Skip to content

A World Worth Protecting 348

บทที่ 348 ผู้ยิ่งใหญ่และน่าเกรงขาม

เอกสารทั้งยี่สิบชุดถูกส่งไปยังห้องทำงานของเจ้านครอาณานิคมดาวอังคาร    ต้นไม้ยักษ์ปลีกตัวจากตารางเวลาอันยุ่งเหยิงและมาถึงห้องทำงานนั้นแล้วเช่นกัน    เขานั่งลงตรงข้ามเจ้านครและยิ้มออกมา ทั้งคู่ต่างก็พูดคุยกันอย่างผ่อนคลาย       พลางจ้องมองดูแผ่นหยกที่วางอยู่ตรงหน้า

“ผู้สมัครคนนี้สร้างสรรค์ดี เขาเสนอให้ใช้วงแหวนปราณเป็นจุดรองรับพลังจากผนึกเหนือสุสานอาวุธเวทใต้ดินและใช้พลังที่รับมานั้นเป็นแหล่งพลังของวงแหวนปราณอีกที…” เจ้านครยิ้มออกมาหลังจากอ่านแผนนั้น ก่อนจะส่งต่อไปทางต้นไม้ยักษ์

ต้นไม้ยักษ์อ่านแผนนั้นก่อนจะเหลือบตาไปเห็นชื่อของเจ้าของ จั่วอี้เซียนแห่งตระกูลนภาห้าสมัย เขายิ้มออกมาก่อนจะผงกศีรษะพอใจ จากนั้นเขาจึงชี้ไปยัง     แผ่นหยกอีกแผ่นก่อนจะส่งไปให้เจ้านคร

“ข้าคิดว่าแผนนี้ก็น่าสนใจใช่เล่น เขตนครออกแบบมาเป็นวงกลม โดยมีวงกลมสามวงอยู่ในเขตด้านในและอีกสามวงในเขตด้านนอก ทั้งหมดเชื่อมต่อกันและมีพลังสะท้อนที่จะช่วยเรื่องการเคลื่อนย้ายผู้คนให้สะดวกแถมยังป้องกันรังสีจากอาวุธเทพได้อีกด้วย มันน่าสนใจเพราะมีแผนป้องกันรังสีนี่ละ”

เจ้านครมองไปที่แผ่นหยกหลังจากที่ได้ฟัง นางเห็นชื่อของหลี่อี้อยู่บนแผนนั้นก่อนจะเบนสายตาไปมองต้นไม้ยักษ์ นางยิ้มออกมาบางๆ

“ไม่เลว เลือกนางด้วยก็แล้วกัน”

ต้นไม้ยักษ์ยิ้มตอบโดยไม่พูดอะไร พวกเขายังคงดูใบสมัครและแผนต่อไปชิ้นแล้วชิ้นเล่า ไม่นานนักพวกเขาก็ดูใบสมัครทั้งยี่สิบใบจนครบถ้วนและได้เลือกตัวแทนมาแล้วทั้งสิ้นเก้าคน

มีการถกเถียงกันเล็กน้อยในการเลือกตัวแทนคนที่สิบ

“เจ้านครขอรับ ข้าคิดว่าแผนที่ส่งมาโดยเฉินลู่ บุตรชายของเสนาบดีเฉิน       ตอบโจทย์ได้ดีกว่า ส่วนแผนของหวังเป่าเล่อนั้น…ไม่แย่เสียทีเดียว แต่ดูแล้วมี      ความรุนแรงแฝงอยู่มาก เขาตั้งชื่อสิ่งนี้ว่าปราการนิรันดร์ ข้าไม่คิดว่าจะมีปราการใดในโลกที่สามารถต้านทานทุกอย่างและตั้งตระหง่านอยู่ได้ตลอดไป” ต้นไม้ยักษ์      ส่ายศีรษะ เขาไม่ได้รู้สึกเป็นปัญหาที่จะหาเรื่องหวังเป่าเล่อแต่อย่างใด ทุกคนรู้ดีว่า  เขาไม่ใคร่จะชอบชายหนุ่มเท่าใดนัก เพราะฉะนั้นแทนที่จะพยายามปกปิดความรู้สึกและถ้อยคำ ต้นไม้ยักษ์จึงเลือกวิจารณ์หวังเป่าเล่ออย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา

ต้นไม้ยักษ์แอบแปลกใจอยู่เล็กน้อยที่แผนของหวังเป่าเล่อติดหนึ่งในยี่สิบชิ้นสุดท้าย แผนทุกๆ ชิ้นได้รับการสนับสนุนและแนะนำโดยกลุ่มการเมืองชั้นนำ และนั่นเป็นสาเหตุให้ทุกชิ้นประสบความสำเร็จเหนือแผนอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วนในรอบก่อนๆ กระทั่งมาอยู่ต่อหน้าตัวเขาและเจ้านคร

ผู้สมัครจำนวนไม่น้อยที่แม้ว่าจะได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มการเมืองแต่กลับ    ตกรอบไปเสียก่อนหน้านี้แล้ว แต่หวังเป่าเล่อยังรอดมาได้ เห็นได้ชัดว่านี่เป็นผลจากการทำงานหนักอย่างแท้จริง

แล้วอย่างไรกัน แม้ว่าปราการนิรันดร์อาจจะดูเป็นแผนที่ดี แต่ก็มุทะลุเกินไป    ต่อให้มีใครหนุนหลังหวังเป่าเล่อก็คงเป็นจริงไม่ได้ ต้นไม้ยักษ์ยิ้มเยาะอยู่ในใจก่อนจะหันไปมองเจ้านคร

เจ้านครไม่ได้พูดว่ากระไร นางยกแผนของหวังเป่าเล่อขึ้นดูอย่างละเอียด แววตาของนางดูราวกับกำลังใคร่ครวญอย่างหนัก เหมือนกำลังชั่งใจกับการตัดสินใจอยู่กระนั้น ทั้งกลุ่มไตรจันทราและหลินโยวต่างก็ชื่นชมหวังเป่าเล่อ แม้กระทั่งประมุขสำนักแห่งสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์เองก็เพิ่งพูดเรื่องนี้กับนางเมื่อไม่กี่วันมานี้

ช่างเป็นความสำเร็จอันน่าประทับใจที่เขาได้รับการสนับสนุนจากสามขั้วการเมืองใหญ่ นางยังได้รับข้อความเสียงจากสามีเมื่อวานนี้เพราะกองทัพได้ติดต่อไปหาเขาเรื่องนี้เช่นกัน…

เจ้าหวังเป่าเล่อนี่มีกลเม็ดมากมายใช่เล่นเชียว นัยน์ตาของเจ้านครเย็นชา       นางไม่ได้ตั้งแง่กับกลเม็ดของหวังเป่าเล่อแต่อย่างใด แต่ถึงกระนั้นนางก็คิดว่าแผนของหวังเป่าเล่อนั้นนำมาใช้จริงไม่ได้ นางเห็นด้วยกับต้นไม้ยักษ์และกำลังจะวางแผนของหวังเป่าเล่อลง ทันใดนั้นเอง…แหวนสื่อสารของนางก็ส่งเสียงขึ้น

เจ้านครก้มลงมอง ก่อนที่จะยิ้มออกมาในทันใด นางผุดลุกขึ้นยืนและเดินห่างออกไป มีโล่ปรากฏขึ้นรอบตัวเมื่อนางรับสาย

ต้นไม้ยักษ์นั่งอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้าท่าทางนิ่งเฉยไร้อารมณ์ เขาเห็นแววตาของเจ้านครและมั่นใจมากว่านางจะไม่เลือกหวังเป่าเล่อให้เข้าไปสู่รอบสุดท้าย

เรื่องนี้เป็นเรื่องเล็ก เขาไม่ได้ใส่ใจกับมันเท่าใดนัก ต้นไม้ยักษ์หยิบแผนของหลี่อี้ขึ้นมาอ่านอย่างละเอียด ตัวเขาเองเป็นคนไปเสนอกับสี่ยอดสำนักศึกษาเต๋าให้สนับสนุนนางอย่างเต็มที่และยังให้คำแนะนำเกี่ยวกับแผนนี้อีกด้วย ยิ่งอ่านแผนนี้เท่าใด เขาก็ยิ่งมีความสุข

เจ้านครเดินกลับมาในไม่ช้าและทรุดตัวลงนั่ง นางครุ่นคิดอยู่ชั่วอึดใจก่อนจะยิ้มและชี้ไปทางแผ่นหยกของหวังเป่าเล่อ

“เลือกหวังเป่าเล่อเป็นตัวแทนคนสุดท้ายกันเถอะ”

ดวงตาของต้นไม้ยักษ์ฉายแววแปลกใจเมื่อได้ยิน เขาเงยหน้าขึ้นมองเจ้านครด้วยสีหน้าฉงนสงสัย เขาคิดไปถึงการส่งเสียงสื่อสารเมื่อครู่ แม้จะสับสนและยังไม่แน่ใจว่าเกิดสิ่งใดขึ้นเขาก็พยักหน้ารับและไม่ได้เอ่ยถามสิ่งใดต่อ

ตัวแทนทั้งสิบได้รับการคัดเลือกเรียบร้อย รายชื่อนั้นถูกประกาศออกไปทั่วดาวอังคารและถ่ายทอดไปบนโลกในวันต่อมา เหล่าตัวแทนกลายมาเป็นจุดรวมความสนใจในทันที

กงเต๋า หลี่อี้ และจั่วอี้เซียนเป็นสามในสิบตัวแทนรอบสุดท้าย อีกหกคนมาจากสำนักรุ่งสางจักรพิภพ สำนักสหชุมนุมสกุณา และกลุ่มเสนาบดี พวกเขาไม่ได้มีชื่อเสียงนัก หนึ่งในกติกาคือทุกคนต้องประจำอยู่บนดาวอังคารอยู่แล้ว และตัวแทนส่วนมากเหล่านี้เพียงถูกเลือกมาในฐานะตัวแทนของสถาบันการเมืองที่ให้             การสนับสนุนพวกเขาเท่านั้น

พวกเขาเป็นใครไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญก็คือกลุ่มการเมืองที่หนุนหลังพวกเขาอยู่ ทางด้านกลุ่มเสนาบดี ตัวแทนของพวกเขาไม่ใช่หลินเทียนหาว แม้ว่าชายหนุ่มจะ    ผ่านเกณฑ์ทุกอย่าง แต่หลังจากที่ได้พูดคุยกับบิดาแล้วเขาก็ตัดสินใจไม่ส่งใบสมัคร

มีตัวแทนจากกลุ่มไตรจันทราเช่นกัน แต่ไม่ใช่จินตั้วหมิง

และตัวแทนคนสุดท้ายก็คือ หวังเป่าเล่อ!

สำหรับมวลชนที่ไม่ทราบเรื่องราวอาจไม่แปลกใจที่ได้เห็นชื่อของหวังเป่าเล่อ    บนรายชื่อด้วย ความโด่งดังและความสามารถของเขาเป็นที่เลื่องลือ แถมยังมาจากหนึ่งในสี่สุดยอดสำนักศึกษาเต๋า จากประวัติเพียงเท่านี้ก็เพียงพอให้เขาติด           หนึ่งในสิบได้

แต่สำหรับผู้ที่รู้เบื้องหลังเบื้องลึกแล้วถือว่าน่าประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง        สำนักศึกษาเต๋ากวางขาวติดต่อไปยังสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ทันทีที่มีการประกาศรายชื่อ ข้อความที่ส่งไปนั้นเต็มไปด้วยความดุดัน ด้วยกลัวว่าจะสร้างความบาดหมางระหว่างสี่ยอดสำนักศึกษาและต้นไม้ยักษ์

ประมุขสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์เกรี้ยวกราดเป็นอย่างยิ่งเมื่อได้รับข้อความจากสำนักศึกษาเต๋ากวางขาวและแสดงโทสะออกมาในทันใด การโต้เถียงนั้นจบลงด้วยความเห็นที่ไม่ตรงกันอย่างรุนแรง แถมยังไม่สามารถหาทางออกได้

หลี่อี้หงุดหงิดใจขึ้นมาทันทีที่เห็นชื่อหวังเป่าเล่อ แต่นางก็รีบสลัดความรู้สึกรังเกียจเดียดฉันท์แล้วส่งข้อความหวานจ๋อยไปแสดงความยินดีกับหวังเป่าเล่อในทันที

หวังเป่าเล่อไม่ได้ใส่ใจตอบข้อความของนางเพราะมัวแต่ตื่นเต้นดีใจที่เห็นว่าตนได้รับเลือก ชายหนุ่มรีบส่งข้อความขอบคุณไปยังจินตั้วหมิง หลินโยว และกองทัพ   บนโลกในทันที หลังจากใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ส่งข้อความไปขอบคุณ         ประมุขสำนักแห่งสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ด้วย

เมื่อประมุขสำนักเห็นชื่อของชายหนุ่มบนรายชื่อตัวแทนสิบคนสุดท้าย เขาก็ยิ้มหยันออกมาและไม่ได้เอื้อนเอ่ยถ้อยคำใด

หลังจากนั้นหวังเป่าเล่อก็ใช้เวลาหมกมุ่นอยู่กับการหลอมหุ่นเชิดก่อสร้าง

เขารู้ดีว่าการได้เป็นตัวแทนเป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น เขาไม่ได้มีความได้เปรียบเหนือตัวแทนคนอื่นๆ เลยในการทดสอบที่กำลังจะมาถึง แถมยังเป็นการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมด้วยซ้ำเพราะทุกคนได้รับอนุญาตให้นำผู้ติดตามไปได้ถึงหนึ่งหมื่นคน!

หวังเป่าเล่อไม่มีผู้ใต้บังคับบัญชามากขนาดนั้น อาจจะมีถึงหากนับรวมบรรดาศิษย์ของเขา แต่เขาพาศิษย์ไปช่วยไม่ได้ ชายหนุ่มได้ศึกษามาเป็นอย่างดี การทดสอบครั้งนี้อันตรายอยู่ไม่น้อย แถมนครอาณานิคมดาวอังคารก็ไม่มีมาตรการรับรองความปลอดภัยให้เหล่าผู้ติดตามแต่อย่างใด มีเพียงตัวแทนเท่านั้นที่จะได้รับแผ่นหยกซึ่งหากทุบแตกจะมีอักขราจารึกที่เชื่อมต่อเข้ากับวงแหวนปราณของนครดาวอังคาร จากนั้นตัวแทนคนนั้นก็จะถูกเคลื่อนย้ายกลับไปยังนครอาณานิคมดาวอังคารในทันที

การจะเปิดใช้งานวงแหวนปราณต้องใช้ทรัพยากรมากโข จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะแจกแผ่นหยกนี้ให้ทุกคนอย่างทั่วถึง เป็นเหตุให้มีเพียงตัวแทนเท่านั้นที่ได้รับสิทธิพิเศษในการเคลื่อนย้ายอย่างฉับพลันนี้ แน่นอนว่าขั้วการเมืองต่างๆ ล้วนต้องเตรียมการและมีแผนสำรองเอาไว้ เพื่อให้ผู้ติดตามได้รับการคุ้มกันอย่างดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

แต่จิตวิญญาณการต่อสู้ของหวังเป่าเล่อยังคงลุกโชนต่อหน้าภยันตรายเหล่านี้

การทดสอบครั้งนี้เป็นการประลองเชาว์ปัญญา…ข้าจะต้องเตรียมพร้อม หวังเป่าเล่อตระเตรียมจิตใจก่อนจะเริ่มเตรียมการ ชายหนุ่มหาไม้มาและเริ่มสร้างรูปปั้น     จำนวนหนึ่ง…

หวังเป่าเล่อปรับแต่งโทรโข่งของเขาและสร้างอันที่มีขนาดใหญ่ขึ้นออกมา…และตระเตรียมการที่คล้ายคลึงกันนี้อีกหลายอย่าง เมื่อเขาทำเสร็จก็รู้สึกว่าพร้อมรบเต็มที่

ในที่สุด…วันทดสอบก็มาถึง หวังเป่าเล่อขี่เจ้าลาของเขาไปถึงท่าอากาศยานดาวอังคาร ชายหนุ่มจ้องมองไปยังฝูงชนหนาแน่นที่รายล้อมอยู่ในบริเวณอย่างตกตะลึง

เรือบินขนาดเขื่องจำนวนสิบลำจอดนิ่งอยู่ทั่วท่าอากาศยานกว้างใหญ่ แต่ละลำใหญ่พอจะจุคนได้นับหมื่น

ในบรรดาเรือบินสิบลำ เก้าลำนั้นมีฝูงชนรายล้อมมากมาย…ลำที่สิบกลับถูก    ห้อมล้อมด้วยความว่างเปล่า หวังเป่าเล่อยืนอยู่เดียวดายข้างเรือบินลำนั้น

ช่างแตกต่างกันเหลือเกิน…

จู่ๆ หวังเป่าเล่อก็เริ่มรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง เขามองไปเห็นหลี่อี้และกองทัพผู้ฝึกตนหนึ่งหมื่นคนข้างกายนาง คนที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มอยู่ในขั้นปลายของระดับการฝึกตนโบราณ มีผู้ฝึกตนขั้นลมหายใจเที่ยงแท้อยู่ประปราย กระทั่งผู้ที่อยู่ในขั้นรากฐานตั้งมั่นก็มีอยู่จำนวนหนึ่ง หวังเป่าเล่อนับหยาบๆ ได้กว่าร้อยคน หลายคนในนั้นมาจาก     สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์…พวกเขามองเห็นหวังเป่าเล่ออยู่ก่อนแล้ว และต่างพากันทำสีหน้าแปลกแปร่ง ราวกับเหนียมอายอยู่เล็กน้อย

หวังเป่าเล่อไม่เห็นสีหน้ารู้สึกผิดของพวกเขาแม้แต่น้อย ชายหนุ่มรู้สึกหัวหมุนกับความกดดันจากหลี่อี้และกองกำลังของนาง จิตวิญญาณการต่อสู้ที่เจิดจ้าอยู่ในใจเขาก่อนหน้านี้นั้นเหี่ยวแห้งไปหมดเพียงแค่เขาสูดหายใจเข้าครั้งเดียว…หวังเป่าเล่อหันไปมองกงเต๋า จั่วอี้เซียน และผู้แทนคนอื่นๆ ทุกคนต่างก็มีกองทัพผู้ฝึกตนนับหมื่นอยู่ด้านหลัง

ผู้แทนทั้งเก้าคนดูราวกับเป็นกองทัพเก้ากองบนลานกว้างของท่าอากาศยาน ความน่าเกรงขามของพวกเขาทำให้ผู้คนที่ได้เห็นต่างรู้สึกฮึกเหิม

คนหนึ่งหมื่นคนในจิตนาการกับของจริงที่ได้มาเห็นนั้นแตกต่างกันอย่างมาก   และหวังเป่าเล่อรู้สึกถึงความแตกต่างนั้นได้เป็นอย่างดี แม้ชายหนุ่มจะไม่เคยตระหนักถึงเรื่องนี้มาก่อน แต่มาบัดนี้เขาได้แต่จ้องค้างนัยน์ตาเบิกโพลง สีหน้าเปลี่ยนไป    อย่างรวดเร็ว หวังเป่าเล่อจ้องมองกองทัพทั้งเก้าก่อนจะหันมามองตนเอง              และความเวิ้งว้างว่างเปล่ารอบข้าง ชายหนุ่มก้มศีรษะลงมองเจ้าลา มันยืนอยู่หว่างขาเขาและแสดงท่าทีว่ากลัวจนหัวหดอย่างเห็นได้ชัด เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัวขึ้นมา   เสียเอง

การมาถึงของหวังเป่าเล่อเรียกความสนใจจากกลุ่มอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี นั่นเพราะ…แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่สังเกตเห็นเขา คนอื่นๆ ต่างเข้ามาอย่างยิ่งใหญ่พร้อมด้วยฝูงชนขนาดมโหฬารที่รายล้อม มีเพียงหวังเป่าเล่อเท่านั้นที่ยืนอยู่โดดเดี่ยว…กับลาเพียงตัวเดียว

ความเวิ้งว้างรอบกายก่อให้เกิดความเปล่าเปลี่ยวอันพูดไม่ถูก…ทุกๆ คน ไม่ว่าจะเป็นหลี่อี้ กงเต๋า หรือผู้แทนคนอื่นๆ ต่างก็มีสีหน้าแปลกๆ บางคนถึงกับหัวเราะออกมาอย่างเปิดเผย

“แล้วอย่างไรกัน! ต่อให้มีข้าคนเดียวก็จัดการพวกเขาได้สบาย ใช่ไหม ไสหัวไป บอกข้าหน่อยสิ เจ้าเรียกพวกเขาว่าอย่างไรกัน” หวังเป่าเล่อกลืนก้อนความรู้สึกต่ำต้อยลงคอ ก่อนจะกัดฟันและลูบหัวลาของเขาเบาๆ

เจ้าลาบังคับตัวเองให้เลิกสั่น เมื่อหวังเป่าเล่อลูบหัวมัน มันก็เปล่งเสียงแหลมเล็กที่สั่นเทาออกมา

“ลูกข้า! ลูกข้า!”

หวังเป่าเล่อรู้สึกถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไปทันทีเมื่อเจ้าลาส่งเสียงร้องออกมา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version