่เหรียญหยกกู้ชีพแตกออก ลำแสงเจิดจ้าก็ล้อมกายของศิษย์ผู้โชคร้ายคนนั้นไว้ เกราะแสงสว่างที่ ปกคลุมร่างของเขาอยู่ส่งลำแสงพุ่งยาวขึ้นไปบนฟ้า ชายหนุ่มลอยขึ้นไปยังสวรรค์เหมือนสายรุ้งหลากสี ราวกับกำลังส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปยังวงแหวนปราณที่ครอบเขตจันทราเวทอยู่
สายรุ้งพุ่งผ่านสวรรค์ขึ้นอย่างรวดเร็วและกำลังจะสลายหายไป ทว่าในตอนนั้นเอง…พื้นดินก็เริ่มสั่นสะเทือนอีกครั้ง คราวนี้รุนแรงกว่าครั้งก่อนหน้าด้วยซ้ำ
ราวฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย เสียงระเบิดดังสนั่นก้องไปทั่วทั้งเขตจันทราเวท เหมือนมีอัสนีบาตฟาดลงบนผืนดินนับครั้งไม่ถ้วน
ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดบนดวงจันทร์ ทุกคนก็รู้สึกได้ถึงแผ่นดินไหวรุนแรงไปทั่ว ดาวเคราะห์ใบนี้
ผู้ฝึกตนจากสำนักอื่นก็รู้สึกได้ถึงเหตุการณ์ไม่คาดคิดนี้ เช่นเดียวกับบรรดาศิษย์จากสี่สำนักศึกษาเต๋า ทุกคนต่างรู้สึกถึงแผ่นดินไหวรุนแรงไม่ว่าจะอยู่ที่ใดใน เขตจันทราเวท
ยังไม่ทันมีใครส่งเสียงตะโกนด้วยความตกใจ ลายไม้มากมายก็อุบัติขึ้นจาก ความว่างเปล่า และแพร่กระจายปกคลุมไปทั่วผืนฟ้าอย่างรวดเร็ว ภายในไม่กี่วินาที หวังเป่าเล่อและศิษย์ร่วมสำนักก็มองไม่เห็นขอบเขตของลายไม้นั้นอีกต่อไป ลายไม้ ปกคลุมเขตจันทราเวททุกตารางนิ้วเสียแล้ว!
ลายไม้บนท้องฟ้าก่อให้เกิดผนึกขนาดยักษ์ กดทับวงแหวนปราณที่อารักขา เขตจันทราเวทก่อนหน้าโดยสมบูรณ์ ผนึกลายไม้ขนาดยักษ์นั้นควบคุมและยับยั้งอำนาจของวงแหวนปราณราวกับปรสิต ผนึกยักษ์ตัดสัญญาณขอความช่วยเหลือทั้งหมดทั้งมวลที่ส่งออกจากเขตจันทราเวททันที!
เสียงกึกก้องกัมปนาทดังสะเทือนไปทั่วเขตจันทราเวท ผนึกทั้งมิติให้ตัดขาดออกจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง ทุกคนที่ติดอยู่ภายในเขตจันทราเวทไม่มีโอกาสขอ ความช่วยเหลือใดๆ บรรดาผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในที่อยู่ภายนอก…ก็ถูกวงแหวนปราณกีดขวางไม่ให้เข้าไปในเขตจันทราเวทได้ชั่วคราว!
ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในประจำฐานที่มั่นของทุกสำนักกำลังตกใจถึงขีดสุด บางคนก็พยายามเข้าไปยังเขตจันทราเวท แต่กลับถูกดีดตัวสะท้อนกลับออกมา พวกเขาเข้าไปไม่ได้แม้แต่ปลายผม!
“ไม่ได้การแล้ว!”
“ติดต่อสหพันธรัฐประจำภาคพื้นโลกเดี๋ยวนี้ บอกท่านผู้นำสหพันธรัฐว่าเหตุการณ์คอขาดบาดตายกำลังเกิดขึ้นในเขตจันทราเวท!”
สี่ประมุขสำนักแห่งสำนักศึกษาเต๋ากำลังตกตะลึงและเริ่มกระวนกระวายใจ บรรดาเสนาบดี ตระกูลนภาห้าสมัย และอีกสองสำนักที่เหลือตกอยู่ในความโกลาหล แต่ถ้าเทียบกับขุมอำนาจทั้งหมดแล้ว กลุ่มไตรจันทราดูเหมือนจะกำลังวุ่นวาย มากที่สุด จนถึงขนาดวางแผนว่าจะยอมระเบิดฐานที่มั่นของตนเองทิ้งเสีย เพื่อสร้าง รูเล็กๆ ในวงแหวนปราณ ให้เข้าไปภายในเขตจันทราเวทได้
“นายน้อยติดอยู่ในนั้น!” เหล่าผู้อาวุโสจากกลุ่มไตรจันทราตะลึงงันและกำลัง สติกระเจิง เมื่อนึกถึงผลที่จะตามมาจากเหตุการณ์เลวร้ายนี้ พวกเขาหายใจหอบด้วยความหวาดกลัว และเริ่มกระวนกระวายถึงขีดสุด
ขณะที่โลกภายนอกกำลังเต็มไปด้วยความโกลาหลนั้น ผู้ฝึกตนจากสี่สำนักศึกษาเต๋าและจากสำนักที่เหลือ ก็ตกอยู่ในความตะลึงงันไม่แพ้กัน
ลำแสงป้องกันรอบกายศิษย์ผู้โชคร้ายที่ยอมทุบเหรียญหยกกู้ชีพ พลันสลายจางหายไปในพริบตา ส่วนที่เหลืออยู่ของร่างเขาถูกแมลงจันทราตัวหนึ่งเขมือบจนไม่ เหลือซาก
หวังเป่าเล่อมีสีหน้าตึงเครียดขึ้นทันทีที่เห็นสหายร่วมสำนักตายไปต่อหน้าต่อตา เมื่อมองไปยังผนึกลายไม้บนท้องฟ้า และฝูงแมลงจันทราที่รายล้อมพวกเขาอยู่ ชายหนุ่มก็แทบขาดใจ กลิ่นอายของภยันตรายถาโถมเข้าใส่ร่างกายราวคลื่นยักษ์ ไร้ความปรานี เกิดเรื่องคอขาดบาดตายขึ้นเสียแล้ว!