บทที่ 361 แรงอาฆาตหนึ่งศตวรรษ
เจ้าลาเรียนรู้จากประสบการณ์ก่อนหน้าและฉลาดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อาจเป็นเพราะหลังจากที่ฟังคำก่นด่าสั่งสอนของหวังเป่าเล่อมานาน มันก็รู้แล้วว่าโลกนี้มีสิ่ง ที่เรียกว่าความมืดและความชั่วร้ายอยู่ มันจึงไม่มีทางเลือกนอกจากลอกคราบ ความซื่อของตนเองทิ้ง และเรียนรู้ที่จะทำตัวเจ้าเล่ห์เพทุบาย
มันรู้จักพรางตัว แอบซุ่ม รอคอยโอกาสเหมาะๆ อย่างใจเย็นเพื่อเข้าโจมตี อย่างสมบูรณ์แบบ…
เช่นที่มันกำลังทำอยู่ตอนนี้ หลังจากที่เจ้าลาเห็นอาหารปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง มันก็ตื่นเต้นจนตัวสั่น แต่เจ้าลาก็กังวลว่าจะทำให้อาหารตกใจกลัวหนีไปอีก มันจึงเลือกเร้นกายและกลบรอยของตน หลังเผ่นออกจากปราการ เจ้าลาก็คาดคะเนว่าอาหารจะตามล่าหวังเป่าเล่อแน่ ดังนั้นมันจึงซ่อนอยู่ในมุมมืดอย่าเงียบเชียบเพื่อ รอโอกาส เจ้าลาไม่กล้าแม้กระทั่งกะพริบตา
และสวรรค์ก็เข้าข้างผู้ที่เพียรพยายามเสมอ หลังจากผ่านไปสักพัก เจ้าลาก็เห็นอาหารของตนเดินทางมาถึงในที่สุด เด็กชายตัวน้อยพุ่งเข้าหาหวังเป่าเล่อ แต่ก่อนที่เขาจะได้ทะลุผ่านร่างของชายหนุ่มเพื่อคร่าชีวิต และขณะเดียวกับที่หวังเป่าเล่อรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ เจ้าลาก็กรีดร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นและพุ่งเข้าใส่อาหารด้วยความเร็วเต็มพิกัด
มันปลดปล่อยความเร็วทั้งหมดที่มีจนเคลื่อนไหวได้เร็วกว่าสายฟ้า ตอนที่หวังเป่าเล่อมองมา ชายหนุ่มก็เห็นเพียงภาพติดตาของเจ้าลาเท่านั้น มันมาปรากฏกายอยู่ตรงกลางระหว่างหวังเป่าเล่อและเด็กชายในพริบตา ความตื่นเต้นแทบระเบิดออกจากนัยน์ตาทั้งสองข้าง มันอ้าปากกว้างใส่เด็กชายที่เหมือนกำลังเดินตรงมาให้มันกิน และกัดอาหารของตนเสียงดังกร็อบ
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เด็กชายตกใจตัวแข็งทื่อ เสี้ยววินาทีก่อนหน้านี้เจ้าอ้วนยังยืนอยู่ตรงหน้าเขา แต่บัดนี้ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด เจ้าอ้วนเหยื่อของเขาหายไปเสียแล้ว ตรงหน้ากลับมีศัตรูคู่อาฆาตที่น่ากลัวจับใจมาแทนที่!
ดวงตาของสัตว์ร้ายทอแสงจ้า เด็กชายรู้สึกเหมือนตนเองได้ยินเสียงบางอย่าง เขาเหมือนได้ยินเสียงหัวเราะคลุ้มคลั่งของเจ้าลา ขณะที่มันถามเขาว่า…
แปลกใจล่ะซี่ ตื่นเต้นมากเลยใช่หรือเปล่า…
ความคิดนั้นปรากฏขึ้นในศีรษะของเด็กชายทันทีที่เจ้าลาปรากฏกายขึ้นและ อ้าปากงับเขา ก่อนที่เด็กชายจะทันได้ทำอะไร แขนขวาข้างที่เพิ่งงอกมาใหม่ก็ถูกกัดจนขาดสะบั้นอีกครั้ง เจ้าลากระโจนเข้าหาเขาอีกครั้งพร้อมอ้าปากกว้าง มันตั้งใจจะกลืนเด็กชายเข้าไปทั้งตัว
ความเร็วของเจ้าลาถือว่ายอดเยี่ยม การเคลื่อนไหวของมันพลิ้วไหวดุจสายน้ำไหล มีความเป็นไปได้มากว่ามันซ้อมกระบวนท่านี้มาก่อนแล้วหลายต่อหลายครั้ง แต่เด็กชายไม่ใช้อสูรไร้สติปัญญา เขากรีดร้องโหยหวนด้วยเสียงที่ไม่มีใครได้ยินหลังจากที่แขนขวาของเขาถูกกัดจนขาด ลำแสงสีโลหิตเรืองออกจากกาย เด็กชาย ล่าถอยในทันที แรงกัดสุดอันตรายของเจ้าลาไปได้อย่างหวุดหวิด
เด็กชายหนีไปไกล สีหน้าเหมือนจะระเบิดร้องไห้เมื่อมองแขนขวาที่หายไปถึง สองครั้งสองคราของตน สลับกับเจ้าลาที่กำลังตามหาเขาอย่างจ้าละหวั่น เด็กชายโกรธจนแทบคลั่ง เขารู้สึกเหมือนกำลังจะเสียสติ แต่ก็สะกดความรู้สึกนั้นไว้ได้ในที่สุด เขามองไปยังที่ว่างโล่งซึ่งเคยเป็นแขน และตัดสินใจพุ่งตัวหนีไปด้วยความเศร้าและความโกรธเคือง
หวังเป่าเล่อรู้สึกได้ถึงเปลวไฟสีดำในร่างกายที่กำลังปั่นป่วน แต่เปลวไฟนั้นก็สงบลงเมื่อเจ้าลาโผล่ออกมากะทันหัน และกัดกินบางสิ่งไป
ดวงตาของหวังเป่าเล่อทอประกาย เขาหันกลับไปมองสำรวจเจ้าลา มันมีสีหน้าสับสนระหว่างความพึงพอใจและความเสียดาย
ปากของมันยังเคี้ยวบางสิ่งอยู่อย่างไม่ลดละ ดูเหมือนว่าเจ้าลาจะรู้สึกได้ถึงสายตาของหวังเป่าเล่อที่ทอดมองมา มันตัวสั่นและรีบเพิ่มความเร็วในการเคี้ยวก่อนจะ กลืนลงไป เจ้าลาหันมามองหน้าหวังเป่าเล่อด้วยสายตาไร้เดียงสาพร้อมส่ายหาง
“เจ้าสวาปามอะไรเข้าไปอีกเล่าคราวนี้” หวังเป่าเล่ออึ้งไป
เจ้าลากะพริบตาปริบและทำเป็นไม่รู้เรื่องว่าหวังเป่าเล่อหมายถึงอะไร มันร้องออกมาสองสามครั้ง หวังเป่าเล่อเริ่มรำคาญและเตะส่งมันไปไกล
เจ้าลากระแทกพื้นหลังจากปลิวด้วยแรงเตะ และกลิ้งตัวกลับมายืนอีกครั้งโดย ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน มันซ่อนความพึงพอใจในดวงตาเอาไว้ไม่อยู่ มันรู้สึกราวกับว่าตนเองแย่งอาหารที่กำลังพุ่งเข้าหาหวังเป่าเล่อได้อีกครั้ง ในใจของเจ้าลาคิดว่า มันขโมยขนมจากเงื้อมมือของหวังเป่าเล่อได้สำเร็จ มันพอใจกับความจริงข้อนี้เป็น อันมาก และอยากกินอาหารนั้นมากขึ้นไปอีก
ความคิดอันแสนเรียบง่ายของเจ้าลาบอกกับมันว่าสิ่งที่เพิ่งกินเข้าไปเมื่อครู่…อร่อยเกินห้ามใจ อร่อยกว่าทุกสิ่งที่มันเคยได้ลิ้มรสมาในโลกใบนี้!
การปรากฏตัวของเด็กชายทำให้กงเต๋าต้องออกจากการทดสอบ บัดนี้เหลือตัวแทนอยู่เพียงสองคนเท่านั้นที่ยังยึดฐานที่มั่นเอาไว้ได้ท่ามกลางอสุรกายที่รายล้อม หนึ่งคือหวังเป่าเล่อ และอีกหนึ่งคือหลี่อี้!
นี่แปลว่า…ไม่ว่าใครจะชนะก็ตาม ผู้ชนะตัวจริงก็คือสี่สำนักศึกษาเต๋าที่ผงาดขึ้นมาเป็นหนึ่งเหนือกลุ่มอำนาจอื่น แปลว่าสี่สำนักศึกษาเต๋าจะมีอำนาจเหนือผู้อื่นในการเก็บกู้อาวุธเทพอย่างแน่นอน
กลุ่มอำนาจอื่นๆ ในสหพันธรัฐล้วนเงียบกริบกับผลลัพธ์ ต่างรู้สึกเจ็บปวดกับความปราชัย โดยเฉพาะตระกูลนภาห้าสมัยที่กัดฟันกรอดขณะมองหวังเป่าเล่อ จั่วอี้เซียนอาจเตรียมตัวมาไม่ดีเท่าหลี่อี้ แต่หากเขาผ่านเหตุการณ์ช่วงแรกของ การทดสอบมาได้ และสร้างปราการของตนได้สำเร็จ ก็มีความเป็นไปได้ที่เขาจะได้รับชัยชนะ
ทว่า…กรรมเก่าที่พอกพูนของจั่วอี้เซียนทำให้เขาโชคร้ายต้องมาเป็นเพื่อนบ้านของหวังเป่าเล่อ เขาถูกบ่อนทำลายอีกทั้งฐานที่มั่นก็พังราบคาบและถูกแยกชิ้นส่วนเอาไป ชายหนุ่มต้องออกจากการแข่งขันในที่สุด มีปัจจัยมากมายที่ทำให้เหล่าตัวแทนพ่ายแพ้ และแน่นอนว่าหวังเป่าเล่อเป็นหนึ่งในปัจจัยเหล่านั้น การซ่อนตัวเหมือนว่าตนเองไม่ได้มีชีวิตอยู่ของเขา โทรโข่งของเขา และพลังอำนาจพิเศษที่เขาใช้เพื่อข่มขู่กองทัพอสูร กลยุทธ์ทั้งหลายของหวังเป่าเล่อทำให้ฝูงอสูรหลีกหนีจากอาณาเขต ของเขา และเข้าไปโจมตีอาณาเขตของตัวแทนคนอื่นๆ แทน
ในช่วงแรกนั้น ตัวแทนคนอื่นๆ ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดยิ่งกว่า หวังเป่าเล่อนัก หลี่อี้และกงเต๋าโชคดีกว่าเพื่อน เพราะอาณาเขตของพวกเขาอยู่ห่างจากหวังเป่าเล่อมากที่สุด ด้วยเหตุนี้ทั้งสองจึงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
แต่โชคของกงเต๋าก็กุดลงในที่สุด สุดท้ายแล้วจึงเหลือเพียงหวังเป่าเล่อและหลี่อี้ที่ยังคงยืดหยัดอยู่ได้ หากหวังเป่าเล่อยอมแพ้เสียตอนนี้ หลี่อี้ก็จะกลายเป็นนายกเทศมนตรีคนใหม่ในทันที
สำนักศึกษาเต๋ากวางขาวรีบติดต่อประมุขแห่งสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์อย่างฉับพลัน น้ำเสียงของพวกเขาไม่ได้กระด้างเหมือนครั้งก่อนแล้ว มันอ่อนลงอย่างมาก พวกเขาพยายามเจรจาเพื่อให้หวังเป่าเล่อยกธงขาว…โดยแลกกับตำแหน่งอื่นใน นครหลวงแห่งสหพันธรัฐที่เทียบเท่าตำแหน่งขุนนางระดับสี่ชั้นสูง
ประมุขแห่งสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ไม่แม้แต่จะรับไว้พิจารณาและปฏิเสธข้อเสนอทันที เขารู้นิสัยของหวังเป่าเล่อดี และรู้ว่าลูกศิษย์ของเขาผู้นี้จะไม่มีวัน รับข้อเสนอเช่นนี้เป็นอันขาด ตำแหน่งขุนนางระดับสี่ชั้นสูงในนครหลวงนั้น เป็นเพียงหัวหน้าของกรมกองหลักเท่านั้น เทียบไม่ได้เลยกับตำแหน่งนายกเทศมนตรีแห่ง เขตนครใหม่ของดาวอังคาร เรียกได้ว่าเหมือนพื้นดินกับแผ่นฟ้าเลยทีเดียว
เขารู้ดีว่าหากเสนอข้อเจรจานี้ให้หวังเป่าเล่อ ชายหนุ่มจะหมดศรัทธาในตัวเขา! และตำแหน่งประมุขสำนักของเขาจะสูญสิ้นความศักดิ์สิทธิ์ในทันที!
ผลจากการที่เขาปฏิเสธข้อเสนอกับผลจากการที่หวังเป่าเล่อปฏิเสธข้อเสนอนั้นแตกต่างกันมาก ประมุขสำนักยอมให้สำนักศึกษาเต๋ากวางขาวไม่พอใจในตัวเขามากกว่า เพราะในฐานะอาจารย์ เขาก็ต้องพยายามปกป้องหวังเป่าเล่อเช่นกัน
ความขัดแย้งระหว่างสำนักศึกษาเต๋ากวางขาวและสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์คุกรุ่น ในขณะเดียวกัน เสียงระเบิดก็ดังกึกก้องไปทั่วสมรภูมิบนเขตนครใหม่ของดาวอังคาร เหตุอสูรหลั่งไหลครั้งที่แปดอุบัติขึ้นแล้ว!
ควันหลงจากครั้งที่หกยังไม่หมดดี ส่วนอสูรจากครั้งที่เจ็ดก็ยังเดินหน้าปะทะ เหล่าตัวแทนอย่างไม่หยุดยั้ง หลี่อี้และหวังเป่าเล่อพยายามอย่างหนักที่จะรักษาฐานที่มั่นของตนไว้ ทว่าเหตุอสูรหลั่งไหลครั้งที่แปดนั้นทำให้ทั้งสนามรบเข้าขั้นวิกฤติ เส้นชัยอยู่ไม่ไกลแล้ว ผลแพ้ชนะของการทดสอบกำลังจะถูกตัดสินในไม่ช้า!
หลี่อี้เริ่มอกสั่นขวัญแขวน นางพุ่งสมาธิทั้งหมดไปกับการทำให้เมืองที่ตนสร้างเดินหน้าต่อไปได้ วงแหวนปราณของเมืองคลายออกด้วยความช่วยเหลือของ เหล่าผู้ติดตาม เผยให้เห็นวงแหวนยักษ์สามวงอยู่ภายใน วงแหวนทั้งสามพันเกี่ยวกันและหมุนวนอย่างไม่ลดละ!
วงแหวนปราณยักษ์ทั้งสามวงหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง ปล่อยพลังอันแสนแข็งแกร่งออกมา วงแหวนทั้งสามดูเหมือนจะตัดทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้าได้ จนทำให้ กองทัพอสูรที่พุ่งเข้าใส่ต้องหยุดชะงัก แต่พลังนี้ก็อยู่ได้ไม่นานนัก ในไม่ช้า วงแหวนปราณวงนอกก็เริ่มปรากฏรอยร้าว
ยังพอไหวอยู่ ข้าแค่ต้องทนให้ได้นานกว่าไอ้อ้วนนั่นเท่านั้น! หลี่อี้กัดฟันกรอดเมื่อเห็นอันตรายอยู่ตรงหน้า นางอดไม่ได้ที่จะหันไปมองหวังเป่าเล่อ ภาพที่เห็นทำให้นางตัวสั่นด้วยความตกใจ ดวงตาเบิกกว้าง สีหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง
นี่…นี่มัน…
หลี่อี้ไม่ใช่คนเดียวที่นิ่งอึ้ง เหล่าผู้ติดตามของนาง ผู้ชมทั่วสหพันธรัฐที่ดู การถ่ายทอดสด บุคคลสำคัญของแต่ละกลุ่มอำนาจ แม้แต่เจ้านครดาวอังคารและต้นไม้ยักษ์…ทุกคนต่างตกใจกับสิ่งที่เห็น หลายคนลุกขึ้นยืนอ้าปากค้าง
“สวรรค์โปรด ปราการนิรันดร์ของหวังเป่าเล่อ…”
“นี่มัน…”
สายตาหลายแสนคู่เบิกกว้างด้วยความตกใจ จ้องมองหวังเป่าเล่อที่ยืนอยู่ บนปราการของตน และกำลังประสานนิ้วทั้งสองข้างเข้าด้วยกันเพื่อสร้างผนึกฝ่ามือนับไม่ถ้วน เมื่อมือของชายหนุ่มโบกสะบัด ปราการก็เริ่มส่งเสียงกึกก้อง ขณะที่ เหล่าอสูรมากมายจากเหตุอสูรหลั่งไหลพุ่งเข้าใส่ชายหนุ่มอย่างบ้าคลั่ง…พื้นพสุธา ก็สั่นสะเทือน และปราการของเขา…ก็พุ่งขึ้นสูงเสียดฟ้า!