บทที่ 67 ศึกชี้เป็นชี้ตาย
ตกเย็นแล้วแต่อุณหภูมิร้อนจัดยังไม่คลายตัวเท่าไร สภาพอากาศอับชื้นรอบป่าฝนบ่อเมฆทำทุกคนในนั้นเหงื่อกาฬไหลซึมเสื้อผ้า
มีเพียงบริเวณพื้นที่ต่อสู้ก่อนหน้าที่มีรังสีความตายแผ่รอบหวังเป่าเล่อกับชายชรา ทำให้บริเวณนั้นรู้สึกเย็นวาบน่าขนลุกและต่างจากส่วนอื่นในป่า
แรกเริ่มเดิมที หวังเป่าเล่อเป็นเพียงลูกศิษย์ใสซื่อในสายตาชายชุดดำ เหมือนลูกเสือเพิ่งงอกเขี้ยว ดูไม่เป็นอันตราย แต่หลังจากเขาฆ่าคนไปได้เกือบ สามสิบคน ล้อเล่นกับความเป็นความตายซ้ำแล้วซ้ำเล่า เอาตัวเองอาบกลิ่น คาวเลือด…
ชายชราได้มองเห็นหวังเป่าเล่อเปลี่ยนไปแล้ว แม้ว่าหวังเป่าเล่อจะยังมีรูปร่างอ้วน แต่ในสายตาชายชรา เขาเห็นว่าต้องระวังหวังเป่าเล่อทุกย่างก้าวลมหายใจ ชายชราตื่นตัวถึงขีดสุด ถึงจะมีทักษะสามารถกว่าหวังเป่าเล่อ แต่เขาก็ยังคงวางตัวระแวดระวังเต็มที่
ตลอดทั้งชีวิตเขาไม่เคยเจอใครเหมือนหวังเป่าเล่อ คนที่ไร้ความปรานีต่อศัตรู และโหดร้ายกับตัวเองยิ่งกว่านั้น
เขากังวลใจ ในความเป็นจริงแล้ว ถ้ายุงยักษ์นั่นไม่โผล่มาจ้องเล่นงานเขา หวังเป่าเล่อคงจะถูกฆ่าไปนานแล้ว แต่ชายชราลืมไปว่าตนไม่ได้โชคร้ายอยู่เพียง ฝ่ายเดียว ถ้าหวังเป่าเล่อไม่ไปเจอกับอสรพิษทารกขาวกระดูกแดงตอนหนีจากวงล้อม ผลลัพธ์คงไม่เปลี่ยนไปจากตอนนี้เท่าใดนัก
ชายชราสูดลมหายใจลึกแล้วกำหมัดทั้งสองข้าง ลมพัดรุนแรงรอบเขายิ่งมี พลังเพิ่มขึ้น เขาเรียกใช้พลังของวัตถุเวทเต็มกำลัง ปราณโลหิตส่งออกมาจากทุกส่วนในร่างกาย ประสาทตึงแน่นดั่งสายธนูเตรียมพร้อมจะยิงทุกเมื่อ
สายตาเขาพุ่งมาดั่งลูกธนูเล็งเป้าในดวงตาชายหนุ่ม ลมหายใจหวังเป่าเล่อเป็นจังหวะเร็วและลึก อาการบาดเจ็บที่สั่งสมมาเริ่มส่งผลกระทบกับร่างกาย โอสถช่วยผ่อนอาการได้เพียงชั่วครู่ทดแทนที่เขาไม่มีเวลาพักผ่อน ตอนนี้เขามีเพียงความมุ่งมั่นต้องการจะเอาชีวิตรอดคอยช่วยประคองตัวเองไว้
เขารู้ดีว่าถ้าเผลอพักแม้เพียงนิดเดียว ตนจะต้องหมดสติไปในทันที
“มาจัดการให้จบๆ เลยดีกว่า!” ดวงตาหวังเป่าเล่อฉายแววมุ่งมั่นขึ้นมา ร่างเขากระโดดถอยอย่างว่องไวขึ้นไปยังต้นไม้ใหญ่ ลำต้นสั่นไหวอย่างรุนแรง หวังเป่าเล่อใช้ประโยชน์จากแรงผลักเพิ่มความเร็วขึ้น แล้ววิ่งเข้าไปหาชายชรา มือขวายกขึ้น ปล่อยกระบี่เหาะเหินแปดเล่มออกมา
โดยมีกระบี่สั้นสีม่วงเล่มนั้นซ่อนตัวปนอยู่!
ชายชรามีสายตาแหลมคม เขาพุ่งขึ้นไปในอากาศราวกับเหยี่ยวทันทีที่หวังเป่าเล่อถอยห่าง มือคว้าถุงมือข้างขวา แล้วแสงสีฟ้าก็ส่องสว่าง เปลี่ยนถุงมือเป็นเกราะคุ้มกันเขาจากกระบี่เหาะเหินทุกเล่ม
มองจากที่ไกลๆ ทั้งสองดูเหมือนดาวตกพุ่งเข้าชนกันไม่มีผิด!
“จงระเบิด!” หวังเป่าเล่อคำรามเสียงต่ำ กระบี่ทั้งเจ็ดเล่มรอบกระบี่สีม่วงระเบิดตัวออกแทบจะทันที แปรสภาพเป็นเศษคมนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าใส่เกราะกำบังของชายชราโดยตรง เศษกระบี่เหล่านั้นทำให้ม่านคุ้มกันบนตัวเกราะเสียรูปร่างไปครู่หนึ่ง เปิดช่องให้กระบี่สีม่วงทะลวงผ่านเกราะป้องกันของชายชราเข้าไปได้ในพริบตาเดียว
ชายชราส่งเสียงร้องต่ำยะเยือก ถึงเขาจะเคยดูแคลนกระบี่สีม่วงเล่มเล็กนั่น แต่เขาก็ทราบว่าตัวกระบี่มีพลังเทียบเท่าเกราะมือของตน และทราบดีว่าถ้าปราศจากซึ่งศักยภาพกับพรสวรรค์ของจริง ย่อมไม่มีทางควบคุมวัตถุเวทได้ดีเท่านี้
อนิจจา เขายังคงหลบกระบี่สีม่วงได้ไม่ยากเย็น ภายในหนึ่งการเคลื่อนไหวอันฉับไว เขายกขาขวาขึ้นควบคุมพลังงานมหาศาลให้เปลี่ยนเป็นอุณหภูมิเข้มข้น ยิงเข้าใส่ หวังเป่าเล่อ เท่านั้นยังไม่พอ เขาเตะเท้าออกไป มีเข็มสีดำยื่นออกมาจาก หัวรองเท้าเขา!
ดั่งว่าทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วเวลาดีดนิ้ว หวังเป่าเล่อพร้อมเอาทุกอย่างเป็นเดิมพัน เขาไม่แม้แต่จะพยายามหลบหรือหลีกเลี่ยง แต่กลับจับขาชายชราไว้เมื่ออีกฝ่าย ฟาดลูกเตะเข้าใส่ตรงสะโพกชายหนุ่ม เสียงกระดูกหวังเป่าเล่อแหลกทันทีที่โดนเตะ เลือดกระอักพรวดออกมาทางปากจังหวะที่เข็มสีดำแทงทะลุเนื้อ เขาหยุดนิ่ง เมล็ดดูดกลืนแผ่พลังไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย
“ตายเสียเถิด!”
เมล็ดดูดกลืนแผ่พลังออกมาจากหวังเป่าเล่อ สร้างกระแสหมุนวนดูดกลืน ชายชราตกตะลึงงัน ร่างของเขาถูกดึงเข้าไปอย่างไม่อาจควบคุมได้ แล้วโดนยึดไว้ กับพื้น เขามองกระบี่สีม่วงพุ่งตรงมาทางอกตัวเอง ความกังวลพวยพุ่งในอก ตัวเขาเป็นนักสู้มากประสบการณ์ ยิ่งสถานการณ์ชี้เป็นชี้ตายเช่นนี้ เขาจึงตัดสินใจกระโดดขึ้นไปกลางอากาศ เส้นเลือดสีเขียวนูนเด่นบนหน้าผาก ชายชราส่งเสียงคำราม เกราะมือบนมือข้างขวายกขึ้น จับกระบี่สีม่วงไว้ทันท่วงที แววตาเขาฉายแววดิบเถื่อน
“หยุด!”
เกราะมือคู่นั้นทรงพลังยากอย่างจะอธิบาย มีประกายแสงสีฟ้าเจิดจ้าส่องสว่างออกมา เขาใช้พลังงานทั้งหมดจับกระบี่สีม่วงเอาไว้ หมายจะสะท้อนให้กลับไปแทงหวังเป่าเล่อ แต่กระบี่สีม่วงที่ทรงพลานุภาพทัดเทียมกันกลับดูเหมือนมีเพียง เปลือกนอกห่อหุ้มภายในที่เปราะบางอยู่ ตัวกระบี่จึงแตกสลายกลายเป็นเศษคม นับล้านทันทีที่ชายชราออกแรงกำหมัดแน่น เศษกระบี่กระจายไปทุกทิศทุกทางอย่างรวดเร็ว!
กระทั่งชายชรายังตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาหน้าถอดสี ปากร้องตะโกนพร้อมเหวี่ยงหวังเป่าเล่อออกไป ช่วยให้มีเวลาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย หากแต่ก็ยังไม่พอให้หลบ ทุกเศษคมจากกระบี่สีม่วงที่บินมาได้หมด ใบหน้าเขาถูกเฉือน
อาการชาเริ่มแพร่กระจาย ชายชราหายใจเฮือก
“เจ้าอาบพิษเอาไว้!”
ร่างของชายชราถอยหลังอย่างว่องไว ใช้ทุกอย่างที่มีหยุดการแพร่กระจายของพิษนั้น หวังเป่าเล่อยิ้มเยาะตอนที่ชายชรากำลังจะหยิบโอสถถอนพิษออกมา
นี่คือไพ่เด็ดที่หวังเป่าเล่อเตรียมไว้จัดการกับชายชรามาหลังได้สู้กันไปเมื่อครั้งก่อน
พิษนี้สกัดมาจากต่อมพิษในศพของอสรพิษทารกขาวกระดูกแดง เดิมกระบี่สีม่วงมีความทนทานสูงมาก แต่เพื่อให้ชายชราคาดเดาล่วงหน้าไม่ถูก หวังเป่าเล่อจึงใช้ความรู้ด้านอาวุธเวทที่เรียนมาเปลี่ยนแปลงข้างในตัวกระบี่สีม่วงชั่วคราวสำหรับไว้ซ่อนพิษ เขาจงใจทำให้กระบี่ไม่คงทนเพื่อให้สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นนี้ประสบความสำเร็จ! เขายอมสละกระทั่งความสามารถในการขยายตัวของกระบี่เล่มนั้นไปเพื่อไม่ให้ ชายชราสงสัย จะอย่างไรเศษมากมายขนาดนั้นก็มีโอกาสเล่นงานชายชราได้สูง
เลือดไหลโกรกจากตรงเอว แต่ชายหนุ่มไม่สนใจ ตอนนี้เป็นช่วงเวลาตัดสินความเป็นความตาย เมล็ดดูดกลืนปะทุอีกครั้ง หวังเป่าเล่อเข้าไปใกล้ชายชรา ปิดโอกาสไม่ให้ชายชราหยิบโอสถถอนพิษได้ แล้วชกเขาเต็มแรง
“เจ้าก็ใช้พิษกับข้าไม่ใช่หรือ” หวังเป่าเล่อหอบ รู้สึกตัวมาครู่ใหญ่แล้วว่าตนไม่รู้สึกอะไรบริเวณเอวเลย ภาพที่เห็นเริ่มพร่าเลือน เขาตระหนักได้ว่ามีพิษอาบอยู่ บนเข็มในหัวรองเท้าชายชรา
หยาดเหงื่อไหลลงจากหน้าผากชายชรา เขาพยายามจะขัดขืน แต่หวังเป่าเล่อมีทีท่าคลุ้มคลั่งไปแล้ว เมล็ดดูดกลืนแผ่คลื่นคืบคลาน ดูดกลืนชายชราเข้าไป เขาถูกจับยึดไว้ถูกจุด หวังเป่าเล่อดูจะใช้ทุกอย่างที่มีหมายมาดจะฆ่าชายชราไม่ว่าต้องแลก กับสิ่งใด ด้านชายชราเองไม่เหลือพลังงานจะรับมือการโจมตีนี้ และไม่อาจหยิบ โอสถถอนพิษมาใช้ได้
“มาดูกันดีกว่าว่าพิษของใครจะออกฤทธิ์ก่อน!” หวังเป่าเล่อร้องพร้อมกัดฟันกรอด กอดกระหวัดร่างชายชราไว้กับตัว
“เจ้ามันเสียสติ!” ชายชราบันดาลโทสะ เขารู้สึกว่าบาดแผลของตนเริ่มเน่า ทั่วทั้งตัวเจ็บปวด ชัดเจนว่าพิษกำลังแล่นทั่วร่างเขา ชายชรารู้สึกปั่นป่วน ตวาดด่าทอและพยายามโจมตีหวังเป่าเล่อไปด้วย
เลือดสีแดงฉานสดพ่นออกจากปากหวังเป่าเล่อ แต่สายตาเขายังคงเปี่ยมด้วยแรงมุ่งมั่นที่ว่าไม่มีสิ่งอื่นใดจะเสีย เขาหัวเราะขบขัน เอาหัวของตนโขกเข้ากับหน้าผากชายชรา
“แล้วอย่างไร เจ้าอยากจะฆ่าข้า โคตรบิดาของเจ้าหรือ”
ตัวชายชรากระตุก เมื่อเผชิญวิกฤติเช่นนี้ ดูเหมือนเขาจะคลุ้มคลั่งไปอีกคน มือขวาเขากำแน่นแล้วโจมตีอีกครั้ง แต่ท่วงท่าเกี่ยวกระหวัดเป็นความสามารถพิเศษของหวังเป่าเล่อ ในขณะที่เขากำลังทนอาการมึนหัวที่กำลังประสบไว้สุดแรงกล้าและรับหมัดจากชายชรา เขาเข้าคว้าข้อมือชายชราแล้วดึง อาศัยแรงขับเคลื่อนเพื่อซัดเข้าที่เป้าชายชรา
“พยายามจะเทียบชั้นกับข้า โคตรบิดาของเจ้าหรือ ไอ้เฒ่าชั่ว ข้าหนุ่มกว่าและ ฟื้นตัวได้เร็วกว่าเจ้า ดังนั้นเจ้าต้องแพ้ให้กับพิษก่อนอยู่แล้ว!” หวังเป่าเล่อประกาศ เลือดยังคงไหลออกทางปากตัวเอง คำพูดเขาประหนึ่งสงครามประสาท ชายชรา ส่งเสียงร้องโหยหวน เดือดดาลจนปล่อยคลื่นโจมตีลูกที่สองออกมา
ฉับพลันทั้งคู่ก็ล้มลงกับพื้นแล้วเริ่มซัดกันยกใหญ่ สภาพดูไม่เหมือนการต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือขั้นบำรุงชีพจรอีกแล้ว หากแต่เป็นนักเลงสู้กันอย่างป่าเถื่อน
แต่พวกเขาก็สู้กันไปได้ไม่นานนัก ชายชรากู่ร้องเจ็บปวดและอ่อนแรง ยอมตัดมือซ้ายของตัวเองที่ถูกหวังเป่าเล่อจับไว้แน่นหนาออกอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ตัวเองเป็นอิสระ เขาล้มหงายหลังดังตึง
เวลานั้น หวังเป่าเล่อเองก็เหนื่อยล้า เขาอยากหยุดชายชราแต่ทำได้แค่นอนนิ่งอยู่ตรงนั้น ทั้งร่างสั่นระริก ใบหน้ากลายเป็นสีดำสนิทไปกับพลังงานที่หมดเกลี้ยง ท่อนบนของตัวชายชราเริ่มเน่า เขารีบกลืนโอสถถอนพิษที่เอาคืนมาได้สำเร็จ ขณะที่ยังตะลึงงัน แต่น่าเสียดายที่ก็ยังสายเกินไป ตัวเขากระตุกอย่างรุนแรง โอสถถอนพิษร่วงลงไปบนพื้น ตัวเขาละลาย เนื้อหนังหายไป เผยให้เห็นโครงกระดูกแดงฉาน
“หวัง…” ในตอนกำลังจะตาย เขามองไปในดวงตาของหวังเป่าเล่อ แล้วหัวเราะขื่นขมออกมาระหว่างที่เนื้อหนังเขาระเหิดหายไปจนสิ้น
ชายชราตายอย่างน่าสยดสยอง หวังเป่าเล่อเริ่มหายใจหอบ เขากัดลิ้นตัวเองไว้แล้วกระเสือกกระสนคลานไป ปากเริ่มพ่นไร้สาระ
“ข้าไม่อยากตาย ข้ายังไม่ได้เป็นผู้นำของสหพันธรัฐเลย ข้ายังไม่ได้กินขนมอร่อยๆ อีกตั้งเยอะ ข้า…”
สติหวังเป่าเล่อคล้อยดับลง ขณะที่เขาพยายามจะคลานไปหาโอสถถอนพิษของชายชราเป็นหนสุดท้าย แต่เขาไม่เหลือเรี่ยวแรงจะหยิบโอสถขึ้นมาอีกแล้ว ศีรษะ ชายหนุ่มพับกระแทกกับโอสถถอนพิษ ร่างล้มใส่มันเสียอย่างนั้น ความทรงจำสุดท้ายของเขาคือ ตัวเองกำลังอ้าปากกว้างกลืนโคลนตมรอบข้างโอสถถอนพิษเข้าไปเต็มคำ