Skip to content

A World Worth Protecting 355

บทที่ 355 ข่มขู่กองกำลังอสูร

ฉากนั้นทำเอาผู้ชมจากสหพันธรัฐนิ่งขึงไปด้วยความตกตะลึง ขณะนี้ในสายตาของพวกเขา หวังเป่าเล่อนั้นดูราวกับเป็นกระบี่คมกริบที่เพิ่งหลุดจากฝัก เขาทั้ง       น่าเกรงขามและน่าสะพรึงกลัว แตกต่างจากการกระทำก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง ช่างเป็นการเปลี่ยนแปลงอันใหญ่หลวง!

บางคนถึงกับสงสัยว่าหวังเป่าเล่อตัวจริงเป็นอย่างไรกันแน่!

จะเป็นชายหนุ่มไร้ยางอายไม่เอาถ่านผู้เอาแต่คุยโม้โอ้อวดเมื่อครู่ หรือเป็นคนที่กำลังกวัดแกว่งกระบี่ด้วยกายประหนึ่งมังกรที่เปล่งพลังอันน่าเกรงขาม ผู้ซึ่งกำลังเข้าไปต่อสู้ฟาดฟันกับกองทัพอสูรอย่างมุ่งมั่นและดุร้ายคนนี้กันแน่

ความแตกต่างนั้นช่างมากมาย กระทั่งผู้ชมการถ่ายทอดสดจากสหพันธรัฐและจากนครอาณานิคมดาวอังคาร ต่างก็ตกตะลึงตัวแข็ง เสียงหายใจหอบถี่และ        เสียงอุทานด้วยความตกใจดังกลบกันอยู่ไปมา ขณะนี้ ในเขตนครใหม่ของดาวอังคาร ความเร็วของหวังเป่าเล่อเพิ่มสูงขึ้นจนเขาดูเหมือนกริชเล่มหนึ่งที่พุ่งตรงเข้าใส่ฝูงอสูรอย่างรวดเร็ว!

คมกระบี่ตัดศีรษะของอสูรจำนวนมาก พวกมันตายก่อนจะได้เห็นหวังเป่าเล่อเสียด้วยซ้ำ แขนขาพวกมันถูกตัดขาด ก่อนที่ร่างจะแหลกสลายกลายเป็นเพียงกองเลือดจากการฟาดฟันอย่างเด็ดขาดของหวังเป่าเล่อ

เสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดดังระงมไปทั่ว ผมบนศีรษะของหวังเป่าเล่อถูกย้อมเป็นสีแดงหลังจากการปะทะกับอสูรเพียงระยะเวลาสั้นๆ นี้ ไม่ใช่ทุกคนที่จะ     เคยชินกับกลิ่นเลือดสดๆ แต่หวังเป่าเล่อก็ยังสูดหายใจลึกได้ราวกับว่าคุ้นชินกับ    กลิ่นนั้นเสียแล้ว ความรู้สึกอันบรรยายไม่ถูกก่อตัวขึ้นในใจเขา

ราวกับว่าช่วงหลังมานี้หวังเป่าเล่อกดดันตัวเองมากเกินไป ทำให้จิตสังหารของเขาก่อตัวขึ้นอย่างมหาศาล ขณะนี้จิตสังหารได้ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างไม่อาจควบคุมได้ ทำให้ความเยือกเย็นในแววตาของหวังเป่าเล่อเข้มข้นขึ้นทุกขณะ ร่างกายของเขาพุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดหย่อน

ในทุกแห่งหนที่เขาผ่านไป แสงที่ตกกระทบคมกระบี่สะท้อนออกมาเป็นสีดำ   คลื่นเสียงสะท้อนก้องไปทั่ว อสูรอีกเจ็ดตนพุ่งเข้ามาใส่เขาและถูกฟันจนกระจายเป็นเศษเนื้อก่อนที่จะเข้าถึงตัวเขาเสียอีก โลหิตสีแดงเข้มกระจายไปทั่วบริเวณ            หวังเป่าเล่อดูราวกับว่าได้กลายสภาพเป็นนักรบโลหิตที่ยังคงมุ่งหน้าต่อไป เป้าหมายของเขามีเพียงสิ่งเดียวก็คือ…

หนึ่งในสิบศพผีโบราณที่อยู่ห่างออกไปอีกไม่ถึงสามสิบเมตร!

กะโหลกของศพผีโบราณนั้นใหญ่โตยิ่งและมือของมันยังเต็มไปด้วยปากมโหฬารจำนวนมาก ปากเหล่านั้นส่งเสียงที่คล้ายเสียงกรีดร้องของคนจำนวนมากออกมาพร้อมกัน ศพผีโบราณตนนั้นดูอารมณ์ไม่ดีอย่างเห็นได้ชัด ขณะนี้มันเองก็ออกวิ่ง พลางเอื้อมมือไปคว้าอสูรที่ขวางทางอยู่ ปากบนมือก็ฉีกกระชากอสูรเหล่านั้น     แหลกเหลวไป ช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่ง

ดูเหมือนว่ามันเองก็มองเห็นหวังเป่าเล่อแล้ว ศพโบราณเบนทิศกลับมา ความดุร้าย  น่าพรั่นพรึงของมันขณะนี้มองเห็นได้ชัดเจน มันไม่ได้ล่าถอย แถมยังมุ่งหน้ามาหา   หวังเป่าเล่อพร้อมทั้งส่งเสียงร้องแหลมเล็กดังกึกก้อง ระยะทางสามสิบเมตรอาจ      ไม่ใกล้นักสำหรับผู้ฝึกตน แต่ขณะนี้ทั้งหวังเป่าเล่อและศพผีโบราณต่างก็เร่งความเร็วเข้าใส่กัน ผู้ชมทางบ้านเห็นทั้งสองคนพุ่งเข้ามาถึงตัวกันภายในพริบตา!

ในวินาทีที่พวกเขาเข้ามาถึงตัวกันนั้นพายุหมุนก็ก่อตัวขึ้น สายลมสีดำสนิทพัดอย่างบ้าคลั่งไปทั่ว ร่างของจระเข้สีดำ ที่แม้จะเป็นภาพลวงตาแต่ก็ชัดเจนกว่าครั้งใดๆ ปรากฏขึ้น ส่งเสียงคำรามขึ้นไปยังสรวงสวรรค์ จระเข้นั้นดูราวกับว่าหลอมรวมเป็นร่างเดียวกับหวังเป่าเล่อ ส่งผลให้ร่างของชายหนุ่มหายไปจากสายตาของปวงชน

สิ่งที่พวกเขาเห็นคือจระเข้สีดำที่ขี่อยู่บนพายุหมุนดำทะมึน พุ่งเข้าใส่ศพผีโบราณด้วยความเร็วสูง พลางอ้าปากคล้ายพยายามจะกลืน!

ศพผีโบราณนั้นก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ มันส่งเสียงกรีดร้องพลางปล่อยพลังปราณที่ทัดเทียมกับผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นชั้นสมบูรณ์ออกมา ขณะนี้มันยกมือทั้งสองข้างขึ้น แขนของมันเริ่มบวมเป่งและในอึดใจเดียวแขนทั้งสองก็เพิ่มขนาดจนใหญ่โต   ดูราวเสาต้นยักษ์ที่มีพละกำลังมหาศาล พุ่งเข้ามาหาหวังเป่าเล่อด้วยความเร็วสูง

เมื่อมองจากที่ไกลๆ การต่อสู้นั้นช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่ง ทุกสายตาต่างก็จ้องมองมาที่หวังเป่าเล่อโดยไม่กะพริบตา ก่อนที่พวกเขาจะปรับอารมณ์ได้ทัน แขนทั้งสองข้างของศพผีโบราณก็บีบเข้ามา หวังเป่าเล่อมีทางเลือกเหลือเพียงสองทาง

หนึ่งคือหลบและฟันสวนด้วยกระบี่!

อีกทางหนึ่ง…คือไม่ใส่ใจพลังมหาศาลของศพผีโบราณและมุ่งหน้าเข้าสังหารมันในทันที!

ทว่าหวังเป่าเล่อไม่อาจปิดกั้นพลังของตนเองไว้ได้อีกต่อไป ตั้งแต่เริ่มต่อสู้มาจนตอนนี้ เขาเก็บกักพลังนั้นเอาไว้ ดังนั้น…เขาจึงเลือกทางเลือกที่สอง ขณะที่จิตสังหารฉายของชายหนุ่มกล้าอยู่ในดวงตา หวังเป่าเล่อไม่ได้มองไปที่แขนของศพผีโบราณ  ด้วยซ้ำ เขาตะโกนลั่น

“ตาย!”

เสียงตะโกนของเขาถูกกลบด้วยเสียงกัมปนาทดังสนั่น ชายหนุ่มเหวี่ยงกระบี่ ส่งผลให้สิ่งรอบข้างสั่นไหวอย่างรุนแรง ท่านี้เป็นสุดยอดพลังกายที่มาจากระดับการฝึกตนของหวังเป่าเล่อซึ่งบรรลุถึงขั้นรากฐานตั้งมั่นชั้นกลางแล้ว และใกล้จะบรรลุ   ชั้นปลายเต็มทน ทั้งยังหลอมรวมเอาพลังจากดอกบัวเขียวในกาย พลังกายอันน่าทึ่งของเขาเอง และอัสนีสวรรค์ทั้งสองในกายเขาเอาไว้ด้วย

ดังนั้นการเหวี่ยงกระบี่ของเขาจึงสร้างสายฟ้าที่กระจายไปทั่วทุกสารทิศ         และมองเห็นได้แม้จากที่ไกล พวกมันรวมตัวเข้ากับพายุหมุนสีดำและแปรสภาพกลายเป็นระเบิดแม่เหล็กไฟฟ้า

มือทั้งสองของศพผีโบราณกระทบเข้ากับร่างของหวังเป่าเล่ออย่างจัง ชายหนุ่มสั่นไหวและปราณโลหิตในกายก็เริ่มหมุนวน ราวกับว่าร่างของเขากำลังจะสลายกลายเป็นกองโลหิต แต่กำลังกายอันสุดยอดของเขาก็เริ่มออกผลในวินาทีนั้น        ชายหนุ่มต้องใช้แรงทั้งหมดแต่ก็ยังสามารถต้านไว้ได้ หวังเป่าเล่อยกกระบี่ขึ้นอย่าง   ไม่รอช้าและฟันไปยังตำแหน่งคอของศพผีโบราณ เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นที่ทำให้     พื้นที่ทั้งหมดสั่นไหว ศีรษะของศพผีโบราณหลุดออกในทันที!

เมื่อถูกตัดศีรษะ ร่างของมันเองก็ไม่อาจทนพลังรุนแรงของอาวุธเวทได้ จึงแหลกเป็นชิ้นๆ หวังเป่าเล่อหายใจหอบขณะกระโดดลงมาเหยียบเศษร่างของศพผีโบราณเอาไว้ ก่อนจะกระโดดกลับขึ้นไปเตะศีรษะมันอย่างจัง!

ส่งให้ศีรษะนั้นปลิวกระเด็นออกนอกอาณาเขตของเขาไปในทันที!

หัวกะโหลกตกกระทบพื้นเสียงดังสนั่น ก่อนจะกลิ้งหลายตลบและไปหยุดอยู่  หน้าประตูฐานที่มั่นของหวังเป่าเล่อพอดิบพอดี ตาของมันยังคงเบิกโพลงและ       พลังปราณอันน่าสะพรึงกลัวก็ยังแผ่ออกมาจากกะโหลกนั้น แต่ในไม่ช้ามันก็สลายกลายเป็นความว่างเปล่า

ร่างของหวังเป่าสะท้อนออกมาจากความว่างเปล่านั้น เขายังคงกระโจนไปในอากาศอย่างไปหยุดยั้ง พุ่งตรงไปยังศพผีโบราณอีกตน!

ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเสียจนผู้ชมการถ่ายทอดสดยังไม่ทันได้แสดงปฏิกิริยาตอนที่เห็นหวังเป่าเล่อสังหารศพผีโบราณสำเร็จ ขณะเดียวกัน กองทัพอสูรที่รายล้อมอยู่ก็เริ่มระส่ำระสาย ราวกับว่าความน่าสะพรึงกลัวของหวังเป่าเล่อทำให้พวกมัน     ไม่กล้าเข้าใกล้ ต่างพากันแตกฮือกระจายไปทั่วทุกสารทิศ

เมื่ออสูรกระจายตัวออกไป หวังเป่าเล่อจึงเร่งความเร็วขึ้นได้เพราะไม่มีอุปสรรคขวางหน้าอีกแล้ว มีแสงสว่างจ้าปรากฏขึ้นจากใต้ฝ่าเท้า ดูเผินๆ ราวกับว่าชายหนุ่มกำลังโผบิน หวังเป่าเล่อกระโจนขึ้นจากพื้น ไต่ไปตามลำแสงสายฟ้าและดูทรงพลัง   ยิ่งกว่าที่เคย หลังจากเดินหน้ามาเป็นระยะทางราวสามสิบเมตร ชายหนุ่มก็กระโจนขึ้นฟ้าเหวี่ยงดาบลงมาด้วยมือทั้งคู่ พุ่งตรงไปยังศพผีโบราณอีกตนที่ยังไม่ยอมหนีไป!

“ตายเสีย!” หวังเป่าเล่อคำราม รากฐานวิญญาณดอกบัวสีเขียวไม่เพียงมอบ   พลังกายอันเหลือล้นให้กับชายหนุ่มเท่านั้น แต่ยังให้ความสามารถในการฟื้นฟูที่รวดเร็วอีกด้วย ทำให้หวังเป่าเล่อสามารถทานทนการโจมตีอันรุนแรงของศพผีโบราณเมื่อครู่และรักษาอาการบาดแทบเจ็บทั้งหมดได้ภายในเวลาไม่นาน สิ่งนี้ทำให้ชายหนุ่มยิ่งมั่นใจขึ้นไปอีก

หวังเป่าเล่อในขณะนี้นั้นแข็งแกร่ง ขณะที่ศพผีโบราณมีแต่ความหวาดกลัว       มันตกตะลึงกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น เมื่อความรู้สึกของสองฝั่งนั้นไม่สมดุลกัน จึงเป็นที่     รู้กันว่าผลการเหวี่ยงกระบี่ของหวังเป่าเล่อจะเป็นเช่นไร กระบี่ตกกระทบเป้าพร้อมเสียงดังสนั่น ศพผีโบราณตนที่สองถูกผ่าเป็นสองซีก เสียงร้องของมันสะท้อนก้องไปทั่วทั้งบริเวณก่อนที่ร่างทั้งสองซีกจะล้มลงกระทบพื้น

ตอนที่มันล้มลง หวังเป่าเล่อก็ลงมาถึงพื้นเช่นกัน เขาเดินไปเหยียบร่างครึ่งหนึ่งของศพผีโบราณเอาไว้ ก่อนจะวาดกระบี่ด้วยมือขวา หันปลายแหลมชี้ลงที่พื้น      เหล่าบรรดาอสูรที่เห็นความตายของผู้นำทั้งสองต่างก็กลัวจนลนลาน พวกมันไม่กล้าเข้ามาใกล้เขา ในบริเวณกว่าสามสิบเมตรรอบตัวหวังเป่าเล่อ ไม่มีอสูรอยู่เลยสัก      ตนเดียว และทุกคนที่ชมการถ่ายทอดสดอยู่ต่างก็ประจักษ์กับภาพตรงหน้าทั้งสิ้น!

ผู้ชมถึงกับต้องกลั้นหายใจด้วยความกลัว

“เขา…เขาถูกผีสิงหรือ”

“นี่ใช่หวังเป่าเล่อจริงๆ หรือ”

ท่ามกลางความตื่นตะลึงของผู้คน เสียงโห่ร้องดังสนั่นก็กระหึ่มขึ้นจาก         สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์หลังจากที่เงียบงันอยู่พักใหญ่ หลิวต้าวปินนั้นดีใจเป็นล้นพ้น ศิษย์จำนวนมากก็เช่นเดียวกัน

ในขณะเดียวกันนั้นเอง ประมุขสำนักแห่งสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์และผู้อาวุโสชั้นสูงของแต่ละตำหนักก็พากันตื้นตันใจ พวกเขามองไปยังหวังเป่าเล่อพลางพยักหน้ายอมรับ การต่อสู้ครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของหวังเป่าเล่อโดยแท้จริง แม้ว่า   หวังเป่าเล่อเคยดุดันกว่านี้เมื่อครั้งอยู่บนดวงจันทร์ แต่ผู้ที่ได้เห็นการต่อสู้ของเขาในครั้งนั้นก็มีไม่มากนัก การได้ยินเรื่องราวนั้นเทียบไม่ได้เลยกับการได้เห็นของจริง!

สังหารศพผีโบราณที่อยู่ในระดับรากฐานตั้งมั่นชั้นปลายในขณะที่ตนเป็นผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นชั้นกลาง…พลังระดับนี้ไม่มีผู้ฝึกตนขั้นเดียวกันในสหพันธรัฐที่จะเทียบได้! ประมุขสำนักแห่งสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์หัวเราะอย่างพอใจ เขาทั้งมีความสุขทั้งโล่งใจ อย่างไรเสียการตัดสินใจของสำนักศึกษาเต๋ากวางขาวใน            การสนับสนุนหลี่อี้แทนหวังเป่าเล่อก็เป็นสิ่งที่เขาไม่อาจทัดทานได้ เพราะเหตุนั้น    เขาจึงกลุ้มใจอย่างยิ่ง แต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้พูดจาคัดค้านเพราะไม่อยากจะสร้างปัญหา

ทว่าในขณะนี้ เมื่อได้เห็นหวังเป่าเล่อ ศิษย์จากสำนักศึกษาของเขาเองแสดงความสามารถออกมาเช่นนี้ ประมุขสำนักก็ยิ่งยิ้มกว้างอย่างมีความสุข ความมั่นใจที่เขามีในตัวหวังเป่าเล่อเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version