บทที่ 349 ใช้ลาไปก่อนก็แล้วกัน
ผู้แทนคนอื่นๆ และผู้ติดตามถ้าไม่มีสีหน้าแปลกแปร่งก็มีสีหน้าเยาะเย้ยเมื่อมองมาทางหวังเป่าเล่อ เจ้านครดาวอังคาร รองเจ้านครดาวอังคาร รวมไปถึงผู้บริหารงานดาวอังคารคนอื่นๆ เฝ้าดูสถานการณ์อยู่จากศูนย์บัญชาการใหญ่ พวกเขามองเห็นเหตุการณ์แล้วก็ได้แต่กะพริบตา บ้างก็แสร้งทำเป็นไม่เห็น ขณะที่บางคนโคลงศีรษะและยิ้มหยันออกมา
ไม่มีใครคาดหวังกับหวังเป่าเล่อไว้สูง นี่ไม่ใช่เรื่องของหวังเป่าเล่อเลย แม้ไม่ได้มีการล็อคผลการทดสอบไว้ล่วงหน้า แต่มันคือสนามรบของเหล่าขั้วการเมืองต่างๆ ต่างหาก ทุกฝ่ายต่างก็ทุ่มเททรัพยากรและพลังงานทั้งหมดไปกับการเตรียมการ ผู้ติดตามของตัวแทนแต่ละคนล้วนได้รับการอบรมถึงทักษะที่จำเป็นโดยละเอียด
พวกเขามีทั้งนักการยุทธ์ ผู้ใช้วงแหวนปราณ และนักหลอมวัตถุเวท ทุกคนล้วนเตรียมการมาเป็นอย่างดีเพื่อเตรียมรับมืออุปสรรคใดๆ ที่อาจได้พบพาน
พวกเขาต่างเข้าใจสถานการณ์ของหวังเป่าเล่อเป็นอย่างดี ขั้วการเมืองต่างๆ ล้วนไปหาข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้มาเช่นกัน พวกเขารู้ว่าหวังเป่าเล่อตัดสินใจขยับสวนทางกับความเห็นของสี่ยอดสำนักศึกษาเต๋า ชายหนุ่มสมัครเป็นตัวแทนด้วยตัวเอง
ทุกคนมีความเห็นเดียวกันต่อการตัดสินใจของหวังเป่าเล่อ ชายหนุ่มไม่มีใคร หนุนหลังเลย แม้ว่าเขาจะได้รับเลือกเป็นตัวแทนแต่สิ่งที่รอเขาอยู่มีเพียงความล้มเหลวเท่านั้น
ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกังวลเกี่ยวกับหวังเป่าเล่อแม้สักนิด ชายหนุ่มมีเพียง ตัวคนเดียว ทรัพยากรที่เขามีหากเทียบกับตัวแทนคนอื่นๆ แล้วก็เพียงผงธุลี
จุดประสงค์หลักของการทดสอบครั้งนี้คือการสร้างแนวป้องกันภายในระยะเวลาอันจำกัดก่อนที่เหตุอสูรหลั่งไหลจะมาถึง ในขณะที่กำลังต่อสู้กับอสูรอยู่นั้นเอง ตัวแทนทุกคนยังต้องแข่งกับเวลาและสร้างฐานที่มั่นให้กับเขตนครใหม่ เพื่อป้องกันเหตุอสูรหลั่งไหลที่รุนแรงขึ้นและป้องกันเขตนครให้อยู่รอดปลอดภัยได้จนถึงตอนจบ
หวังเป่าเล่อตัวคนเดียวและไม่มีทรัพยากรใดๆ เขาจะต้องทุบแผ่นหยกและถูกเคลื่อนย้ายออกไปในเวลาไม่นานอย่างแน่นอน ชายหนุ่มจะต้องตกรอบในไม่ช้า…
“เขายังหนุ่มแน่น แต่นี่คือการต่อสู้ระหว่างขั้วการเมืองต่างๆ เป็นไปไม่ได้ที่ตัวแทนหัวเดียวกระเทียมลีบซึ่งไม่มีแม้คนหนุนหลังจะชนะได้”
“เป็นไปไม่ได้เลย เจ้าหวังเป่าเล่อโง่เง่าเสียจริง ช่างน่าขันนัก”
“ใช่แล้ว ข้าได้ยินมาว่าสำนักศึกษาเต๋ากวางขาวโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเลยทีเดียว พวกเขาถึงขนาดออกมาต่อว่าสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ผ่านสื่อ…”
ขณะที่ทุกคนในศูนย์บัญชาการพากันถอนหายใจ มีเพียงต้นไม้ยักษ์เท่านั้นที่ยังคงเฉยเมย รอยยิ้มเยาะบางๆ พาดผ่านริมฝีปากเมื่อเขาจ้องมองร่างของหวังเป่าเล่อที่อยู่ห่างออกไป ในความคิดต้นไม้ยักษ์ หวังเป่าเล่อดูจะมั่นใจเกินไปในครั้งนี้
เขาคิดว่าที่นี่คือ เขตจันทราเวทหรืออย่างไรกัน
ทุกคนบนท่าอากาศยานหากไม่ซุบซิบกันก็โคลงศีรษะอยู่ไปมา เจ้านครไม่อาจทนดูสถานการณ์อันน่าอึดอัดนี้ต่อไปได้ นางจึงส่งคำสั่งออกไปในทันที
“ส่งสัญญาณให้เรือบินออกเดินทางได้ การทดสอบจะเริ่มขึ้นทันทีที่เรือบินทุกลำไปถึงเขตอาวุธเทพ!”
เรือบินทั้งสิบลำที่จอดสงบนิ่งอยู่บนท่าอากาศยานติดเครื่องทันทีที่เจ้านครออกคำสั่ง และพร้อมออกเดินทางทุกเมื่อ หลี่อี้และตัวแทนคนอื่นๆ ต่างก็ได้รับจากแจ้งเตือน ทุกคนพากันเคลื่อนที่ขึ้นเรือบินของตนในทันที
ขณะที่หลี่อี้กำลังเดินขึ้นยานนั้น นางหันไปส่งยิ้มหวานให้หวังเป่าเล่อหนึ่งครั้ง และจึงหันหลังเดินขึ้นยานไป แต่เมื่ออยู่ในห้องบนเรือบินตามลำพัง สายตา หยามเหยียดและเกลียดชังของนางก็ฉายออกมาอย่างชัดเจน
“ไอ้หมูตอน!” หญิงสาวสบถ หลี่อี้ขณะนี้นั้นกำลังมีความสุขยิ่ง นางจิตนาการว่าเมื่อได้ขึ้นเป็นนายกเทศมนตรีเมื่อใด นางก็ไม่มีความจำเป็นต้องฝึกเคล็ดเวท ต้นหลิวไร้หัวใจอีกต่อไป สถานะของนางจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง นางไม่อาจทนกับการแกล้งเกี้ยวหวังเป่าเล่อได้แล้ว เพราะรู้สึกทั้งขยะแขยงและอับอายเป็นอย่างยิ่ง
ขณะที่หลี่อี้กำลังจมอยู่ในห้วงความคิด จั่วอี้เซียนก็เดินขึ้นเรือบินของเขาเช่นกัน ชายหนุ่มมีสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ตลอดเวลา สายตาอาฆาตที่จ้องมองไปทาง หวังเป่าเล่อนั้นชัดเจน ความคิดของเขาคล้ายคลึงกับหลี่อี้ ทั้งเหยียดหยามและ เกลียดชัง
มีคนอีกมากมายที่จบการศึกษามาจากสี่ยอดสำนักศึกษาเต๋าเช่นเจ้า หากไร้ซึ่งการสนับสนุนจากสำนักศึกษา เจ้าก็เป็นเพียงขยะเท่านั้น!
ฝ่ายกงเต๋าไม่ได้แสดงความเกลียดชังออกมาอย่างชัดเจน ถึงกระนั้นเขาเอง ก็ไม่เคยมีความรู้สึกดีๆ ต่อหวังเป่าเล่อมาตั้งแต่ต้น และความสัมพันธ์ที่กระท่อนกระแท่นนั้นกลับแย่ลงอีกจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลาขาวของเขา ชายหนุ่มส่งสายตาเยือกเย็นไปทางหวังเป่าเล่อ ก่อนจะเมินอีกฝ่ายไปโดยสิ้นเชิง
ผู้แทนคนอื่นๆ ก็ทำเช่นเดียวกัน บางคนไม่คิดปิดบังท่าทีดูถูกหวังเป่าเล่อแม้แต่น้อย พวกเขาทั้งหัวเราะทั้งโคลงศีรษะอย่างล้อเลียน ทุกคนเห็นหวังเป่าเล่อเป็นเพียง ตัวตลกและต่างพากันขึ้นเรือบินของตนไปโดยไม่ได้สนใจชายหนุ่มอีก
หวังเป่าเล่อแม้จะมองเห็นผู้แทนคนอื่นไม่ครบทุกคน แต่ก็เห็นอาการดูหมิ่นเหยียดหยามได้อย่างชัดเจน โทสะในใจเขาเริ่มลุกโชน
พวกเจ้ามีสถานะและตระกูลหนุนหลังแล้วอย่างไรกัน ข้านี่ละที่หนุนหลังตัวข้าเอง! หวังเป่าเล่อสลัดอารมณ์หงุดหงิดออกไป เขากัดฟันแน่นก่อนจะเดินตรงไปยังเรือบิน ชายหนุ่มและเจ้าลาเดินขึ้นเรือบินที่สามารถจุคนได้เรือนหมื่นไป ชายหนุ่มจ้องมองไปยังเนื้อที่อันโอ่โถงภายในแล้วก็นึกดีใจขึ้นมาว่าอย่างน้อยเขาก็มีที่เหยียดขา…
เรือบินทั้งสิบออกตัวและออกเดินทางด้วยความเร็วสูงสุด พุ่งทะยานผ่านป่ารกของดาวอังคารและไปถึงจุดหมายในเวลาหกชั่วโมง
ยิ่งพวกเขาเข้าใกล้จุดหมายมากขึ้นเท่าใด หวังเป่าเล่อก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น นี่เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มเดินทางมาไกลจากนครอาณานิคมถึงเพียงนี้ การเดินทาง ใช้เวลานานมากเพราะมีรังสีรบกวนรุนแรงที่แผ่ออกมาจากบริเวณรอบนอกจาก อาณาเขตอาวุธเทพ คล้ายเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ดึงเรือบินลงไป พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องลดความเร็วลง
มีเสียงกระทบกระทั่งดังสนั่นมาจากนอกตัวลำเรืออยู่เป็นระยะ เรือบินขนาดจุคนเรือนหมื่นสั่นไหวอย่างรุนแรง ทว่าหากคนด้านในมองออกไปนอกหน้าต่างก็จะไม่เห็นสิ่งใดนอกจากท้องฟ้าสีครามใส หวังเป่าเล่อตกใจกับทิวทัศน์นั้นเป็นอย่างยิ่ง
ขณะที่เรือบินมุ่งตรงไปข้างหน้า พื้นดินที่เคยเป็นทุ่งกว้างปกคลุมด้วยหิมะเริ่มหายไป เผยให้เห็นหย่อมดินแดงที่กระจายอยู่ทั่ว ยิ่งเข้าใกล้จุดหมายเท่าใด หย่อมดินแดงเหล่านี้ก็ยิ่งกว้างใหญ่และชัดเจนมากขึ้น
ผืนแผ่นดินโดยรอบดูราวกับว่าเปียกชุ่มไปด้วยโลหิตสดๆ เป็นภาพน่าสยดสยองสำหรับผู้มาใหม่เป็นอย่างยิ่ง
อีกหนึ่งชั่วโมงผ่านไป เรือบินทั้งสิบบินข้ามผืนแผ่นดินสีโลหิตมาได้ด้วยดี ทิวเขาสูงใหญ่เริ่มปรากฏสู่สายตาของเหล่าผู้โดยสาร ลมหายใจของทุกคนเริ่มสะดุดด้วยความตื่นเต้น ในที่สุด…พวกเขาก็มาถึงที่หมาย…
มาถึงเขตแดนอาวุธเทพแล้ว!
ที่นี่คือจุดศูนย์กลางดาวอังคาร ห่างไกลออกมาจากนครอาณานิคม ดินแดนแห่งนี้ปกคลุมด้วยภูเขามากมาย สุสานใต้ดินที่อาวุธเทพเร้นกายอยู่นั้นซุกซ่อนอยู่ท่ามกลางเทือกเขาเหล่านี้…มีทุ่งกว้างแห่งหนึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางยอดเขาสูงใหญ่ หากมองจาก ที่ไกลๆ แล้วดูราวกับเป็นหุบเขาธรรมดาๆ
ทุ่งกว้างนี้คือบริเวณที่จะสร้างเขตนครใหม่บนดาวอังคาร มีสุสานใต้ดินขนาดมหึหาอยู่ตรงกลางทุ่งกว้างนั้น และมีผนึกไร้สีที่ส่องแสงเรืองๆ ปิดอยู่ตรงปากทาง ผนึกนี้ช่วยป้องกันไม่ให้สิ่งใดเล็ดออกมาได้ อสูรหน้าตาน่าสะพรึงกลัวหลายตนใช้ศีรษะ พุ่งชนผนึกอย่างเกรี้ยวกราด
ผนึกส่องประกายจ้าทุกครั้งที่มีสิ่งใดมากระทบ แสงสว่างจ้านั้นฉายฉาบไปบนท้องฟ้า
เสียงคำรามอย่างขุ่นเคืองใจของอสูรดังแว่วออกมาจากสุสานใต้ดินที่ถูกผนึก ก่อนจะก้องกังวานไปบนท้องฟ้า เรือบินทั้งสิบลำบินเข้ามาใกล้ ทุกคนมองเห็น อาณาเขตทั้งสิบที่กระจายล้อมรอบสุสานใต้ดินในทันที
อาณาเขตทั้งสิบนั้นตั้งอยู่ติดๆ กัน มีเส้นแบ่งเขตแดนชัดเจนระหว่างแต่ละอาณาเขต ภายในอาณาเขตเป็นผืนดินว่างเปล่า ปราศจากสิ่งก่อสร้างใดๆ แม้บางอาณาเขตจะปกคลุมไปด้วยพืชพรรณแปลกตาก็ตาม
ในไม่ช้าเรือบินทุกลำก็ลงจอด เมื่อเครื่องยนตร์ดับลง หลี่อี้และผู้แทนคนอื่นๆ ก็กระโจนออกมาทันที พวกเขานำเหล่าผู้ติดตามมุ่งหน้าไปยังอาณาเขตที่หมายตา ดูเหมือนว่าทุกคนได้พูดคุยและตกลงกันมาก่อนหน้านี้แล้วว่าใครจะอยู่บริเวณใด ทุกคนต่างเดินหน้าไปยังที่ของตนอย่างเป็นระเบียบ
ใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งกว่าที่ทุกคนจะพบตำแหน่งที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้า พวกเขาต่างออกคำสั่งทำงานกันอย่างแข็งขันเพราะไม่มีเวลาให้เสีย บรรดาผู้ติดตามก็นำทรัพยากรจำนวนมหาศาลออกมาจากกำไลคลังเวท…และเริ่มการก่อสร้างทันที!
เมื่อหวังเป่าเล่อลงมาจากเรือบินก็เห็นฉากนี้เข้าเสียแล้ว ในอาณาเขตทั้งเก้าจากสิบพื้นที่ว่างนั้นมีเหล่าผู้ฝึกตนกำลังนำวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์มากมายออกมาและทำงานกันอย่างแข็งขัน แม้ว่าหวังเป่าเล่อจะเตรียมใจสำหรับเรื่องนี้มาบ้างแล้วก็ตาม แต่ก็อดน้ำลายสอไปกับภาพตรงหน้าไม่ได้
“พวกเขาช่างร่ำรวยเสียเหลือเกิน!” หวังเป่าเล่อพึมพำก่อนจะถอนหายใจ ชายหนุ่มมองเห็นอาณาเขตสุดท้ายที่ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจ ทุ่งกว้างนั้นปกคลุมไปด้วยวัชพืชและต้นไม้ตายที่กำลังเปื่อยเน่า ดูแล้วเหี่ยวเฉายิ่งกว่าทะเลทรายเสียอีก…
แต่หวังเป่าเล่อก็มุ่งหน้าไปและเริ่มกำจัดวัชพืชอย่างไม่ย่อท้อ หลังจากออกแรงดึงอยู่ครู่ใหญ่ชายหนุ่มจึงค้นพบว่าวัชพืชเหล่านี้เหนียวมาก คงจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่นักหากเขามีผู้ช่วยมามากกว่านี้ แต่หากเขาต้องทำคนเดียวคงต้องใช้เวลามากโขในการกำจัดวัชพืชเหล่านี้ให้หมด
จะมากเกินไปแล้ว พวกเขาไม่ได้บอกข้าก่อนด้วยซ้ำว่าจะทิ้งที่ที่ห่วยที่สุดเอาไว้ให้! หวังเป่าเล่อรู้สึกขุ่นเคืองใจ ชายหนุ่มชั่งใจอยากจะดึงหุ่นเชิดก่อสร้างออกมา เสียเดี๋ยวนี้ แต่ก็คิดว่ายังไม่ถึงเวลา เขาจึงหันไปมองเจ้าลา
“เจ้าโง่ กินเสีย!” หวังเป่าเล่อกระแอมกระไอ
เจ้าลากัดวัชพืชเข้าไปหนึ่งคำก่อนจะตั้งท่าโก่งคออาเจียน แต่ก่อนจะได้ อาเจียนออกมา มันก็หันไปเห็นสายตาดุร้ายที่หวังเป่าส่งมาเสียก่อน จึงกลืนลงไปแทน มันจ้องมองไปยังอาณาเขตอื่นๆ ที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ ก่อนจะหลุบศีรษะลงต่ำอย่างยอมจำนนและเริ่มแทะกินวัชพืชต่อไป…
เรือบินทั้งสิบลำลอยขึ้นไปบนอากาศและเริ่มบันทึกภาพจากมุมต่างๆ ในขณะเดียวกัน…การถ่ายทอดสดไปยังทั่วทั้งสหพันธรัฐก็เริ่มต้นขึ้น!
ในพริบตานั้นเอง ครอบครัวในสหพันธรัฐนับแสนครัวเรือนก็ได้เห็นอาณาเขตอาวุธเทพผ่านหน้าจอวิญญาณของหลากหลายบริษัท พวกเขาเห็นหลี่อี้และตัวแทน คนอื่นๆ กำลังง่วนอยู่กับการก่อสร้างในอาณาเขตทั้งเก้า และพวกเขาก็เห็น… หวังเป่าเล่อผู้เดียวดายกำลังยืนเอามือไพล่หลังพลางเตะเจ้าลาอย่างโกรธเคือง ขณะที่เจ้าลาก็กำลังเคี้ยวหญ้าอย่างไม่เต็มใจ…
ฉากอันเดียวดายของหวังเป่าเล่อได้รับความสนใจจากผู้ชมที่ตื่นตะลึงจำนวนมหาศาลในทันที..