Skip to content

A World Worth Protecting 241

บทที่ 241 เนตรโลหิตออกล่า

ต้องรีบออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด! หวังเป่าเล่อตื่นตัวเต็มที่ อันตรายถึงตายทำให้ชายหนุ่มหายใจหอบด้วยความตกใจ จนไม่ได้หันไปสนใจสิ่งอื่นรอบกาย เขาพยายามหนีไปให้ไกลจากที่แห่งนั้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

ศิษย์คนอื่นๆ ก็เช่นกัน ทุกคนต่างกระจัดกระจายไปทุกทิศทาง พยายามที่จะหนีออกจากพื้นที่ที่ถูกแมลงจันทราล้อมไว้ ศิษย์จากสี่สำนักศึกษาเต๋าแตกกลุ่มกันเป็นที่เรียบร้อย

ความจริงแล้วพวกเขาจะรวมกลุ่มกันต่อไปก็ได้ แต่แมลงจันทราปล่อยของเหลว   สีดำออกเป็นวงกว้าง หากอยู่ติดกันเกินไป คงมีคนโชคร้ายโดนของเหลวนั้นเข้า     และตายไปต่อหน้าต่อตาอีกแน่ คงดีกว่าหากทุกคนกระจายกันไปคนละทาง          เพื่อให้ยากต่อการโจมตี แล้วใช้ความคล่องตัวและความสามารถเฉพาะตนในการ  หลบหลีกแทน

พวกเขาจะรวมตัวกันจัดการฝูงแมลงจันทราก็ย่อมได้ แต่จะทำสำเร็จหรือไม่       ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะเกิดเหตุการณ์ประหลาดไม่คาดฝันขึ้นอีกหรือเปล่า หรือว่าจำนวนแมลงจันทราจะเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่

เกิดเรื่องร้ายขึ้นในมิติจันทราเวทเป็นที่แน่นอนแล้ว ลึกลงไปใต้ดิน ฝูงแมลงจันทรากำลังพุ่งตรงมาทางพวกเขาอย่างรวดเร็วจากทุกทิศทุกทาง

แผ่นดินไหวดังสะเทือนเลื่อนลั่นทำให้ทุกคนกลัวจนแทบทนไม่ไหว แม้แต่ผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นเองก็คงเลือกที่จะหนีมากกว่าสู้จนตัวตาย

เสียงระเบิดบ่งบอกถึงความเร็วเหนือเสียงเกิดขึ้นเป็นระยะๆ ขณะที่เหล่าศิษย์ต่างหยิบเอาสมบัติเวทของตนออกมาใช้งานระหว่างหลบหนี

หวังเป่าเล่อเองก็เช่นกัน พลังกายของเขาอยู่ที่ขั้นรากฐานตั้งมั่นอยู่แล้ว          หากฝูงแมลงมีขนาดเล็กกว่านี้ เขาคงสามารถฆ่าแมลงจันทราเหล่านี้ตายเป็นฝูงได้    ไม่ยาก แต่แมลงจันทรานี้มีมากเกินกว่าจะจัดการไหว ชายหนุ่มจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรีบหนีออกจากที่แห่งนั้นโดยเร็วที่สุด หวังเป่าเล่อพุ่งออกจากที่เกิดเหตุราวลูกศรที่ถูกยิงออกจากคันธนู เสียงระเบิดดังก้องตามความเร็วของเขา

แม้แมลงจันทราจะมีมาก แต่พลังปราณของพวกมันก็อยู่ที่ขั้นที่สามหรือสี่ของระดับลมหายใจเที่ยงแท้เท่านั้น หากไม่ถูกล้อมเอาไว้เสียก่อน ก็คงไม่ใช่เรื่องยากที่       ผู้ฝึกตนจากสี่สำนักศึกษาเต๋าจะหนีพ้น

หากไม่โชคร้ายจนเกินไป ของเหลวสีดำที่แมลงเหล่านั้นยิงมาก็ไม่ได้หลบยากเช่นกัน ผู้ฝึกตนหลายร้อยคนหนีออกจากกับดักได้สำเร็จ มีประมาณยี่สิบคนที่เสียชีวิตขณะพยายามหนี แต่ที่เหลือก็รอดออกมาได้ ทุกคนหอบตัวโยนขณะมองแมลงจันทราคลานมาสมทบเพิ่มจากใต้ดิน พร้อมเสียงคำรามดุร้าย บรรดาศิษย์เอาตัวรอดจากการล้อมสังหารครั้งแรกได้ จึงเริ่มรู้สึกมีความหวังอีกครั้ง และเร่งฝีเท้าของตนให้เร็วขึ้น

หวังเป่าเล่อเองก็เช่นกัน ชายหนุ่มหันไปมองรอบกายขณะกำลังวิ่ง และเห็นจั่วอี้ฟาน เจ้าเยี่ยเหมิง เฉินอวี่ถง และใบหน้าที่คุ้นเคยอีกมากมายที่หนีรอดมาได้กำลังเข้ามาใกล้เขา ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอกและกำลังจะออกวิ่งต่อ

ขณะที่ความหวังกำลังลุกโชติช่วงอยู่ในใจหวังเป่าเล่อและสหายร่วมสำนัก หายนะก็มาเยือนอีกครั้ง!

เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นทุ้มต่ำ ดังเสียยิ่งกว่าสายฟ้าฟาด ระเบิดอยู่บนฟากฟ้า เหนือผนึกลายไม้สีเลือด!

ตู้ม!

ตู้ม!

ตู้ม!

เสียงระเบิดกึกก้องติดกันสามครั้ง พื้นดินสั่นสะเทือน ท้องฟ้าแทบแหลกเป็นเสี่ยงๆ พื้นดินใต้เท้าของพวกเขาแตกออกเป็นชิ้นๆ ระเบิดกระจุยกระจาย แรงระเบิดนี้ก่อให้เกิดมวลพลังพุ่งแหวกอากาศไปทั่วเขตจันทราเวท ทุกคนที่อยู่ในมิติไม่ว่าจะอยู่แห่งหนใด ต่างหูอื้อและตกอยู่ในความงุนงง มากกว่าครึ่งมีเลือดไหลออกจากมุมปาก

แมลงจันทราก็รู้สึกถึงอันตรายที่เกิดขึ้นจนตัวสั่นงันงก แทบหักงอด้วยความกลัวถึงขีดสุด

นายน้อยแห่งกลุ่มไตรจันทรากำลังเอนหลังอย่างสบายกายสบายใจอยู่บนเกี้ยว เขาตกใจสะดุ้งสุดตัว หัวใจแทบระเบิดจากอก บรรดาผู้คุ้มกันรีบเข้ามายืนล้อมไว้เพื่อปกป้อง

หลายคนจากสำนักรุ่งสางจักรพิภพและสำนักสหชุมนุมสกุณา มีสีหน้าตกใจ     จนพูดไม่ออก สมาชิกจากตระกูลนภาห้าสมัยและจากคณะสิบเจ็ดเสนาบดีก็เช่นกัน สายฟ้าทรงพลังนั้นทำให้ทุกคนที่กระจัดกระจายอยู่ในเขตจันทราเวทตกใจกลัว

ขณะที่สายฟ้ายังฟาดลงมาอย่างไม่หยุดยั้ง อักขราจารึกขนาดใหญ่มากมาย        ก็ปรากฏขึ้นเหนือวงแหวนปราณบนฟากฟ้า อักขราจารึกเหล่านั้นมีหลายร้อยตัว      แต่ละตัวมีขนาดมหึมา ลอยเด่นอยู่เหนือน่านฟ้าทุกจุดบนเขตจันทราเวท

เมื่อมองขึ้นไปข้างบน ทุกคนจะเห็นตัวอักขระใหญ่ยักษ์อยู่เหนือศีรษะตนเอง     ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด!

ท้องฟ้าที่ศิษย์จากสี่สำนักศึกษาเต๋าเห็นก็เป็นแบบนี้เช่นกัน อักขระมหึมาบนฟ้าปรากฏขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย และเรืองแสงขึ้นในบัดดล

เมื่ออักขระเหล่านั้นเริ่มเรืองแสง หวังเป่าเล่อก็รู้สึกได้ถึงมวลพลังอันหนักหน่วงที่กดทับลงมาบนศีรษะเขา ความรู้สึกนี้ยากจะอธิบายเป็นคำพูด ราวกับอักขราจารึกหลายร้อยตัวนั้น กำลังลดระดับลงมาจากฟากฟ้า และผนึกเขตจันทราเวททั้งหมดเอาไว้!

ผู้ฝึกตนราวหมื่นคนจากทุกขุมอำนาจที่อยู่ในเขตจันทราเวท หยุดหายใจใน   วินาทีเดียวกัน เสียงหายใจสะดุดจากความตกตะลึงดังไปทั่วมิติ

ทุกคนตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ พยายามต่อต้านพลังกดที่อักขราจารึกทับลงมาบนกายเขา ราวกับกำลังต่อสู้กับศัตรูจากอวกาศที่หมายทำลายมนุษยชาติ              จิตวิญญาณของทุกคนสั่นเทาด้วยความกลัวจับขั้วหัวใจ!

พลังปราณของพวกเขาก็ถูกกดไว้ในวินาทีนั้นเช่นกัน หวังเป่าเล่อตัวสั่นและหายใจหอบโยน เมื่อมองเห็นทุกคนรอบกายกำลังประสบชะตากรรมเดียวกัน ความรู้สึกถึงอันตรายที่มากระซิบข้างหูยิ่งรุนแรงขึ้นไปอีก

เกิดอะไรขึ้นที่นี่กันแน่ หวังเป่าเล่อตะโกนร้องเกรี้ยวกราดอยู่ภายในใจ พยายามดิ้นรนให้ตนเองหลุดจากแรงกดทับเพื่อจะหนีไปให้พ้น อักขราจารึกบนฟากฟ้า       เริ่มกะพริบเร็วขึ้น แรงสูบพลังมหาศาลปรากฏขึ้นเหนือศีรษะพวกเขา

พลังสูบรุนแรงนี้เปลี่ยนท้องฟ้าทั้งหมดให้กลายเป็นหลุมดำ ปล่อยพลังพุ่งเข้าใส่   ผู้ฝึกตนนับหมื่นคนจากทั่วทุกแห่งหน ไม่มีใครต้านทานแรงมหาศาลนั้นได้

หวังเป่าเล่อมองบรรดาผู้ฝึกตนจากสำนักศึกษาเต๋าตัวสั่นเทา ควันสีขาวพวยพุ่งออกจากร่างของพวกเขาเหล่านั้นขึ้นไปยังอักขราจารึกบนฟากฟ้า

ชายหนุ่มมองไปที่ควันสีขาวนั้น และรับรู้ได้ในทันทีว่า… มันคือ พลังชีวิตนั่นเอง!

มันกำลังจะดูดพลังชีวิตของพวกเราเช่นนั้นหรือ หวังเป่าเล่อตัวสั่น แรงสูบดำเนินต่อไปอย่างทรงพลัง เขารู้สึกได้ว่าภายในกายเริ่มสั่นเทา มวลพลังที่มองไม่เห็นกำลังจะจากร่างของเขาไป!

ขณะที่พลังชีวิตเหือดหายไปเรื่อยๆ หวังเป่าเล่อก็รู้สึกได้ว่าร่างกายของตนเองอ่อนแอลง ชายหนุ่มรู้สึกแม้กระทั่งว่าทั้งเส้นปราณและร่างกายของเขากำลังเหี่ยวย่นโรยรา!

พยายามจะชิงพลังชีวิตไปจากข้าเช่นนั้นหรือ เอาคืนมาเดี๋ยวนี้! หวังป่าเล่อ       สูดหายใจเข้าลึก สีหน้าเปลี่ยนเป็นอำมหิตในช่วงเวลาชี้เป็นชี้ตาย เมล็ดดูดกลืนในกายเขาตื่นขึ้นมาในฉับพลัน และเริ่มปล่อยพลังเต็มที่โดยไม่หลบซ่อนตัวอีกต่อไป ขณะที่เมล็ดดูดกลืนเริ่มหมุนวนนั้น พลังชีวิตที่ถูกดูดออกไปจากร่างของเขาก่อนหน้า          ก็กลับมาเข้าร่างอีกครั้ง

ขณะที่หวังเป่าเล่อกำลังต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายนั้น พลังชีวิตของทุกคน        ทั้งศิษย์จากสำนักศึกษาเต๋าและทุกขุมอำนาจ กำลังพวยพุ่งขึ้นไปสู่ฟากฟ้า

บางคนมีเคล็ดวิชาลับอย่างหวังเป่าเล่อเช่นกัน แต่ก็มีไม่มาก เจ้าเยี่ยเหมิง       นายน้อยแห่งกลุ่มไตรจันทรา และศิษย์มากพรสวรรค์บางคนจากสองสำนักและตระกูลนภาห้าสมัย ล้วนมีวิชาลับที่ช่วยยื้อพลังชีวิตของตนไว้ได้ชั่วคราว

แน่นอนว่าคนส่วนมากไม่ได้มีวิชาแบบนั้น พวกเขาถูกดูดพลังไปราวหนึ่งในสิบส่วนแล้ว พลังเหล่านั้นเข้าไปรวมกับอักขราจารึกที่ส่องประกายระยิบระยับบนท้องฟ้าเรียบร้อย

หลังจากที่ได้รับพลังชีวิตจากคนนับหมื่นคนไปเรียบร้อยแล้ว แรงสูบก็มลายหายไป อักขราจารึกกลายเป็นสีแดงฉาน และกำลังค่อยๆ แปรสภาพ

เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ทั้งหมดเกิดขึ้นภายในไม่กี่ลมหายใจ

อักขราจารึกบนท้องฟ้าค่อยๆ เปลี่ยนหน้าตา ท่ามกลางความพรั่นพรึงของทุกคน อักขระเหล่านั้นกลายสภาพเป็น… ดวงตาสีเลือดขนาดยักษ์มากมาย!

เนตรโลหิตหลายร้อยดวงอุบัติขึ้นบนท้องฟ้า และเริ่มสอดส่องหาเป้าหมายจากสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในเขตจันทราเวท ดูเหมือนว่ามันกำลังตามหาอะไรบางอย่าง     กองทัพเนตรโลหิตเหนือศีรษะของศิษย์จากสี่สำนักศึกษาเต๋าทุกคนก็ทำแบบนี้เช่นกัน มันสำรวจไปยังบรรดาศิษย์ทั้งหลายบนพื้นดิน คนแล้วคนเล่า

ทุกคนตัวสั่นทันทีที่ตกเป็นเป้าของดวงตาเหล่านั้น หวังเป่าเล่อกลั้นหายใจ      เมื่อนัยน์ตาสีแดงฉานดวงหนึ่งมองมาที่เขา แต่มันก็ไม่ได้สนใจและมองข้ามชายหนุ่มไปอย่างรวดเร็ว

ดวงตาพวกนี้กำลังหาอะไรบางอย่าง! หวังเป่าเล่อถอนใจเบาๆ อย่างโล่งอก ทันทีที่ความคิดนี้ผ่านเข้ามาในหัวเขา ดวงตายักษ์ก็เบิกกว้างขึ้น นัยน์ตาของมันตวัดจาก    ฝูงชน และพุ่งตรงไปยัง…ชายหนุ่มคนหนึ่งในกลุ่มสานุศิษย์จากสี่สำนักศึกษาเต๋า!

ชายหนุ่มคนนั้น…คือ คนที่เจ้าเยี่ยเหมิงรู้สึกคุ้นแต่ก็ไม่คุ้นในเวลาเดียวกัน และเป็นคนที่หวังเป่าเล่อก็รู้สึกแบบนี้เช่นกัน…หวงซานจากตำหนักหลุมพรางนั่นเอง!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version