Skip to content

A World Worth Protecting 327

บทที่ 327 ข้าขอกลับคำ ข้าไม่อยากได้มันแล้ว

เสียงดังสนั่นและความโกลาหลที่ชั้นล่างทำให้หวังเป่าเล่อใจเต้นรัว เขาลุกยืนขึ้นทันใด ไม่ทันจะได้เร่งเร้าให้จินตั้วหมิงจ่ายตามข้อแลกเปลี่ยน ชายตรงหน้าก็วิ่งหน้าตื่นลงไปชั้นล่างก่อนแล้ว

“จบกัน…” หวังเป่าเล่อตบหน้าผากเสียงดังพร้อมกับถอนหายใจยาวก่อนจะวิ่งตามจินตั้วหมิงลงไป เขาครุ่นคิดว่าจะชดเชยค่าเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างไรดี แต่พอลงมาถึงชั้นล่าง ชายหนุ่มก็สูดหายใจลึก ตระหนักได้ว่าไม่ว่าจะให้การชดเชยอย่างไรก็คงไม่เพียงพอ

ทั่วทั้งชั้นล่างนั้นแตกต่างไปจากตอนก่อนหน้าที่คนทั้งสองจะขึ้นไปโดยสิ้นเชิง คลังเก็บของเหลือเพียงความว่างเปล่า นอกจากขวดโอสถและสมบัติเวทมากมายจะหายวับไปหมด ชั้นวางของต่างๆ ยังไม่เหลือให้เห็นแม้แต่ซาก มีหลุมกว้างยาวบริเวณที่กำแพงเลื่อนลงไป ตอนนี้แม้แต่กำแพงก็ยังไม่เหลือราวกับขุดขึ้นมากินจนหมด

ขณะเดียวกันผนังรอบห้องก็พังทลายลงหมด คลังเก็บของต่างๆ ที่ถูกค้นพบล้วนเหลือเพียงความว่างเปล่า

หากเพียงเท่านั้นคงจะไม่เป็นปัญหาใหญ่ แต่สมบัติเวทที่ประดับอยู่บนผนังห้องโถงใหญ่ต่างหายวับไปหมด ผ้าม่านที่ถักทอมาจากด้ายวิญญาณก็ไม่เหลือ เห็นเพียงโคมไฟที่สร้างจากศิลาวิญญาณเหลืออยู่ครึ่งท่อน มีรอยกัดแทะปรากฏให้เห็นอยู่เด่นชัด

เครื่องเรือนทั้งห้องกระจัดกระจายแตกหักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ชั้นทรงกลมโบราณก็หนีโศกนาฏกรรมครั้งนี้ไม่พ้น เหลือเพียงแต่เศษซากหล่นอยู่บนพื้น พรมและพื้นบางส่วนได้รับความเสียหาย มีรอยฟันฝังอยู่เต็มไปหมด ของเพียงชิ้นเดียวที่ยังดูสมบูรณ์ในตอนนี้มีแค่ม้านั่งยาวตัวโปรดของจินตั้วหมิง

หวังเป่าเล่อปวดหัวตุบๆ เมื่อเห็นภาพตรงหน้าก่อนจะหันไปมองชายที่อยู่ด้านข้าง จินตั้วหมิงนั้นนิ่งอึ้ง ตื่นตกใจกับสิ่งที่เห็น ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตะลึงงันอย่างที่   ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่เมื่อเขาสังเกตเห็นว่าม้านั่งยาวเหมือนจะยังอยู่ดี ก็สูดหายใจลึกก่อนจะฝืนยิ้มออกมา

“สวรรค์ช่วย…”

ทว่าไม่ทันจะพูดได้จบประโยค นวมหนังบนม้านั่งยาวก็ยุบลงราวกับว่ามีบางอย่างกำลังกัดกินอยู่ด้านใน ก่อนจะเกิดเสียงฉีกขาดดังขึ้น รูกว้างปรากฏออกมาพร้อมกับหัวของเจ้าลาที่โผล่ขึ้นมาในทันใด มันเมินหวังเป่าเล่อ พอหันไปเจอจินตั้วหมิงก็ร้องขึ้นอย่างเริงร่า

“ลูกข้า! ลูกข้า!”

เจ้าลาร้องอย่างคึกคะนองเสียงดัง ตอนนั้นเองมันก็บรรลุระดับการฝึกตนเป็นระดับลมหายใจเที่ยงแท้ขั้นที่สอง ขนของเจ้าลาเรืองแสง ดูเก่งกาจขึ้นไปอีกขั้น

จินตั้วหมิงตะลึงงันไปอีกครั้ง ตัวของเขาสั่นเทิ้ม ลมหายใจเริ่มถี่รัว ดวงตาเบิกกว้าง หวังเป่าเล่อมองจินตั้วหมิงพร้อมกับสูดหายใจเข้าลึก พยายามจะโน้มน้าวใจอีกฝ่าย

“ลูกพี่จิน ใจเย็นๆ นะ เมื่อกี้พี่ว่าอย่างไร มันก็แค่กินอาหาร…”

“จับมันไว้!” ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะพูดจบประโยค จินตั้วหมิงก็บันดาลโทสะ   ร้องลั่นขึ้นเสียงดัง เหล่ายามและสาวใช้รอบๆ รีบพุ่งเข้าใส่เจ้าลาในทันที

เจ้าลาตื่นกลัวรีบหันกลับไปมุดตัวหลบอยู่ในม้านั่งยาว เกิดเสียงแตกหักดังก้องไปทั่ว จินตั้วหมิงตกใจสุดขีด รีบวิ่งไปหาเจ้าลา ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น ม้านั่งยาวพังลงต่อหน้าต่อตาขณะที่เจ้าลารีบหนีออกไปก่อนแล้ว

ปกติมันก็ว่องไวอยู่แล้ว พอบรรลุระดับการฝึกตน มันก็รวดเร็วยิ่งขึ้นไปอีก เจ้าลาเข้าใจว่าคนอื่นๆ พยายามจะมารุมแย่งอาหาร มันจึงไล่กัดกินทุกสิ่งอย่างตามทางขณะวิ่งหนี

เศษซากเครื่องเรือนรอบๆ ถูกเขมือบจนหมด โคมไฟที่เหลืออยู่ครึ่งท่อนก็หายลงท้อง นอกจากนี้เจ้าลายังกลับไปกัดกินซากม้านั่งยาวที่เหลืออยู่อีก ยังไม่หมดเท่านั้น หลังจากบรรลุเป็นระดับลมหายใจเที่ยงแท้ขั้นที่สอง ก็ดูเหมือนว่ามันจะได้รับความสามารถพิเศษมาเพิ่ม มันหันกลับอย่างรวดเร็วหลบหนีการไล่จับของพวก    จินตั้วหมิงขึ้นไปชั้นสอง

เมื่อเห็นเจ้าลาหนีขึ้นไปชั้นสอง จินตั้วหมิงก็เดือดดาลยิ่งขึ้นและกังวลหนัก รีบพุ่งตามไปพร้อมกับร้องคำรามลั่น หวังเป่าเล่อมองไปทางเหล่าผู้คนรอบๆ ที่กำลังไล่ตามเจ้าลาขึ้นไปชั้นสองอย่างอับจนหนทาง

ไม่นานก็เกิดเสียงข้าวของร่วงลงพื้นแตกหักดังมาจากชั้นสองผนวกกับเสียงร้องเป็นพักๆ ของเจ้าลา

“ลูกข้า! ลูกข้า!”

หวังเป่าเล่อตบหน้าผากตนเองด้วยความเคืองใจเมื่อได้เห็นเหตุการณ์ตรงหน้า เขารู้ดีว่าข้อตกลงก่อนหน้านี้คงจะต้องพังลงไม่เป็นท่า แม้เจ้าลาจะเคลื่อนไหวได้ไวเพียงใด ก็ยังเป็นรองเหล่าผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นที่ไล่ตามอยู่ ไม่นานมันก็โดนจับได้

หลังจากนั้นไม่นาน หวังเป่าเล่อและเจ้าลาก็โดนไล่ออกไปนอกประตูตำหนักของจินตั้วหมิงที่โดนกัดกินจนพังยับท่ามกลางสายตาของเหล่าคนเฝ้ายามที่จับจ้องมา

เหล่าคนเฝ้ายามมองเจ้าลาอย่างไม่เป็นมิตรด้วยสายตาอาฆาตแค้น หวังเป่าเล่อท้อใจกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น หลังจากเหลือบมองเหล่ายามที่ยืนอยู่            ข้างประตูตำหนักสภาพไม่สมประกอบ เขาก็หันกลับมามองจินตั้วหมิงด้วยความกระอักกระอ่วนใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงดัง

“ลูกพี่จิน ถึงเจ้าลาตัวนี้จะดื้อด้านไม่ฟังความ แต่มันก็เป็นอสูรแสนเยี่ยมยอด ลองไตร่ตรองให้ดีอีกครั้งไหม ไหนๆ เจ้าก็ให้คำมั่นว่าอยากได้มันมาไว้ในครอบครองมิใช่หรือ” หวังเป่าเล่อว่าอย่างขุ่นเคือง

เมื่อได้ยินที่หวังเป่าเล่อพูด จินตั้วหมิงก็หน้าบูดเบี้ยวทันใด เขาคิดว่าตนอาจจะบ้าหรือไม่ก็โดนวิญญาณร้ายเข้าสิงถึงหลงมัวเมาไปสนใจเจ้าลานี่ได้ แม้ฟันของเจ้าลาจะคบกริบเพียงใด ความอยากอาหารของมันนั้นน่าตื่นตะลึงมากยิ่งกว่า ทั้งสองสิ่งประกอบกันทำให้มันสร้างความหายนะเกินจินตนาการขึ้น

ม้านั่งยาว ชั้นทรงกลมโบราณ โอสถกับสมบัติเวทกองพะเนินนั้นมีมูลค่าเทียบเท่ากับอาวุธเวทระดับเจ็ดสองชิ้น ม้านั่งยาวนั้นมีเพียงไม่กี่ชิ้นในสหพันธรัฐ ราคาของมันสูงเสียดฟ้า เขาสั่งนำเข้าจากโลก แต่หลังจากโดนเจ้าลาเขมือบเอา มันกลับช่วยให้  เจ้าลาบรรลุจากระดับลมหายใจเที่ยงแท้ขั้นที่หนึ่งเป็นขั้นที่สองเท่านั้น

อีกทั้งตอนนี้เจ้าลายังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ดังนั้นจึงรู้ได้ไม่ยากว่าเจ้าลาเป็นเพียงอสูรระดับล่างๆ เท่านั้น จินตั้วหมิงคิดว่าหากหมูธรรมดาๆ บนโลกได้กินของทั้งหมดนี่คงจะบรรลุไประดับลมหายใจเที่ยงแท้ขั้นที่สามหรือขั้นที่สี่ไปแล้ว

คิดดังนั้น จินตั้วหมิงก็ประกาศก้องด้วยสีหน้าโกรธจัด

“ข้าขอกลับคำพูด ข้าไม่อยากได้เจ้านี่แล้ว!”

“ไหนเจ้าบอกว่าจินตั้วหมิงผู้นี้ไม่มีวันกลับคำ เอาอย่างนี้ดีไหม ข้าไม่เอาวัสดุเสริมพลังปราณแล้ว ขอแค่อาวุธเวทระดับเจ็ดก็พอ!” หวังเป่าเล่อไม่ย่อท้อ พยายามต่อรอง

จินตั้วหมิงลำบากใจเมื่อเห็นหวังเป่าเล่อไม่ยอมแพ้ หากเป็นคนอื่น เขาคงจะปิดหูปิดตาไม่ฟังเหตุผลได้ แต่ชายหนุ่มก็รู้ดีว่าหวังเป่าเล่อเป็นคนอารมณ์ร้อน จึงได้แต่  ถอนหายใจยาว พยายามโน้มน้าวอีกฝ่าย

“พี่เป่าเล่อ เราไม่มีอะไรต้องโกรธแค้นระหว่างกัน ข้าคิดผิด ข้าไม่อยากได้มันแล้วจริงๆ หากซื้อเจ้าลาตัวนี้ไป มันคงจะผลาญเงินข้าไปจนหมดแน่…”

หวังเป่าเล่อเข้าใจความรู้สึกนั้นดี เขาถอนหายใจ พยายามหาทางต่อรอง

“ถ้าอย่างนั้นข้าให้เจ้าลาไปก่อนก็ได้แล้วเจ้าค่อยเอาอาวุธเวทระดับเจ็ดมาให้ข้า  ทีหลัง”

“ท่านเป่าเล่อ เลิกเล่นตลกเสียที รีบกลับไปเถิด ถึงท่านให้ข้ามาฟรีๆ ข้าก็ไม่เอาอยู่ดี…เอาเป็นข้ายกโอสถให้ท่านสักหน่อยดีไหม…” จินตั้วหมิงรีบพูด ก่อนจะกัดฟันโยนกระเป๋าคลังเวทไปให้ ในนั้นไม่มีอาวุธเวทแต่ก็มีวัสดุเสริมพลังปราณอยู่จำนวนหนึ่ง

พอรับกระเป๋ามา จินตั้วหมิงก็หายไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า เหล่ายามจ้องมองมาราวกับหวังเป่าเล่อเป็นศัตรู ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนจะหันไปทางเจ้าลาน้อยที่กำลังหูตก ร้องครางเสียงเบา มองหวังเป่าเล่อด้วยแววตาเศร้าสร้อย

“ลูกข้า!”

“เลิกร้องได้แล้ว!” หวังเป่าเล่อตบมันอย่างแรง แต่เหมือนมันจะไม่รู้สึกเจ็บเลยแม้แต่นิด ดวงตาของมันเป็นประกาย นึกว่าชายหนุ่มกำลังพูดคุยกับมันอยู่ จากนั้นก็เริ่มกระโดดหูตั้งไปมาก่อนจะร้องขึ้นเสียงดัง

“ลูกข้า! ลูกข้า!”

หวังเป่าเล่อพูดอะไรไม่ออก เขายกมือตบหน้าผากเสียงดัง ในใจเต็มไปด้วยความท้อแท้และสิ้นหวัง ชายหนุ่มยกเท้าเตะเจ้าลา จากนั้นก็ถอนหายใจมุ่งหน้ากลับ    สำนักศึกษา

เจ้าลาตื่นเต้นดีใจหนักกว่าเก่า มันวิ่งวนไปรอบๆ หวังเป่าเล่อขณะเดินทางกลับ เห็นดอกไม้หรือหินตามทางเมื่อไหร่ก็เข้าไปกัดกิน…ไม่นาน หวังเป่าเล่อก็รีบเอาเรือบินออกมาด้วยความตื่นตะหนก จับเจ้าลาโยนขึ้นเรือบินและขับกลับสำนักศึกษาไป

เมื่อกลับไปถึง เจ้าลาก็โดนลงโทษจนอ่วม…

ว่านอนสอนง่ายได้ไม่กี่วัน มันก็กลับมาป่วนอีกครั้ง สุดท้ายหวังเป่าเล่อก็จ้อง     ตาแข็งไปทางเจ้าลาที่กำลังกัดกินกรอบประตูอย่างมีความสุข

สงสัยจะต้องใช้ไพ่ตาย ถ้าข้าไม่ปราบมันให้อยู่หมัด ข้าคงจะต้องพบเจอกับหายนะเป็นแน่!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version