Skip to content

A World Worth Protecting 246

บทที่ 246 กักเก็บหมอกเวทเคลื่อนย้าย

หวังเป่าเล่อไกลออกมาจากตรงที่ชายร่างผอมแห้งฟื้นขึ้นมาแล้ว เขารู้สึกหดหู่ใจขณะพุ่งตัวไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง ก้มลงมองดูแผ่นไม้ชิ้นหนึ่งเป็นระยะๆ        แผ่นไม้ชิ้นนั้นทำให้เขาประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง

เขาได้มันมาจากกระเป๋าคลังเวทของชายร่างผอมแห้ง แม้ว่าในกระเป๋าจะมี     ของชิ้นอื่นอีก แต่หากระดับการฝึกตนไม่สูงพอก็ไม่สามารถเปิดมันออกได้ ทว่า   สำหรับนักหลอมวัตถุเวทแล้วไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรงนัก ตราบใดที่พวกเขารู้ระดับของกระเป๋านั้น ก็จะอาศัยลักษณะของมันช่วยหาวิธีปลดออกได้

สำหรับหวังเป่าเล่อที่หลอมสมบัติเวทได้ถึงระดับสาม เขาใช้ความสามารถในการหลอมอันล้ำลึกเปลี่ยนอักขราจารึกด้านใน แล้วเปิดกระเป๋าคลังเวทโดยไม่ต้องลบ   รอยอักขระเดิมออกได้อย่างไม่ยากเย็น

หวังเป่าเล่อได้รับรู้ว่าชายหนุ่มคนนั้นเป็นใครหลังจากเปิดกระเป๋าคลังเวทออก เขามีนามว่าเวินฮว๋าย หนึ่งในศิษย์เอกของสำนักรุ่งสางจักรพิภพ

ชายหนุ่มไม่รู้เรื่องระบบภายในสำนักรุ่งสางจักรพิภพอย่างแน่ชัด แต่จากตราประจำตัวก็พอบอกได้ ว่าเวินฮว๋ายจะต้องเป็นผู้ฝึกตนระดับลมหายใจเที่ยงแท้มากฝีมือพอตัวในสำนักรุ่งสางจักรพิภพ

ข้างในกระเป๋าคลังเวทยังมีโอสถและสมบัติเวทอีกมากมาย รวมถึงแผ่นหยกกระบวนท่าเคล็ดวิชาต่างๆ และข้าวของอื่นๆ อีกมากมายมหาศาล ในนั้นมีแม้กระทั่งเรือบินลำหนึ่งเก็บไว้ด้วย

น่าเสียดายที่วัตถุเหล่านี้ใช้ในเขตจันทราเวทไม่ได้เพราะถูกวงแหวนปราณจำกัดพลังไว้ แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อเห็นข้าวของที่ตนได้รับมา หวังเป่าเล่อก็ชักรู้สึกว่าฉกฉวยจากคนชั่ว อาจจะเป็นหนทางสู่ความร่ำรวยให้เขาได้

ในกระเป๋าคลังเวทยังมีบัตรรูดศิลาวิญญาณอีกด้วย แต่เพราะมันมีชื่อเจ้าของระบุไว้เจาะจง ทำให้หวังเป่าเล่อยึดไปใช้ได้ยากหน่อย

นอกจากนั้นยังมีวัตถุพิเศษอีกชิ้นหนึ่งที่เขาเจอในกระเป๋าคลังเวทของเวินฮว๋าย ซึ่งก็คือแผ่นไม้ในมือหวังเป่าเล่อตอนนี้นั่นเอง แผ่นไม้นี้มีขนาดเพียงครึ่งหนึ่งของ      ฝ่ามือเขา และมีแผนที่สลักไว้ข้างหน้า หวังเป่าเล่อบอกได้ไม่ยากว่านั่นคือแผนที่ของเขตจันทราเวท

สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ก็แจกแผนที่หน้าตาคล้ายกันเช่นนี้ แต่แผนที่ของเวินฮว๋ายละเอียดและสมบูรณ์กว่า ทั้งยังทำรอยไว้บนแผนที่อีกด้วย พอหวังเป่าเล่อลองพิจารณาตำแหน่งของรอยหนึ่งดีๆ ก็พบว่ามันเป็นพิกัดที่เขาเคยเจอเศษชิ้นส่วนพิเศษมาแล้วนั่นเอง ชายหนุ่มเริ่มตื่นเต้นขึ้นมาทันที

บนแผ่นไม้ยังมีแผนที่อยู่ด้านหลังอีกหนึ่งแผ่นด้วย บนแผนที่นั้นแสดงบริเวณที่มียอดเขาเล็กๆ สามลูกกับต้นไม้หนึ่งต้นวาดอยู่ แต่กลับไม่มีร่องรอยระบุตำแหน่งชัดเจนแต่อย่างใด เป็นแค่ภาพรวมของบริเวณบริเวณหนึ่งเท่านั้น

หวังเป่าเล่อนึกประหลาดใจกับภาพต้นไม้ต้นนั้น และขณะเดียวกันก็รู้สึกคุ้นเคยกับสัมผัสของผิวแผ่นไม้อย่างประหลาด มันชวนให้เขานึกถึงแอ่งแผ่นดินเค่อหลุน และต้นไม้ยักษ์ที่โดนสายฟ้าสีแดงทำลายไป!

เหตุใดศิษย์สำนักรุ่งสางจักรพิภพถึงมีของแบบนี้ติดตามด้วย

ดูจากผิวของแผ่นไม้แล้ว เป็นไปได้ว่าจะหลอมขึ้นมาจากต้นไม้ต้นนั้น…

หวังเป่าเล่อเงียบไป ขณะหวนคิดถึงอันตรายที่เขา จั่วอี้ฟานและเจ้าเยี่ยเหมิงต้องประสบ ณ แอ่งแผ่นดินเค่อหลุน และความรู้สึกขนหัวลุกตอนที่ติดอยู่ข้างในต้นไม้ยักษ์ต้นนั้น

ต้นไม้ยักษ์นั่นดูดกลืนและควบคุมผู้ฝึกตนได้ ถึงจุดหนึ่งมันเลียนแบบข้อความเสียงได้ด้วยซ้ำ ทำให้แยกไม่ออกเลยว่าเป็นข้อความจริงหรือปลอม…

ท้องฟ้าของเขตจันทราเวทก็เต็มไปด้วยลายไม้…

ดูเหมือนว่าที่เขตจันทราเวทเปลี่ยนไป ต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกับต้นไม้ยักษ์ต้นนั้นแน่ๆ ถ้าอย่างนั้น…สำนักรุ่งสางจักรพิภพมาเกี่ยวอะไรด้วยเล่า หวังเป่าเล่อตกตะลึงเมื่อคิดเชื่อมโยงเรื่องราวทั้งหมด

ในเมื่อเขาไม่มีเบาะแสมากพอ จะให้ประเมินสถานการณ์ได้แม่นยำก็ยากเกินไป แต่เท่าที่เขาได้รับข้อมูลมาตอนนี้ ก็พอจะบอกได้ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนมีเงื่อนงำและเป็นไปตามแผนที่มีคนวางไว้อย่างแยบยลทั้งสิ้น

เขายิ่งรู้สึกถึงอันตรายขึ้นมาอย่างชัดเจน ลมหายใจเขาค่อยๆ ถี่กระชั้นขึ้น    ความมุ่งมั่นจะไปถึงขั้นรากฐานมั่นคงยิ่งหนักแน่นขึ้นทุกขณะ

ข้าต้องเร่งมือแล้ว หวังเป่าเล่อสูดลมหายใจ เขามีเศษชิ้นส่วนสำหรับ           หลอมรากฐานตั้งมั่นแล้วห้าชิ้น แต่กว่าเขาจะได้ครบทั้งยี่สิบชิ้นก็ยังนับว่าอีกยาวไกล

ข้าใช้เรือบินที่นี่ไม่ได้ แล้วบริเวณนี้ก็กว้างใหญ่ไพศาล แถมเต็มไปด้วยอันตราย  อีกต่างหาก จะหาเศษชิ้นส่วนพิเศษให้ครบโดยเร็วที่สุดไม่ใช่เรื่องง่ายเลย หวังเป่าเล่อกังวลใจ แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากเรียกใช้พลังเมล็ดดูดกลืน แล้วพุ่งไปข้างหน้าเพื่อค้นหาต่อทันทีด้วยความระแวดระวัง

แล้วเวลาสามวันโลกมนุษย์ก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วทั้งแบบนั้น

หวังเป่าเล่อออกสำรวจอยู่นานตลอดสามวันกว่าจะเจอเศษชิ้นส่วนที่หก         ชายหนุ่มเจอสมาชิกจากสำนักศึกษาเต๋าคนอื่นสองครั้งระหว่างทาง แต่ในเมื่อพวกเขาดูไม่คุ้นหน้า ทั้งยังมีทีท่าหวาดระแวงต่อกัน เขาจึงไม่สนใจเข้าไปสุงสิงกับศิษย์      พวกนั้นด้วย

ศิษย์พวกนั้นเองก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ครั้นสัมผัสได้ถึงมวลพลังของเศษชิ้นส่วนที่หกของหวังเป่าเล่อ แต่พวกเขากลับยั้งใจตัวเองไว้แล้วรีบจากไป แม้ว่าดวงตาจะฉายแววเย็นเยียบ หมายจะต่อสู้เพื่อแย่งเศษชิ้นส่วนมาให้ได้ก็ตาม

หวังเป่าเล่อยิ่งระวังตัวมากขึ้นเมื่อเห็นดังนั้น

ตอนนี้ศิษย์ทุกคนจากสำนักต่างๆ ดูจะยังควบคุมตัวเองกันได้ แต่บางคนก็มีนิสัยชอบฆ่าชิงทรัพย์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หากความช่วยเหลือจากสหพันธรัฐยังมาไม่ถึง และปล่อยให้เวลาผ่านไปเช่นนี้ อาจจะมีคนครอบครองเศษชิ้นส่วนไว้ได้เป็น      จำนวนมาก…ยิ่งถ้าขาดเศษชิ้นส่วนอีกไม่กี่ชิ้นด้วยแล้ว แค่พยายามฆ่าหรือขโมยคนอื่นสักครั้งเดียว ก็มีโอกาสหลอมขั้นรากฐานตั้งมั่นได้เลยทีเดียว

พอถึงเวลาต้องเลือก ความยับยั้งชั่งใจของทุกคนจะลดน้อยลง…หากเป็นเช่นนั้นเมื่อไร คงจะต้องเกิดการต่อสู้จนถึงแก่ชีวิตเป็นแน่! หวังเป่าเล่อหรี่ตาพลางค้นหา    เศษชิ้นส่วนต่อไป ไม่นานก็หมดไปอีกวัน เขาพลันชะงักทันทีที่มาถึงเขตเนินเขาเล็กๆ แห่งหนึ่ง

ชายหนุ่มไม่ได้จะหยุดพัก แต่ไกลออกไปหลายกิโลเมตรตรงหน้าเขา เห็นได้ชัดว่ามีกลุ่มหมอกหมุนวนพุ่งตรงเข้ามา ดูท่าแล้วหมอกนั่นจะเข้ากลืนกินเขตเนินเขาที่    หวังเป่าเล่ออยู่ในไม่ช้า

มันคือหมอกเวทเคลื่อนย้ายนั่นเอง!

หวังเป่าเล่อคิดไม่ตกและลังเลขึ้นมา เขาค้นหาบริเวณที่จากมาทุกซอกทุกมุมแล้ว แต่ยังหาเศษชิ้นส่วนพิเศษไม่เจอเลยสักชิ้น ถ้าขืนยังไปต่อเช่นนี้ ก็คงจะไม่มีความคืบหน้าสักเท่าไร

ถ้าเขาไปบริเวณอื่น เขาอาจจะหาอะไรเจอขึ้นมาบ้างก็ได้ แต่หมอกเวทเคลื่อนย้ายนั้นคาดเดาไม่ได้จนหวังเป่าเล่อกังวลว่าตนอาจจะหลุดไปอยู่ในสถานที่     ที่อันตรายแทน

หากข้าควบคุมหมอกเวทเคลื่อนย้ายได้ก็คงดี…หวังเป่าเล่อถอนหายใจพลางมองกลุ่มหมอกที่เคลื่อนเข้ามา เขานวดหว่างคิ้วแล้วคิดตัดสินใจ ตอนนั้นเองก็มีความคิดหนึ่งแวบขึ้นมา

ข้าไม่จำเป็นต้องรู้ว่าหมอกเวทเคลื่อนย้ายจะส่งข้าไปที่ใด ข้าแค่ต้องหาทางเก็บหมอกเวทเคลื่อนย้ายไว้ส่วนหนึ่งแล้วเอาติดตัวไปด้วย…ข้าจะได้ใช้หมอกเวทเคลื่อนย้ายที่เก็บได้ในการหลบหนี ต่อให้ข้าถูกกลุ่มหมอกนี้ส่งไปยังด้านมืดของ      เขตจันทราเวท ข้าก็สามารถส่งตัวเองไปที่อื่นได้ทันที!

เมื่อคิดได้เช่นนั้น หวังเป่าเล่อชักมีท่าทีสนใจขึ้นมา เขาลองนึกภาพตามในใจ      ถ้าทำสำเร็จ ไม่เพียงจะช่วยให้เขาค้นหาเศษชิ้นส่วนตามบริเวณต่างๆ ได้รวดเร็วขึ้นเท่านั้น หากแต่เขายังไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยอีกต่อไปด้วย

ถ้ามีใครอาจหาญมายั่วยุเขา หรือถ้าเขาสู้อีกฝ่ายไม่ได้ เขาก็แค่ปล่อยหมอกเวทเคลื่อนย้ายออกมา แล้วส่งคู่ต่อสู้ไปให้ไกลที่สุดก็เท่านั้น

คิดแล้วหวังเป่าเล่อก็ยิ่งตื่นเต้นจนตาเป็นประกาย

ถ้าข้าทำสำเร็จ มันจะกลายเป็นไม้ตายของข้าเลยทีเดียว! หวังเป่าเล่อสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วรีบถอยห่างเมื่อเห็นหมอกเวทเคลื่อนย้ายกำลังเข้ามาใกล้         เขาพยายามถ่วงเวลาด้วยการหนีจากหมอกเวทเคลื่อนย้ายให้ไกลที่สุด และครุ่นคิดจินตนาการถึงความเป็นไปได้ภายในหัวไปด้วย

ข้าควรจะใช้ศิลาวิญญาณเป็นวัตถุดิบหลักรึเปล่า หลังจากประเมินสถานการณ์แล้ว หวังเป่าเล่อก็รู้สึกว่าข้อได้เปรียบสำคัญของวัตถุเวทชิ้นนี้คือการดูดซับหมอกแล้วเก็บมันเอาไว้ได้นั่นเอง

เขาจึงหยิบศิลาวิญญาณออกมาระหว่างที่กำลังล่าถอย พลางสลักอักขราจารึกลงไปเพื่อหลอมแก่นวิญญาณ

ครึ่งชั่วโมงให้หลัง หมอกเวทเคลื่อนย้ายก็พุ่งเข้าห่อหุ้มร่างของหวังเป่าเล่อเอาไว้มิด ชายหนุ่มชูลูกประคำศิลาวิญญาณขึ้นสูง เมื่อเขาหายตัวมาโผล่ในอีกบริเวณหนึ่ง ก็ต้องถอนหายใจอย่างโล่งอก พอเห็นว่าตนเองยังอยู่บริเวณด้านสว่างของดวงจันทร์ จากนั้นก็รีบมองลงไปยังลูกประคำในมือ

ไม่ได้ผล…หวังเป่าเล่อเกาหัว เขานึกย้อนว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วพบว่าแม้ลูกประคำจะเก็บหมอกเวทเคลื่อนย้ายเอาไว้ได้ แต่หมอกที่เก็บไว้กลับลอยหายไประหว่างที่เขาหายตัวมา

ข้าต้องพัฒนาเจ้านี่ใหม่! หวังเป่าเล่อรีบตรวจสอบลูกประคำเหล่านี้โดยไม่ย่อท้อ ระหว่างที่สายตาสอดส่องมองหาเศษชิ้นส่วนต่อ เขาก็เริ่มหลอมอักขราจารึกไปด้วย

หลายวันต่อมา หวังเป่าเล่อก็เจอเศษชิ้นส่วนพิเศษที่เจ็ด และในเวลาเดียวกัน    เขาก็เจอหมอกเวทเคลื่อนย้ายอีกครั้ง

เพื่อไม้ตายของข้า ข้าต้องทุ่มสุดตัว! หนนี้ข้าจะต้องทำสำเร็จแน่! หวังเป่าเล่อ    สูดลมหายใจ จ้องเขม็งไปยังหมอกเวทเคลื่อนย้ายตรงหน้า เขากัดฟันแน่นพร้อม       ชูลูกประคำที่ดัดแปลงขึ้นมา พุ่งเข้าใส่หมอกเวทเคลื่อนย้ายทันที ร่างของเขาหายไปโผล่ในอีกบริเวณหนึ่งอย่างรวดเร็ว สมบัติเวทที่เขาดัดแปลงแล้วยังคงกักเก็บ       หมอกเวทเคลื่อนย้ายไว้ไม่สำเร็จ

ความพยายามครั้งที่หนึ่ง สอง และสามผ่านไปทั้งอย่างนั้น…เวลาหมดไปหนึ่งเดือน จำนวนครั้งที่หวังเป่าเล่อพยายามเพิ่มขึ้นเป็นเก้าครั้ง

ยังดีที่หวังเป่าเล่อเคยโดนส่งตัวไปด้านมืดของดวงจันทร์เพียงครั้งเดียว และบริเวณนั้นอยู่ตรงขอบชายแดนพอดี ไม่ใช่ส่วนลึกเข้าไป แต่ก็ยังนับว่าอันตรายยิ่งนัก เพราะชายหนุ่มดันไปเจอเข้ากับเผ่าพันธุ์อมตะราตรีระดับปราณขั้นกำเนิดแก่นใน     ตนหนึ่งพอดี ที่เขาหนีออกมาได้ก็เพราะไม่บังเอิญไปโผล่ตรงหน้ามันเข้า

ขณะเดียวกัน ชายหนุ่มก็เริ่มพอใจกับจำนวนเศษชิ้นส่วนที่รวบรวมมาได้          ซึ่งตอนนี้มีถึงสิบชิ้นแล้ว ปัญหาเดียวตอนนี้คือการทดลองกักเก็บหมอกเวทเคลื่อนย้ายของเขา ต่อให้วางแผนมาดิบดีอย่างไรก็ล้มเหลวทุกครั้งไป

ข้าไม่ยอมแพ้แค่นี้หรอก ครั้งต่อไปจะต้องสำเร็จแน่นอน!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version