Skip to content
Home » Blog » A World Worth Protecting 278

A World Worth Protecting 278

บทที่ 278 ประมุขสำนักรุ่งสางจักรพิภพ

ผู้อาวุโสขั้นกำเนิดแก่นในแห่งตระกูลนภาห้าสมัยช่างเป็นคนพาลโดยแท้ เห็นได้ชัดเลยว่าเขาต้องการจะปิดปากข้า ข้าจะเข้าไปสำรวจดูภายในหลุมยักษ์แห่งนี้ อยากจะรู้นักว่าครั้งนี้เขาจะปิดปากข้าอย่างไรได้!

สำนักรุ่งสางจักรพิภพก็ลงทุนลงแรงไปไม่น้อยทีเดียว ข้าเชื่อว่าทั้งหมดนี้ไม่ใช่แค่เพราะพวกเขาต้องการให้ความร่วมมือกับต้นไม้ยักษ์เท่านั้น ทั้งสองกลุ่มจะต้องกุมแผนลับบางประการเอาไว้ ด้วยต่างก็เชื่อมั่นว่าตนเองจะเป็นกลุ่มผู้อยู่รอดกลุ่มสุดท้ายเมื่อเรื่องทั้งหมดจบลง

หากเป็นเช่นนั้น ในเมื่อยายแม่มดแก่แห่งสำนักรุ่งสางจักรพิภพกล้าพรากรากฐานตั้งมั่นของข้าไป ข้าก็จะพรากผลไม้ล้ำค่าของพวกนางมาเสีย! หวังเป่าเล่อหรี่ตาลง เมื่อตัดสินใจได้ดังนั้น เขาก็เร่งความเร็วขึ้นและเคลื่อนที่ลึกเข้าไปในหลุมยักษ์

หลุมยักษ์นั้นทอดตัวยาวลึกลงไปในพื้นดวงจันทร์ ไม่นานนักหวังเป่าเล่อก็ลงไปถึงระดับความลึกเท่ากับที่เขาค้นพบหม้อหลอมสามขาเล็กและกิ่งไม้เปล่าเปลือยในถ้ำรอยแยกคราวก่อน สิ่งเดียวที่ต่างกันคือเขารู้สึกว่าไม่ได้ใช้เวลาเดินทางลงมาในหลุมมากเท่าใดนัก แสงเรืองเรื่อสีแดงนั้นดูน่ากลัวยิ่งกว่าตอนที่ชายหนุ่มเห็นเมื่ออยู่ภายนอกหลุม หวังเป่าเล่อใช้ความเข้มของแสงสีแดงนี้เป็นเครื่องบ่งชี้ว่าเขาเดินทางมาลึกเพียงใดแล้ว

ชายหนุ่มไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เขาเดินลึกลงไปและเข้าใกล้แสงสีแดงมากขึ้นทุกที ยิ่งเข้าใกล้มากขึ้นเท่าใด เสียงครืนๆ ก็ยิ่งดังถี่ขึ้นทุกที ยิ่งเดินลงไปก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ

เสียงนี้ไม่เหมือนกับเสียงขู่คำรามของสิ่งมีชีวิตที่ตื่นอยู่ แต่เหมือนกับเสียงกรนของใครบางคนที่กำลังหลับลึกมากกว่า พอได้ยินเสียงนั้น หวังเป่าเล่อก็หยุดชะงักราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาหยุดเดินและเริ่มครุ่นคิด

เสียงกรนอย่างนั้นหรือ…

จุดที่หวังเป่าเล่อหยุดคิดอยู่นั้นคือบริเวณชั้นใต้สุดของหลุมยักษ์ แม้จะเป็นชั้นที่ลึกที่สุดแต่ก็ดูเหมือนว่าจะยังไม่ใช่ก้นบึ้งของหลุมยักษ์แห่งนี้ แสงสีแดงเรื่อและ     เสียงกรนนั้นมาจากอุโมงค์ที่ทอดลงไปใต้ชั้นนี้อีกที

อาณาบริเวณภายในหลุมยักษ์นั้นเป็นรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก หวังเป่าเล่อสำรวจสิ่งรอบข้างก่อนจะมุ่งหน้าเข้าไปในอุโมงค์นั้น ชายหนุ่มวิ่งเต็มฝีเท้าเข้าไปในอุโมงค์ที่ทั้งลึกและกว้าง กิ่งไม้เล็กๆ กระจัดกระจายอยู่ทั่วผนังดินของอุโมงค์นั้น ดูราวกับว่าอุโมงค์นี้อยู่ภายในกิ่งไม้ใหญ่ยักษ์ก็ไม่ปาน

แสงสีแดงยิ่งแรงกล้าขึ้นและเสียงกรนก็ดังขึ้นด้วย เสียงนั้นสนั่นราวกับสายฟ้าฟาด    อยู่ข้างหูหวังเป่าเล่อ ความฉงนสงสัยบนใบหน้าของชายหนุ่มยิ่งเพิ่มขึ้นทุกขณะ     หากเขาครุ่นคิดไม่ผิดพลาด เส้นทางนี้ดูเหมือนว่าจะนำไปสู่…เขตหวงห้ามบนด้านมืดของดวงจันทร์

สถานที่ที่เขาสำเร็จขั้นรากฐานตั้งมั่นดอกบัวสีเขียวนั่นเอง…

ที่นี่น่าจะอยู่ใต้ถ้ำที่มีดอกบัวสีเขียวอยู่…เสียงกรนเหมือนจะดังมาจากข้างหน้า ทว่าจริงๆ แล้วมาจากด้านล่างต่างหาก…หวังเป่าเล่อดูเหมือนเพิ่งเข้าใจอะไรบางอย่าง ชายหนุ่มเริ่มปะติดปะต่อเหตุการณ์ต่างๆ อยู่ในใจ ตระกูลนภาห้าสมัยขุดอุโมงค์      ยาวเหยียดที่มุ่งหน้าไปที่ไหนสักแห่งใต้ถ้ำที่มีดอกบัวสีเขียวตั้งอยู่

อุโมงค์นั้นมุ่งหน้าไปยัง…สถานที่ที่ราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรีหลับใหลอยู่!

ประกายแสงเล็กๆ ฉายวาบขึ้นในดวงตาของหวังเป่าเล่อ เขาลดความเร็วลง    ชายหนุ่มซ่อนพลังปราณของตนเองไว้ก่อนจะปล่อยยุงทั้งหมดออกไปสำรวจแทน เหล่ายุงล่วงหน้าไปก่อนขณะที่เขาวิ่งตามไปห่างๆ อยู่ด้านหลัง

อาจเป็นเพราะเสียงกรนที่ดังขึ้นเรื่อยๆ หรือเพราะแสงสีแดงที่ส่องกล้าขึ้นทุกทีก็ได้   ในไม่ช้าหวังเป่าเล่อก็สัมผัสถึงพลังวิญญาณที่รุนแรงจนแทบจะกลบเอาพลังของเขาเองไปหมด ลอยอบอวลอยู่ในอากาศ ตระกูลนภาห้าสมัยดูมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าพวกเขาจะสามารถควบคุมสถานการณ์ใดก็ตามที่อาจจะเกิดขึ้นในฐานของพวกเขาเอาไว้ได้ จึงได้ลดจำนวนคนยืนยามลง ทำให้หวังเป่าเล่อยังไม่ถูกจับได้แม้จะเขามาเกือบสุดปลายอุโมงค์แล้ว!

ขณะที่หวังเป่าเล่อยังอยู่ห่างจากปลายอุโมงค์อยู่ระยะหนึ่งนั้น ฝูงยุงของเขาได้บินไปจนถึงที่หมายเรียบร้อย เมื่อมองผ่านสายตาของเหล่ายุง ชายหนุ่มมองเห็นถ้ำที่กว้างราวๆ ร้อยเมตรอยู่ตรงหน้า ณ ปลายสุดของอุโมงค์ ตรงกลางของโถงถ้ำนั้นมีกิ่งไม้ที่เหี่ยวเฉาอยู่กิ่งหนึ่ง กิ่งนั้นมีเส้นผ่านศูนย์กลางราวๆ สามสิบเมตร เห็นได้ชัดว่านี่คือกิ่งของต้นไม้โบราณ ผลไม้ยักษ์ขนาดใหญ่ถึงสามเมตรห้อยอยู่บนกิ่งก้านนั้นด้วย!

แม้จะดูใหญ่ยักษ์ในสายตาคนทั่วไป แต่เมื่อเทียบกับขนาดของต้นไม้โบราณแล้ว ผลไม้ลูกนั้นก็เล็กจ้อยไม่ต่างอะไรกับงาเมล็ดหนึ่งเท่านั้น

ผลไม้ยักษ์นั้นเหี่ยวแห้งสนิท แต่ยังส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจายออกมาเป็นระยะ    แสงเรื่อเรืองสีแดงโลหิตแผ่ออกมาจากผลไม้ลูกนั้น แสงของมันกะพริบอยู่ไม่ขาดแต่ก็ไม่ได้ฉายสว่างจ้านัก เมื่อมองเห็นครั้งแรกหวังเป่าเล่อถึงกับตะลึงที่ได้รู้ว่าแสงสีแดงที่เขามองเห็นมาตลอดทางที่เดินเข้ามานี้ส่องมาจากผลไม้ลูกนี้นั่นเอง!

นั่นคือผลของต้นไม้ยักษ์หรือ แสงที่ส่องออกมาไม่สว่างสักเท่าใดเลย ใครจะไปรู้กันว่ามันจะมีหน้าตาแปลกประหลาดเช่นนี้ ขณะที่หวังเป่าเล่อจ้องมองด้วยความประหลาดใจอยู่นั้น เขาก็มองไปเห็นร่างแปดร่างที่ยืนรายล้อมผลไม้ลูกนั้นอยู่ ทั้งหมดดูจะแบ่งเป็นสี่กลุ่มที่กำลังเผชิญหน้ากันอย่างคร่ำเคร่ง ในบรรยากาศที่ตึงเครียดนั้นการต่อสู้อาจจะปะทุขึ้นเมื่อใดก็ได้!

หนึ่งในนั้นคือผู้อาวุโสขั้นกำเนิดแก่นในแห่งตระกูลนภาห้าสมัยที่หวังเป่าเล่อ    พบก่อนหน้านี้ ข้างกายเขามีชายวัยกลางคนอีกสองคน หนึ่งในนั้นเป็นผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นใน ชายผู้นั้นไม่ได้ปกปิดพลังปราณของตนแต่อย่างใด พลังปราณของเขาไหลบ่าออกมาจากกายราวกับระลอกคลื่น ที่ยืนประจันหน้ากับพวกเขาอยู่นั้นคือ       ผู้อาวุโสอีกสามคนจากสำนักรุ่งสางจักรพิภพ อาจจะไม่เป็นการเหมาะนักที่จะเรียกพวกเขาว่าผู้อาวุโส แม้ใบหน้าของพวกเขาจะปกคลุมไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่น แต่ผมบนศีรษะพวกเขาก็ยังดำขลับ ที่พวกเขาดูเป็นเช่นนี้อาจเป็นผลพวงจากการฝึกคาถาเวทพิเศษบางอย่าง

ดวงตาของพวกเขาเย็นเยียบและปราศจากอารมณ์ความรู้สึกใดๆ ประกายแสงอันน่ากลัวราวกับแสงไฟของดวงวิญญาณฉายชัดอยู่ในแววตาของคนเหล่านั้น        พวกเขาจ้องไปยังอีกสองกลุ่มอย่างดุร้าย

อีกสองกลุ่มที่เหลือแบ่งออกเป็น…บุรุษหนึ่งคนและต้นไม้หนึ่งต้น สิ่งที่เรียกว่าบุรุษนั้นแท้จริงแล้วคือต้นไม้ยักษ์กลายพันธุ์ที่ได้ฝังตัวเข้าไปในกายเนื้อของผู้ฝึกตน  คนหนึ่ง ชายผู้นั้นเป็นชายวัยกลางคนสวมใส่อาภรณ์สีดำสนิท เขากำลังยิ้มแย้มขณะที่นัยน์ตานั้นฉายแววฉลาดล้ำลึก

พวกเขาเหมือนจะรู้สึกได้ถึงฝูงยุงที่ปรากฏตัวขึ้นรอบกาย แต่ไม่อาจจะเบี่ยงความสนใจมาจัดการได้ในเวลานี้ เพราะพวกเขาสัมผัสได้ว่ายุงเหล่านั้นอ่อนแอนัก           จึงตัดสินใจว่าไม่มีค่าพอแก่การสนใจ

หวังเป่าเล่อเห็นเหตุการณ์เช่นนั้นจึงหยุดรุดหน้าทันที เขาตัดสินใจไม่เข้าใกล้ไปกว่านั้น

“ท่านต้นไม้ผู้ฝึกตนและสหายแห่งเต๋าผู้ทรงเกียรติทุกท่าน เหตุใดท่านจึงยังขัดขืนต่อสู้กับเราอีก ท่านคิดจริงๆ หรือว่ามีโอกาสจะเอาชนะเราได้” ท่ามกลางความกดดันนั้น ผู้อาวุโสขั้นกำเนิดแก่นในแห่งตระกูลนภาห้าสมัยยิ้มอย่างเยือกเย็น ก่อนจะหันหน้าไปมองบรรดาสมาชิกจากสำนักรุ่งสางจักรพิภพ

“สหายแห่งเต๋าผู้ทรงเกียรติ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า พวกข้าจะคุ้มกันท่านทั้งหลายเอง!”

นัยน์ตาของสมาชิกสำนักรุ่งสางจักรพิภพทั้งสามส่องประกายวาบ พวกเขาเรียกผนึกมือขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกันในทันที ก่อนจะล้วงฝ่ามือข้างนั้นเข้าไปในอกของตน ราวกับล้วงเข้าไปหยิบหัวใจตนเองก็ไม่ปาน พลังปราณมืดอันหนาแน่นปรากฏขึ้นจากร่างของพวกเขาในบัดดล พลังปราณนั้นพวยพุ่งขึ้นไปในอากาศและรวมตัวกันก่อกำเนิดเป็นประตูสีดำขึ้นบริเวณเหนือศีรษะของพวกเขา!

บุรุษผู้นั้นและต้นไม้อีกต้นแสดงความตกตะลึงออกมาทางสีหน้า พวกเขาเคลื่อนที่ไปพร้อมกัน หวังจะหยุดการโจมตีของอีกฝ่ายเอาไว้ ชายทั้งสามจากตระกูลนภาห้าสมัยเคลื่อนที่เข้ามาขวางด้วยพลังทั้งหมดที่พวกเขามี ทว่าประตูสีดำเปิดออกเสียก่อน คลื่นพลังปราณมืดมหาศาลหลั่งไหลออกมา ปราณวิญญาณในชั้นสูงสุดของขั้น   กำเนิดแก่นในที่เหนือกว่าระดับการฝึกตนของทุกๆ คนตรงนั้นพวยพุ่งทะลักออกมาจากประตูสีดำ

โถงถ้ำแห่งนั้นสั่นไหวขึ้นทันทีที่ปราณวิญญาณไหลบ่า มวลพลังรุนแรงของมันเต็มเปี่ยมไปด้วยความรุนแรงและบ้าคลั่งอย่างเข้มข้น ราวกับว่ามีปีศาจน่าสะพรึงกลัวเร้นกายอยู่ภายในประตูสีดำก็ไม่ปาน ผู้ฝึกตนจากตระกูลนภาห้าสมัยถอยหลังกรูดไปในทันที ด้านบุรุษชุดดำและต้นไม้ยักษ์ก็เกิดตกใจและล่าถอยไป สายตาทุกคู่จับจ้องไม่กะพริบไปยังประตูที่เปิดค้างอยู่!

เมื่อประตูสีดำเหวี่ยงเปิดออก ชายหนุ่มผู้หนึ่งในชุดคลุมเต๋าสีโลหิตก็ขี่กลุ่มหมอกเดินออกมา!

ชายหนุ่มผู้นั้นมีผิวพรรณงดงาม อีกทั้งเครื่องหน้าละเมียดละไม นัยน์ตาดูโรยรา ทว่าสีหน้าขึงขัง รังสีของผู้มีอำนาจแผ่ปกคลุมอยู่รอบกายเขา สถานะของเขาช่างแลดูยิ่งใหญ่นัก ยิ่งใหญ่ทัดเทียมกับผู้นำแห่งสหพันธรัฐเลยทีเดียว พวกเขาทั้งคู่ต่างอยู่ในตำแหน่งสูงสุด และต่างก็ถือเป็นผู้ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในสหพันธรัฐ!

“ขอต้อนรับท่านประมุขสำนัก!” ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในทั้งสามที่ยังคงเอา     ฝ่ามือจับหัวใจอยู่ พลันก้มศีรษะเพื่อแสดงความเคารพชายผู้นั้น

กระทั่งคนจากตระกูลนภาห้าสมัยอีกสามคนยังต้องถอยหลบฉากไป ก่อนก้มคำนับชายหนุ่มผู้นั้นด้วยความนอบน้อม

หวังเป่าเล่อผงะด้วยความตกตะลึง เขาเพ่งพินิจดูชายผู้นั้นผ่านสายตาของฝูงยุง

เขาจะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจาก…ประมุขสำนักรุ่งสางจักรพิภพ!

สำนักรุ่งสางจักรพิภพนั้นแตกต่างจากขุมอำนาจอื่นๆ ที่มีผู้อาวุโสสูงสุดเป็นผู้    กุมอำนาจในสถาบันนั้นๆ ทว่าสำหรับสำนักรุ่งสางจักรพิภพ ผู้กุมอำนาจสูงสุดไม่ใช่    ผู้อาวุโสแต่คือประมุขสำนัก ชายผู้นี้เป็นผู้ก่อตั้งสำนักรุ่งสางจักรพิภพขึ้น เขาเป็นผู้ที่รวบรวมเอาเคล็ดเวทและคาถาเวทต่างๆ มาจากกระบี่สำริดเขียวโบราณ สำนักนี้เกิดขึ้นได้ด้วยมือของเขา!

“ข้อตกลงระหว่างสำนักของเราและตระกูลนภาห้าสมัยยังไม่เปลี่ยนแปลง เราจะแบ่งผลไม้ระหว่างกันโดยเจ็ดส่วนอยู่ที่เราและอีกสามส่วนให้ตระกูลของท่าน ท่านได้ให้ความช่วยเหลือเราอย่างมากมาย แถมยังล่อลวงเหล่าต้นไม้กลายพันธุ์ให้มาถึงที่นี่ เพื่อเห็นแก่ความพยายาม สำนักรุ่งสางจักรพิภพจะตอบแทนพวกท่านเอง!” ชายหนุ่มหันไปพยักหน้าน้อยๆ ให้กับผู้ฝึกตนทั้งสามจากตระกูลนภาห้าสมัย ก่อนจะส่งสายตาไปมองฝูงยุงของหวังเป่าเล่อ ยุงเหล่านั้นสลายตัวกลายเป็นผุยผงไปในทันที!

จากนั้นชายหนุ่มในชุดคลุมสีแดงโลหิตก็หันมาทางต้นไม้ยักษ์และบุรุษชุดดำคนนั้น

“สำนักของเราจะช่วยเหลือพวกท่านคนแรกที่ยอมเข้าร่วมกับเรา และสละชีวิตเพื่อสำนักโดยการกลืนโอสถพิษเก้าชีวิต พวกเราจะช่วยท่านสังหารต้นไม้กลายพันธุ์อีกต้นและแบ่งผลไม้ให้ท่านสามส่วน!”

บุรุษชุดดำมีสีหน้าบึ้งตึง ขณะที่ต้นไม้ยักษ์ยังคงนิ่งเงียบ

เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าตระกูลนภาห้าสมัยและสำนักรุ่งสางจักรพิภพต่างเป็นพันธมิตรกันมาตั้งแต่ต้น และได้บรรลุข้อตกลงบางอย่างที่ตระกูลนภาห้าสมัยจะต้องช่วยเหลือสำนักรุ่งสางจักรพิภพ การที่ประมุขสำนักของสำนักรุ่งสางจักรพิภพมาปรากฏตัวในที่แห่งนี้ได้ จะต้องได้รับการช่วยเหลือจากตระกูลนภาห้าสมัยอย่างแน่นอน ตระกูลนภาห้าสมัยคงจะเป็นฝ่ายช่วยปกปิดพลังปราณของท่านประมุขสำนักรุ่งสางจักรพิภพ และนำพาเขาเข้ามาภายในที่แห่งนี้โดยไม่ให้สหพันธรัฐรับรู้ แผนการทั้งหมดจึงดำเนินไปอย่างราบรื่นด้วยดี

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version