Skip to content

A World Worth Protecting 286

บทที่ 286 ลาก่อนดวงจันทร์

ประมุขสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ส่งยิ้มปลอมประโลมให้เมื่อเห็นสีหน้าของ      หวังเป่าเล่อ สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยื่นมือเข้ามามีส่วนร่วมในความโกลาหลครั้งนี้ กระนั้นประมุขสำนักก็ไม่อยากให้ศิษย์หัวกะทิที่ตนให้การยอมรับและมีอนาคตเช่นหวังเป่าเล่อ ต้องหมดศรัทธาและเข้าใจสำนักศึกษา          เต๋าศักดิ์สิทธิ์ผิดไป

ผู้อาวุโสสูงสุดเองก็คงคิดเช่นเดียวกัน ประมุขสำนักจึงลงมือแก้แค้นแทนหวังเป่าเล่อ เขาไว้ชีวิตหญิงชรา ไม่ใช่เพราะสงสาร แต่เป็นการลงโทษและส่งสัญญาณเตือน       ขุมอำนาจอื่นๆ อีกทั้งยังเป็นการแสดงออกว่าทางสำนักไม่พอใจอย่างมากให้ทาง    สำนักศึกษาเต๋ากวางขาวและผู้นำสหพันธรัฐคนปัจจุบันได้รับรู้!

สีหน้าของหวังเป่าเล่อทำให้เขารู้ว่าทุกสิ่งที่ตนลงมือไปไม่ได้เป็นการกระทำที่สูญเปล่า ประมุขสำนักพูดคุยกับหวังเป่าเล่ออีกครู่ใหญ่ จากนั้นก็ส่งขวดโอสถให้ชายหนุ่มก่อนจะกลับออกไป

ในขวดใบนั้นมีโอสถหายากสำหรับใช้รักษาอาการบาดเจ็บ เป็นโอสถห้าสีจำนวนสามเม็ด แต่ละเม็ดคงมีมูลค่าแพงเกินจินตนาการ เนื่องจากโอสถเหล่านี้สามารถใช้ช่วยชีวิตผู้คนที่เฉียดตายได้ถึงสามครั้ง

หลังจากประมุขสำนักกลับออกไป หวังเป่าเล่อที่ยืนอยู่หน้ากระท่อมที่พักก็      เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า เขาจ้องอยู่นาน ก่อนจะสูดหายใจลึก รู้สึกว่าร่างกายเริ่ม    ผ่อนคลายมากขึ้น ก่อนจะคิดถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเขตจันทราเวท รู้สึกราวกับว่าเป็นเรื่องที่ผ่านมาแสนเนิ่นนาน

ผ่านไปครู่ใหญ่ หวังเป่าเล่อก็ถอนหายใจยาวด้วยความพึงพอใจ

เป็นแบบนี้ดีกว่า ความตายนั้นดีเกินไปสำหรับนาง…การตายนั้นเป็นเพียงแค่ความเจ็บปวดชั่วขณะ แต่นางในตอนนี้ต้องทนทุกข์ทรมานไม่หยุดหย่อนไปอีกนานหลายปี อาจจะอีกหลายสิบปีเลยด้วยซ้ำ! คิดดังนั้น หวังเป่าเล่อก็ปลดเปลื้องความแค้นต่อหญิงชราลงไปได้บ้าง

ส่วนสำนักรุ่งสางจักรพิภพ… หวังเป่าเล่อหรี่ตาเล็ก นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น

เอาไว้กลับถึงโลกก่อนค่อยว่ากัน หวังเป่าเล่อฝังความคิดและความรู้สึกต่างๆ    ลึกลงไปในหัวใจ ก่อนจะหันกลับไปมองโลกมนุษย์กลมดิกที่ลอยอยู่ท่ามกลาง       ทะเลดาว จ้องลึกลงไปยังดวงดาวสีฟ้าอันคุ้นเคย ความโหยหาผุดขึ้นในใจ คิดถึงครอบครัว คิดถึงสหายร่วมสำนัก คิดถึงสิ่งต่างๆ ที่ยังไม่ได้ทำ คิดถึงต้นไม้ใบหญ้าในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์

เป็นดังที่หวังเป่าเล่อคาดไว้ ตกดึก เขาก็ได้รับข้อความจากทางสำนักแจ้งว่าตนจะได้กลับโลกวันพรุ่งนี้ แน่ชัดแล้วว่าความวุ่นวายต่างๆ ในเขตจันทราเวทถูกจัดการเรียบร้อยหมดแล้ว ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากพวกเขาอีก ทางสำนักจึงอนุญาตให้พวกเขากลับได้

หวังเป่าเล่อเก็บข้าวของ จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิลง ปล่อยให้ตนได้สงบจิตสงบใจจากเรื่องราวต่างๆ ที่ได้พบเจอมา เขานั่งอยู่อย่างนั้นจนดึกดื่น…ตอนนั้นเอง แขกที่ไม่คาดคิดก็มาปรากฏตัวที่ด้านนอกกระท่อมที่พักของเขา!

เสียงเคาะประตูดังก้องภายในห้อง หวังเป่าเล่อที่กำลังนั่งสมาธิอยู่สะดุ้งขึ้นทันที เขาเงยหน้า มองประตูที่กำลังแง้มเปิดออก เผยให้เห็นเรือนร่างสูงใหญ่อยู่ด้าน      นอกห้อง

ชายที่ยืนอยู่นอกห้องสูงชะลูดเฉียดฟ้า แรงกดดันเกินบรรยายพวยพุ่งออกมาจากร่าง ทั้งยังมีมวลพลังวิญญาณสีโลหิตลอยอยู่กลางอากาศ แม้ว่าจะกดพลังไว้ ก็ยังมีบางส่วนที่หลุดลอยออกมา กระจายไปทั่วทั้งห้อง

หวังเป่าเล่อคุ้นเคยกับพลังวิญญาณนี้ดี มันคือพลังของอาวุธเทพนั่นเอง!

ส่วนคนที่อยู่ด้านนอก ชายหนุ่มก็รู้จักดี ชายผู้นั้นคือ…ต้วนมู่ฉี ผู้นำสหพันธรัฐ!

ในหัวของหวังเป่าเล่อเต็มไปด้วยความหวาดระแวง ชายหนุ่มระแวดระวังตัวขึ้นในทันควัน เขาลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะประสานมือโค้งคำนับต้วนมู่ฉี

“คารวะ ท่านผู้นำ!”

ต้วนมู่ฉีไม่ได้ตอบกลับในทันที ได้แต่ยืนนิ่งมองหวังเป่าเล่อ ด้วยสมองอัน       หลักแหลมและประสบการณ์มากมายหลายปีของตน เขารู้ว่าหวังเป่าเล่อยังระแวงอยู่เมื่อได้พบตนเอง แต่เขาก็ไม่ได้คลายแรงกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างแต่อย่างใด       กลับเสริมให้แกร่งขึ้นไปอีก

หวังเป่าเล่อจ้องมองรอยยิ้มของต้วนมู่ฉี่ด้วยลมหายใจถี่รัว สัญชาตญาณบอกให้ตนถอยหนีไป การพบปะกับต้วนมู่ฉีครั้งนี้แตกต่างกับตอนที่เจอกันในงานมอบรางวัลพันธุ์กล้าของสหพันธรัฐเมื่อครั้งก่อน

ในตอนนั้น หวังเป่าเล่อไม่รู้จักต้วนมู่ฉี แต่ตอนนี้ หลังจากผ่านเรื่องราวต่างๆ     ในเขตจันทราเวท เขาก็พอจะรู้ตื้นลึกหนาบางของอีกฝ่ายมากขึ้น ทั้งยังรู้ดี            ด้วยว่าต้วนมู่ฉีเจ้าเล่ห์เพียงใดและซ่อนอะไรไว้ลึกข้างในใจ

หากทั้งสองอยู่บนพื้นโลก หวังเป่าเล่อคงจะเป็นกังวลมากกว่าตอนนี้อย่างแน่นอน แต่บัดนี้ทั้งสองอยู่บนดวงจันทร์ หวังเป่าเล่อยังมีราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรีและดอกบัวสีเขียวภายในกายอยู่ จึงพอจะมั่นใจในตนเองอยู่บ้าง เลยไม่ได้ถอยหนี         แต่กลับเงยหน้าประสานสายตากับต้วนมู่ฉีตรงๆ

สายตาทั้งคู่สอดประสาน นัยน์ตาของต้วนมู่ฉีฉายแววประหลาดใจ ก่อนจะผันแปรเป็นการยอมรับ แล้วผุดยิ้มขึ้น

“หวังเป่าเล่อ ไปเดินเล่นกับข้าหน่อยเถิด” เขาพูดขึ้น ก่อนจะหันเดินออกไป

ชายหนุ่มหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินตามต้วนมู่ฉีไป พวกเขาเดินไปตามทางเดินในฐานที่มั่นอันแสนกว้างใหญ่

ทั้งสองเดินไปตามทางเล็กๆ ใต้แสงสลัวจากแสงตะเกียงด้านบน ไม่ได้ออกจากฐานที่มั่นไปที่ใด ชั่วโมงครึ่งผ่านไป ต้วนมู่ฉีไม่ได้ปริปากพูดอะไรสักคำ หวังเป่าเล่อเองก็นิ่งเงียบไม่ต่างกัน

พวกเขาเดินผ่านศาลาที่กำลังสร้างใหม่ ต้วนมู่ฉีมองตรงไปข้างหน้า ก่อนจะเอ่ยปากพูดขึ้น

“หวังเป่าเล่อ เจ้าเคยถามข้าว่าต้องทำอย่างไรถึงจะขึ้นเป็นผู้นำสหพันธรัฐได้ตอนที่อยู่นครหลวง”

หวังเป่าเล่อเงยหน้ามองต้วนมู่ฉีเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดขึ้น เขาจำได้ว่าเคยถามไปเช่นนั้น เพราะนั่นคือความฝันของตัวเขาเช่นกัน

“สิ่งที่ข้าบอกไปตอนนั้นคือ หนทางในการขึ้นเป็นผู้นำสหพันธรัฐ ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นในเขตจันทราเวทนั้น…” ต้วนมู่ฉีหยุดเดินพร้อมกับค้างประโยคไว้เท่านั้น ก่อนจะหันมาจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของหวังเป่าเล่อ

“…คือบทเรียนแรกที่เจ้าจะต้องเรียนรู้ในการดำรงตำแหน่งผู้นำสหพันธรัฐ!

“แล้วเจ้าได้เรียนรู้อะไรจากมันบ้างเล่า” ต้วนมู่ฉียิ้มน้อยๆ หลังจากจบคำถาม เขาโบกมือขวา ส่งขวดโอสถสีดำไปทางหวังเป่าเล่อ

“นั่นคือโอสถแก้พิษ ผลต้นหอมหมื่นลี้ที่เจ้ากินไปมีพิษอยู่และยังมีคาถาที่ข้าลงไว้ เจ้าโชคดีมาก ข้าสัมผัสได้ว่ายังมีร่องรอยคาถาหลงเหลืออยู่ในตัวเจ้า แต่พิษดูจะไม่มีผลอะไรกับร่างกายเจ้าเลย แต่ถ้าเจ้ายังเป็นกังวล ก็ดื่มโอสถนั่นเสีย มันจะช่วย      ถอนพิษและลบคาถาทั้งหมดออก

“ส่วนผลไม้นั้น…ทำได้มากสุดก็แค่ช่วยเสริมพลังกายให้มนุษย์ แต่จะใช้เพื่อบรรลุระดับการฝึกตนคงไม่ได้ มีเพียงสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์เช่นต้นไม้ยักษ์เท่านั้น ที่จะสามารถกลืนกินและดูดซึมพลังของผลต้นหอมหมื่นลี้ได้ ประมุขสำนักรุ่งสางจักรพิภพจึงได้พร่ำฝึกคาถาเวทธาตุไม้ จนข้าคิดว่าเขาแทบจะไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้วด้วยซ้ำ”

พูดจบ ต้วนมู่ฉีก็ส่ายหน้าพลางหัวเราะ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปไกล ปล่อยให้หวังเป่าเล่อยืนโดดเดี่ยวอยู่หน้าศาลาแห่งนั้น พร้อมกับความตื่นตะลึงในจิตใจ

หวังเป่าเล่อหายใจไม่ทั่วท้อง ในมือถือโอสถแก้พิษไว้ ตามองตามหลังต้วนมู่ฉีที่เดินหายไป ผ่านไปพักใหญ่ เขาจึงสูดหายใจลึก ตระหนักถึงความจริงเบื้องหลัง       ทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นในเขตจันทราเวทแห่งนี้

ต้นไม้ยักษ์กลายพันธุ์วางแผนร้ายเพื่อสู้กับตระกูลนภาห้าสมัยและสำนัก           รุ่งสางจักรพิภพ รวมไปถึงสหพันธรัฐด้วยเช่นกัน เป้าหมายของมันคือการแย่งชิงผลต้นหอมหมื่นลี้มาครอบครองแต่เพียงผู้เดียว!

ตระกูลนภาห้าสมัยนั้นทำตามแผนการของสำนักรุ่งสางจักรพิภพ เพราะสำนัก   รุ่งสางจักรพิภพให้สัญญาบางอย่างกับพวกเขาไว้ หวังเป่าเล่อไม่รู้รายละเอียดมาก    แต่ก็คิดว่าน่าจะเป็นอะไรบางอย่างที่ตระกูลนภาห้าสมัยอยากได้เสียจนยอมแลกด้วยทุกสิ่งทุกอย่าง

สำนักรุ่งสางจักรพิภพทุ่มทุกสิ่งอย่างในแผนการครั้งนี้ แม้แต่ประมุขสำนัก        ยังมาปรากฏตัวด้วยตนเองเพราะมุ่งหวังสิ่งเดียวกันกับต้นไม้ยักษ์ ทั้งคู่ต้องการ       ผลต้นหอมหมื่นลี้มาใช้ในการบรรลุระดับการฝึกตนไปขั้นจุติวิญญาณ!

ด้วยเหตุนี้ หญิงชราจึงไม่เกรงกลัวสิ่งใด หากประมุขสำนักของนางสามารถบรรลุไปถึงขั้นจุติวิญญาณได้ สถานการณ์การเมืองในสหพันธรัฐจะต้องพังลง การสูญเสียสมดุลทางการเมืองจะส่งผลให้เกิดกฎระเบียบใหม่เป็นแน่!

คงจะบอกได้ยากว่าระหว่างต้นไม้ยักษ์ ตระกูลนภาห้าสมัย และสำนักรุ่งสางจักรพิภพ ใครเป็นเหยื่อ ใครเป็นผู้ล่ากันแน่ แต่ที่ชัดเจนคือ ต้วนมู่ฉี ผู้นำสหพันธรัฐนั้นคอยมองการเคลื่อนไหวของทุกฝ่ายมาตั้งแต่ต้นจนจบ

นั่นก็เพราะต้วนมู่ฉีนั้นเล็งการใหญ่ไว้กว่านั้น เขาวางแผนให้กลุ่มนภาห้าสมัยและสำนักรุ่งสางจักรพิภพสูญเสียกองกำลังไปให้มากที่สุด ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นคงทางการเมืองให้กับสหพันธรัฐ นอกจากนี้เขายังใช้พลังบางอย่างในการตามหา         ผลต้นหอมหมื่นลี้ก่อนที่เขตจันทราเวทจะเปิดออก เพื่อร่ายคาถาวางยาพิษไว้ใน      ผลต้นหอมหมื่นลี้ ใครก็ตามที่ดูดซับพลังไป จะติดพิษและตกอยู่ในการควบคุมของ    ต้วนมู่ฉีไปโดยปริยาย!

ทั้งต้นไม้ยักษ์ ตระกูลนภาห้าสมัย และสำนักรุ่งสางจักรพิภพต่างพ่ายแพ้ในศึกครั้งนี้กันถ้วนหน้า ผู้ชนะอย่างองอาจเพียงคนเดียวคือ…ต้วนมู่ฉี!

นี่คือบทเรียนแรกในการดำรงตำแหน่งผู้นำสหพันธรัฐอย่างนั้นหรือ… หวังเป่าเล่อนิ่งเงียบอยู่พักใหญ่ พลันนัยน์ตาก็ฉายแสงวาบ เขานึกถึงคำสอนจากอัตชีวประวัติ   เจ้าพนักงานระดับสูงที่กล่าวคล้ายๆ กัน

หวังเป่าเล่อจมอยู่ในห้วงความคิดขณะเดินกลับที่พัก เขาครุ่นคิดถึงสิ่งที่ตนพบเจอ  และได้เรียนรู้ภายในเขตจันทราเวทอยู่นาน ตรึกตรองจนลึกซึ้งทุกแง่มุมจนมั่นใจ

อย่างไรเสีย ข้าก็ยัง…อยากเป็นผู้นำสหพันธรัฐเหมือนเดิม! หวังเป่าเล่อเงยหน้าขึ้นมารับแสงวันใหม่ด้วยดวงตามุ่งมั่น เขาเดินออกจากที่พักขึ้นไปบนเรือบินที่จะพาเขากลับพื้นโลก ชายหนุ่มฝังความคิดมากมายและประสบการณ์การฆ่าฟันที่พบเจอบนดวงจันทร์ไว้ลึกสุดใจ

หวังเป่าเล่อยืนกุมท้องกลมโตอยู่บนดาดฟ้าของเรือบินที่กำลังลอยขึ้นสูง     เตรียมทะยานกลับสู่พื้นโลก ความโหดร้ายป่าเถื่อนในดวงตาของชายหนุ่มหายไป  หมดสิ้น ทิ้งไว้เพียงแต่รอยยิ้มสดใสอันเป็นเอกลักษณ์

เขาดึงจั่วอี้ฟานที่อยู่ข้างกายเข้ามากอด ก่อนจะโม้เรื่องราวการผจญภัยของตนให้ฟัง ระหว่างที่กำลังหัวเราะสนุกสนานอยู่นั้น หวังเป่าเล่อก็หันกลับมามองดวงจันทร์ผ่านหน้าต่างเรือบิน ดวงจันทร์ขนาดเล็กลงเรื่อยๆ ตามระยะห่างที่เรือบินทะยานออกไป

ลาก่อนดวงจันทร์

ลาก่อนราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรี

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version