บทที่ 362 ชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่
ปราการของหวังเป่าเล่อไม่ได้แค่พุ่งขึ้นบนฟ้าเท่านั้น เช่นนั้นอาจจะน่าตกใจ แต่คงไม่มากพอที่จะทำให้ทุกคนจิตใจเตลิดเหมือนที่เป็นอยู่ตอนนี้ ขณะที่ปราการกำลังลอยอยู่บนฟ้านั้น หวังเป่าเล่อก็สร้างผนึกฝ่ามือสำเร็จและปลดปล่อยพลังทั้งหมดของปราการอย่างเต็มที่ ชายหนุ่มใช้ไพ่ตายใบสุดท้ายของปราการที่เขาออกมาแบบมาเองกับมือ!
ปราการของหวังเป่าเล่อเริ่มแยกตัวเองออกเป็นชิ้นๆ ต่อหน้าต่อตาทุกคน เบื้องหน้ากองทัพอสูรที่พุ่งเข้าใส่!
หน้ากระดาษทั้งสิบเก้าหน้าแยกตัวออกจากปราการหลัก กระจายตัวไปทั่วนภา ปกหน้าและปกหลังก็เช่นกัน หน้ากระดาษทั้งหมดหมุนวนอยู่บนท้องฟ้า ปืนใหญ่เป่าเล่อและปืนใหญ่สวรรค์นับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นบนหน้ากระดาษเหล่านั้น รวมทั้งวัตถุเวทมากมายที่ชายหนุ่มใช้โจมตีก่อนหน้านี้ด้วย
ปราการที่แยกตัวออกมาปกคลุมอาณาเขตอาวุธเทพไปเกือบครึ่ง การปรากฏตัวของมันทำให้เกิดเงาทะมึนฉายทับกองทัพอสูรที่อยู่บนพื้นดิน ตอนนั้นเองปราการที่แยกตัวออกจากกันก็เริ่มปล่อยพลังเต็มเปี่ยมที่มี!
เสียงระเบิดราวฟ้าผ่าดังสะท้อนสะเทือนไปทั่วบริเวณจนท้องฟ้าสั่นไหว หุ่นเชิดก่อสร้างนับพันเคลื่อนตัวไปทั่วทุกหน้าเพื่อซ่อมแซมอาวุธที่อัดแน่นอยู่ในนั้น อย่างจ้าละหวั่น สิ่งที่ตามมานั้นทำให้เบ้าตาของทุกคนแทบถลน เมื่ออาวุธที่อยู่ บนหน้ากระดาษหมดสภาพจนไม่สามารถซ่อมแซมได้อีก หน้ากระดาษนั้นก็ตกลงมาจากฟากฟ้า และระเบิดตนเองใส่ฝูงอสูรในทันที!
หวังเป่าเล่อใช้เวลาออกแบบอักขราจารึกสำหรับกลไกการทำลายตนเองของวัตถุเวทแต่ละชิ้นอยู่นานมาก แรงระเบิดทรงพลังเสียจนกลายเป็นคลื่นกระเพื่อมออกไป ในอากาศ
มันเป็นผลมาจากการที่ปืนใหญ่เป่าเล่อนับร้อยกระบอกระเบิดขึ้นพร้อมกัน รวมถึงการระเบิดตัวเองของหน้ากระดาษที่สร้างมาจากวัสดุมากมาย แรงระเบิดรุนแรงนี้เกิดจากการที่วัตถุแต่ละชิ้นดูดซับเอาพลังปราณรอบกายเข้าไปก่อนจะ จุดตนเองให้ระเบิด กระบวนการนั้นก็เกิดจากการออกแบบของหวังเป่าเล่อเช่นกัน
หน้าแรกระเบิดส่งเสียงสนั่นเหมือนอสนีบาต ฝูงอสูรหยุดเท้าในทันที แต่ยังไม่จบเพียงเท่านั้น เมื่อหน้าที่สองสูญเสียความสามารถในการต่อสู้มันก็ทิ้งดิ่งลงกับพื้นตกลงมาทับกองทัพอสูรอย่างพอดิบพอดี เสียงกึกก้องดังสนั่นหวั่นไหวอีกครั้งเมื่อหน้าที่สาม สี่ ห้าระเบิด…
หวังเป่าเล่อกำลังจะคลั่ง เขารู้ว่านาทีนี้คือจุดชี้เป็นชี้ตายที่จะตัดสินผลแพ้ชนะ เป็นช่วงเวลาที่จะชี้ขาดว่าเขาจะได้ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเขตนครใหม่ของ ดาวอังคารหรือไม่ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับว่าเขาอดทนถูลู่ถูกังจนกว่าหลี่อี้จะยอมแพ้ไปได้หรือเปล่า!
ชายหนุ่มไปมีเวลาและพลังงานมากพอจะหันไปมองว่าหลี่อี้กำลังทำอะไรอยู่ ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนี้ หวังเป่าเล่อยังคงควบคุมปราการของตนเองต่อไป เขาไม่ได้ยินอะไรนอกจากเสียงระเบิดของตนเองที่ก้องสะท้อนอยู่ในหู และกลบเสียงร้องคำรามของเหล่าอสูรเสียหมดสิ้น
หน้าที่เก้าร่วงตามลงมา ต่อด้วยหน้าที่สิบ…หน้าที่สิบสี่ร่วงลงบนพื้นและระเบิดจนพื้นดินสั่นไหว ทุกคนที่ดูการถ่ายทอดสุดอยู่นั่งอึ้งอยู่กับที่ ขนหัวลุกและชาดิก ดวงตาเบิกกว้าง อ้าปากค้าง
ในช่วงเวลาชี้เป็นชี้ตายนี้เอง หวังเป่าเล่อและหลี่อี้ก็มาถึงขีดจำกัดของตนเองเรียบร้อย ปราการของหวังเป่าเล่อเหลือหน้ากระดาษอยู่เพียงสองหน้า ส่วนเมืองของหลี่อี้ก็ถูกทะลวงเรียบ อสูรมากมายพุ่งเข้าโจมตีผู้ช่วยของหลี่อี้ด้วย แววตากระหายเลือด ส่วนอสูรที่มีปราณขั้นกำเนิดแก่นในสองตนพุ่งเข้าใส่หลี่อี้!
หวังเป่าเล่อก็เจอปัญหาเดียวกัน อสูรขั้นกำเนิดแก่นในสองตนกระโจนใส่เขา พวกมันเกือบเข้ามาประชิดตัวแล้ว เมื่อหวังเป่าเล่อหันมามอง คำรามก้อง และ ตบกำไลคลังเวทของตน ชุดเกราะเต็มตัวบินออกจากกำไลมาห่อหุ้มร่างของเขาไว้อย่างมิดชิด ชายหนุ่มกำอาวุธเวทเอาไว้ในมือ และส่งคมกระบี่ออกฟันอสูรร้ายสองตัวที่พุ่งเข้าใส่!
เสียงระเบิดดังก้องไปทั่วบริเวณ เกราะป้องกันของหวังเป่าเล่อแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ชายหนุ่มกระอักเลือดและตัวสั่นเทา หน้าซีดเผือดไร้สี หวังเป่าเล่อกัดฟันแน่น ความอำมหิตพุ่งเข้ามาในดวงตา ก่อนที่เขาจะวาดแขนขึ้นในอากาศเพื่อเรียกยุงเก้าตัวออกมา เขายังคงปักหลักมั่นไม่ยอมทำลายแผ่นหยกของตนเอง สองหน้าสุดท้ายของปราการระเบิดพร้อมกันในอากาศ
หลี่อี้กัดฟันแน่นและพยายามยื้อชีวิตของตนเอาไว้ให้นานที่สุดเช่นกัน นางใช้ วงแหวนปราณกู้ชีพฉุกเฉินที่ต้นไม้ยักษ์มอบให้ต้านพลังการโจมตีของอสูรขั้น กำเนิดแก่นในทั้งสองตน หลี่อี้ปลุกพลังที่ยังเหลืออยู่ของเมืองขึ้นมา และต่อสู้ต่อไปด้วยความหวังว่านางจะเป็นผู้ที่ทนได้นานกว่า
ทั้งหลี่อี้และหวังเป่าเล่อมาถึงปลายเชือกแล้ว นี่คือจุดตัดสินว่าใครจะเป็นผู้ชนะในการทดสอบนี้ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับว่าใครจะทนได้นานกว่า ผู้ชมทางบ้านที่ดูถ่ายทอดสดอยู่ ทั้งคนธรรมดาและบุคคลสำคัญต่างๆ ในสหพันธรัฐ พร้อมใจกัน กลั้นหายใจและไม่กล้ากะพริบตา
บัดนี้แม้แต่สี่สำนักศึกษาเต๋าก็ไม่กล้าลงพนัน…ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ!
สุดท้ายแล้วต้องวัดกันที่กำลังใจเท่านั้น…ทุกคนที่ดูอยู่มีความคิดเป็นหนึ่งเดียว หวังเป่าเล่อเองก็สรุปได้แบบนี้เช่นกัน เขาสังเกตวงแหวนปราณของหลี่อี้ และรู้ดีว่าตนเองสู้หลี่อี้ไม่ได้ในแง่ของทรัพยากรที่มี เพราะนางได้รับการสนับสนุนทั้งจากสี่สำนักศึกษาเต๋าและต้นไม้ยักษ์!
หากไม่มีอะไรผิดคาดเกิดขึ้น เขาย่อมพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
หวังเป่าเล่อต่อสู้อย่างหนักหน่วงและมาได้ไกลถึงเพียงนี้ เขาจึงไม่คิดยอมแพ้หากไม่ได้สู้จนตัวตายเด็ดขาด ชายหนุ่มหายใจหอบ ดวงตาเป็นประกายโหดเหี้ยมเด็ดขาด
“หลี่อี้!” หวังเป่าเล่อเหินขึ้นในอากาศและตะโกนใส่หลี่อี้ ขณะที่อสูรขั้นกำเนิดแก่นในสองตนชะงักไปเพราะแรงระเบิดจากสองหน้าสุดท้าย
หลี่อี้ซึ่งกำลังเอาตัวรอดอย่างเอาเป็นเอาตายด้วยวงแหวนปราณที่ต้นไม้ยักษ์มอบให้ หันมามองเมื่อได้ยินเสียงตะโกนของหวังเป่าเล่อ นางเห็นชายหนุ่มดึง…แผ่นหยกออกมา!
ทันทีที่แผ่นหยกถูกทำลาย มันจะเคลื่อนย้ายทุกสิ่งที่อยู่ในรัศมีออกไปทันที ลมหายใจของหลี่อี้ถี่ขึ้นเมื่อเห็นหวังเป่าเล่อหยิบแผ่นหยกของตนออกมา ส่วนคนที่ดูการถ่ายทอดสดอยู่นั้น ทั้งผู้ชมทั่วไป บุคคลต่างๆ จากหลายกลุ่มอำนาจ ประมุขสำนัก สมาชิกของสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ จินตั้วจื่อ และคนอื่นๆ จากสำนักศึกษาเต๋าหมอกขุนเขา…
ต่างมองหวังเป่าเล่อเป็นตาเดียว หลายคนมีสีหน้าตกใจ บางคนก็เยาะเย้ย บางคนก็โล่งอก อีกหลายคนเสียดายที่หวังเป่าเล่อดูเหมือนจะยอมแพ้ ทว่าตอนนั้นเอง…หวังเป่าเล่าก็ระเบิดเสียงหัวเราะดังกึกก้อง เขาโยนแผ่นหยก…ใส่หนึ่งในอสูร ขั้นกำเนิดแก่นใน!
เมื่อแผ่นหยกใกล้ถึงตัวอสูรร้าย หวังเป่าเล่อก็แผดเสียงและส่งคมกระบี่ของตนออกไป ลำแสงจากกระบี่สว่างจ้าเลี้ยวลดไปหาแผ่นหยกพร้อมเสียงระเบิดดังก้อง มันกระทบโดนแผ่นหยกพอดิบพอดีกับที่แผ่นหยกนั้นถึงตัวอสูร แผนหยกระเบิดพร้อมเสียงดังสนั่นเมื่อถูกคมกระบี่!
พลังเคลื่อนย้ายถูกปลดปล่อยออกมาท่ามกลางเสียงระเบิด กวาดเอาอสูรที่กำลังหนีตายหายไป มีแสงสว่างวาบขึ้นจนตาพร่า จากนั้นอสูรก็ถูกส่งออกไปจากสมรภูมิอย่างไร้ร่องรอย!
ภาพนี้ทำให้ทุกคนตกใจเป็นอันมาก ไม่มีใครคาดคิดว่าหวังเป่าเล่อจะทำเช่นนั้น ทุกคนรู้สึกหน้ามืดกับความเด็ดเดี่ยวและความโหดหาญของหวังเป่าเล่อ!
หมอนี่อยากตายหรือ!
“หวังเป่าเล่อ!” ประมุขสำนักแห่งสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์กระทืบเท้าเมื่อเห็นฉากตรงหน้า เขาถูกความกระวนกระวายกลืนกิน ผู้อาวุโสสูงสุดก็กำลังดูการถ่ายทอดสดอยู่ภายในสำนักศึกษาเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ แต่บัดนี้แม้แต่ตัวเขาเองยังตื่นตกใจ
นอกจากสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์แล้ว ผู้คนจากกลุ่มอำนาจอื่นยังตื่นตกใจกับ การกระทำของหวังเป่าเล่อ ตระกูลนภาห้าสมัยสูดหายใจเข้าลึก ทุกคนต่าง…อึ้งกับการตัดสินใจที่โหดหาญเด็ดขาดของหวังเป่าเล่อ
การทำตัวโหดเหี้ยมกับคนอื่นนั้นง่ายดายนัก แต่การอำมหิตแม้แต่กับตนเอง มีน้อยคนนักที่จะทำได้
หวังเป่าเล่อเพิ่งทำเช่นนั้นไป เขาทำให้ตนเองไม่มีทางเลือก ผู้คนทั่วสหพันธรัฐต่างอึ้งกันไปหมด แม้แต่จั่วอี้ฟานและเจ้าเยี่ยเหมิงยังตกใจ เจ้านครดาวอังคารมีสีหน้าเคร่งขรึมและนิ่งเงียบ นางไม่ได้สนใจอสูรขั้นกำเนิดแก่นในที่ถูกเคลื่อนย้ายไปที่อื่น มันไม่ใช่เหล่าตัวแทนดังนั้นจึงไม่อาจรอดชีวิตจากวงแหวนปราณของดาวอังคารได้ เป็นไปได้ว่าอสูรตนนั้นคงกำลังถูกวงแหวนปราณฉีกเป็นชิ้นๆ อยู่
หลี่อี้เองก็ตกใจเช่นกัน ลมหายใจของนางติดขัด สีหน้าตกใจและตื่นตะลึง นางอุทานออกมาเสียงดัง
“หวังเป่าเล่อ เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือ!”
หวังเป่าเล่อเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าและหัวเราะดังลั่น ถือกระบี่อยู่ในมือ หน้ากระดาษยังคงลอยวนอยู่บนฟ้าและระเบิดอย่างรุนแรง เสียงเขาดังก้องไปทั่วบริเวณ
“หลี่อี้ ข้าไม่มีวันยอมออกจากที่นี่ หากเจ้ากล้าพอก็จงทำตามอย่างข้าเสีย หากเจ้าไม่กล้า…ก็เชิญไสหัวกลับไปเป็นเด็กอมมืออย่างที่เจ้าเป็นมาตลอดเถิด!”
พลังจากอาวุธเวทของหวังเป่าเล่อระเบิดออกมา ชายหนุ่มทำงานสอดประสานกับกระดาษที่ลอยวนอยู่บนท้องฟ้า เพื่อพุ่งเข้าโจมตีอสูรขั้นกำเนิดแก่นในตนที่เหลือ แม้หวังเป่าเล่อจะไม่ได้รับมืออสูรโดยตรง และแม้ว่าจะมีปราการคอยช่วยเหลืออยู่ ชายหนุ่มก็ยังฝีมือห่างชั้นจากอสูรอยู่โขนัก แต่หวังเป่าเล่อมีร่างกายที่แข็งแกร่ง เลือดยังไหลออกจากปากแผลของเขาไม่หยุด ภาพนี้ดูน่าสังเวช แต่หวังเป่าเล่อก็ยังแข็งแกร่ง ใจของเขาคิดแม้กระทั่งว่าจะท่องบทสวดหากไม่มีทางเลือกจริงๆ…หากเป็นเช่นนั้น เขาจะยังสามารถรักษาความน่าเกรงขามของตนเองในสนามรบเอาไว้ได้อยู่
ดวงตาของเจ้าลาเป็นสีแดงก่ำด้วยความบ้าคลั่ง มันพุ่งเข้ากัดอสูรทุกตัวที่เห็น
สีหน้าของหลี่อี้มืดมน นางเองก็อยากทำเช่นหวังเป่าเล่อ ทำให้ตนเองไม่เหลือทางเลือกนอกจากต้องยืนหยัดสู้จนตัวตาย แต่นางไม่กล้าและไม่เด็ดขาดพอ หลี่อี้รู้ดีว่าหากไม่มีแผ่นหยก จะไม่มีความช่วยเหลือส่งมาถึงนางทันท่วงทีในนาทีอันตราย เจ้านครและคนอื่นๆ อาจเคลื่อนย้ายมาที่นี่ได้แต่ก็ต้องใช้เวลา เวลาเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในสถานการณ์ที่จะตัดสินความเป็นความตายของผู้คน
แรงใจของหลี่อี้ลดน้อยถอยลง วงแหวนปราณของนางเริ่มล่มสลายเมื่อถูกอสูรขั้นกำเนิดแก่นในสองตนพุ่งเข้าโจมตี รอยร้าวปรากฏให้เห็น และเกือบจะสะบั้นลง… หากพลังใจของหลี่อี้ยังแข็งแกร่ง และไม่เหลือทางเลือกให้ถอยหนี นางคงบังคับตนเองให้สู้อย่างสุดกำลังได้
แต่บัดนี้…หลี่อี้กำลังเสียขวัญ วงแหวนปราณของนางระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และอสูรขั้นกำเนิดแก่นในสองตนก็ดำลังกระโจนเข้าใส่นาง หลี่อี้ทำลายแผ่นหยกที่นางถือไว้ในมือมาสักพักด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอด และในบัดดลนั้น…นางก็ถูกเคลื่อนย้ายออกไป!
หลี่อี้ตกรอบแล้ว!
บนสมรภูมิเหลือตัวแทนเพียงคนเดียว และคนๆ นั้นคือหวังเป่าเล่อ การต่อสู้ได้สิ้นสุดลงแล้ว และหวังเป่าเล่อ…เป็นผู้กำชัยในครั้งนี้!