Skip to content

A World Worth Protecting 244

บทที่ 244 จะปล้นกันหรือ

หวังเป่าเล่อพ่นลมเยาะเย้ยเมื่อเห็นเจ้ากระบองเพชรหนามเม่นพยายามจะงับเขา ชายหนุ่มกำหมัดขวาปล่อยกระบวนท่าระเบิดกำเนิดดวงดาราทันที พลังปราณ       รอบกายของเขาแปรปรวนในบัดดล ฝุ่นดินตลบอบอวลขึ้นในอากาศ กระบองเพชรหนามเม่นอ้าปากกว้างเตรียมที่จะกัดอีกครั้ง แต่เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า มันก็    ตัวสั่นและพ่นของเหลวสีเขียวออกมาจากปากแทน ก่อนที่หวังเป่าเล่อจะจู่โจมออกไป

กระบองเพชรไม่ได้พยายามโจมตีหวังเป่าเล่อ แต่เหมือนกระอักเลือดออกมามากกว่า มันทำตัวอ่อนเปลี้ยลง แม้กระทั่งหนามยังร่วงออกจากลำต้น

ดูเหมือนว่าเจ้ากระบองเพชรหนามเม่นนี้จะยอมศิโรราบต่อเขาแล้ว…

แกล้งตายรึ ข้ายังไม่ทันได้ต่อยเจ้าเลย! หวังเป่าเล่อกะพริบตาปริบๆ หมัดหยุดกลางอากาศกะทันหัน ชายหนุ่มมองพืชเหี่ยวๆ ตรงหน้า ก่อนคิดว่าเจ้ากระบองเพชรนี่ดูน่าสนใจ จึงลองตะโกนออกมา

“หลบไป!”

พูดจบ กระบองเพชรหนามเม่นก็เคลื่อนไหวร่างกาย มันถอนรากถอนโคนตัวเองออกจากพื้นดิน และวิ่งหนีไปเหมือนมนุษย์จิ๋ววิ่งหนีตาย ก่อนหยุดนิ่งหยุดเมื่อหนีไปได้หลายเมตรแล้ว

“อย่างน้อยเจ้าก็ยังพอรู้จักเอาตัวรอดบ้าง!” หวังเป่าเล่อล้วงมือขวาเข้าไปใน  โพรงดินที่ต้นกระบองเพชรทิ้งไว้ และหยิบเอาเศษชิ้นส่วนขนาดเท่าเล็บนิ้วมือออกมา ทันทีที่นิ้วของเขาสัมผัสเข้ากับชิ้นส่วนนั้น ความรู้สึกประหลาดก็ชาวาบจากปลายนิ้วขึ้นมายังหัวใจ

ความรู้สึกนั้นคล้ายจะเป็นความกระหายไม่รู้สิ้น และความโหยหาการรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับเศษชิ้นส่วนพิเศษที่เหลือ ความรู้สึกนั้นผุดขึ้นมาจากก้นบึ้งในจิตใจเขา ทำเอาหวังเป่าเล่อตัวสั่น หายใจหอบถี่ขณะกำเศษชิ้นส่วนนั้นไว้ในมือเพื่อตรวจสอบดู เขามั่นใจมากว่า…สิ่งนี้แหละคือชิ้นส่วนพิเศษที่ใช้หลอมรากฐานตั้งมั่นได้!

หวังเป่าเล่อเก็บชิ้นส่วนไว้แนบอกด้วยความดีใจ ชิ้นส่วนนี้อาจใช้หลอมรากฐานตั้งมั่นได้ แต่ไม่สามารถเก็บไว้ในกำไลคลังเวทได้

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นอย่างพึงพอใจ ก่อนจะพบว่าเจ้ากระบองเพชรหนามเม่น   หายตัวไปแล้ว เขาไม่ได้สนใจตามหาว่ามันหายไปที่ใด ได้แต่ครุ่นคิดอยู่สักพัก        เพื่อหาเหตุผลว่าทำไมต้นกระบองเพชรนั้นถึงมีพฤติกรรมเช่นเดียวกับมนุษย์

อาจเป็นเพราะเจ้าชิ้นส่วนพิเศษนี่ก็เป็นได้ หวังเป่าเล่อมองไปรอบๆ เพื่อดูให้แน่ใจว่าไม่มีเศษชิ้นส่วนอื่นใดหลงเหลืออยู่อีก ก่อนหันหลังกลับและจากที่แห่งนั้นไป

หลังจากที่เขาจากไปแล้ว พื้นดินก็ผุดสูงขึ้นมาเป็นโพรง เจ้ากระบองเพชรหนามเม่นกระโดดออกมาอีกครั้ง และมองไปยังทิศที่หวังเป่าเล่อจากไปด้วยสีหน้าที่คลับคล้ายคลับคลาว่าจะยอมแพ้ มันเปิดปากกว้าง แยกเขี้ยว และมุดกลับไปในดินอีกครั้ง    ก่อนขุดดินจากไป

หวังเป่าเล่อวิ่งไปข้างหน้าอย่างมีความสุข แต่หลังจากที่เดินหน้าไปได้สักพัก     ชายหนุ่มก็หยุดและก้มลงมองเศษชิ้นส่วนที่ซุกอยู่ในอกของตนเอง พลันท่าทางหดหู่ขึ้นเล็กน้อย

ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ แผ่นหยกบอกเพียงแค่ว่าชิ้นส่วนนี้ใส่ในกำไลคลังเวทไม่ได้ แต่ไม่ได้บอกเสียหน่อยว่ามันจะปลดปล่อยพลังปราณออกมาให้ชาวบ้านชาวช่องรับรู้ได้มากมายถึงเพียงนี้ หวังเป่าเล่อทึ้งหัวตัวเองอย่างว้าวุ่นใจ

หากเศษชิ้นส่วนยังไม่มีใครค้นพบคงไม่เป็นไร แต่เมื่อใดหากมีผู้ฝึกตนได้ไปครอบครองแล้ว เศษชิ้นส่วนนั้นจะกลับกลายเป็นเหมือนคบไฟเจิดจ้าในค่ำคืนอัน         มืดมิด ซึ่งจะตรวจจับได้ทันทีที่เข้ามาใกล้ในระยะหนึ่ง

เพราะเหตุนี้เอง เขาถึงว่ากันว่าเขตจันทราเวทอันตราย การต่อสู้แย่งชิง          เศษชิ้นส่วนระหว่างแต่ละขุมอำนาจคงดุเดือดเลือดพล่านทีเดียว ก็เจ้าเศษชิ้นส่วนพิเศษนี่เล่นปล่อยพลังปราณออกมาเรียกแขกเสียขนาดนี้…หากไม่ดุเดือดก็คง     แปลกนัก หวังเป่าเล่อครุ่นคิดว่าตนจะซ่อนเศษชิ้นส่วนนี้ไว้ที่ไหนสักแห่งก่อนดีหรือไม่ ชายหนุ่มลองขุดหลุมฝังเศษชิ้นส่วนนั้นดู แต่พลังปราณที่แผ่ซ่านออกมายังคงแจ่มชัด หากทิ้งเอาไว้คงมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะมีคนมาเจอเข้าเร็วๆ นี้

ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว ใครกล้าปล้นข้าก็ให้รู้กันไป! หวังเป่าเล่อขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน มองตาขวางไปรอบตัวขณะที่เดินหน้าต่อไป เมล็ดดูดกลืนภายในกายเขาหมุนไปมาเพื่อตรวจจับกระแสปราณโดยรอบ

เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า สามวันต่อมา หวังเป่าเล่อเจอเข้ากับเศษชิ้นส่วนบ้างประปราย แถมส่วนใหญ่ยังใช้สร้างรากฐานตั้งมั่นไม่ได้อีกต่างหาก ชายหนุ่มเจอ     เศษชิ้นส่วนพิเศษรวมทั้งหมดเพียงสองชิ้นเท่านั้น

เมื่อหวังเป่าเล่อรู้ว่าเศษชิ้นส่วนพิเศษเหล่านี้หายากขนาดไหน เขาก็อดถอนใจไม่ได้ แม้ว่าจะมีเมล็ดดูดกลืน และความเร็วในการหาชิ้นส่วนของเขาก็ถือว่าเร็วกว่าผู้ฝึกตนทั่วไป แต่ผลลัพธ์ก็ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ

คนอื่นคงเจออุปสรรคเดียวกัน! หวังเป่าเล่อเชื่อว่าตนเองคิดถูก สามวันที่ผ่านมาเขาเจออสูรมากมาย ส่วนมากจะเป็นอสูรจันทราที่มีระดับปราณอยู่ที่ระดับการฝึกตนโบราณเท่านั้น สัตว์ประหลาดเหล่านี้ไม่ได้น่ากลัวอะไรสำหรับเขาเลย มีหลายตัวด้วยซ้ำที่ดูเหมือนจะเอามาทำอาหารอร่อย

ยกตัวอย่างเช่น กุ้งมังกรตัวสูงครึ่งหนึ่งของมนุษย์ เจ้ากุ้งมังกรตัวนี้ทำให้หวังเป่าเล่อลังเลอยู่พักใหญ่ เขาจำได้ว่าตนเองเคยกินกุ้งมังกรน้ำเค็ม แต่ไม่เคยกินกุ้งมังกรบก   มาก่อน แถมเจ้ากุ้งยักษ์นี่ยังปล่อยลำแสงสีม่วงออกจากร่างกาย จนดูเหมือนว่ามันจะมีพิษอีกต่างหาก หลังจากที่คิดวนไปวนมาอยู่นาน หวังเป่าเล่อก็ตัดสินใจละทิ้งความคิดที่จะกินมันในที่สุด

สองวันผ่านไป หวังเป่าเล่อดั้นด้นค้นหาเศษชิ้นส่วนในเขตจันทราเวทเหมือนปกติ เขาเดินทางผ่านภูเขาลูกย่อมๆ แล้วดวงตาก็พลันส่องประกายวาบออกมา           เมล็ดดูดกลืนของเขาจับกระแสปราณรุนแรงได้!

กระแสปราณนี้ทำเอาหวังเป่าเล่อถึงกับเนื้อเต้น เขากำลังจะพุ่งเข้าใส่พลังปราณนั้น แต่ดันรู้สึกผ่านเมล็ดดูดกลืนได้ว่า กระแสปราณนั้นกำลังพุ่งมาทางเขาแทน

“อะไรกัน” หวังเป่าเล่อเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว พลางตกใจเล็กน้อย ชายหนุ่มหรี่ตามองออกไปไกลๆ ทันใดนั้น เขาก็เห็นเงาคนปรากฏขึ้นที่เส้นขอบฟ้า เงาของ     ผู้ฝึกตนคนแรกที่เขาพบตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้!

เงานั้นเป็นชายหนุ่มในอาภรณ์สีดำ ร่างกายผ่ายผอมเหมือนขาดสารอาหารเล็กน้อย ดวงตาเย็นเยียบและมีแผลเป็นพาดผ่านบนใบหน้า มือขวาของเขามีผ้าพันมือสีดำที่ปล่อยพลังปราณมืดออกมา มวลพลังดุร้ายแผ่ออกมาจากร่างของเขา    เหมือนเทพเจ้าแห่งความตายตัวน้อยที่โหดเหี้ยมไร้ซึ่งความปรานี ดูจากชุดแล้วเหมือนเขาจะมาจากสำนักอื่น

พลังปราณที่หวังเป่าเล่อสัมผัสได้ก่อนหน้านี้มาจากชายหนุ่มผู้นี้นั่นเอง เมื่อสังเกตดูดีๆ หวังเป่าเล่อก็รู้สึกได้ทันทีว่าเขามีเศษชิ้นส่วนพิเศษอยู่ในครอบครองสามชิ้นด้วยกัน

ชิ้นส่วนพิเศษสามชิ้นกระนั้นหรือ หวังเป่าเล่อตกใจมาก ความรู้สึกขุ่นเคืองก่อขึ้นในใจ ชายหนุ่มคิดว่าตนเองทำสุดความสามารถแล้ว แต่ต่อให้พยายามมากเพียงใด เขาก็ยังเก็บมาได้แค่สองชิ้นเท่านั้น แต่เจ้าแห้งนี่ที่หน้าตาแย่กว่าเขากลับเจอสามชิ้นได้

ข้าควรฉกมันมาจากเจ้าหมอนี่เสียเลยดีรึเปล่า หวังเป่าเล่อครุ่นคิด แต่ขณะที่กำลังไตร่ตรองอยู่นั้น อีกฝ่ายก็หันขวับมามอง และรีบพุ่งตรงเข้ามาทันที

ชายชุดดำร่างผอมรวดเร็วเหมือนสายฟ้า ฝุ่นตลบไปตามทางที่เขามุ่งหน้าเข้ามา

มาหาข้าถึงที่เลย หวังเป่าเล่อกะพริบตาปริบๆ เขาถอยหลังไปสองสามก้าว     มองหน้าชายหนุ่มร่างผอมที่กำลังเข้ามาใกล้ อีกฝ่ายหยุดอยู่ตรงหน้าเขา ห่างไปราวสิบเมตร เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น มองหวังเป่าเล่อด้วยสายตาเลือดเย็น เชิดคางขึ้นและ   ยื่นมือขวาออกมา ก่อนพูดอย่างไร้ความรู้สึก

“ส่งมาให้ข้า! อย่าให้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”

หวังเป่าเล่อแทบตาถลนหลังจากที่ได้ยินประโยคนั้น เขายื่นมือขวาออกเช่นกันและร้องตะโกนเลียนแบบ

“ส่งมาให้ข้า! อย่าให้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”

“วอนตายเสียแล้ว!” ชายหนุ่มหรี่ตาลง กระโจนมาข้างหน้าทันทีที่พูดจบ        และหยุดยืนอยู่หน้าหวังเป่าเล่อในพริบตาเดียว อีกฝ่ายปล่อยหมัดออกมาทันที แต่หาได้โจมตีโดยตรงแต่อย่างใด แทนที่เขาจะปล่อยหมัดนั้นเข้าใส่หวังเป่าเล่อ ชายร่าง   ผอมแห้งกลับแบมือออกเพื่อปล่อยจี้หยกนิลสองสามอันออกมาแทน

จี้หยกนิลนั้นบินออกมาพร้อมลมสีนิลที่ก่อตัวขึ้นเป็นหัวของเสือดำตัวหนึ่ง         มันคำรามกู่ก้องและพุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่อทันที

“สมบัติเวทเช่นนั้นหรือ ไม่รู้หรือว่าโคตรบิดาของเจ้าคนนี้เป็นนักหลอมอาวุธเวท” หวังเป่าเล่อพูดอย่างเย่อหยิ่ง เขายกมือขวาขึ้นมา ทันใดนั้นสมบัติเวทมากมาย          ก็กระจายไปทั่วผืนฟ้า มุ่งหน้าเข้าหาคู่ต่อสู้หนุ่มในบัดดล

ในบรรดาสมบัติเวทเหล่านี้มีลูกประคำระเบิดตัวเอง บ่วงพันธนาการสวรรค์ ผนึกยักษ์ และกระบี่เหาะเหินรวมอยู่ด้วย

สมบัติเวทมากมายเคลื่อนทัพไปข้างหน้า บ่วงและผนึกยักษ์ดูอันตรายเป็นพิเศษ ชายร่างผอมแห้งจ้องมองสมบัติเวทสองอย่างนี้ด้วยความระแวดระวัง

แต่สมบัติเวทสองอย่างที่เขาจับตาอยู่นั้นกลับเปลี่ยนทิศไปในฉับพลัน พลังทำลายล้างรุนแรงที่ปล่อยออกมานั้นน่าสะพรึงกลัว แต่มันกลับพุ่งขึ้นไปบนฟ้า…และลอยหายไปเสียอย่างนั้น…

เขานิ่งอึ้งขณะมองสมบัติเวทสองชนิดนั้นลอยหายไปในอากาศอย่างงุนงง          ยิ่งระแวงขึ้นอีกระดับ ขณะที่คอยเฝ้าระวังสมบัติเวททั้งสองชิ้น ชายหนุ่มก็หันมาจ้องหวังเป่าเล่ออย่างอาฆาต โบกสะบัดจี้หยกเสือนิลในมือ และกระแทกผ่ามือไปทาง    หวังเป่าเล่อไปด้วย!

เสียงระเบิดดังกึกก้องขณะที่สมบัติเวทของหวังเป่าเล่อและจี้เสือดำเข้าปะทะกัน หัวเสือคำรามก้องก่อนพุ่งเข้าชนกองทัพสมบัติเวท ขณะที่เสียงระเบิดดังสนั่น        ชายร่างผอมแห้งพลันหรี่ตาและแทรกตัวผ่านสมบัติเวทที่กำลังขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือด เข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าหวังเป่าเล่อ เขาชี้นิ้วไปที่หน้าผากของชายหนุ่มร่างอ้วนทันที!

“ตายเสียเถอะ!” หวังเป่าเล่อมีชื่อเสียงเลื่องลือก็จริง แต่ไม่ใช่สำหรับศิษย์จากสำนักรุ่งสางจักรพิภพ เนื่องจากสำนักนี้มักฝึกตนด้วยวิธีโบราณและตัดขาดจาก     โลกภายนอก จึงยากที่เขาจะรู้จักชื่อของหวังเป่าเล่อ ชายร่างผอมแห้งแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหวังเป่าเล่อเอาเสียเลย เขาพุ่งประชิดตัวชายร่างอ้วน ด้วยหมายจะใช้กลยุทธ์โจมตีระยะใกล้จัดการกับนักหลอมอาวุธเวทอย่างหวังเป่าเล่อ

จากประสบการณ์การต่อสู้กับนักหลอมอาวุธเวท นักหลอมวงแหวนปราณ และนักหลอมโอสถแล้ว พวกนี้มีพลังมากก็จริง แต่หากถูกโจมตีระยะประชิดก็สามารถปลิดชีพได้อย่างง่ายดาย ชายร่างผอมแห้งโหดเหี้ยมและทะนงตนยิ่งนัก นิ้วของเขาเลื้อยมาข้างหน้าเหมือนสายฟ้า และกำลังจะโจมตีไปที่หน้าผากของหวังเป่าเล่อ

ปลายนิ้วของชายหนุ่มมีพลังปราณมืดก่อตัวขึ้น เขามั่นใจเป็นอย่างมากว่าจะสามารถเจาะกะโหลกของหวังเป่าเล่อทะลุได้ในกระบวนท่าเดียว!

ทว่า…จินตนาการนั้นย่อมสวยงามเสมอ แม้ความจริงจะต่างออกไปราวฟ้ากับเหว ขณะที่นิ้วของชายหนุ่มพุ่งตรงไปยังหวังเป่าเล่อ ชายร่างอ้วนก็ดวงตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น

นานเพียงใดแล้ว…ที่ไม่มีผู้ใดกล้าชี้นิ้วใส่ข้า…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version