Skip to content

A World Worth Protecting 357

บทที่ 357 ล่าถอยไปเสีย

หวังเป่าเล่อมั่นใจในความยอดเยี่ยมของปราการนิรันดร์มาก เขาฝากความหวังทั้งหมดเอาไว้กับผลงานชิ้นเอกของเขาชิ้นนี้ ชายหนุ่มรู้สึกว่าปราการของคนอื่นนั้นอ่อนแอเกินกว่าจะอยู่รอดได้ มีแต่ของเขาเท่านั้นที่ไร้เทียมทานของจริง

ความคิดนี้คือสิ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจลงแข่งและยังยืดหยัดได้ถึงตอนนี้ แม้จะรู้ว่าตนเองไม่ได้มีกลุ่มอำนาจใดหนุนหลัง แต่บัดนี้เขาไม่ได้มือเปล่าและตามหลังคนอื่น   อีกต่อไปแล้ว ชัยชนะของเขาและความพ่ายแพ้ของคนอื่น ทำให้ชายหนุ่มกลบช่องว่างระหว่างเขาและตัวแทนคนอื่นได้อย่างรวดเร็ว

นี่คือการต่อยอดจากสมรภูมิหนึ่งไปสู่อีกสมรภูมิหนึ่ง! หวังเป่าเล่อคิดอย่างทะนงตน ความมั่นใจว่าตนเองจะต้องกำชัยได้ และนำตำแหน่งนายกเทศมนตรีเขตนครใหม่ของดาวอังคารมาครอบครองพุ่งสูงขึ้นอีก ชายหนุ่มรู้สึกว่าตนเองใกล้ความจริงมาก      และเฝ้ามองฐานที่มั่นอื่นตาเป็นมันด้วยความโลภ กลุ่มอำนาจที่หนุนหลังกงเต๋าและ  หลี่อี้มอบทรัพยาการให้ทั้งสองมากเกินจะใช้หมด

ทรัพยากรเหล่านั้นมากเสียจนหวังเป่าเล่อรู้สึกได้ถึงความอู้ฟู่ของกองทัพและ      สี่สำนักศึกษาเต๋า ส่วนตัวแทนคนอื่นไม่ได้ร่ำรวยทรัพยากรเช่นนั้น มีตัวแทนสองคนที่สูญเสียทรัพยากรไปมากจากเหตุอสูรหลั่งไหลเมื่อครู่ และกำลังตกที่นั่งลำบาก

แต่เส้นทางของหวังเป่าเล่อก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เขากำลังขาดแคลนทรัพยากร เมื่อคะเนดูและพบว่าหากจะสร้างปราการนิรันดร์ได้สำเร็จ เขาต้องแย่งชิงทรัพยากรจากอีกสองถึงสามตระกูล แต่ดูเหมือนจะเป็นไปได้ยาก เพราะเมื่อมีตัวแทนถูกกำจัดออกไป ก็จะมีคนกระโดเข้ามาแย่งทรัพยากรกับเขาในทันที

ช่างมันปะไร ข้าจะเดินหน้าตามแผนการหลักว่าจะสู้ ต่อให้ข้าแย่งทรัพยากรมาทั้งหมดไม่ได้ สิ่งที่พวกนั้นแย่งไปก็ต้องตกมาถึงข้าอยู่ดีในตอนท้าย หวังเป่าเล่อรู้สึก  ฮึกเหิม

ขณะมองดูหุ่นเชิดของตนที่กำลังสาละวนอยู่กับการก่อสร้าง พลางคิดว่าตนเอง  ไม่ต้องสู้อย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อเอาตัวรอดเหตุอสูรหลั่งไหลรอบต่อไปแล้ว           แม้ปราการของเขายังไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็ดีพอที่จะรับมือกับเหล่าอสูรที่จะบุกมาได้

รู้สึกดีเป็นบ้า หวังเป่าเล่อตบพุงและกำลังจะหยิบขนมมากิน ตอนนั้นเอง       เสียงระเบิดก็ปะทุออกมาจากสุสานอาวุธเทพใต้ดิน

เสียงนั้นดังกึกก้องยิ่งกว่าเดิม ทำให้ตัวแทนทุกคนต่างตกใจ ไม่เว้นแม้แต่หวังเป่าเล่อ เนื่องจากในรอบก่อนๆ จะมีเวลาพักยกอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงเพื่อให้ทุกคนฟื้นสภาพก่อนจะเริ่มเหตุอสูรหลั่งไหลครั้งต่อไป แต่ตอนนี้เวลาเพิ่งผ่านไปเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้นจากเหตุครั้งที่สี่ และตอนนี้ครั้งที่ห้ากำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว!

เวลาพักมันหดสั้นลง หรือเพราะพวกเราใช้เวลารอบก่อนหน้ามากเกินไปกันแน่ หวังเป่าเล่อหายใจเข้าลึก ก่อนพุ่งขึ้นไปบนกำแพงเมืองในทันที เขามองสถานการณ์ตรงหน้าจากมุมสูงและก็ต้องหวาดกลัวกับภาพที่เห็น

ไม่ใช่แค่หวังเป่าเล่อเท่านั้นที่กำลังขนหัวลุก ตัวแทนคนอื่นๆ ก็มีปฏิกิริยาไม่ต่างกัน ทุกคนหายใจถี่รัว ความรู้สึกมากมายวิ่งเข้าสู่ขั้วหัวใจ

เหตุอสูรหลั่งไหลในครั้งนี้ไม่เพียงมาเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่ยังมีอสูรมรณะสิบตน   ที่มีปราณขั้นกำเนิดแก่นในขั้นต้นอยู่ในนั้นด้วย อสูรมรณะเหล่านั้นมีรูปร่างและขนาดแตกต่างกันไป แต่สิ่งที่พวกมันมีเหมือนกันคือเปลวไฟสีดำในแววตา ที่ดูทรง         พลานุภาพมากจนราวจะเผาไหม้ได้ทุกสิ่ง เปลวไฟสีดำนี้รุนแรงเสียจนทำให้บรรยากาศรอบตัวพวกมันบิดเบี้ยว

ระลอกพลังจากอสูรขั้นปราณกำเนิดแก่นในเด่นชัดและกระจายไปทั่วบริเวณ เบื้องหลังพวกมันมีกองทัพศพผียักษ์นับร้อยตนซึ่งหน้าตาเหมือนตัวที่หวังเป่าเล่อสังหารไปก่อนหน้านี้

กลิ่นเนื้อเน่าเหม็นโชยไปทั่วบริเวณ จนทำให้ทุกคนอยากอาเจียนทั้งๆ ที่ยังตัวแข็งทื่อด้วยความกลัว นอกจากนี้ยังมียานเกราะหลายลำ พร้อมด้วยนกอสูรที่บินว่อน        ทั่วท้องฟ้า ส่งเสียงกรีดร้องแหลมสูงไปทั่ว

ภาพนี้ทำให้หวังเป่าเล่อ ตัวแทนคนอื่นๆ รวมถึงผู้ชมทางบ้านตัวแข็งทื่อด้วยความกลัว เสียงพูดคุยระเบิดขึ้นทุกหนแห่ง

“ความยากเพิ่มขึ้นเร็วเป็นบ้า! แล้วพวกเขาจะสู้ไหวได้อย่างไร”

“สวรรค์เมตตา อสูรร้ายบนดาวอังคารนี่น่าขนพองสยองเกล้าเป็นบ้า! มันมีปราณขั้นอะไรกันนะ”

ขณะที่ผู้ชมทั่วสหพันธรัฐกำลังแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนั้น หวังเป่าเล่อและตัวแทนคนอื่นๆ ในเขตนครใหม่ของดาวอังคารต่างมีสีหน้าถมึงทึง หลี่อี้และกงเต๋า  เลิกทำความสะอาดบริเวณของตนเองในทันที ทั้งสองเลิกใส่ใจกับสภาพเละเทะในอาณาเขตตนเอง และหันมาเสริมฐานที่มั่นของตนให้แข็งแรงเต็มที่ เพราะรู้ดีว่า      เหตุอสูรหลั่งไหลครั้งนี้จะเป็นเหตุการณ์ชี้ตายที่ทำให้ตัวแทนหลายจนต้องถูกกำจัดแน่นอน!

ตอนนี้เหลือตัวแทนอยู่เพียงเจ็ดคนเท่านั้น!

ขณะที่ทุกคนกำลังตกอยู่ในสภาพเคร่งเครียด และหวังเป่าเล่อหอบหายใจถี่      จู่ๆ อสูรร้ายรูปร่างเหมือนหมีมีปีกที่เนื้อหนังภายนอกเน่าเฟะทว่ามีปราณขั้น     กำเนิดแก่นในก็บินขึ้นไปในเวหาด้วยความเร็วสูง และก่อนที่ทุกคนจะทันตั้งตัว        มันก็พุงตัวลงไปในอาณาเขตของตัวแทนคนหนึ่งราวกับเป็นดาวตก

ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ตัวแทนคนนั้นและเหล่าผู้ติดตามกำลังอยู่ในช่วงเก็บกวาดซ่อมแซม พวกเขากำลังเปิดใช้งานวงแหวนปราณในอาณาเขตตนเอง แต่ก็ช้าไป    เสี้ยววินาทีเดียว

ทันทีที่อสูรร้ายซึ่งมีปราณขั้นกำเนิดแก่นในตนนั้นพุ่งลงมาในอาณาเขตของพวกเขา เสียงระเบิดและเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดก็ดังกึกก้องในบัดดล ตัวแทนผู้นั้น   ตกตะลึงอยู่กับที่เมื่อโดนโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว เขารีบทำลายแผ่นหยกของตนเองทิ้งและหนีไป แต่ผู้ติดตามของเขาช้าเกินไป แม้ทุกคนจะเลือกวิ่งหนีแทนการต่อสู้        แต่พวกเขาก็ไม่มีแผ่นหยกเคลื่อนย้าย จึงพากันบาดเจ็บปางตายและเสียชีวิตไม่น้อย

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในพริบตา เหตุอสูรหลั่งไหลครั้งที่ห้าเพิ่งมาเยือน แต่กลับกำจัดตัวแทนไปได้แล้วหนึ่งคน ตัวแทนที่เหลืออยู่ต่างกลัวจับขั้วหัวใจ แม้แต่หวังเป่าเล่อยังเริ่มกระวนกระวาย

ชายหนุ่มเห็นกับตาว่าเหตุอสูรหลั่งไหลครั้งนี้น่ากลัวเพียงใด แต่รู้ว่าเขาประเมินพวกมันต่ำไป หากเขามีเวลาอีกสักครึ่งชั่วโมง ปราการของเขาคงจะแข็งแกร่งกว่านี้ แต่เหตุครั้งนี้มาถึงเร็วกว่าที่คิดไว้และมันทำให้หวังเป่าเล่อตกที่นั่งลำบาก

ปราการยังไม่พร้อมรบ หากข้าใช้มันต้านทานเหล่าอสูรในตอนนี้ มีความเป็นไปได้ว่ามันจะพังลงมา และหากว่าปราการพัง ข้าคงต้องตกรอบเป็นอันแน่…เมื่อเขามองไปยังสุสานใต้ดินที่อยู่ภายนอก แสงหนึ่งก็สว่างวาบเข้ามาในแววตาของหวังเป่าเล่อ   อสูรร้ายมากมายนับไม่ถ้วนกำลังพุ่งเข้าใส่เขาภายใต้การนำทัพของศพผีที่มีปราณ    ขั้นกำเนิดแก่นในซึ่งหน้าตาเหมือนตัวเงินตัวทองขนาดใหญ่ พวกมันพุ่งมาด้วยพลัง  แรงกล้า จนหวังเป่าเล่อจินตนาการได้ในทันทีว่าปราการของเขาต้องพังทลายลงมาทันทีที่พวกมันพุ่งเข้าชน

บัดซบที่สุด! แปลว่าข้าต้องใช้ไพ่ตายแล้วสินะ! หวังเป่าเล่อโกรธเกรี้ยว เขาหันสั่งการเจ้าลาสองสามคำสั่ง ก่อนจะกระโจนไปในอากาศและออกไปนอกปราการ เขาหยิบอาวุธเวทของตนมาถือไว้มั่นด้วยมือทั้งสองข้าง ชายหนุ่มกระโจนออกจากกำแพงและพุ่งเข้าหากองทัพอสูรเหมือนที่เคยทำในครั้งก่อน!

ความแตกต่างระหว่างรอบก่อนหน้ากับรอบนี้คือ คู่ต่อสู้รอบก่อนหน้าของเขา     มีปราณขั้นรากฐานตั้งมั่นชั้นสมบูรณ์ แต่บัดนี้อสูรเบื้องหน้าเขามีปราณขั้น        กำเนิดแก่นใน ความแตกต่างระหว่างปราณสองขั้นนี้มากเกินไป

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ผู้ชมทั่วสหพันธรัฐ ดาวอังคาร และกลุ่มอำนาจทั้งหลายตกใจตัวแข็ง ทุกคนมองหวังเป่าเล่อผู้กล้าหาญด้วยสายตาตกตะลึง

“เจ้าหวังเป่าเล่อนี่เป็นบ้าไปแล้วหรืออย่างไร ข้าคิดว่าหมอนี่หัวดีเสียอีก…”

“หมอนี่อยากตายหรือ”

“เหตุใดถึงตัดสินใจเอาชีวิตไปทิ้งเช่นนั้น”

แม้แต่หลี่อี้ กงเต๋า และคนอื่นๆ ก็สังเหตเห็นหวังเป่าเล่อที่ดูไม่เกรงกลัวต่อความตายเช่นกัน ทุกคนตกใจจนไม่อยากเชื่อ แต่ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติเช่นกัน

ทว่าพวกเขาไม่มีเวลามาสนใจความอยู่รอดของหวังเป่าเล่อ อสูรร้ายในรอบที่ห้านี้โหดเหี้ยมกว่ารอบก่อนหน้ามาก พวกมันแบ่งทัพมุ่งหน้าเข้ามาในแต่ละอาณาเขต เสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่วบริเวณในทันที ทุกเขตกำลังรับการโจมตีอย่างรุนแรง

ขณะที่ทุกคนกำลังมุ่งมั่นกับการปกป้องปราการของตนเองอยู่นั้น กองทัพอสูร   ที่นำโดยศพผีตัวเงินตัวทองที่กำลังเน่าเฟะก็คืบเข้าใกล้ฐานที่มั่นของหวังเป่าเล่อ      พื้นพสุธาสั่นสะเทือนด้วยฝีเท้าของเหล่าอสูร บัดนี้พวกมันอยู่ห่างจากกำแพง      อาณาเขตของเขาไปเพียงสามพันเมตรเท่านั้น หวังเป่าเล่อเองก็กำลังพุ่งเข้าไปหา    พวกมันด้วยความเร็วสูงเช่นกัน

มองจากระยะไกลแล้ว หวังเป่าเล่อดูเหมือนนักรบผู้โดดเดี่ยวท่ามกลางทะเลอสูร พลังที่ปล่อยออกมานั้นน่าสะพรึงกลัว และทั้งสองฝั่งดูเหมือนจะพุ่งเข้าปะทะกัน      ในไม่ช้า

ผู้ชมที่ดูการถ่ายทอดสดอยู่ทางบ้านรับไม่ได้หากต้องเห็นหวังเป่าเล่อตายลงต่อหน้าต่อตา…แม้ว่าหวังเป่าเล่อจะพิสูจน์ตนเองแล้วว่าแข็งแกร่งเพียงใด แต่เขาก็มีปราณเพียงขั้นรากฐานตั้งมั่นเท่านั้น!

ทว่าขณะที่กองทัพอสูรเข้ามาใกล้ และศพผีตัวเงินตัวทองก็กระโจนเข้าใส่     หมายพุ่งชน หวังเป่าเล่อก็หยุดกะทันหัน เขายืนจังก้าอยู่ตรงนั้น ชูกระบี่อาวุธเวทของตนเองขึ้น และตะโกนด้วยเสียงดังก้อง “ล่าถอยไปเสีย!”

ทันทีที่สิ้นคำ พื้นดินและผืนฟ้าก็แปรเปลี่ยน เมฆทะมึนหมุนวนกลับหลัง          ไอประหลาดรวมตัวกันเป็นขุมพลังที่น่าหวั่นเกรงและไม่อาจอธิบายถึงขอบเขตของ  ขุมพลังนี้ได้ ทว่าตอนนั้นเองกองทัพอสูรเบื้องหน้าหวังเป่าเล่อก็กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดและล่าถอยไป ราวกับได้เผชิญพลังอำนาจน่าสะพรึงกลัวที่มองไม่เห็น ก่อนหน้านี้พวกมันเคลื่อนที่เข้ามาด้วยความเร็วสูง เมื่อมันล่าถอยก็พุ่งเข้าปะทะกันเองจนเละเทะไปทั่ว

ศพผีตัวเงินตัวทองยักษ์ที่กำลังพุ่งเข้าใส่อย่างทะนงตนก่อนหน้านี้ก็เช่นกัน       มันรู้สึกได้ถึงอันตรายใหญ่หลวงที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน แต่ทุกสิ่งก็เกิดขึ้นเร็วมากจน     มันหนีไม่ทัน ร่างของมันบิดเบี้ยวเป็นเกลียวขณะที่มันพุ่งหนีไปอีกฝั่ง มันเลือกทิ้งตัวลงกับพื้นแทนที่จะพุ่งเข้าหาหวังเป่าเล่อ หลังจากที่ร่างกระทบพื้นเรียบร้อย           ศพผีตัวเงินตัวทองยักษ์ก็ดิ้นรนหนีไปด้วยความหวาดกลัว…

ภาพน่าขันและเหนือความคาดหมายตรงหน้าทำให้ผู้ชมทั่วสหพันธรัฐกลั้นหายใจ ทุกคนตกอยู่ในความเงียบงัน…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version