บทที่ 295 ใบหน้าที่คุ้นเคย
ในฐานะรองเจ้าสำนักของสำนักศึกษาเต๋าหมอกขุนเขา หวังเป่าเล่อมีเรื่องมากมายที่ถ้าจะทำก็ทำได้ แต่เขาก็หมั่นหาเวลาว่างให้ตัวเองได้เช่นกัน
ตอนนี้หวังเป่าเล่อเลือกทำอย่างหลังอยู่ ชายหนุ่มกลับมายังตำหนักที่พักของตนแต่หัววัน แล้วเริ่มวางแผนหลอมยกระดับสมบัติเวททั้งหมดในหัว พอตกดึกเขาจัดแจงสมบัติเวททั้งหมดเสร็จเรียบร้อย ก่อนเริ่มหลอมยกระดับจริง
ตั้งแต่บรรลุขั้นรากฐานตั้งมั่นมา หวังเป่าเล่อก็พบว่าจุดติดขัดที่เคยเจอในอดีตตอนพยายามหลอมสมบัติเวทระดับสี่หายไปแล้วเมื่อระดับการฝึกตนของเขารุดหน้าขึ้น เขาถึงได้อยากลองหลอมยกระดับสมบัติเวทของตัวเองดูอีกครั้ง
งานใหญ่ขนาดนี้มีค่าใช้จ่ายมหาศาล ยังดีที่หวังเป่าเล่อมีเงินเก็บพอ เขาไม่มัวสนค่าใช้จ่าย แล้วเริ่มหลอมสมบัติเวท
ระหว่างนั้นชายหนุ่มก็หาได้หยุดฝึกตนแต่อย่างใด เขายังคงฝึกฝนกระบวนท่า เต๋าสายฟ้าระดับหนึ่งต่อ และเริ่มรู้สึกว่าสัญลักษณ์อัสนีบนขาขวาแข็งแกร่งขึ้น พร้อมจะปล่อยลูกเตะสายฟ้าในเร็ววัน
ที่เป็นเช่นนั้นน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนท่าอัสนีที่เขาได้มาจากเขตอัสนี ชายหนุ่มคืบหน้ากับการฝึกกระบวนท่าเต๋าสายฟ้าระดับหนึ่งอยู่บ้าง แต่ความเป็นไปของการฝึกวิชามารกลับช้ากว่านักจนเขาไม่สบายใจ ทุกครั้งที่เขาบังคับให้ตัวเองฝึกวิชามาร จะรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งร่าง ราวกับว่าเลือดเนื้อถูกฉีกกระชากออกจากกัน จนจำเป็นต้องหยุดกลางคันทุกครั้งไป
เหตุใดวิชามารจึงฝึกยากนัก หวังเป่าเล่อเริ่มปวดหัว เขาพักการฝึกวิชามารไปก่อน แล้วตั้งสมาธิจดจ่อกับกระบวนท่าเต๋าสายฟ้าระดับหนึ่งแทน สามวันของเขาผ่านไปทั้งแบบนั้น
หวังเป่าเล่อฝึกตนสำเร็จในสามวันให้หลัง เขาสำเร็จกระบวนท่าเต๋าสายฟ้าระดับหนึ่งขั้นสมบูรณ์แบบ และยังใช้วัตถุดิบที่มีหมดไปกับการหลอมสมบัติเวทแล้ว จนต้องออกไปหาซื้อมาเพิ่ม
ชายหนุ่มเข้าไปค้นหารายละเอียดเกี่ยวกับนครอาณานิคมดาวอังคารในเครือข่ายวิญญาณเพิ่มเติม เขาอยากหาร้านที่จำหน่ายวัตถุดิบหลากหลายประเภท จะได้เหมาซื้อรวดเดียวไปเลย เป้าหมายสำคัญคือหาซื้อวัตถุดิบมาหลอมฝักกระบี่ของเขา
ข้าอยากต้องหาศิลาวิญญาณเพิ่มจะได้หลอมทรายอาวุธได้ หวังเป่าเล่อเริ่ม คิดหนักเมื่อคิดว่าจะยกระดับฝักกระบี่ต้องใช้ทรายอาวุธมากมายเพียงใด แต่อย่างไรเขาก็เลี่ยงไม่ได้ ประสบการณ์จากเขตจันทราเวทสอนให้เขารู้ว่าฝักกระบี่ภายใน กายของเขามีประโยชน์เพียงใด เขาไม่ได้หมายถึงเพียงยุงสีเทาที่อยู่ในฝักกระบี่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงยุงสีดำและยุงสีม่วงด้วย เขาคิดภาพออกเลยว่าตนจะมีพลังเพิ่มขึ้นมหาศาลเพียงใดหากควบคุมพวกมันได้
ข้าต้องหลอมฝักกระบี่ให้เร็วขึ้น! หวังเป่าเล่อสูดลมหายใจเข้าลึก ชายหนุ่มค้นหาบนเครือข่ายวิญญาณต่อหลังจากเจอร้านที่ตอบโจทย์ความต้องการทุกอย่าง เขารีบขับเรือบินออกจากสำนักศึกษา มุ่งหน้าไปยังร้านค้าแห่งนั้นทันที
ที่อาณานิคมดาวอังคารไม่มีข้อบังคับเรื่องการบิน เรือบินมากมายจึงทะยานอยู่ทั่วไปในน่านฟ้าของนคร เรือบินของหวังเป่าเล่อนับว่าคุณภาพดี แต่ดูธรรมดานักท่ามกลางหมู่เรือบินมากมายรอบตัว เขาอดไม่ได้ที่จะคร่ำครวญให้กับความร่ำรวยของอาณานิคมดาวอังคารอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะเห็นร้านเป้าหมายอยู่ตรงหน้า ทว่า ตอนนั้นเอง บนท้องฟ้าข้างหน้ากลับบังเกิดคลื่นอักขราจารึกแผ่ขยายอยู่ในอากาศ
ทุกคนมองคลื่นนั้นซัดระลอกออกมา เรือบินทุกลำที่โดนคลื่นซัดแสดงอาการผิดปกติทันที ราวกับว่าพวกคนขับยานสูญเสียการควบคุม จนต้องหยุดเรือบินให้ ลอยคว้างอยู่กลางอากาศอย่างนั้น
เรือบินของหวังเป่าเล่อลงเอยแบบเดียวกัน ชายหนุ่มนิ่งค้างตกใจ มองไปข้างหน้าด้วยความสงสัย ผู้ขับขี่เรือบินรอบตัวเขาดูไม่ประหลาดใจแต่อย่างใดราวกับว่าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้เป็นปกติ มีบางรายก้าวออกมาจากเรือบิน แต่ส่วนใหญ่รออยู่ใน เรือบินอย่างใจเย็น
มีเสียงกระซิบกระซาบพูดคุยกันแว่วดังในอากาศขึ้นมา
“หมู่นี้เกิดอะไรขึ้นกัน กองวินัยอาณานิคมดูสุ่มตรวจค้นเรือบินบ่อยขึ้นเหลือเกิน”
“คงมีอะไรเกิดขึ้นอีกแล้ว ข้าได้ยินมาว่ามีผู้ฝึกตนนอกรีตโผล่มาเมื่อไม่นานนี้”
หวังเป่าเล่อได้ยินบทสนทนาเข้าตอนก้าวออกมาข้างนอก เขาหูผึ่งทันทีที่ได้ยินผู้คนพูดถึงกองวินัยอาณานิคม ก่อนจะพลันเห็นเรือบินสีดำสนิทเจ็ดแปดลำทะยานผ่านไป เรือบินเหล่านั้นดูหดหู่ดุจลางร้าย สีดำสนิทของมันให้ความรู้สึกมืดมนอันตราย มองดูเหมือนพวกเขากำลังค้นหาบางอย่างขณะเข้ามาใกล้ จากนั้นสักพักก็บินจากไป
เมื่อเรือบินสีดำสนิทจากไป คลื่นอักขราจารึกก็หายวับไปเช่นกัน เรือบินทุกลำกลับมาทำงานได้ตามปกติ หวังเป่าเล่อเดินทางต่อ ดวงตาเขามองไปยังเรือบินสีดำที่อยู่ไกลออกไปด้วยความริษยา
กองวินัยอาณานิคมอย่างนั้นรึ นั่นมันหนึ่งในสามฝ่ายหลักบนดาวอังคารนี่นา หวังเป่าเล่อถอนหายใจ ชายหนุ่มตั้งหน้าตั้งตารอจะได้เข้าร่วมฝ่ายนั้นเป็นที่สุด เขาค้นคว้าเกี่ยวกับโครงสร้างรัฐบาลของดาวอังคารก่อนออกเดินทางมา และได้รู้ว่าดาวอังคารมีสถาบันหลักสามฝ่ายที่คานกันอยู่คือ สภากองทัพ ฝ่ายบริหารนคร และกองวินัยอาณานิคม
สภากองทัพคือกองทัพทหารประจำดาวอังคาร ส่วนฝ่ายบริหารนครทำหน้าที่คล้ายกับรัฐบาลของสหพันธรัฐและมีหน้าที่รับผิดชอบดูแลนครอาณานิคมดาวอังคาร ส่วนกองวินัยอาณานิคมรับผิดชอบการตรวจตราและธำรงกฎหมายของนคร
สถาบันหลักทั้งสามแตกสาขาออกเป็นฝ่ายและกลุ่มย่อยอีกมากมาย เหนือสถาบันหลักทั้งสามขึ้นไปคือรองเจ้านครและเจ้านครนั่นเอง
มองผิวเผินดูเหมือนเป็นโครงสร้างที่ตรงไปตรงมาและเข้าใจง่าย แต่ยังมีโครงสร้างทางการเมืองกับเครือข่ายที่ซับซ้อนแฝงตัวอยู่อีกมากนัก เมื่อรวมกันจึงกลายเป็นเครือข่ายอันซับซ้อนที่ปกครองทั่วทั้งอาณานิคมดาวอังคาร
เจ้านครอาณานิคมดาวอังคารไม่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไปในสหพันธรัฐ แต่หวังเป่าเล่อก็ยังพอขุดหาข้อมูลจากฐานข้อมูลสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์มาได้บ้าง และก็ต้องตะลึงงันเมื่อรู้ว่าเจ้านครอาณานิคมดาวอังคารนั้นเป็นบุคคลระดับตำนานเลยทีเดียว
เจ้านครคนนี้ไม่ใช่ผู้ชาย แต่เป็นผู้ฝึกตนหญิง นางมีกายาวิญญาณมาแต่กำเนิด และปัจจุบันบรรลุขั้นกำเนิดแก่นในโดยสมบูรณ์แล้ว มิหนำซ้ำนางยังดำรงตำแหน่งสูงสุดเหนือทุกอำนาจในสหพันธรัฐ มียศเป็นขุนนางระดับหนึ่งชั้นรอง ในฐานข้อมูลของสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์มีข้อมูลของเจ้านครอาณานิคมดาวอังคารระบุไว้ค่อนข้างครอบคลุม
ข้อมูลหนึ่งที่เตะตาหวังเป่าเล่อคือ นอกจากตำแหน่งของนางจะเป็นถึงเจ้านครอาณานิคมดาวอังคารแล้ว…นางยังอาจจะเป็นหนึ่งในผู้ลงสมัครชิงตำแหน่ง ผู้นำสหพันธรัฐปีหน้าอีกด้วย!
ศิษย์เก่าจากสำนักศึกษาเต๋าธารสวรรค์มักมีโอกาสสูงที่จะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐคนต่อไป นางไม่ได้มีเพียงภูมิหลังน่าประทับใจ แต่นางยังเป็นถึงเจ้านครที่รับผิดชอบดูแลอาณานิคมดาวอังคาร นางมีคุณสมบัติที่เหมาะสม ระดับการฝึกตนที่เหมาะสม และยังมีเครือข่ายอำนาจที่เหมาะสมอีกด้วย
คู่ชีวิตของนางเป็นบุคลลมีชื่อเสียงเช่นกัน บุรุษผู้นั้นดูแลฝ่ายวิทยาศาสตร์ การวิญญาณในกระทรวงหลักของสหพันธรัฐสองสามกระทรวง
นอกจากเป็นถึงขุนนางระดับสามชั้นสูงแล้ว เขายังเป็นผู้ริเริ่มการศึกษารวมปราณวิญญาณเข้ากับวิทยาศาสตร์อีกด้วย
ในเมื่อนางมีพื้นเพและบารมีน่าประทับใจเช่นนี้ หวังเป่าเล่อก็อดเครียดขึ้นมามิได้เมื่อรับรู้ข้อมูลทั้งหมด ชายหนุ่มเห็นว่านางจะเป็นคู่แข่งของเขาต่อไปในอนาคต เมื่อใคร่ครวญอย่างดีแล้ว เขาก็ตัดสินใจว่าจะค่อยสู้เพื่อโอกาสของตัวเองบ้าง หลังจากนางหมดวาระแล้ว
พอคิดเช่นนั้นแล้ว น้ำหนักที่กดทับอยู่บนบ่าก็คลายลง ความคิดเขาโดนดึงไปทางนั้นเพียงเพราะได้เห็นเรือบินของกองวินัยอาณานิคม แล้วเขาก็จมอยู่กับความคิดนั้นไปจนถึงร้าน ชายหนุ่มเลือกซื้อวัตถุดิบทุกอย่างที่ต้องการแล้วเตรียมจะมุ่งหน้ากลับสำนักศึกษา แต่นึกขึ้นได้ว่าโรงแรมที่เพิ่งได้มาจากการขายหุ่นเชิดอยู่บริเวณนี้พอดี
แวะไปดูโรงแรมของข้าสักหน่อยดีกว่า ความคิดนี้ดึงดูดใจหวังเป่าเล่อทันที ชายหนุ่มหักลำเรือบินไปอีกทาง พลางคว้าเอาโฉนดขึ้นมาดูให้แน่ใจว่าโรงแรมอยู่ ตรงข้ามกับสำนักศึกษาลูกคนรวยอีกแห่ง…สำนักศึกษาวิญญาณเปลวไฟ
โรงแรมขวานศึกอย่างนั้นรึ หวังเป่าเล่อมองชื่อโรงแรมแล้วรู้สึกว่าเป็นชื่อที่เข้าท่าดี พลางคิดว่าที่นี่คืออสังหาริมทรัพย์แห่งแรกที่เป็นของเขาเอง ว่าแล้วชายหนุ่มก็รีบเร่งไปยังโรงแรมอย่างร่าเริง
ไม่นานเขาก็เห็นตำหนักสูงกว่าสี่สิบชั้นตั้งตระหง่านอยู่ข้างหน้าไกลออกไป อาคารแห่งนั้นนับว่าใหญ่โตโอ่อ่าสง่างามนัก ตรงหน้าตำหนักใหญ่มีขวานศึกขนาดมหึมาน่าตื่นตาตั้งอยู่
ข้างใต้อาคารมีเรือบินจอดอยู่หลายลำ ผู้คนทั้งหญิงชายเข้าออกโรงแรมแห่งนั้น นับว่ากิจการครึกครื้นดีทีเดียว
หวังเป่าเล่อตะลึงกับภาพที่เห็น ขนาดของโรงแรมและรูปปั้นขวานรบน่าประทับใจจนเขาถึงกับอึ้งไป แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองว่าสถานที่แห่งนี้คือสิ่งที่เขาได้รับมาจากการแลกหุ่นเชิด
เพราะแบบนี้ข้าถึงชอบเป็นมิตรกับพวกคนรวยมือเติบนัก หวังเป่าเล่ออารมณ์ดีเหลือล้น ชายหนุ่มรีบจอดเรือบินของตนเองแล้วลงไปทันที ตอนที่กำลังจะก้าวเท้าเข้าไปในโรงแรมของตัวเองเพื่อดูว่ากิจการเป็นเช่นไรนั้นเอง เขาก็รู้สึกได้ว่ามีคนแอบจ้องมองมาแต่ไกล ครั้นหันไปมองแล้วก็เห็นชายหนุ่มหัวล้านสีหน้าไร้อารมณ์คนหนึ่งกำลังจ้องมองกลับมา…
ข้ากำลังสงสัยพอดีเลยว่าแสงสะท้อนนั่นมาจากที่ใด ศีรษะของเขานั่นเอง… หวังเป่าเล่อประหลาดใจเมื่อสบเข้ากับชายหนุ่มหัวล้านใบหน้าคุ้นตา
ชายหนุ่มหัวล้านคนนั้นคือศิษย์เอกของผู้อาวุโสสูงสุดแห่งสำนักศึกษา เต๋าศักดิ์สิทธิ์ หลี่อู๋เฉิน!
หลี่อู๋เฉินเคยประมือกับหวังเป่าเล่อในการประลองของตำหนักการยุทธ์แล้วแพ้ไปเมื่อหลายปีก่อน เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะได้มาเจอกับหวังเป่าเล่อที่นี่ ซึ่งเขาไม่ชอบใจเอาเสียเลย ภาพของหวังเป่าเล่อตอกย้ำว่าเขาต้องสูญเสียโลหิตวิญญาณแสนล้ำค่าไปในครานั้น…ชายหนุ่มหัวล้านเบือนสายตาไปทางอื่น แสร้งทำเป็นไม่เห็นหวังเป่าเล่อ
“เจ้าเฉินหัวล้านนี่เอง ดีเหลือเกินได้เห็นคนคุ้นหน้าในต่างแดนเช่นนี้ เหตุใดเจ้าจึงมาอยู่ที่ดาวอังคารแห่งนี้เล่า” หวังเป่าเล่อไม่ได้คาดหวังจะมาเจอหลี่อู๋เฉินที่นี่ เขาหัวเราะพร้อมโบกมือทักทายอีกฝ่ายทันที
“แล้วอย่างไร ดาวดวงนี้เป็นของเจ้าหรืออย่างไร เหตุใดข้าต้องบอกเจ้าด้วยว่า ข้ามาทำอะไรที่นี่” หลี่อู๋เฉินตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขาจากสำนักศึกษา เต๋าศักดิ์สิทธิ์มาได้พักใหญ่แล้ว แม้จะไม่รู้ว่าเหตุใดหวังเป่าเล่อถึงมาอยู่บนดาวอังคารแห่งนี้ได้
แต่เขาก็พอได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นในเขตจันทราเวทมาบ้าง พอนึกได้ว่าสถานะของตนตอนนี้เป็นเช่นไร ประกายตาของเขาก็ฉายแววเย่อหยิ่ง ชายหนุ่มหัวล้านเมิน หวังเป่าเล่อแล้วเดินเข้าไปในโรงแรมขวานศึกทันที
นี่เขาดูถูกข้าอย่างนั้นรึ หวังเป่าเล่อเลิกคิ้วตาเขม็ง จ้องมองชายหนุ่มผู้นั้นก้าวเข้าไปในโรงแรมของตนเอง