Skip to content

A World Worth Protecting 269

บทที่ 269 รากฐานตั้งมั่นอมตะ

ร่างเลือนรางของแม่นางน้อยพาหวังเป่าเล่อที่ยังไม่ได้สติเดินลึกเข้าไปในปากปล่องภูเขาไฟ

บริเวณนี้หมอกจางกว่าด้านนอก จึงไม่อาจจะบดบังทิวทัศน์ที่ทอดอยู่เบื้องหน้าพวกเขาได้อีกต่อไป

ปากปล่องภูเขาไฟนั้นเป็นวงกลมขนาดกว้างราวหนึ่งกิโลเมตร นอกเสียจากว่าจะอยู่บนจุดที่สูงมากๆ แล้วก็แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมองเห็นอีกด้านหนึ่งของปล่อง

สิ่งที่มองเห็นได้ชัดเจนภายในปากปล่องอันกว้างใหญ่นั้นคือร่างเงานับพันชีวิตที่คุกเข่ากับพื้นล้อมกันเป็นวงกลม ร่างเหล่านั้นนั่งนิ่งไม่ไหวติง เครื่องแต่งกายของ   พวกเขาแตกต่างจากคนทั่วไป เห็นได้ชัดว่ามาจากยุคบรรพกาล หากมีผู้รู้ด้าน     กระบี่สำริดเขียวโบราณจากสหพันธรัฐอยู่ที่นี่ในเวลานี้ ก็คงจะบอกได้ว่าคนเหล่านี้คือ…ผู้ฝึกตนกระบี่โบราณนั่นเอง!

ในบรรดาคนเหล่านั้นมีทั้งบุรุษและสตรี ผู้อาวุโสและผู้เยาว์ ทุกคนต่างก็นั่งคุกเข่าก้มหัวต่ำ พวกเขาเสียชีวิตไปนานแล้ว แต่ใบหน้ายังคงแสดงสีหน้าสุดท้ายก่อนจะเสียชีวิตเอาไว้ ราวกับว่าพวกเขากำลังหลับตาสวดมนต์อย่างตั้งใจหรืออาจกำลังพยายามอัญเชิญสิ่งใดสักอย่างออกมาก่อนที่พวกเขาจะตาย…

ผู้ฝึกตนนั่งเป็นวงซ้อนกันอยู่หลายต่อหลายชั้น ตรงกลางของวงล้อมนั้นมี       แท่นบูชาขนาดใหญ่ตั้งอยู่!

แท่นบูชานั้นสูงราวสามร้อยเมตรและมีสามชั้น…หากหวังเป่าเล่อยังมีสติอยู่     เขาคงจะรู้สึกได้ว่าแท่นบูชานั้นคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก มันเป็นแท่นบูชาเดียวกับที่เขาเห็นระหว่างหลอมร่างเข้ากับหม้อหลอมเล็กนั่นเอง!

แม้กระทั่งชั้นล่างสุดของแท่นบูชา ที่มีหม้อหลอมสามขาตั้งอยู่ทั้งสี่มุมยังดูเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน อย่างไรก็ดี มีหม้อหลอมเล็กสามขาอยู่เพียงสองอันบนแท่นบูชา แถมยังสภาพเสียหายด้วยกันทั้งคู่ ไม่มีปราณวิญญาณแผ่ออกมาแม้แต่น้อย          หม้อหลอมอีกสองอันหายไป คาดว่าน่าจะถูกนำออกจากปากปล่องไปด้วยเหตุผล  บางประการ หนึ่งในหม้อหลอมที่หายไปย่อมเป็นใบเดียวกับที่หวังเป่าเล่อใช้หลอมรากฐานตั้งมั่นอย่างไม่ต้องสงสัย!

ประคำบางลูกบนแท่นบูชาชั้นกลางและหมอกมายาบนแท่นบูชาชั้นสาม        หากไม่หายไปเลยก็ได้รับความเสียหาย และคงอยู่โดยไร้ซึ่งปราณวิญญาณ

สิ่งของเหล่านั้นไม่ใช่สลักสำคัญอะไร ที่สำคัญก็คือ…กลุ่มหมอกประหลาดที่      ปกคลุมอยู่บนอากาศเหนือแท่นบูชาตอนนี้ต่างหาก พลังชีวิตอันมหาศาลแผ่ออกมาจากหมอกนั้น ภายในปรากฏรูปร่างที่พร่าเลือนของ…ดอกบัวสีเขียว!

บางส่วนของดอกบัวนั้นเหี่ยวเฉา แต่ยามมันกระเพื่อมไหวในสายลมก็ยังทอแสง   สีเขียวระเรื่อที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังวิญญาณที่รุนแรงออกมา ดอกบัวนั้นนิ่งสงบอยู่ในแสงสีเขียวอ่อน แต่เมื่อมองไปที่ดอกบัวสีเขียวกลับรู้สึกได้ถึงพายุปราณวิญญาณ     อันแปรปรวนรุนแรงที่พุ่งทะยานไปสู่สรวงสวรรค์!

เมื่อเทียบกันแล้ว หม้อหลอมเล็กสามขาที่หวังเป่าเล่อได้มานั้นไม่ต่างอะไรกับ   เศษดาวเล็กจ้อยที่อยู่ร่วมบนท้องนภาเดียวกับดวงจันทร์อันเจิดจรัส ประกายแสงที่  ทั้งคู่เปล่งออกมานั้นเทียบกันไม่ติดเลย!

พลังชีวิตที่กระจายออกมาจากม่านหมอกนั้น มีต้นกำเนิดมาจากดอกบัวสีเขียวอย่างเห็นได้ชัด พลังชีวิตนั้นรุนแรงจนสามารถจะกลืนกินเขตจันทราเวททั้งหมดไว้ได้หากถูกปลดปล่อยออกมา!

ดอกบัวสีเขียวสงบนิ่งอยู่ในม่านหมอก ความรู้สึกที่แผ่ออกมาจากดอกบัวนั้นเหมือนสิ่งที่ไม่ได้มาจากโลกมนุษย์ เพียงแค่มองเห็นก็อาจทำให้คนทั่วไปสั่นไหวไปจนถึงขั้วหัวใจได้ ราวกับมีพายุหมุนอันรุนแรงที่พัดเอาจิตใจและวิญญาณของผู้ได้พบเห็นไปก็ไม่ปาน!

ดอกบัวนี้เป็นที่สักการะบูชาของเหล่าผู้ฝึกตนโบราณจำนวนนับไม่ถ้วน          หม้อหลอมเล็กสามขาจำนวนมากหรือกระทั่งวัตถุที่หายากกว่านั้นต่างก็ถูกนำมา     เซ่นไหว้ แรงศรัทธาเหล่านี้บ่งบอกได้ว่าพลังของมันยิ่งใหญ่เพียงใด!

ราวกับว่ามันเป็นศูนย์รวมของทุกตำนาน!

ทุกความเชื่อ!

ทุกความหวังและความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัด!

อาจกล่าวได้ว่าพลังของดอกบัวไม่เพียงแต่มีผลต่อผู้ฝึกตนบนโลกเท่านั้น แม้แต่ผู้คนจากอารยธรรมอื่นๆ ที่ฝึกตนได้ ไม่ว่าจะอยู่ในระดับการฝึกตนใดก็ตามแต่      หากเมื่อได้เห็นดอกบัวนี้จะต้องเกิดความอยากได้ใคร่มีขึ้นมาจนคลุ้มคลั่ง คลื่นความกระหายจะเข้าครอบงำ ดอกบัวจะเข้าควบคุมจิตใจทุกคนในทันที!

ราวกับว่าดอกบัวสีเขียวนั้นเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์หนึ่งในใต้หล้า และเป็นหนึ่งในพลังปริศนาแห่งจักรวาลที่อาจจะเปลี่ยนชีวิตคนได้ทั้งชีวิต!

ผู้ฝึกตนโบราณที่มารวมตัวกันอยู่ ณ ที่นี้อาจจะเป็นผู้ที่เดินทางมาถึงดวงจันทร์ หลังจากกระบี่สำริดเขียวโบราณแตกเป็นเสี่ยง ก่อนที่พวกเขาจะสิ้นชีวิตลง พวกเขาก็ตัดสินใจทำพิธีบูชายัญเพื่ออัญเชิญดอกบัวสีเขียวออกมา แม้ว่าจะทำสำเร็จ แต่ก็ยังมีเหตุให้ต้องถึงแก่ความตายในที่สุด

หรืออาจเป็นได้ว่าดอกบัวสีเขียวนั้นเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของตระกูล ที่พวกเขาจำเป็นจะต้องปกป้องเอาไว้ด้วยชีวิต

หวังเป่าเล่อผู้สิ้นสติถูกพาตัวมาที่นี่ด้วยความช่วยเหลือจากแม่นางน้อย นางวางร่างของชายหนุ่มลงที่มุมหนึ่ง ยกศีรษะของเขาขึ้น พลางจ้องมองไปยังดอกบัวสีเขียวในสายหมอก ภาพความทรงจำฉายสะท้อนอยู่ในดวงตาทั้งคู่ของนาง ดูราวกับว่า    นางกำลังเพลิดเพลินไปกับความทรงจำอันแสนหวาน เวลาไหลผ่านไปเนิ่นนาน      เมื่อนางยกมือขวาขึ้นชี้ออกไป ทันใดนั้น ดอกบัวสีเขียวในสายหมอกก็เริ่มสั่นไหว   ก่อนจะลอยอย่างแช่มช้าออกมาจากกลุ่มหมอกเข้ามาหาแม่นางน้อย ดอกบัวสีเขียวหยุดอยู่กลางอากาศตรงหน้านางพอดี

แม้ว่าดอกบัวสีเขียวดอกนั้นจะเหี่ยวแห้งลงไปอักโข แต่พลังชีวิตที่เอ่อท้นออกมายังคงรุนแรงจนน่าตกใจ พลังชีวิตนั้นไหลบ่าออกมาข้างหน้า ประกอบกับ           ปราณวิญญาณอันหนาแน่นเต็มเปี่ยมไปด้วยชีวิต ต้นอ่อนของดอกบัวมีสีเขียวหยกงดงามกว่าความงามใดๆ บนโลก เพียงแค่ได้มองความงามนี้หนึ่งครั้ง ก็อาจทำให้       ผู้มองเสียสติไปด้วยความใคร่อยากจะเป็นเจ้าของ!

“เจ้าโชคดีแค่ไหนแล้ว ที่ได้มาเจอข้า…” แม่นางน้อยลดศีรษะลง คำพูดของนางนั้น    ไม่แน่ใจนักว่าตั้งใจพูดกับหวังเป่าเล่อหรือดอกบัวสีเขียวกันแน่ น้ำเสียงของนางดูลังเล ไม่เต็มใจ เจือด้วยแววตัดพ้อ นางโบกมือขวาครั้งหนึ่งก่อนจะสะกดดอกบัวสีเขียวลงบนจุดตันเถียนของหวังเป่าเล่อ

เพียงได้สัมผัสร่างของหวังเป่าเล่อ ดอกบัวสีเขียวก็ละลายรวมเข้ากับร่างของ    ชายหนุ่มทันที มันหายวับไปก่อนจะปรากฏขึ้นใหม่ภายในกายของชายหนุ่ม             ณ บริเวณจุดตันเถียนที่บาดเจ็บสาหัสจนเจียนจะแหลกสลายนั่นเอง

เมื่อหลอมรวมกันสำเร็จแล้ว พลังชีวิตอันมากมายเกินพรรณนา ก็พลันปะทุขึ้นมาในร่างกายของหวังเป่าเล่อ ความเปลี่ยนแปลงอันรุนแรงจนเขย่าสวรรค์สะเทือนปฐพี  ก็เกิดขึ้นทันที ณ วินาทีนั้น!

พลังชีวิตที่หลั่งออกมามหาศาลช่วยรักษาบาดแผลสาหัสบนท้องของหวังเป่าเล่อ ให้หายเป็นปลิดทิ้งในพริบตาเดียว เส้นปราณที่ถูกทำลายทั่วร่างก็ฟื้นคืนกลับมา กระทั่งบาดแผลบนร่างและอวัยวะที่แตกหักก็หายทันตา!

การเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ยังไม่จบเพียงเท่านั้น หลังจากที่ซ่อมแซมร่างกายที่บาดเจ็บของหวังเป่าเล่อแล้ว ดอกบัวสีเขียวก็หยั่งรากลึกลงไปในกายเขา              แล้วเคลื่อนที่เข้าไปหาเมล็ดดูดกลืนต่อไป

เมล็ดดูดกลืนมีท่าทีสยบยอม มันปล่อยให้ดอกบัวหยั่งรากลึกลงไปในตัวมัน ก่อนที่ทั้งสองจะผสานร่างรวมกันเป็นหนึ่งเดียว บัดนี้เมล็ดดูดกลืนห่อหุ้มไปด้วย    กลุ่มหมอกประหลาดเช่นเดียวกับดอกบัวสีเขียวก่อนหน้านี้ เมื่อมันเข้ามาเป็น       ส่วนหนึ่งของดอกบัวสีเขียวแล้ว เมล็ดดูดกลืนก็ยังกลายมาเป็นแหล่งอาหารของดอกบัวดอกนั้นอีกด้วย!

ตอนนั้นเองที่อาการสั่นเครือของดอกบัวจางหายไป ดอกบัวดอกนั้นไม่ใช่ดอกบัวไร้รากอีกต่อไป ขณะนี้มันมีรากฐานแล้ว รากฐานที่สามารถใช้เพื่อหาอาหารและเติบโตได้!

ปราณวิญญาณที่อยู่ภายในดอกบัวปะทุขึ้นตามมา! ขณะที่ดอกบัวสีเขียวปรับเปลี่ยนร่างกายของหวังเป่าเล่ออยู่นั้น มันก็เริ่มที่จะ…หลอมแก่นรากฐานวิญญาณขึ้นมาในร่างของชายหนุ่มพร้อมๆ กัน!

หลังจากถูกชิงหม้อหลอมเล็กและถูกทำลายรากฐานตั้งมั่นไปเลย หวังเป่าเล่อไม่มีทางจะบรรลุขั้นรากฐานตั้งมั่นได้อีกเลยตลอดชีวิต แต่ขณะนี้…กระแสน้ำเริ่ม         ไหลย้อนกลับแล้ว เมื่อปราณวิญญาณพลันหลั่งไหลเข้ามาในกายเขา เสียงกัมปนาทกึกก้องก็ดังสนั่นขึ้นมาจากภายใน ดอกบัวสีเขียวที่เข้ามาแทนหม้อหลอมเล็กสามขาเริ่มจะหลอมรวมเข้ากับกายเนื้อของหวังเป่าเล่อทุกขณะ

การหลอมรวมนี้รวดเร็วยิ่งกว่าการหลอมรวมกับหม้อหลอมเล็กสามขาก่อนหน้านี้ ภายในเวลาเพียงสิบสองลมหายใจ หนึ่งในสิบส่วนของดอกบัวก็หลอมรวมเข้ากับร่างของหวังเป่าเล่อแล้ว ปราณวิญญาณหลั่งล้นออกมาจากกายเขา ไหลทะลักออกมาด้านนอก พลังจากการหลอมรวมกับดอกบัวเพียงหนึ่งในสิบส่วนกลับรุนแรงยิ่งกว่าเมื่อครั้งที่เขาหลอมรวมกับหม้อหลอมเล็กสามขาได้แปดในสิบส่วนเสียอีก!

ความโชคดีนี้ช่างเกินคาดและเหลือเชื่อ ขณะที่ปราณวิญญาณยังคงทะลักทลายออกมาจากกายของหวังเป่าเล่อ กระบวนการหลอมรวมก็คืบหน้าไปเรื่อยๆ ถึง       สองในสิบส่วน สามในสิบส่วน…

ปราณวิญญาณในร่างของหวังเป่าเล่อเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งเป็นเท่าทวีคูณ         เมื่อการหลอมรวมสำเร็จเรียบร้อยแล้ว ความเปลี่ยนแปลงอันลือลั่นก็บังเกิดขึ้นในกายหวังเป่าเล่อ แก่นรากฐานวิญญาณอันทรงพลังก่อตัวขึ้นในกายเขา หลังจากที่      หลอมรวมกับหวังเป่าเล่อและกลายมาเป็นแก่นรากฐานวิญญาณให้กับเขาแล้ว ดอกบัวสีเขียวอันทรงฤทธิ์ก็เริ่มส่อแววรังเกียจพลังอื่นๆ ที่มีอยู่ในร่างของหวังเป่าเล่อ มันเริ่มสั่นและส่งแรงสั่นสะเทือนนั้นไปทั่วร่างของชายหนุ่ม ทะเลสีม่วงในดวงตาของชายหนุ่มตื่นขึ้นจากแรงสั่นสะเทือนนั้น เช่นกันกับสายฟ้าสีดำในเส้นปราณของเขา

ด้วยไม่อาจต้านทานความแข็งแกร่งของดอกบัวสีเขียวได้และไม่รู้ว่าควรจะหนีไปที่ใด ทะเลสีม่วงจึงเลือกฝังตัวเข้าไปในฝักกระบี่ของหวังเป่าเล่อ และกลายเป็นยุงตัวที่ 11 ของเขาแทน!

สายฟ้าสีดำนั้นหยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะจำนน ล่าถอยไปซ่อนตัวอยู่ในฝักกระบี่ แล้วแปรเปลี่ยนเป็นยุงตัวที่ 12!

หลังจากชำระร่างของหวังเป่าเล่อเสร็จสรรพแล้ว ดอกบัวสีเขียวก็พึงพอใจ มันจึงปล่อยตัวเองให้จมกลับลงไปในเมล็ดดูดกลืน และเริ่มขั้นตอนสุดท้ายในการบรรลุสู่ขั้นรากฐานตั้งมั่น เป็นขั้นตอนสุดท้ายที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน!

ขั้นตอนการยกระดับ!

เสียงครั่นครืนดังกึกก้องอยู่ภายในกายของหวังเป่าเล่อ ขั้นตอนการยกระดับคือการกลั่นพลังปราณปัจจุบันของหวังเป่าเล่อให้บริสุทธิ์ เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของมัน และนั่นทำให้ตัวหวังเป่าเล่อเองแปรเปลี่ยนไปด้วย

หลังจากที่ดอกบัวสีเขียวได้หลอมรวมเข้ากับกายเนื้อของหวังเป่าเล่อ และกลายมาเป็นอีกอวัยวะหนึ่งในตัวชายหนุ่มแล้ว มันก็แทงรากลึกกระจายไปทั่ว ทั้งในกล้ามเนื้อ กระดูก และเส้นปราณของเขา ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วราวกับวิวัฒนาการ!

ยิ่งผ่านไปนานเท่าไร ปราณวิญญาณของหวังเป่าเล่อก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น จนก้าวข้ามระดับเดิมไปไกลลิบ หลังจากยกเครื่องทั้งกายภาพและประสิทธิภาพแล้ว ดอกบัว      สีเขียวก็ได้แก่นรากฐานตั้งมั่นที่พึงพอใจ ซึ่งบัดนี้ได้แปรสภาพกลายเป็น…หนึ่งในรากฐานตั้งมั่นรูปแบบที่หายากที่สุดไปแล้ว!

แก่นรากฐานวิญญาณของเขาไม่ได้เกิดจากการหลอมรวมธรรมดาอีกต่อไปแล้ว หากแต่กลายเป็นแก่นวิญญาณที่ล้ำค่าที่สุดในอารยธรรมการฝึกตนของทั้งจักรวาล…มันคือ แก่นรากฐานวิญญาณดอกบัวสีเขียวขั้นสูงสุด!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version