Skip to content

A World Worth Protecting 285

บทที่ 285 ข้าคือคุณปู่ทูนหัวของเขา!

ระหว่างที่ผู้นำสหพันธรัฐต้วนมู่ฉือ เสนาบดีหลี่ฉีเต๋า และบรรดาชนชั้นสูงจาก   ขุมอำนาจต่างๆ กำลังจัดการกับกลุ่มก่อกบฏจากตระกูลนภาห้าสมัยและสำนัก        รุ่งสางจักรพิภพในเขตจันทราเวทอยู่นั้น บรรดาศิษย์ทั้งหลายจากสำนักศึกษา        เต๋าศักดิ์สิทธิ์ที่หลอมขั้นรากฐานตั้งมั่นสำเร็จ ก็มารวมตัวกันยังฐานที่มั่นของสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์และเริ่มการสอบปากคำทันที

ทุกคนอยู่ในรายชื่อของบุคคลที่ต้องสอบปากคำ ยกเว้นเพียงหนึ่งคนเท่านั้น!

คนๆ นั้นคือ…หวังเป่าเล่อ!

ตั้งแต่เริ่มจนถึงบัดนี้ ยังไม่มีผู้ใดเข้าไปก้าวก่ายหรือสอบถามเขาเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเลย

มิหนำซ้ำ กระท่อมที่พักของหวังเป่าเล่อยังแตกต่างจากของคนอื่นๆ ยิ่งนัก ทั้งมีความเป็นส่วนตัวและหรูหรากว่า เนื่องจากมันเคยเป็นสถานที่พักผ่อนส่วนตัวของ     ผู้อาวุโสมาก่อนนั่นเอง

ขณะเดียวกัน บรรดาลูกศิษย์จากสี่ยอดสำนักศึกษาเต๋าที่หลอมขั้นรากฐานตั้งมั่นสำเร็จ รวมถึงผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นจากสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ที่เพิ่งเดินทางมาจากโลก ต่างมองหวังเป่าเล่อแปลกไปจากเมื่อสามวันก่อน หลายคนถึงกับต้องเหลียวมองซ้ำ ด้วยความรู้สึกเคารพยำเกรงอยู่ในที

เห็นได้ชัดว่าประสบการณ์ที่หวังเป่าเล่อพบเจอในเขตจันทราเวท และผลงาน  การสังหารหมู่ของชายหนุ่มไม่ใช่ความลับอีกต่อไป ทุกคนได้รับรู้เรื่องที่ชายหนุ่มได้รับวัตถุเวทสมบูรณ์แบบมา แต่กลับถูกผู้ฝึกตนขั้นแก่นกำเนิดวิญญาณพรากมันไป    อย่างป่าเถื่อน ซึ่งเท่ากับทำลายรากฐานตั้งมั่นของเขาเลยทีเดียว พวกเขายังได้ยินมาอีกว่าสุดท้ายหวังเป่าเล่อก็บรรลุสู่ขั้นรากฐานตั้งมั่นสำเร็จ ก่อนไล่สังหารผู้ฝึกตน       ขั้นรากฐานตั้งมั่นจำนวนนับไม่ถ้วน จนทั้งเขตจันทราเวทนองเลือด

ชายหนุ่มมิใช่ศิษย์สำนักธรรมดาทั่วไป แต่เป็นถึงรองเจ้าตำหนักอาวุธเวทผู้เลื่องลือของสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังเป็นหนึ่งในพันธุ์กล้าแห่งสหพันธรัฐที่มีประวัติ   การต่อสู้มาอย่างโชกโชนอีกด้วย จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆ ต่างก็ให้ความสนใจ

หวังเป่าเล่อเก็บทุกอย่างไว้ในใจโดยไม่พูดอะไรออกมา ชายหนุ่มเก็บตัวอยู่แต่ในกระท่อมที่พักอย่างเงียบๆ รอให้สี่ยอดสำนักศึกษาเต๋าออกมาแถลงการณ์ หลังจากความวุ่นวายภายนอกนั้นสงบลงแล้ว

ในเมื่อเขาไม่ได้เป็นแค่ศิษย์สำนักทั่วไป แต่เป็นถึงรองเจ้าตำหนักอาวุธเวท ถึงแม้เหตุการณ์ในเขตจันทราเวทจะไม่ส่งผลต่อผู้อื่นมากนัก แต่มันกระทบกับตัวเขา    อย่างมาก ยิ่งกว่าทุกเรื่องที่เคยผ่านมา!

สองวันต่อมา กลางดึกของคืนที่สองนั้นเอง เกิดเหตุไล่ล่ากันขึ้นในผืนป่าด้านมืดของดวงจันทร์ ผู้ที่เป็นฝ่ายหลบหนีหัวซุกหัวซุนอยู่นั้น คือหญิงชราที่พรากรากฐานตั้งมั่นไปจากหวังเป่าเล่อ!

ใบหน้าของหญิงชราซีดเผือด ผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่เป็นทรง นางวิ่งพลางกระอักเลือดออกจากปาก ดูไร้ชีวิตชีวา ดวงตาของหญิงชราเผยความหวาดกลัว ขณะหันมาพูดกับคนที่ตามล่าตนเองอยู่อย่างรวดเร็ว

“สหายหลี่ โปรดฟังข้าอธิบายก่อน…”

“ยังจะอธิบายอะไรอีก!” ไม่ทันขาดคำ เสียงคำรามอย่างโกรธแค้นจากด้านหลังก็ดังแทรกขึ้น เจ้าของเสียงกระโจนเข้ามาจับตัวหญิงชราไว้ ก่อนจะรัวหมัดใส่นางไม่ยั้ง

เสียงหมัดระรัวดังกังวานไปทั่ว หญิงชราปกป้องตนเองสุดชีวิต แต่ความพยายามกลับสูญเปล่า หมัดที่ปะทะเข้ามาทำให้นางกระอักเลือดหนักขึ้น แม้จะหาโอกาสรีบถอยหนีมาได้ แต่อีกฝ่ายกลับพุ่งเข้ามาขวางหน้าทันที

ชายชราผู้นั้นคือผู้อาวุโสเรือนผมสีเงิน ท่าทางเดือดดาลจนแทบจะทำให้ท้องฟ้าลุกเป็นไฟ ร่างกายของเขาปะทุด้วยมวลไอความเคียดแค้นเดือดพล่านราวกับภูเขาไฟเดินได้ โดดเด่นเป็นสง่าอย่างยิ่งในยามค่ำคืน

ผืนป่าลุกไหม้เมื่อเขาเดินผ่าน ผืนดินเกรียมดำจากไอร้อนระอุ แรงกดดันโหมกระหน่ำออกมาจากร่างกายของชายหนุ่มอย่างเหนือธรรมดา แม้แต่หญิงชราก็ไม่อาจต้านทานได้ จนต้องกรีดร้องพลางกระอักเลือดอีกครั้ง

“สหายหลี่ ไม่เกินไปหน่อยรึอย่างไร ข้าเพียงแค่พรากรากฐานตั้งมั่นของเขาไปเท่านั้น แต่ท่านกลับตามล่าข้าสองวันสองคืนเช่นนี้ จริงๆ ระดับการฝึกตนเช่นท่าน             จะปลิดชีวิตข้าเสียตั้งนานแล้วก็ย่อมได้ เหตุใดต้องมาทรมานกันด้วย ข้าเป็นถึง         ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นใน ข้าเองก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกัน! หวังเป่าเล่อก็เป็นแค่ลูกศิษย์  คนหนึ่งจากสำนักศึกษาเต๋าของท่านมิใช่หรือ!”

หญิงชราเริ่มคลุ้มคลั่ง กรีดร้องอย่างโกรธแค้นราวกับคนบ้า สองวันที่ผ่านมานั้นเสมือนกับเป็นฝันร้ายสำหรับนาง เพราะอดีตผู้นำสหพันธรัฐคนนี้ตามไล่ล่าและทรมานนางตลอดทาง มิหนำซ้ำยังตั้งใจปล่อยให้นางหลบหนีไป แล้วค่อยเริ่มต้นไล่ตามใหม่อย่างบ้าระห่ำไปเรื่อยๆ

หญิงชราทั้งอ่อนล้าและสูญเสียพลังงานอย่างมาก ราวกับตกนรกทั้งเป็น

“เจ้ายอมแพ้เพียงแค่นี้เองหรือ เหตุใดตอนที่ทำร้ายหวังเป่าเล่อจึงไม่รู้สึกเยี่ยงนี้บ้างเล่า เจ้าจะทำร้ายใครไม่ทำ แต่กลับเลือกทำกับหวังเป่าเล่อ ซึ่งไม่ได้มีญาติสนิทมิตรสหายเป็นผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นใน เจ้าจึงได้กล้าลงมือกับเขาอย่างโหดร้ายทารุณกระมัง คิดจะรังแกเขาราวกับว่าเป็นของเล่นก็ได้อย่างนั้นหรือ” ผู้อาวุโสสูงสุดเรือนผมเงินจากสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ เป็นที่รู้จักกันดีว่าอารมณ์รุนแรงอย่างถึงขีดสุด

เขาเข้ามาใกล้พลางจ้องมองอีกฝ่าย ก่อนยกมือขวาขึ้น หญิงชราเบิกตาโพลงกว้างเมื่อผู้อาวุโสสูงสุดตวัดมือเข้าที่หน้าท้องของนางเพียงครั้งเดียว ควักเอาก้อนเนื้อสดๆ ออกมาเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่!

คลื่นความเจ็บปวดจนไม่อาจอธิบายได้ปะทุขึ้นในจิตใจของหญิงชรา นางแผดเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดทันที

“นางตัวดี ข้าจะบอกเจ้าไว้อย่างหนึ่ง หวังเป่าเล่อไม่มีญาติสนิทมิตรสหายเป็น    ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในก็จริง แต่ข้าถูกชะตากับเจ้าหนุ่มนั่น และข้าเป็นปู่ทูนหัว   ของเขา เจ้ากล้าดีทำร้ายเขา ข้าก็ต้องล้างแค้นให้!” ผู้อาวุโสสูงสุดประกาศกร้าว   ขณะกำหน้าท้องของหญิงชราขั้นกำเนิดแก่นในแน่น ก่อนจะกระชากมันอย่างแรง นางกรีดร้องดังลั่นด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว

หญิงชรากระอักเลือดออกทางปาก ตัวซูบผอมและดูแก่งอมขึ้นทันตา เนื้อตัวของนางสั่นเทาและซีดเซียว ความเจ็บปวดนี้ทำให้มวลพลังขั้นกำเนิดแก่นในภายในกายของนางสลายหายไป ราวกับได้พรากชีวิตของนางไปด้วย!

“ไม่ต้องห่วง แค่นี้เจ้าไม่ตายหรอก ข้าไม่ยอมให้เจ้าตายไปง่ายๆ เช่นนี้แน่นอน เพราะความตายนั้นเป็นความเจ็บปวดเพียงชั่วครู่ คนอื่นๆ จะต้องดูเจ้าเอาไว้เป็นบทเรียน จะได้ไม่คิดทำตามอีก!” สายตาของผู้อาวุโสสูงสุดเยือกเย็น เขาก้มตัวลงตรงหน้าหญิงชราผู้สั่นเทา แล้วตบหน้าอีกฝ่ายในทุกๆ พยางค์ที่เปล่งออกมา

“นี่คือการแก้แค้นที่เจ้าบังอาจมาทำร้ายเป่าเล่อของพวกข้า!

“ไปสิ วิ่งต่อไป หากเจ้าไม่วิ่ง ข้าจะนำตัวเจ้าไปขังไว้ในคุกใต้ดินวิญญาณโอสถพิษแห่งดาวศุกร์เสีย เจ้ารู้จักที่นั่นดีมิใช่หรือ…มันเหมาะกับเจ้ามากทีเดียว”

หญิงชราผู้กำลังทรมานกับอาการบาดเจ็บพลันสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินคำว่า ‘คุกใต้ดินวิญญาณโอสถพิษ’ ตัวสั่นสะท้าย แววตาฉายแววขยาดกลัวยิ่งกว่าเก่า หญิงชราอยากจะฆ่าตัวตายเสียให้พ้นๆ แต่ไม่อาจทำได้เพราะตนเองอ่อนแอเกินไป จึงตัดสินใจจะกัดลิ้นแทน แต่ยังไม่ทันได้ทำเช่นนั้น ผู้อาวุโสสูงสุดก็เหยียบหน้าอกนางเข้าเสียก่อน มวลอากาศหนักอึ้งกดทับจนนางต้องคลายแรงกัดออก

“ข้าไม่ให้เจ้าตาย หากเจ้าอยากตายจริงๆ ข้าจะแยกวิญญาณของเจ้าเอาไปหลอมเป็นกระโถนสมบัติเวทเสียก่อน แล้วค่อยโยนเจ้าเข้าไปในห้องปลดทุกข์ของ        สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์เสีย!” ผู้อาวุโสสูงสุดเอ่ยอย่างใจเย็นขณะจ้องใบหน้าเหี่ยวย่นของหญิงชรา ซึ่งฉายแววหวาดกลัวอย่างมาก

“ท่าน…” หญิงชราเบิกตาโพลงกว้าง เหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกอีกฝ่ายตบหน้าอย่างแรงเสียก่อน

“หุบปาก!”

แรงตบนั้นแทบจะทำให้หญิงชราคอหัก นางเจ็บปวดอย่างมากจนหมดสติไปในทันที

ผู้อาวุโสสูงสุดพึมพำอย่างไม่พอใจ ก่อนจะหมุนตัวและทึ้งผมของหญิงชรา      ลากร่างนางออกไป

หลังเหตุการณ์ไล่ล่าหญิงชรานั้น ก็ย่างเข้าสู่วันที่สาม หวังเป่าเล่อกำลังนั่งสมาธิอยู่ในกระท่อมที่พักของตน ณ ฐานที่มั่นของสี่ยอดสำนักศึกษาเต๋า ทันใดนั้นเขาก็    ลืมตาขึ้นมองประตูห้องของตัวเอง

มีใครบางคนอยู่ภายนอกนั้น ไม่ได้พยายามจะปกปิดเสียงลมหายใจหรือ        เสียงฝีเท้าของตนเองแต่อย่างใด เมื่ออีกฝ่ายเข้ามาใกล้ ก็พลันเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแหบพร่า

“เป่าเล่อ”

หวังเป่าเล่อจำได้ว่าเป็นเสียงของท่านประมุขสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ จึงลุกไปเปิดประตูและคารวะท่านประมุขสำนักซึ่งยืนอยู่ภายนอกประตูบานนั้น

“คารวะ ท่านประมุขสำนัก”

ประมุขสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์มองหวังเป่าเล่อด้วยสีหน้าหลากความรู้สึก หลังจากสืบสาวราวเรื่องที่เกิดขึ้นในเขตจันทราเวทเมื่อไม่กี่วันก่อนแล้ว ทุกคนไม่เว้นแม้แต่สี่ยอดสำนักศึกษาเต๋า ผู้นำสหพันธรัฐ หรือขุมอำนาจทั้งหลายต่างก็ล้วนประหวั่นพรั่นพรึงกับปฏิบัติการฆ่าล้างแค้นของหวังเป่าเล่อทั้งสิ้น

พวกเขารู้สึกตื่นตระหนกเป็นพิเศษกับประคำหมอกเวทเคลื่อนย้ายซึ่งไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน รวมถึงเหตุการณ์ที่หวังเป่าเล่อประสบพบเจอก็ทำให้ทุกคนต่างตกใจเช่นกัน การโต้ตอบของชายหนุ่มต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขาในเขตจันทราเวทนั้น กลายเป็นที่ฮือฮาไปในวงกว้างรุนแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา

“เจ้าคงลำบากมาก” แววตาอันซับซ้อนจากประมุขสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์แปรเปลี่ยนเป็นแววตาขอโทษ หลังจากเข้ามาภายในกระท่อมที่พักแล้ว เขาก็ขอความยินยอมจากหวังเป่าเล่อ ก่อนจะบีบข้อมือเพื่อประเมินอาการบาดเจ็บและตรวจดูสุขภาพโดยรวมภายในร่างกายของชายหนุ่ม

ดวงตาของประมุขสำนักไม่ฉายแววเคลือบแคลงใจแต่อย่างใด เมื่อเห็นว่ามี     ขวดโอสถสถิตอยู่ในจุดตันเถียนของหวังเป่าเล่อ กระนั้นเขาก็คงมีสิ่งที่ยังกังขาอยู่ หลังจากพิจารณาดูดีๆ แล้วจึงลดระดับการฝึกตนของตัวเองลง ก่อนมองหน้าชายหนุ่มอีกครั้ง

“ข้าได้วัตถุเวทสมบูรณ์แบบชิ้นที่สองมาน่ะขอรับ” หวังเป่าเล่อพอคาดเดาได้ว่าประมุขสำนักจะถามอะไร จึงชิงตอบไปก่อนอย่างสุขุมด้วยสีหน้าเรียบเฉย

ประมุขสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของชายหนุ่ม ไม่ได้สอบสวนอะไรเพิ่มเติม หลักการของสี่ยอดสำนักศึกษาเต๋าคือไม่ตั้งคำถามกับโชคชะตาของลูกศิษย์มากเกินไป เพราะทุกคนย่อมมีความลับที่ไม่อยากบอก ยิ่งเซ้าซี้มากเท่าใด ลูกศิษย์จะยิ่งเสียความเชื่อมั่นและความเลื่อมใสมากเท่านั้น โดยเฉพาะหวังเป่าเล่อผู้ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มาอย่างโชกโชน ประมุขสำนักสังเกตได้ว่าความคิดของชายหนุ่มนั้น แตกต่างจากตอนก่อนเข้ามายังเขตจันทราเวทเป็นอย่างมาก

ท่านประมุขสำนักเข้าใจสถานการณ์ดี และอยากทำให้ทุกอย่างถูกต้องเหมาะสม จึงหยิบกล่องใบหนึ่งออกมาจากย่ามเก็บของ วางไว้ตรงหน้าหวังเป่าเล่อ ก่อนจะเปิดมันออกมา

เผยให้เห็นโอสถสีโลหิตสดเม็ดหนึ่งอยู่ภายใน!

เมื่อกล่องถูกเปิดออกเผยให้เห็นเม็ดโอสถอยู่ภายในนั้น ฉับพลันพลังปราณวิญญาณหนาแน่นก็ฟุ้งกระจายโชยกลิ่นคาวเลือดขึ้นมา

หวังเป่าเล่อเห็นดังนั้นก็ชะงักไป ชายหนุ่มพยายามคาดเดาว่าโอสถเม็ดนั้นคืออะไร ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหน้าท่านประมุขสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์

“เป่าเล่อเอ๋ย บางอย่างเจ้าก็ควรต้องรู้ไว้ ข้าจะไม่พูดอะไรที่เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้     ก็แล้วกัน สิ่งที่เจ้าต้องรู้ตอนนี้คือสำนักศึกษาเต๋ากวางขาวเป็นผู้นำของพวกเราสี่ยอดสำนักศึกษาเต๋า… ส่วนเรื่องของเจ้า ทั้งผู้อาวุโสสูงสุดและข้าเองต่างลงมติเห็นตรงกัน คือ…เราจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้นิ่งเฉยเป็นอันขาด!

“แม่นางอู๋เทียนหลันจากสำนักรุ่งสางจักรพิภพ ที่พรากรากฐานตั้งมั่นของเจ้าไปนั้น    ผู้อาวุโสสูงสุดได้กระชากรากฐานขั้นกำเนิดแก่นในของนางออกมากับมือด้วยตัว    ท่านเองเลยทีเดียว!

“ท่านไม่ปล่อยให้นางตายง่ายๆ ไปเสียอย่างนั้น แต่ตั้งใจจะส่งนางไปยังคุกใต้ดินวิญญาณโอสถพิษแห่งดาวศุกร์ ซึ่งเป็นเรือนจำที่เลวร้ายที่สุดในสหพันธรัฐแทน      นางจะต้องสำนึกผิดและหลอมโอสถพิษทองคำ ชดเชยให้กับสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ไปตลอดชีวิต!

“เจ้าพอใจกับบทลงโทษนั้นหรือไม่” ประมุขสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์มองหวังเป่าเล่อขณะพูดอย่างใจเย็น

ชายหนุ่มตกใจหายใจถี่ระรัว นัยน์ตาแดงก่ำ ความรู้สึกอันยากเกินจะพรรณนาท่วมท้นขึ้นมา ความแค้นเคืองที่มีต่อสี่ยอดสำนักเต๋านั้นหายวับไปในทันที หลงเหลือเพียงแต่ความแปลกใจเมื่อรู้ว่าทุกคนปกป้องตัวเขาอยู่

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง หวังเป่าเล่อจึงผุดยืนขึ้น แล้วโค้งคำนับต่ำสุดต่อท่านประมุขสำนัก

“เป็นพระคุณมากขอรับ ท่านประมุขสำนัก!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version