Skip to content

A World Worth Protecting 245

บทที่ 245 ข้าช่างไร้เทียมทาน…

หวังเป่าเล่อนึกย้อนถึงวันวาน ตั้งแต่เขามีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมา หลายคนก็ระวังตัวอยู่ตลอดเวลาและพยายามหลบเลี่ยงกระบวนท่าหักนิ้วของเขา ด้วยเหตุนี้ เขาจึงต้องคอยหาจังหวะใช้กระบวนท่านี้เอาเองในการต่อสู้แต่ละครั้ง

นิ้วของชายหนุ่มผู้นี้ทำให้เขานึกถึงวันที่ตนเองยังไม่มีชื่อเสียง และความรู้สึกที่มีคนชี้นิ้วใส่หน้า เสี้ยววินาทีนั้น…ทำให้หวังเป่าเล่อได้รำลึกถึงความทรงจำในอดีต…

เมื่อนิ้วของชายร่างผอมแห้งชี้ตรงมายังหน้าผากของเขา หวังเป่าเล่อก็ฉวยเอา   นิ้วนั้นมาไว้ในมือขวาอย่างมีความสุข ด้วยท่วงท่าที่ฝึกมาอย่างชำนาญ เมล็ดดูดกลืนในกายเขาตื่นตัว พลังสูบก่อตัวขึ้น ก่อนที่หวังเป่าเล่อหักนิ้วของชายร่างผอมแห้งไปข้างหลังอย่างรุนแรง!

“เรียกข้าว่าบิดาเจ้าเสีย!”

มันทำบ้าอะไรกัน ชายร่างผอมแห้งสีหน้าเปลี่ยน ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยต่อกรกับผู้ที่ใช้วิชาหักนิ้วมาก่อน แต่คนที่หักนิ้วคนอื่น แล้วบอกให้เขาเรียกตนเองว่าบิดาต่างหาก ที่เพิ่งเคยพบเคยเจอ

ความอับอายก่อตัวขึ้นในใจเขาพร้อมด้วยแววอำมหิตในดวงตา ชายร่างผอมแห้งนั้นเลือดเย็นและไร้ซึ่งความปรานี เขาไม่สนใจความรู้สึกเจ็บปวดลึกล้ำจากการโดนหักนิ้ว และไม่ได้พยายามดิ้นหนี พลังปราณมืดอาบนิ้วของเขาในวินาทีนั้น ฉับพลันผ้าพันมือก็ขาดออก

มวลพลังรุนแรงขนาดปฐพีสะเทือนพุ่งออกมาจากนิ้วของเขา แหลมคมเหมือนใบมีดที่ตัดทุกสิ่งรอบกายขาดสะบั้น เมื่อพินิจดูใกล้ๆ จะพบว่ามีคลื่นอักขราจารึก    พัดกระพือออกจากนิ้วของชายร่างผอมแห้ง และปะทะเข้าไปที่ฝ่ามือของหวังเป่าเล่อทันที

“ปล่อยข้า!”

ในหัวของชายหนุ่มร่างผอม ฝ่ามือของหวังเป่าเล่อจะต้องระเบิดออกเป็นเศษเนื้อชิ้นเล็กชิ้นน้อยกระจุยกระจายพร้อมสายเลือด อิทธิฤทธิ์ของกระบวนท่านี้รุนแรงยิ่งนัก ทำเอาถึงแก่ชีวิตมาแล้วหลายต่อหลายคน

ทว่า…สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอีกครั้ง!

อักขราจารึกที่ดูเหมือนจะทำลายได้ทุกชีวิตนั้น เมื่อปะทะเข้ากับฝ่ามือ           ของหวังเป่าเล่อ กลับเหมือนพุ่งเข้าชนกำแพงเหล็กกล้า แทนที่จะระเบิดมือของ     หวังเป่าเล่อออกเป็นชิ้นๆ กลับสลายไปทันทีเมื่อเข้าปะทะฝ่ามือของเขา

“เจ้าอยากเกาให้ข้าหายคันเช่นนั้นหรือ เจ้าพยายามจะข่มเหงบิดาเจ้าคนนี้ เพราะคิดว่านักหลอมอาวุธเวทอ่อนแอและต่อสู้ไม่เป็นเช่นนั้นสิท่า เพราะเหตุนี้เจ้าถึงกล้าพยายามปล้นเศษชิ้นส่วนพิเศษไปจากข้าใช่หรือไม่” หวังเป่าเล่อจ้องอีกฝ่ายเขม็ง หนังมือของเขาทั้งหนาและแข็งแกร่งนัก พลังกายของเขาบรรลุขั้นรากฐานตั้งมั่นไปเรียบร้อยแล้ว นิ้วของชายร่างผอมแห้งปล่อยพลังโจมตีรุนแรงก็จริง แต่ไม่รุนแรงพอที่จะทำอันตรายเขาได้ หวังเป่าเล่อได้ทีจึงตวัดขาเตะขึ้นไปที่เป้าของชายหนุ่มทันที!

กระบวนท่าอะไรกัน เหตุใดจึงเล็งไปตรงนั้น! สีหน้าของชายร่างผอมแห้งเปลี่ยนไปในทันที เขารู้สึกได้ถึงสายลมพัดแหวก ขณะที่ลูกเตะของหวังเป่าเล่อกำลังจะกระแทกเข้ากับเป้า หัวใจแทบจะระเบิดออกจากอกขณะที่พยายามดิ้นหนี         แต่มือของหวังเป่าเล่อเหมือนคีมเหล็กที่ไม่ว่าทำอย่างไรก็สะบัดไม่หลุด เขาจึงทำได้เพียงยกขาขึ้นกันการโจมตีเท่านั้น ทันทีที่ขาของเขาปะทะเข้ากับขาของหวังเป่าเล่อ เสียงสั่นไหวก็ดังขึ้นแหวกอากาศ ชายร่างผอมแห้งหน้าถอดสี พลังทำลายล้างรุนแรงพุ่งจากขาไปทั่วร่างกาย

ตั้งแต่กระดูกไปจนกล้ามเนื้อ ลามไปยังโลหิต พลังนั้นทำให้ทุกอณูในร่างของเขาสั่นสะท้านจนต้องกระอักเลือด

“ไอ้พวกนักหลอมอาวุธเวท! แล้วมาทำเป็นสำออยอ่อนแอสู้ไม่เป็น!” ชายหนุ่มตะโกนด้วยความโกรธจนแทบคลั่ง เขาไม่เคยเจอนักหลอมอาวุธเวทที่มีร่างกายแข็งแกร่งเหมือนสัตว์ปีศาจกลายพันธุ์เช่นนี้มาก่อน

กระนั้นตัวเขาเองก็ไม่ใช่คนที่จะล้มได้ง่ายๆ ชายร่างผอมแห้งใช้แรงปะทะจาก    ลูกเตะนั้นเป็นแรงส่ง และตัดสินใจว่าต่อให้ไม่มีนิ้วก็คงไม่ตาย จึงหักมือตัวเองขึ้นในทันที เสียงกระดูกแตกดังลั่นไปทั่วบริเวณ เขาชูมือซ้ายที่เป็นอิสระขึ้นปล่อยหมัดรุนแรงใส่ใบหน้าหวังเป่าเล่อ!

“ลงนรกไปเสีย!” ชายร่างผอมแห้งกู่ร้อง หวังเป่าเล่อยิ้มแหย ปล่อยมือจากนิ้วที่คู่ต่อสู้ยอมหักเอง แล้วเข้าไปคว้าเอาข้อมือขวาของอีกฝ่ายไว้แทน ก่อนเคลื่อนไหวกายอย่างไหลลื่นไปยังกระบวนท่าต่อไป กระบวนท่าบิดหมุนหักข้อต่อ!

“หักไปเสีย!”

ความเจ็บปวดรุนแรงยิ่งกว่าครั้งก่อนหน้าทำให้ชายร่างผอมแห้งตัวสั่นระริก      เขาร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดที่ถูกหักข้อมือโดยหวังเป่าเล่อ!

ความเจ็บนั้นทำเอาหมัดซ้ายของชายหนุ่มหยุดชะงักทันที วินาทีต่อมา…หวังเป่าเล่อ    ก็คว้าเอามือซ้ายที่หมายโจมตีก่อนหน้า ขึ้นมาหักข้อต่ออีกข้างหนึ่ง!

“หักไปเสีย!”

เสียงแตกหักดังขึ้นอีกครั้ง ความเจ็บปวดที่รุนแรงยิ่งกว่าเดิมทำให้เอาชายร่างผอมแห้งถึงกับตัวสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ ในช่วงเวลาชี้เป็นชี้ตายนั้น เขากลั้นใจ     กัดปลายลิ้นตัวเองจนหลั่งเลือดเพื่อปลุกเคล็ดเวทในกายออกมา ในตอนนั้นเอง ลำแสงสีดำก็เจิดจ้าออกมาจากร่างของเขา

ลำแสงนั้นดำทมิฬแต่ก็สว่างไสวราวดวงอาทิตย์สีดำสนิท นี่คือเคล็ดวิชาลับ      สุดยอดของสำนักรุ่งสางจักรพิภพ เมื่อใช้งานจะปลดปล่อยมวลพลังรุนแรงแผ่ไพศาลออกมาทั่วทุกทิศทาง

แม้แต่ร่างกายของหวังเป่าเล่อที่แข็งแกร่งเทียบเท่าขั้นรากฐานตั้งมั่น ยังต้องล่าถอยเมื่อเจอเข้ากับการโจมตีนี้ ชายหนุ่มฉวยโอกาสนี้ถอยร่นไป ในพริบตาเขาก็ล่าถอยไปตั้งหลักไกลถึงสามสิบเมตร

ชายร่างผอมแห้งรู้สึกเหมือนตนเองเพิ่งรอดพ้นจากเงื้อมมือความตายมาหมาดๆ เขามองหวังเป่าเล่อด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง ตัวเขาเองไม่เคยเจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต และไม่เคยพ่ายแพ้อย่างน่าอับอาย   ถึงเพียงนี้ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสับสน ขณะมองกระดูกที่หักสะบั้นของตนเอง และมือที่ห้อยต่องแต่งอยู่ที่ปลายแขน มือยังติดอยู่กับตัวของเขาด้วยเส้นเอ็นที่ยึดเอาไว้เท่านั้น ทุกสิ่งราวกับฝันไป

เจ้านั่นแข็งแกร่งเป็นบ้า! ดูเหมือนว่าข้าจะดูเบาพวกนักหลอมอาวุธเวทไม่ได้เสียแล้ว หวังเป่าเล่อที่อยู่ห่างออกไปสามสิบเมตรกำลังนวดหน้าอกอย่างประหลาดใจ พลังการโจมตีเมื่อครู่ทำให้เขารู้สึกปวดเล็กน้อย ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างแปลกใจระคนตกใจ ก่อนโบกมือขวาขึ้น ปรากฏหุ่นเชิดราวเจ็ดถึงแปดสิบตัวขึ้นในบัดดล

“เอาละ มาเริ่มต่อสู้กันจริงๆ เสียที!” หวังเป่าเล่อสูดหายใจลึก มวลพลังพวยพุ่งออกมาจากกายเขา กองทัพหุ่นเชิดรอบกายเริ่มปล่อยมวลพลังออกมาเช่นกัน บางตัวก็เริ่มส่งเสียงร้องอย่างร่าเริง

ภาพตรงหน้าทำเอาชายหนุ่มที่ชะงักแน่นิ่งไปถึงกับตัวสั่นรุนแรง แค่ได้ยินคำว่า ‘นักหลอมอาวุธเวท’ หัวใจของเขาก็พาลจะกระตุกเสียให้ได้ ชายหนุ่มรู้สึกตกใจกับกองทัพหุ่นเชิดของหวังเป่าเล่อ เขารีบหันหลังกลับและวิ่งหนีโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย แม้แขนจะห้อยต่องแต่งอยู่ข้างกาย แต่ขายังคงแข็งแรงดีอยู่ ชายร่างผอมแห้งจึงออกวิ่งอย่างรวดเร็ว

“คิดจะหนีเช่นนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นก็ทิ้งเศษชิ้นส่วนของเจ้าไว้ให้ข้าด้วย!”       หวังเป่าเล่อจ้องเขม็งแล้วโบกมือ กองทัพหุ่นเชิดราวแปดสิบตัวก็เริ่มส่งเสียงร้องสนุกสนาน และวิ่งไล่ตามชายหนุ่มไปในทันที!

จากระยะไกล กองทัพหุ่นเชิดนั้นดูเหมือนฝูงปีศาจที่ตกลงมาจากฟากฟ้า        ส่วนชายร่างผอมแห้งก็ดูราวกับกระต่ายน้อยที่กำลังตื่นกลัว หน้าเขาซีดเหมือนกระดาษ พลางวิ่งหนีเอาชีวิตรอดด้วยความสะพรึงกลัว

เสียดายที่…โชคไม่เข้าข้างเอาเสียเลย ขณะที่กำลังหลบหนีหัวซุกหัวซุนอยู่นั้น ชายร่างผอมแห้งไม่ทันสังเกตเห็นบ่วงพันธนาการสวรรค์ที่พลันตกลงมาจากฟากฟ้า เชือกเส้นนั้นรวดเร็วราวสายฟ้าฟาด แต่ไร้ซึ่งสรรพเสียงใดๆ พลังที่มันปล่อยออกมาดูหื่นกระหายแปลกๆ

บ่วงเชือกปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของชายร่างผอมแห้งด้วยความเร็ว ยังไม่ทันจะรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ บ่วงเชือกนั้นก็พันตลบรอบกายเขาราวห้าถึงหกรอบ     มัดตัวเขาไว้อย่างแน่นหนา ชายหนุ่มพุ่งไถลไปกับพื้นในทันที

เกิดอะไรขึ้นกัน! เขาตกใจถึงขีดสุด เมื่อก้มลงมองก็พบว่าบ่วงเส้นนั้นดูคุ้นตาอย่างประหลาด ก่อนจะคิดได้ว่าเป็นบ่วงเชือกที่หวังเป่าเล่อปล่อยออกไปเมื่อก่อนหน้านี้ อันที่ลอยหายไปในอากาศนั่นเอง เขาไม่คาดคิดเลยว่ามันจะบินหวนกลับมาหลังจากหายไปนานแสนนาน แล้วมัดร่างของเขาเอาไว้เช่นนี้ แค่มัดไว้ก็ว่าไปอย่าง              แต่ชายหนุ่มกลับรู้สึกว่าเจ้าเชือกเส้นนี้กำลังสำรวจร่างกายเขา ในบริเวณที่ไม่ควรจะสำรวจเสียได้…

ขณะที่ชายหนุ่มร่างผอมกำลังตกใจและพยายามสะบัดตัวหนีให้พ้นจากพันธนาการ ทันใดนั้นเอง…เสียงแหวกอากาศก็ดังกึกก้องมาจากท้องฟ้า ผนึกยักษ์โผล่ขึ้นมาแต่ไกล มวลพลังที่มันปล่อยออกมานั้นรุนแรงเหลือเชื่อ ราวกับมันมองลงมาที่ปฐพีอย่างความเกลียดชังด้วยสายตาของผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน ผนึกนั้นร่วงกลับสู่พื้นดินพร้อมเสียงดังสนั่น

มันกระแทกเข้ากับร่างกายของชายร่างผอมแห้งพร้อมเสียงระเบิด เขากระอักทะเลเลือดออกมาและสลบไปทันที

ก่อนที่เขาจะหมดสติไปนั้น ความคิดสุดท้ายที่ผ่านเข้ามาในใจคือบ่วงเชือกและผนึกยักษ์ที่ประหลาดจนตัวเขาเองไม่เข้าใจ คิดอย่างไรก็คิดไม่ออกเลยว่าทั้งสองสิ่งนี้เป็นสมบัติเวทประเภทใดกันแน่ จึงได้ต้องปล่อยทิ้งช่วงออกไปนานถึงเพียงนี้ กว่าจะแสดงอิทธิฤทธิ์ออกมา…

เขาไม่ใช่คนเดียวที่ตกใจ หวังเป่าเล่อเองก็รู้สึกไม่ต่างกันเมื่อเห็นภาพตรงหน้า    เขารู้ว่าบ่วงพันธนาการสวรรค์นั้นมีพฤติกรรมประหลาด และก็เห็นความพิสดารของผนึกยักษ์ที่แอ่งแผ่นดินเค่อหลุนแล้วเช่นกัน ครั้นเห็นมันกลับมาก็ไม่ได้แปลกใจ       แต่อย่างใด สาเหตุที่หวังเป่าเล่อตกใจ แท้จริงแล้วคือความตกใจในอิทธิฤทธิ์อัน      ยอดเยี่ยมของสมบัติเวทของตนต่างหาก

หวังเป่าเล่อย่างสามขุมเข้าไปหาชายร่างผอมแห้งที่สิ้นสติไป มองไปยัง            บ่วงพันธนาการสวรรค์และผนึกยักษ์ ก่อนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ

“เก่งมาก พวกเจ้าทั้งสอง ทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี ทำดีเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ล่ะ!” ชายหนุ่มเอ่ยก่อนเก็บบ่วงและผนึกกลับมา เขามองดูคู่ต่อสู้ที่สลบใสลอยู่อย่าง      สนใจใคร่รู้ ก่อนทรุดนั่งลงเพื่อค้นตัวของอีกฝ่าย

หวังเป่าเล่อลอกคราบชายร่างผอมแห้งออกจนหมดเกลี้ยง รวมถึงเศษชิ้นส่วนพิเศษต้นเหตุทั้งสามชิ้นด้วย หลังจากหวนนึกถึงความป่าเถื่อนเลือดเย็นของชาย     ร่างผอมแห้งผู้นี้ ชายหนุ่มก็ถึงกับพ่นลมออกจมูก ก่อนถอดเสื้อผ้าผู้เคราะห์ร้ายออกจนล่อนจ้อน ไม่เหลือไว้แม้กระทั่งกางเกงชั้นใน มิหนำซ้ำยังใช้แหวนสื่อสารของตน  อัดวิดีทัศน์เก็บไว้ด้วย

“ก็แค่เด็กอมมือ เทียบข้าไม่ติดเลยสักนิด สบายใจได้ ข้าไม่ฆ่าเจ้าทิ้งหรอก       แค่จะให้จำไว้เป็นบทเรียนก็เท่านั้น!” หวังเป่าเล่อพูดอย่างร่าเริง เขาอัดวิดีทัศน์เสร็จเรียบร้อยก็เดินจากไป

หลายชั่วโมงหลังจากนั้น… ชายร่างผอมแห้งก็เปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง เหมือนยังตกอยู่ในภวังค์ก็ไม่ปาน ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้กันแน่ เขามองไปรอบกายอย่างงุนงง ก่อนจะก้มลงมองร่างเปลือยเปล่าของตนเอง…

วินาทีต่อมา เสียงกรีดร้องอย่างเคียดแค้นน่าเวทนาก็ดังสะท้อนไปทั่วบริเวณ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version