บทที่ 43 หลักคำนวณอักขราจารึก
หลังจากกลับถึงถ้ำที่พัก หวังเป่าเล่อก็เริ่มเก็บตัว
หวังเป่าเล่อเก็บตัวแบบนี้มาแล้วหลายครั้งช่วงที่เขาไต่เต้าขึ้นเป็นหัวหน้าศิษย์ แต่ว่าครั้งนี้ความมุ่งมั่นเขามากล้นกว่าเดิม
ครั้งนี้เขาต้องรีบเร่งและผจญภัยเสี่ยงมากกว่าครั้งก่อน
แม้ว่าชายหนุ่มจะตั้งมั่นถึงเพียงใด ตัวอักขราจารึกที่เขาต้องจำนั้นมีมากกว่าล้านตัว ไม่มีทางเลยที่เขาจะจำตัวอักขระทั้งหมดได้ในช่วงเวลาสั้นๆ แต่เป้าหมายของเขา นั้นคือ จำอักขระให้ได้มากกว่าสี่แสนตัว เพื่อที่จะล้มเฉาคุนลง
กระนั้นก็ยังถือว่ายากอยู่ดี ชายหนุ่มไม่ใช่ศิษย์หัวกะทิ ถ้าเขามีเวลาสักสิบหรือยี่สิบปี เขาก็อาจจะจำตัวอักขระได้มากกว่าเฉาคุนก็เป็นได้ แต่นั่นก็ดูจะเป็นไปได้ยาก
เขาตั้งความหวังไว้กับเซี่ยไห่หยาง แต่โชคไม่เข้าข้าง แม้แต่เซี่ยไห่หยาง ก็ไม่สามารถช่วยเขาได้ การจะจัดหาโอสถช่วยจำคุณภาพสูงนั้น ถ้าต้องการจำนวน ไม่มาก ก็หามาให้ได้ไม่ยาก แต่จำนวนที่หวังเป่าเล่อต้องการนั้นเป็นจำนวนที่มากโข
เซี่ยไห่หยางนึกกลัวว่าชายหนุ่มจะกินยาหนักเสียจนล้มตายไป
แม้ว่าจะพยายามทำแทบทุกวิถีทาง เขาก็ยังต้องการเวลาอีกมากในการจะจัดหายา มาให้ได้ครบตามจำนวนที่ชายหนุ่มต้องการ จากการคำนวณของเขา ต้องใช้เวลา อย่างน้อยถึงสองปีถึงจะจัดหาได้ครบ
หวังเป่าเล่อหมดกำลังใจเมื่อได้รับรู้ถึงข้อจำกัด เขาจะรอนานขนาดนั้นไม่ได้ ถึงแม้เขาจะสามารถจำตัวอักขระได้มากกว่าสี่แสนตัวภายในเวลาสองปี แต่เฉาคุนก็คงจะจำได้เกินไปกว่านั้นอีก ถ้าเป็นเช่นนี้วนไป เขาคงไม่สามารถล้มคู่อริของเขาลงได้เป็นแน่
หวังเป่าเล่ออยากจะหลุดพ้นจากวันคืนอันไร้อำนาจนี้โดยเร็ว ไหนจะจางหลันและพวกพ้องที่กำลังสำราญใจในอำนาจ อีกทั้งเขายังอยากช่วยหลิวต้าวปินและเพื่อนๆ ให้ได้โดยเร็วที่สุด
ถ้าอย่างนั้นก็คงเหลือเพียงทางเดียว! ชายหนุ่มสูดหายใจลึกและหยิบหน้ากากนิลขึ้นมา เขามองหน้ากากในมือด้วยความลังเลใจ ชายหนุ่มกังขาที่จะใช้หน้ากากนิลเนื่องจากเขาไม่รู้ว่า พ่อของเขาไปได้มันมาจากที่ใด
เขาเคยนึกอยากส่งข้อความเสียงไปถามพ่อ แต่ก็ไม่ได้ทำ หน้ากากชิ้นนี้ไม่ใช่ ของธรรมดาสามัญ เขากลัวว่าความลับของหน้ากากจะหลุดออกไปและสร้างปัญหาให้กับครอบครัว เขาตัดสินใจที่จะถามที่มาของหน้ากากตอนที่เข้ากลับบ้าน ช่วงวันหยุด
เขาลังเลใจอยู่นาน แต่ในที่สุดเขาก็กัดฟันและเข้าสู่ห้วงมิติมายา เบื้องหน้าพร่ามัว พอมองเห็นชัดอีกทีเขาก็อยู่บนผืนน้ำแข็งที่คุ้นเคย
ทุกสิ่งอย่างในมิติมายานี้ดูสมจริงยิ่งกว่าครั้งก่อน
หลังจากที่เขาได้เรียนรู้วิชากลืนปราณมหาสูญจากหน้ากากนิลและไต่เต้าไปเป็นหัวหน้าศิษย์จนสำเร็จ ชายหนุ่มก็ไม่อยากจะกลับเข้ามาในมิตินี้อีก เหตุผลหนึ่ง ก็เพราะว่าเขาสงสัยว่าจะมีคนอาศัยอยู่ในหน้ากากและคนนั้นน่าจะเป็นหญิงสาวแน่ แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลหลัก เหตุผลจริงๆที่ทำให้ชายหนุ่มไม่อยากกลับเข้ามานั่น ก็เพราะว่าเขาไม่อยากพบกับช่วงเวลาที่แสนทุกข์ทรมานเหมือนตอนที่เขาฝึก กระบวนท่าบิดหมุนมหาสูญอีก แค่เพียงกลับมายืนในที่แห่งนี้อีกครั้ง เขาก็รู้สึก เสียววาบตรงระหว่างขาทันที
แต่ก็ไม่มีวิธีอื่นอีกแล้ว เขาถอนหายใจ กัดฟันหยิบหน้ากากขึ้นมา เขากระแอมไอขึ้นหลังจากพึมพำกับตนเองอยู่สักพัก
“เอ่อ…เจ้าพอจะมีวิธีที่ทำให้ข้าจำตัวอักขระล้านตัวได้ภายในไม่กี่วันบ้างไหม”
หลังจากพูดจบ เขาก็ก้มมองหน้ากากในมือทันที แม้ว่าเขาจะจ้องมองอยู่นานเพียงใด หน้ากากก็ไม่ตอบสนองใดๆ ทิ้งให้ชายหนุ่มได้แต่ยืนงุนงง
ใช้การไม่ได้เสียแล้วหรือ เขาเกาหัวด้วยความประหลาดใจ หลังจากยืนคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็เอ่ยปากขึ้นเสียงเบา
“ข้ารู้ว่าเจ้าได้ยิน เมื่อตอนนั้น ข้ามีเรื่องต้องจัดการเลยไม่ได้กลับเข้ามา ไม่ใช่ว่าข้าตัดหางเจ้าปล่อยวัดหลังจากหมดประโยชน์หรอกนะ โปรดอย่าเข้าใจข้าผิด”
พูดจบ เขาก็หยิบหน้ากากขึ้นมอง แต่หน้ากากก็ยังไม่มีการตอบสนองใดๆ ชายหนุ่มเริ่มเป็นกังวล
“แม่นางน้อย อย่าห่างเหินกันไปเลย ข้าผิดไปแล้ว ข้าสัญญาว่าจะไม่ทิ้งเจ้าไปไหนอีก ข้าจะมาพบเจ้าให้บ่อยขึ้น โปรดช่วยข้าเถิด แม่นางน้อย”
นี่เป็นโอกาสที่เหลือเพียงหนึ่งเดียวของชายหนุ่ม หากหน้ากากไม่ตอบสนองใดๆ กลับมา เขากังวลใจว่าจากนี้คืนวันในสาขาวิชาอาวุธเวทของเขาคงดำเนินไปด้วยความยากลำบาก
ชายหนุ่มเหงื่อแตกพลั่กเมื่อคิดดังนั้น เขาสูดหายใจลึกเพื่อคลายความกังวลใจ ก่อนจะปรับน้ำเสียงให้ดูจริงใจราวกับเขากำลังจีบหญิงสาว เขาพยายามพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มสุภาพที่สุดเพื่อจูงใจหน้ากาก
“แม่นางน้อย จริงๆ แล้วข้าตกหลุมรักเจ้า ข้าเขินอายจนไม่กล้าจะพบเจ้า…”
แม้จะพูดไปดังนั้น หน้ากากก็ยังคงไม่ตอบสนองใดๆ ชายหนุ่มเริ่มกระวนกระวายใจจึงดึงกลเม็ดเด็ดออกมาใช้
“แม่นางน้อย เจ้าอยากได้ของแทนใจจากข้าหรือไม่” ทันทีที่จบประโยค หน้ากากนิลก็กะพริบแสง สำหรับหวังเป่าเล่อแล้วการได้เห็นแสงกะพริบนั้นช่างราวกับว่าเขาได้เห็นแสงสายรุ้งแสนงดงาม ชายหนุ่มที่ได้กำลังใจกลับมาสังเกตเห็นข้อความปรากฏขึ้นบนตัวหน้ากาก
“ของอันใด”
ชายหนุ่มกะพริบตามอง เขามั่นใจแน่นอนแล้วว่ามีคนอยู่ในหน้ากากนี้จริงๆ เขากระแอมไอให้คอโล่ง และเอ่ยพูดเสียงเบาแต่เปี่ยมด้วยความรู้สึกที่มากล้น
“ตัวของข้า เจ้าอยากได้หรือไม่”
เมื่อพูดจบ หน้ากากก็หยุดกะพริบแสงทันควัน สายฟ้าสีม่วงพุ่งออกมาจากหน้ากากมุ่งตรงไปที่หวังเป่าเล่อ
ชายหนุ่มมองภาพเส้นสายฟ้าที่เข้ามาใกล้ตัวเรื่อยๆ ยังไม่ทันจะได้ขยับตัวหลบ ลำแสงสายฟ้าก็พุ่งเข้าใส่ตัวเขาจนเกิดเป็นเสียงดัง เขาร้องลั่น ผมตั้งชี้ขึ้นฟ้า ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วทั้งกาย เขาทรุดลงกับพื้นร้องโอดโอยด้วยความโกรธเคือง
“ไม่อยากได้ไม่ว่า แต่ไม่เห็นจะต้องทำร้ายกันเลยแม่นางน้อย…”
คราวนี้หน้ากากไม่ได้ปล่อยสายฟ้าใส่เขาแต่อย่างใด หากแต่กะพริบแสงอีกครั้งพร้อมทั้งปรากฏข้อความเลือนรางหลายบรรทัดขึ้น หวังเป่าเล่อมองข้อความ อย่างสนใจจนลืมความเจ็บปวด
ข้อความที่ปรากฏขึ้นนั้นเลือนรางจนเขาไม่สามารถอ่านได้ ทุกครั้งที่หน้ากากกะพริบแสง ข้อความก็จะปรากฏเพิ่มขึ้น แต่ก็พลันเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว ราวกับแม่สาวในหน้ากากกำลังลบๆ เขียนๆ ใหม่อยู่
หวังเป่าเล่อรู้สึกว่าแม่นางน้อยกำลังคิดหนัก พลอยทำให้ชายหนุ่มเป็นกังวลไปด้วย ห้านาทีผ่านไป ข้อความทั้งหมดเลือนหายไปจากหน้ากาก ปรากฏแทนที่เป็น… หลักคำนวณ!
ข้อความอธิบายปรากฏขึ้นใต้หลักคำนวณอย่างรวดเร็ว
ข้อความนั้นอธิบายว่า เพียงแค่เขาจดจำหลักคำนวณนี้และตัวอักขระที่จำเป็น อีกจำนวนหนึ่งได้ เขาก็สามารถใช้หลักนี้คำนวณหาตัวอักขระทั้งหมดได้
ชายหนุ่มจดจำตัวอักขระไปได้กว่าพันห้าร้อยตัวแล้ว ซึ่งครอบคลุมตัวอักขระที่จำเป็นในการใช้คำนวณ ดังนั้นเขาจึงสามารถใช้หลักคำนวณนี้ได้ในทันที
เขาหายใจไม่เป็นจังหวะเมื่อจ้องมองดูหลักคำนวณ เขาจ้องเขม็งไม่วางตาก่อนที่จะยิ้มกว้างและก้มลงจุมพิตหน้ากากในทันใด
ทันทีที่ริมฝีปากแตะหน้ากาก สายฟ้าก็ฟาดใส่เขาอีกครั้ง หวังเป่าเล่อตกใจ จนถอยปากออกห่างก่อนจะเริ่มอธิบายอย่างขวยเขิน “ไม่ใช่นะ อย่าเข้าใจข้าผิด ข้าแค่ตื่นเต้นไปหน่อย โปรดอย่ากังวลใจไปเลยแม่นางน้อย”
เป็นเวลาสักพักก่อนที่สายฟ้าฟาดจะหยุดลง ชายหนุ่มปาดเหงื่อด้วยความหวาดกลัว ถอนหายใจออกมาและเริ่มจดจำหลักคำนวณ ไม่นานเขาก็ค้นพบถึงปัญหา
“ดูจะไม่เข้าท่านะแม่นางน้อย ถึงหลักคำนวณนี้จะช่วยให้ข้าไม่ต้องจำตัวอักขระมากมาย แต่ถ้าข้าจะปรับใช้ในการหลอมวัตถุเวท ข้าก็ต้องทำการคำนวณก่อน แต่ดูท่าวิธีนี้จะใช้เวลาคำนวณอยู่ไม่น้อย เทียบกันแล้ว ข้าเปิดตำราหาอาจจะได้คำตอบเร็วกว่าคิดคำนวณเอง”
“การจะคิดคำนวณในใจเป็นเรื่องยากที่จะฝึกให้เก่งในเวลาอันน้อยนิด”
หวังเป่าเล่อกลับมาหดหู่ใจอีกครั้ง ประตูทางออกมาอยู่ตรงหน้าเขาแล้วแท้ๆ แต่กลับไม่สามารถหาทางไขเปิดออกได้
หลังจากชายหนุ่มพูดจบ หน้ากากก็กะพริบแสง ข้อความใหม่ปรากฏขึ้น โดยหน้ากากบอกเขาว่าถ้าเขาฝึกฝนการคำนวณในมิติมายานี้ จะช่วยให้พัฒนา ทักษะคำนวณได้อย่างรวดเร็ว
“ฝึกฝนที่นี่อย่างนั้นหรือ” ข้อความพลันเปลี่ยนอีกครั้งในขณะที่ชายหนุ่มกำลังงุนงง แถวตัวอักขระปรากฏขึ้นแทนที่ราวกับว่าหน้ากากต้องการให้เข้าใช้หลักคำนวณที่ได้คิดหาคำตอบประเดี๋ยวนั้น
ชายหนุ่มเกาหัวพร้อมกับมองแถวตัวอักขระบนหน้ากาก แค่พยายามแทนตัวอักขระในหลักคำนวณก็ใช้เวลาครู่ใหญ่ ทันใดนั้นหน้ากากก็ปล่อยสายฟ้าพุ่งเข้าใส่ หวังเป่าเล่อจนเกิดเป็นเสียงสนั่นหวั่นไหว ดูเหมือนว่าถ้าเขาใช้เวลานานเกินกว่าที่หน้ากากจำกัดไว้ เขาจะโดนลงโทษด้วยสายฟ้า
“อีกแล้วหรือ” ร่างของเขาสั่นสะท้าน ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด เส้นผมของเขาเริ่มมีกลิ่นไหม้ ในขณะที่เขากำลังคร่ำครวญอยู่นั้น โจทย์คำนวณใหม่ก็ปรากฏขึ้น
ชายหนุ่มสะดุ้งตัวโยน เขาเริ่มสติแตก พลันเรียกคืนสติไม่รอช้ารีบคิดคำนวณในทันที แต่ก็ช้าไป ไม่กี่วินาทีต่อมาสายฟ้าก็พุ่งเข้าใส่เขาอีกครั้ง
เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของชายหนุ่มดังสะท้อนไปทั่วมิติมายาหลายต่อหลายครั้ง ช่วงเวลาแสนทุกข์ระทมกลับมาอีกครั้ง แม้ว่าจะดีกว่าการโดนทำร้ายที่จุดสงวน แต่สายฟ้าก็พุ่งใส่เขาถี่เสียจนสติเขาเริ่มจะหลุดลอยไปแล้ว
ชายหนุ่มร้องอย่างน่าเวทนาหลังจากโดนสายฟ้าฟาดใส่นับพันครั้ง
“ข้าเรียนไม่รู้เรื่องแล้ว…อ้าก! เจ็บนะ!”
“ปล่อยข้าไป…เจ้าปล่อยสายฟ้าใส่ข้าอีกแล้ว!”
หวังเป่าเล่อเสียสติไปแล้ว ร่างของเขาไหม้เกรียมและรอบตัวเต็มไปด้วยควันโขมงเพราะสายฟ้าจากหน้ากาก ความเจ็บปวดที่เขาได้รับช่างรุนแรงจนร่างจะแหลกเป็นผุยผง ช่างเป็นการลงโทษที่โหดเหี้ยมทารุณที่สุดในโลกหล้า
ไม่ใช่แม่นางน้อยหรอกที่อยู่ในหน้ากาก แต่เป็นยายเฒ่าปีศาจต่างหาก!
เขาโหยหวนด้วยความทรมาน แต่นี่เป็นเพียงทางเดียวที่จะช่วยให้เขาจำตัวอักขระทั้งหมดได้ คิดได้ดังนั้นเขาก็กัดฟันทนรับสายฟ้าที่ฟาดเข้าใส่ ก่อนจะคำนวณหาคำตอบพร้อมกับร้องโอดครวญ