บทที่ 354 นักรบเดียวดาย
ขณะนี้ในอาณาเขตของหวังเป่าเล่อ ไม่ได้มีภาพน่าอนาถซึ่งมีเพียงชายหนุ่มกับลาอีกต่อไป แต่มีหุ่นเชิดก่อสร้างนับพันที่กำลังง่วนทำงาน ไม่มีวัชพืชหลงเหลือให้เห็น มีเพียงสนามเพลาะที่ถูกขุดเอาไว้อย่างประณีต กำแพงทองแดงซึ่งสร้างขึ้นจาก เศษชิ้นส่วนเล็กๆ น้อยๆ ตั้งขึ้นประหนึ่งรั้ว!
ความเปลี่ยนแปลงนั้นหากเปรียบเทียบกับสถานการณ์ก่อนหน้า แม้ไม่ได้มาก เสียจนไม่น่าเชื่อ แต่ก็ยังน่าตกใจอยู่ไม่น้อย ผู้ชมทางบ้านทุกคนต่างก็ตกตะลึง บางคนที่เข้าใจแผนของหวังเป่าเล่อก็ถึงกับต้องเอ่ยปากชม
“ข้าเข้าใจแล้ว! หวังเป่าเล่อตั้งใจจะใช้ประโยชน์จากตัวแทนคนอื่นๆ นั่นเอง!”
“เขาไม่มีสิ่งใดเลย เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ แล้วเขาไม่มีความได้เปรียบในการแข่งขัน ข้าเข้าใจแล้ว…เจ้าหนุ่มคนนี้ตั้งใจจะใช้ทรัพยากรของคนอื่นมาตั้งแต่ต้นแล้ว”
ทั้งหลิวต้าวปิน ประมุขสำนัก และคนอื่นๆ ต่างพากันตกตะลึง นัยน์ตาของประมุขสำนักนั้นลุกโชนขึ้นมาทันที ชายชราคิดว่าการแกล้งตายและการใช้โทรโข่งของหวังเป่าเล่อนั้นน่ารำคาญ แต่มาบัดนี้เขาเข้าใจแผนของชายหนุ่มแล้ว
เขาคงลำบากไม่น้อยแน่ เพราะในท้ายที่สุดแล้ว สี่ยอดสำนักศึกษาเต๋าก็เลือกสนับสนุนหลี่อี้ ประมุขสำนักรู้สึกผิดจนต้องถอนหายใจออกมา แม้ว่าเขาจะคาดหวังกับหวังเป่าเล่อไว้มาก แต่ก็รู้ดีว่าเป็นการยากยิ่งที่จะชนะแม้จะมาถึงจุดนี้ได้
นอกเสียจากว่าเขตนครที่เขาสร้างจะพิเศษจริงๆ…ขณะที่ประมุขสำนักแห่ง สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์นิ่งคิดอยู่เนิ่นนาน ชาวอังคารจำนวนมากที่ดูถ่ายทอดสดต่างก็แสดงอาการตกตะลึงออกมา เจ้านครอาณานิคมดาวอังคารเผยอยิ้มออกมาเล็กน้อย ส่วนต้นไม้ยักษ์เพียงแค่ขมวดคิ้วและไม่ได้เอ่ยถ้อยคำใด
อีกด้านหนึ่ง กองทัพชาวอังคารนั้นแม้จะรำคาญแต่ก็เฝ้าตามดูอย่างสนุก หากเป็นคนอื่นไม่ใช่หวังเป่าเล่อที่กระทำตนเช่นนี้ พวกเขาคงมีปฏิกิริยาอีกแบบ แต่นี่เป็นหวังเป่าเล่อ ผู้ที่เพิ่งมาประกอบปืนใหญ่เป่าเล่อให้เมื่อไม่นานมานี้ แถมยัง สอนวิธีการใช้อย่างหมดเปลือก กองทัพชาวอังคารจึงรู้สึกสำนึกคุณจนต้องยอมใจอ่อนให้เขา
ฟากจั่วอี้เซียนและสมาชิกตระกูลคนอื่นๆ นั่นไม่อาจทำอะไรได้ ต่างได้แต่กัดฟันมองดูหุ่นเชิดของหวังเป่าเล่อปล้นทรัพย์พวกเขาไปอย่างจนใจ…
ในขณะเดียวกัน หวังเป่าเล่อผู้ซึ่งได้ทรัพยากรมามากโขก็ทั้งตื่นเต้นและดีใจ ชายหนุ่มบังคับหุ่นเชิดนับพันตัวพร้อมๆ กันเพื่อเริ่มสร้างฐานที่มั่นของตน!
แม้ว่าหวังเป่าเล่อจะเริ่มต้นช้าและค่อนข้างมีทรัพยากรจำกัด แต่ความได้เปรียบคือเขาได้ใช้เวลากับพิมพ์เขียวปราการนิรันดร์มาปีกว่าแล้ว ชายหนุ่มทั้งทบทวนและอุดรอยรั่วต่างๆ ไม่ว่างจะเป็นโครงสร้างภายใน องค์ประกอบของอักขราจารึก และรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ
อาจกล่าวได้ว่าหวังเป่าเล่อสร้างปราการสำเร็จเรียบร้อยแล้วอยู่ในศีรษะ ชายหนุ่มรู้รายละเอียดทุกอย่างเป็นอย่างดี ก่อนหน้านี้สิ่งที่เขาไม่มีคือทรัพยากร ตัวแทนคนอื่นๆ นั้นไม่มีใครมั่นใจเท่าหวังเป่าเล่อสักคน
ดังนั้นขณะนี้เมื่อหวังเป่าเล่อกำลังสร้างปราการอยู่นั้นเอง สมองของเขาก็ทำงานอย่างเฉียบคมและว่องไว หุ่นเชิดนับพันทำงานสอดคล้องกันราวกับว่าเป็นมือพันคู่ที่ถูกควบคุมโดยหวังเป่าเล่อ ไม่มีความวุ่นวายทั้งยังรวดเร็ว เมื่อเหตุอสูรหลั่งไหลครั้งที่สี่บังเกิด โครงร่างฐานที่มั่นของหวังเป่าเล่อก็เสร็จเรียบร้อย ฐานของมันฝังอยู่ใน สนามเพลาะในดิน!
บนฐานมีกรอบขนาดใหญ่ที่เพิ่งจะอยู่ในช่วงเริ่มก่อสร้าง รูปลักษณ์สุดท้ายของมันยังไม่เป็นที่แน่ชัด ทำให้ยากที่จะบอกได้ว่าสิ่งก่อสร้างนี้จะน่าประทับใจสักเพียงใด อย่างไรก็ตาม งานก่อสร้างที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องโดยหุ่นเชิดนับพันก็ทำให้ผู้ชม ทุกคนต่างตื่นตกใจ
กระทั่งตัวแทนคนอื่นๆ เมื่อซ่อมแซมฐานของตนเองเสร็จแล้วต่างก็หันมาสนใจสิ่งที่หวังเป่าเล่อทำอยู่ บ้างก็ทำหน้าขึงขัง บ้างก็เร่งมือรีบซ่อมแซม ฝ่ายกงเต๋านั้นมีประกายเยือกเย็นสะท้อนอยู่ในตา เขาไม่ได้ใส่ใจหวังเป่าเล่อมากนัก และเลือกที่จะ พุ่งสมาธิไปที่การก่อสร้างของตนเอง
ในบรรดาตัวแทนทุกคน คนที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือหลี่อี้ นางทั้งมีความสามารถ ทั้งยังได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากต้นไม้ยักษ์และสี่ยอดสำนักศึกษาเต๋า ทำให้เขตนครของนางทั้งแข็งแกร่งและมั่นคงที่สุดในหมู่ตัวแทนทั้งหมด
แม้เขตนครของหญิงสาวจะยังไม่เสร็จดี แต่ก็ดูน่าเกรงขามเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขตนครที่นางตั้งใจจะสร้างนั้นมุ่งเน้นไปที่การสร้าง วงแหวนปราณ หากมองดูสิ่งก่อสร้างนี้จากที่ไกลๆ จะเห็นลำแสงที่ตัดผ่านกันและกันจนกลายเป็นรูปสามมิติ ลำแสงเหล่านั้นเจิดจ้าแสบตาเป็นอย่างยิ่ง
ขณะเดียวกัน ตัวแทนทุกคนต่างต้องแบ่งทรัพยากรและกำลังคนมาป้องกันและตอบโต้กลยุทธ์ของหวังเป่าเล่อ โทรโข่งกลายเป็นจุดสนใจในทันที เพราะหลอมไม่ยาก ในไม่ช้า ตัวแทนทุกคนที่มีทรัพยากรเหลือเฟือก็สร้างโทรโข่งขึ้นมาเพื่อใช้ป้องกันเหตุอสูรหลั่งไหล
โทรโข่งของพวกเขาไม่ได้มีประโยชน์เท่าใดนัก เพราะโทรโข่งจะสามารถไล่อสูรไปได้ก็ต่อเมื่อมันถูกติดตั้งในจุดเดียวกัน หากทุกคนเปิดโทรโข่งพร้อมกัน มันกลับจะทำให้อสูรคุ้มคลั่งมากขึ้นเสียเปล่าๆ
ดังนั้นจุดประสงค์ในการสร้างโทรโข่งก็เพื่อที่จะควบคุมหวังเป่าเล่อเท่านั้น
เมื่อเห็นว่าคนอื่นๆ เริ่มสร้างโทรโข่งของตัวเอง หวังเป่าเล่อก็เริ่มไม่พอใจ
นี่มันละเมิดลิขสิทธิ์นะ! พวกเขาลอกข้าชัดๆ! หวังเป่าเล่อเหยียดยิ้มแต่ก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้ ชายหนุ่มรู้ดีว่าบัดนี้โทรโข่งไม่มีประโยชน์อีกต่อไป ยิ่งไปกว่านั้น เขายังรู้อีกว่าแม้จะชิงทรัพยากรจากเพื่อนบ้านมาได้ แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะสร้างปราการนิรันดร์สมบูรณ์แบบที่วางแผนไว้ในใจ หวังเป่าเล่อยังมีทรัพยากรไม่พอ และทำให้ความเร็วในการก่อสร้างลดลงเป็นอย่างมาก
หวังเป่าเล่อหงุดหงิดเป็นอย่างยิ่ง ชายหนุ่มจ้องมองไปยังอาณาเขตของตัวแทนคนอื่นด้วยสายตาละโมบ ขณะที่กำลังวางแผนขั้นต่อไปอยู่นั้นเอง เสียงกัมปนาทก็ดังออกมาจากผนึกสุสานอาวุธเทพใต้ดินอีกครั้ง เป็นสัญญาณบอกถึงการเริ่มต้นของ เหตุอสูรหลั่งไหลครั้งที่สี่
เหตุครั้งนี้ใหญ่กว่าครั้งก่อนอย่างเห็นได้ชัด เสียงดังสนั่นก้องสะท้อนไปทั่ว อสูรดุร้ายจำนวนมหาศาลส่งเสียงร้องคำรามเมื่อหลุดออกมา มีอสูรที่อยู่ในขั้นลมหายใจเที่ยงแท้เพิ่มมากขึ้น ขั้นรากฐานตั้งมั่นก็เช่นกัน…
คราวนี้มีศพผีโบราณใส่เกราะสีดำเดินออกมาด้วยถึงสิบตนด้วยกัน แต่ละตนนั้นสูงราวหกเมตร ดูราวกับเป็นภูเขาย่อมๆ ที่ทำจากเลือดเนื้อ แต่ละตัวส่งกลิ่นเหม็น เนื้อเน่าไปทั่วบริเวณ หากมองเข้าไปใกล้ๆ จะเห็นได้ว่าพวกมันถูกสร้างขึ้นจากศพจำนวนมากที่หลอมรวมกัน!
บ้างก็มีสามศีรษะ บ้างก็มีหนึ่งศีรษะที่ปกคลมไปด้วยลูกตา บ้างก็ไม่มีศีรษะแต่มีปาก ที่เต็มไปด้วยฟันแหลมคมอยู่ทั่วมือ
ศพผีโบราณทั้งสิบเป็นผู้นำของกองทัพอสูร พวกมันพุ่งตัวออกมาพลางส่งเสียงคำรามดังสนั่น นำกองทัพอสูรมุ่งหน้าไปยังอาณาเขตต่างๆ ด้วยความเร็วสูง แผ่นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ตัวแทนของแต่ละอาณาเขตถึงกับผงะ แต่ก็ยังพยายามอย่างยิ่งที่จะปกป้องอาณาเขตของตนเองไว้
หวังเป่าเล่อกังวลใจเป็นอย่างยิ่ง ชายหนุ่มเห็นว่ามีศพผีโบราณถึงสองตนมุ่งหน้ามาทางเขา แม้จะรู้ดีว่าเป็นเพราะเพื่อนบ้านทั้งสองหายไปแล้ว เขาก็ยังอดหัวเสียไม่ได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อฐานที่มั่นของเขายังไม่ถึงไหนและไม่อาจทนการจู่โจมได้ หากอสูรบุกเข้ามาในอาณาเขตของเขาได้ ทุกอย่างที่หวังเป่าเล่อสร้างมาก็จะพังทลายลงไปหมด ดังนั้นหวังเป่าเล่อจึงกัดฟันแน่น และคิดหาทางซื้อเวลาด้วยจิตใจที่เปี่ยมโทสะ
หวังเป่าเล่อไม่ใช่คนขี้อาย ตอนนั้นเองนัยน์ตาเขาก็เป็นประกายขึ้นมา ชายหนุ่มเร่งลมหายใจและกระโดดขึ้นไปในอากาศอย่างมุ่งมั่น พลางดึงตัวเจ้าลาที่กำลังเดินตามแทะขาหุ่นเชิดตัวหนึ่งไปรอบๆ
เจ้าลาทำตัวน่าสงสัยมาตั้งแต่ที่หุ่นเชิดเริ่มเคลื่อนย้ายทรัพยากรจำนวนมากเข้ามา ความดุร้ายของหวังเป่าเล่อสร้างบาดแผลไว้ในใจของเจ้าลา และหากไม่ใช่เพราะ เรื่องนั้น เจ้าลาคงจะกินทรัพยากรทั้งหมดไปเสียตั้งนานแล้ว
ขณะนี้มันไม่กล้ากินสิ่งใดเลย แต่ก็ยังหิวอยู่ มันได้แต่เลียเท่านั้น…เมื่อถูกจับได้ เจ้าลาจึงเริ่มส่งเสียงร้องและเตะขาไปมาด้วยความตื่นตระหนก มันทำหน้าใสซื่อ ราวกับจะบอกหวังเป่าเล่อว่า ข้าไม่ได้กินอะไรเลยนะ
“ฟังข้านะเจ้าลา เจ้าจะเข้าไปซ่อนในกำแพงก็ได้ แต่ห้ามให้อสูรตนใดเข้ามาในฐานเด็ดขาด หาไม่แล้ว ข้าจะปิดปากเจ้าไปจนชั่วชีวิต แต่หากเจ้าทำสำเร็จ…เจ้าบ้า ที่นี่มีของกินอร่อยๆ ตั้งมากมาย หากข้าชนะ ข้าจะให้เจ้ากินเลี้ยงสามวันสามคืน เลยเชียว!”
หวังเป่าเล่อพูดอย่างจริงจังก่อนจะโยนเจ้าลาเข้าไปที่กำแพงเมืองและไม่สนใจมันอีกต่อไป ท่ามกลางสายตาที่จับจ้องจากผู้ชมทั้งสหพันธรัฐ ชายหนุ่มก็กระโจนขึ้นไปในอากาศอีกครั้ง ก่อนจะโบกมือขวาครั้งหนึ่ง กระบี่อาวุธเวทปรากฏในมือเขาทันที ขณะที่ฐานที่มั่นของตัวแทนคนอื่นๆ เปิดเพื่อต่อสู้กับกองทัพอสูร
หวังเป่าเล่อก็พุ่งตัวไปยังศพผีโบราณทั้งสองและกองทัพอสูรรอบตัวด้วยความเร็วสูงพลางส่งเสียงคำรามไปด้วย!
พลังรุนแรงปะทุขึ้นรอบกายหวังเป่าเล่อ ราวกับว่ากายหยาบของเขาสูญสลายไป เผยให้เห็นร่างจริงอันน่าสะพรึงที่เปี่ยมด้วยประสบการณ์การต่อสู้ซึ่งเขาสั่งสมมาจากป่าฝนบ่อเมฆ แอ่งแผ่นดินเค่อหลุน และเขตจันทราเวท…หวังเป่าเล่อที่แท้จริง!
ภาพที่ปรากฏขึ้นในใจเขาคือ อสูรร้ายจำนวนมากที่วิ่งหนีหลังจากค้างคาวยักษ์และผู้นำอสูรตนอื่นๆ ถูกสังหารที่แนวป้องกันลำดับเจ็ด
ทางเดียวที่ข้าจะรอดจากภัยครั้งนี้ไปได้ คือต้องสังหารผู้นำอสูรและขู่ให้อสูรตนอื่น หนีไป! หวังเป่าเล่อดูดุร้ายเป็นอย่างยิ่ง เสียงตะโกนของเขาดังกระหึ่มประหนึ่งสายฟ้า มันสะท้อนก้องไปทั่วบริเวณ
“ตาย!”