Skip to content

A World Worth Protecting 328

A World Worth Protecting

บทที่ 328 หุบปาก!

ตลอดเวลาที่ผ่านมา เจ้าลาหัวรั้นทำให้หวังเป่าเล่อเสียหายไปมากมาย แค่ค่าปรับที่ต้องจ่ายก็แพงหูฉี่แล้ว ถึงเขาจะเป็นเจ้าสำนักศึกษาเต๋าหมอกขุนเขา ถึงใหญ่โตในสำนักเพียงใด ชายหนุ่มก็ไม่สามารถละเลยสิ่งของต่างๆ ที่เจ้าลาสวาปามเข้าไปได้    จึงต้องรับผิดชอบเสียค่าใช้จ่ายเพื่อซ่อมแซมข้าวของทั้งหมด

อาหารที่ได้มาจากจินตั้วหมิงนั้นช่วยเสริมสารอาหารได้พอสมควร แต่เจ้าลาน่าจะเกิดมากระเพาะรั่ว จนถึงทุกวันนี้มันก็ยังคงกินไม่หยุดปาก หวังเป่าเล่อเริ่มสงสัยว่าตนเองกำลังเลี้ยงลาหรือเลี้ยงหมูอยู่กันแน่

ชายหนุ่มเถียงกับตัวเองอยู่หลายครั้งว่าควรจะเชือดมันทิ้งดีไหม แต่ก็รู้สึกเสียดายอยู่เล็กน้อย…ของทั้งหมดในที่พำนักของจินตั้วหมิงที่เจ้าลาสวาปามไปนั้นมีมูลค่าใกล้เคียงอาวุธเวทระดับแปดเลยทีเดียว

หากเขาเชือดมันทิ้ง การลงทุนที่ผ่านมาก็สูญเปล่า หวังเป่าเล่อจึงกัดฟันหาทางสั่งสอนเจ้าลาให้หลาบจำแทน

หนังหนาทนทานเสียจริง ตีเท่าไหร่ก็ไม่เคยหลาบจำเสียที ให้ยุงไปกัดก็ทำอะไรไม่ได้อีก หวังเป่าเล่อจ้องเจ้าลาที่กำลังแทะกรอบประตูอยู่ เขากัดฟันแน่นพร้อมกับปล่อย…ยุงสีเทาออกมา!

นี่คือไพ่ตายของเขา ยุงสีเทานั้นสามารถกัดผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นจนสิ้นลมได้ พิษของมันร้ายแรงยิ่งนัก แต่เพราะหวังเป่าเล่อกลัวว่าพิษของยุงอาจจะแรงเกินไปจนทำให้เจ้าลาตายได้ จึงคอยควบคุมยุงสีเทาและปริมาณพิษของมัน ยุงบินพุ่งไปทาง   เจ้าลาในทันใด

ยุงสีเทาบินพุ่งเข้าไปใกล้เจ้าลาอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเจ้าลาก็เงยหน้าขึ้นด้วยความสงสัยก่อนจะอ้าปากเขมือบยุงสีเทาเข้าไปทั้งตัว มันหันมองหวังเป่าเล่อด้วยความขุ่นเคืองจากปริมาณอาหารที่น้อยเกินไป

หวังเป่าเล่อเหยียดยิ้มขึ้นทันที เจ้าลาเบิกตาโพลง กรีดร้องเสียงดัง ตัวสั่นจากความคันคะเยอมหาศาลที่เกิดอยู่ภายใน

เจ้าลาร้องลั่นด้วยความทรมาน มันเขมือบกรอบประตูที่แทะอยู่เมื่อครู่ลงท้องไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันไปกัดกินผนังคำโต แต่แล้วก็พบว่าทั้งหมดทั้งมวลนั้นไม่สามารถช่วยให้มันหายคันได้เลย เจ้าลาเริ่มสติแตก ไล่กัดกินผนังที่พักของหวังเป่าเล่ออย่างบ้าคลั่ง

ปกติหวังเป่าเล่อคงจะเข้าไปห้ามเจ้าลา แต่วันนี้เขาตั้งใจจะสั่งสอนให้เจ้าลาได้รู้ว่าไม่ว่ามันจะกินเข้าไปมากมายเพียงใดก็สู้ยุงสีเทาไม่ได้อยู่ดี

หวังเป่าเล่อยืนวางมาด พร้อมสูญเสียที่พักให้เจ้าลาที่กำลังกัดกินไม่หยุดขณะร้องเสียงดังด้วยความทุกข์ทรมานไปด้วย ห้านาทีผ่านไป ชายหนุ่มเดินออกมานอกที่พัก มองดูกำแพงถล่มลงต่อหน้าต่อตา เจ้าลาที่ยังอยู่ด้านในยังคงส่งเสียงร้องโหยหวน     ไม่หยุด แต่ก็ยังกัดกินทุกอย่างต่อไปเรื่อยๆ

แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาว่าที่พักทั้งหลังจะเข้าไปอยู่ในท้องเจ้าลาได้หมด     หนึ่งชั่วโมงผ่านไป หวังเป่าเล่อยืนจ้องที่พักบนพื้นซึ่งบัดนี้หายวับไปทั้งหลัง ไม่เหลือแม้แต่เศษซากให้เห็น ส่วนเจ้าลานั้นยังคงดิ้นทุรนทุรายกัดกินหญ้าบนพื้นต่อ…

“จะยอมได้หรือยัง” เมื่อเห็นว่าได้เวลาอันเหมาะสมแล้ว หวังเป่าเล่อก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย

เจ้าลาที่กำลังกัดกินผืนหญ้าอย่างบ้าคลั่งหันไปมองชายหนุ่มด้วยแววตาเว้าวอนทันทีที่ได้ยินเสียงหวังเป่าเล่อพูด ทว่าทันใดนั้นแววตาของมันก็เปลี่ยนไป ขณะที่     ก้มมองร่างของตัวเอง นัยน์ตาของเจ้าลาลุกโชติช่วง หันไปมาด้วยความสุขใจ เนื่องจากได้บรรลุเป็นระดับลมหายใจเที่ยงแท้ขั้นที่สามเรียบร้อยแล้ว

หวังเป่าเล่อเบิกตากว้าง แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง และยิ่งแปลกใจมากขึ้นที่เจ้าลาหายเจ็บปวดในพริบตา! ชายหนุ่มหายใจไม่ทั่วท้อง นิ่งอึ้งไปเมื่อสัมผัสได้ว่าไม่สามารถติดต่อกับยุงสีเทาได้อีก!

ก่อนหน้านี้แม้ยุงสีเทาจะถูกเขมือบไปทั้งตัว แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่เป็นอะไรเลย หวังเป่าเล่อสามารถส่งคำสั่งไปควบคุมยุงสีเทาที่บินอยู่ในท้องเจ้าลาได้ ทำให้เจ้าลา   ไม่สามารถขจัดความเจ็บคันออกไปได้แม้ว่ามันจะกินอะไรเข้าไปมากมายเพียงใด

แต่ทันใดที่เจ้าลาบรรลุระดับการฝึกตน ยุงสีเทาก็เหมือนจะละลายหายไปในร่างของเจ้าลาด้วยเหตุใดก็ไม่ทราบได้ หวังเป่าเล่อมั่นใจว่ายุงสีเทาไม่ได้หายไป แค่ละลายสลายตัวไป เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเจ้าลาหรือยุงสีเทาเองกันแน่ รู้เพียงว่า     ยุงสีเทาละลายสลายตัวลง

หนำซ้ำหลังจากที่ยุงละลายไป ดูเหมือนมันได้หลอมรวมเข้ากับเลือดเนื้อของ    เจ้าลาด้วย…

เขารู้สึกราวกับว่ายุงสีเทาได้ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าลาน้อยไปแล้ว!

เพียงเท่านี้ก็ทำให้หวังเป่าเล่องงงวยหนัก เขารีบตรวจสอบฝักกระบี่ แปลกใจหนัก    ขึ้นไปอีกเมื่อสัมผัสได้ถึงสัญญาณยุงสีเทาตัวใหม่ที่กำลังจะถือกำเนิด

แต่ขณะที่ชายหนุ่มควบคุมกระบี่อยู่ เขาก็สัมผัสได้ว่ายุงสีเทาที่กำลังจะถือกำเนิดขึ้นใหม่นั้นดูมีอะไรแตกต่างไปจากตัวก่อนเล็กน้อย แม้จะมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน!

เหมือนว่ายุงสีเทาตัวเก่านั้นจะสลายร่างไปแล้วจริงๆ และมียุงตัวใหม่ถือกำเนิดขึ้นมาแทน นอกจากนั้นยุงที่ถือกำเนิดมาใหม่นั้นยังทำให้ฝักกระบี่ทอนแสงลงเนื่องจากต้องใช้พลังงานไปมากโข

หวังเป่าเล่อที่กำลังสับสนรีบนำปัญหานี้ไปถามแม่นางน้อย แต่แม่นางน้อยเอง      ก็งงงวยไม่ต่างกัน นางมองหวังเป่าเล่ออย่างฉงนใจอยู่นาน ก่อนจะบอกชายหนุ่มว่า   ฝักกระบี่นั้นเป็นสมบัติเวทภายในกาย มีความเป็นไปได้มากมายเกินคาดเดาเกิดขึ้น  ได้ตลอด จึงมีรายละเอียดหลายอย่างที่นางเองก็ไม่ทราบเช่นกัน

พอกล่าวลาแม่นางน้อยและกลับออกมา หวังเป่าเล่อก็จ้องมองเจ้าลาน้อยอยู่เนิ่นนาน ก่อนจะวิ่งไปคว้าตัวมันไว้ไม่สนใจว่ามันจะดิ้นรนหนี ชายหนุ่มปลดปล่อยพลังปราณออกมาเพื่อตรวจสอบทั้งภายในและภายนอกของเจ้าลา ก่อนจะพบว่าไม่มีร่องรอยของยุงสีเทาเหลือให้เห็นเลย

ทว่าขณะตรวจสอบนั้น หวังเป่าเล่อสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง     อวัยวะภายในของเจ้าลานั้นเปลี่ยนเป็นสีเทาไปหมด แต่ก็ดูจะไม่ส่งผลอะไรกับมันเลย กลับทำให้มันร่าเริงมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ

แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำให้หวังเป่าเล่อตื่นตกใจที่สุด เรื่องที่น่าตื่นตะลึงกว่านั้นคือ ชายหนุ่มสัมผัสได้ว่าตนเองมีจิตเชื่อมโยงกับเจ้าลา…

หวังเป่าเล่องุนงงยิ่งนัก แม้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าลาจะตามเขาไปทุกที่ แต่มันก็เป็นสิ่งมีชีวิต ไม่ใช่สมบัติเวท จึงไม่สามารถผสานจิตเชื่อมโยงกับมันเพื่อให้เจ้าลาสำนึกได้ว่าชายหนุ่มเป็นนายของมัน

แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการฝึกอสูรในสหพันธรัฐยังยอมรับว่าการทำให้อสูรสำนึกรู้ว่าใครเป็นนายนั้นเป็นเรื่องซับซ้อน นอกจากจะยากมากแล้ว ยังมีขีดจำกัดอีกด้วยว่าสามารถเกิดขึ้นได้กี่ครั้ง

หรือว่ายุงสีเทาจะใช้ผสานเข้ากับสิ่งอื่น ทำให้เจ้าลาสำนึกได้ว่าใครเป็นนาย     หวังเป่าเล่อประหลาดใจ เขาลองออกคำสั่งดูว่าสามารถควบคุมมันได้หรือไม่

“เจ้าลา นั่งลง!” หวังเป่าเล่อปล่อยเจ้าลาและออกคำสั่ง แต่เจ้าลากลับลุกยืนในทันใด ก่อนจะพุ่งไปทางกรอบประตูที่แทะก่อนหน้า จากนั้นก็หยุดยืน หันมามองหวังเป่าเล่ออย่างอวดดีพร้อมกับร้องเสียงดัง

หวังเป่าเล่อหน้าเจื่อน พยายามออกคำสั่งเจ้าลาอีกครั้ง แต่ก็พบว่ามันไม่ฟังคำสั่งเขาเลยแม้แต่น้อย เขารู้สึกท้อแท้หมดหนทาง คิดว่ายุงสีเทานั้นผสานเข้าไปในตัวลาได้ไม่มากพอ

เจ้าลาเงยหน้าขึ้น เห็นหวังเป่าเล่ออับจนหนทางไม่รู้จะทำอย่างไรกับมันดี ความสุขใจพลันหายไปจากดวงตา แทนที่ด้วยความโอหัง มันอ้าปากร้องเสียงดังลั่นกว่าทุกครั้ง

“ลูกข้า! ลูกข้า! ลูกข้า!”

หวังเป่าเล่อทึ้งผมตนเองด้วยความหงุดหงิด เขาไม่รู้จะทำอย่างไรกับเจ้าลาดี ตีก็แล้ว ปล่อยยุงไปกัดก็แล้ว ถึงกับงัดยุงสีเทาออกมาสู้ก็ไม่ได้ผล เหลือเพียงหนทางเดียวคือเชือดทิ้ง ไม่เช่นนั้นชายหนุ่มก็ไม่รู้จะสอนเจ้าลาให้รู้ซึ้งถึงบทเรียนแสนโหดหินที่มันจะไม่มีวันลืมได้อย่างไร

ขณะที่กำลังสิ้นหวังอยู่นั้น เจ้าลาก็วิ่งไปรอบๆ ร้องลั่นอย่างบันเทิงใจ ส่งผลให้หวังเป่าเล่อหงุดหงิดยิ่งขึ้นไปอีก ชายหนุ่มก้มหัวลง ก่อนจะร้องลั่นขึ้นอย่างเดือดดาล

“หุบปาก!”

“ลูก…”

ทันใดที่เสียงอันเกรี้ยวกราดของหวังเป่าเล่อดังขึ้น เจ้าลาที่กำลังอ้าปากร้อง   อย่างสุขใจก็เสียงขาดไป ปากกว้างของมันหุบลงสร้างความประหลาดใจให้เจ้าลา     ไม่น้อย หวังเป่าเล่อเองก็รู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ จึงเงยหน้าขึ้นมองไปทางเจ้าลา

ทั่วทั้งพื้นที่ตกอยู่ในความเงียบงัน หวังเป่าเล่อกับเจ้าลาหรี่ตาลงพร้อมๆ กัน ดวงตาคู่หนึ่งเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ส่วนอีกคู่เต็มไปด้วยความตะลึงงัน

ผ่านไปครู่หนึ่ง เจ้าลาก็เริ่มกระวนกระวายใจขึ้นมา พยายามบังคับปากให้เปิดออก   แต่ก็พบว่าเป็นการพยายามที่ไร้ค่าเนื่องจากปากกว้างนี้เหมือนจะไม่ได้เป็นของมันอีกต่อไป เจ้าลาเกรงกลัวจับจิต หวาดหวั่นยิ่งกว่าตอนหวังเป่าเล่อเตะอัดไข่ก่อนหน้า   เสียอีก

หวังเป่าเล่อหายใจถี่รัวขณะที่ความคิดมากมายแล่นเข้าสู่หัว ดวงตาของเขาเป็นประกายด้วยความตื่นตะลึง

หรือว่าคำสั่งยากๆ จะใช้สั่งการไม่ได้ แต่ถ้าเป็นคำสั่งง่ายๆ อย่างเช่นให้มัน       หุบปากกลับสั่งได้อย่างนั้นหรือ คิดดังนั้นหวังเป่าเล่อก็ลองสั่งดูทันที

“อ้าปาก!”

“ลูกข้า! ลูกข้า!”

“หุบปาก!”

“ลูก…”

หลังจากลองอยู่สักพัก หวังเป่าเล่อก็ตื่นตะลึงหนัก เขามองเจ้าลาที่กำลังหวาดกลัวและหัวเราะขึ้นมา ชายหนุ่มสุขใจยิ่งนัก คิดว่าในที่สุดโลกใบนี้ก็สงบสุขขึ้นมาเสียที

“เจ้าลาน้อย ข้าจะให้เจ้าได้ทบทวนตัวเอง เงียบปากไปสักสิบวัน ถ้าครั้งหน้า    เจ้ายังดื้อด้านไม่ฟังความอีก ข้าจะให้เจ้าหุบปากไปสามเดือน!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version