Skip to content

A World Worth Protecting 68

บทที่ 68 เจ้าคนวิปริต!

เวลาผ่านไป ยากจะบอกได้ว่านานเท่าไร กว่าหวังเป่าเล่อจะลืมตาแล้วยกหัวขึ้น เขาเห็นเพียงแสงอาทิตย์เจิดจ้าส่องผ่านช่องว่างระหว่างใบไม้

เขารู้สึกเหมือนฝันไปว่าโดนไล่ล่า สติสัมปชัญญะมีทั้งภาพที่จำได้ชัดเจนและที่พร่าเลือนปนกัน แต่ความเจ็บระบมทั่วร่างตอนพยายามลุกขึ้นกลับปลุกเขาตาสว่าง

“ข้ายังไม่ตาย!” เขายินดีปรีดา ทว่ารอยบาดเจ็บอาบเลือดจำนวนมากบนร่าง   ทำให้เขาหายใจถี่รัว ชายหนุ่มตกตะลึงกับบาดแผลสาหัสเหล่านั้น เลือดไหลซึมผ่านเสื้อผ้าเขาเป็นสีแดงฉาน ทุกอย่างในสายตาทำให้เขาระลึกถึงศึกชี้เป็นชี้ตายที่ตน    เพิ่งรอดมาได้

“ใครหน้าไหนกันที่ต้องการให้ข้าตาย” หวังเป่าเล่อกัดฟันกรอด ฝืนลุกขึ้นยืน   เขาปล่อยเสียงหัวเราะขื่นออกมา เมื่อมือคลำหาโอสถใช้รักษาแผลอย่างเผลอตัว     เขาไม่มีโอสถเหลือแล้ว

“โอสถกับวัตถุเวทของข้าไม่เหลือเลยสักอย่างเดียว…” หวังเป่าเล่อรีบตรวจดูศพรอบด้าน หลังจากคลำสะเปะสะปะ เขาก็เจอวัตถุเวทกับโอสถอยู่บ้าง พอได้ลอง     สูดดมโอสถเฮือกหนึ่ง เขาก็ลังเลขึ้นมาเพราะบอกสรรพคุณไม่ได้ว่าเป็นโอสถพิษ    หรือเปล่า

เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถอนหายใจแล้วเก็บโอสถสำรองไว้ก่อน

“อา ข้าไม่กล้าเสี่ยง อุตส่าห์ฝ่าฟันมาอย่างยากลำบากเพื่อเอาชีวิตรอด ถ้าเกิดพลั้งทำตัวเองตายเพื่อรักษาแผลตัวเองด้วยโอสถพวกนี้ ทั้งหมดก็สูญเปล่า”

หวังเป่าเล่อสิ้นหวัง ชายหนุ่มใช้กิ่งไม้ผยุงตัวเองขึ้นก่อนกะเผลกไปยังร่าง          ไร้วิญญาณของชายชรา เขาก้มลงมองโครงกระดูกสีแดง แล้วเงียบไปสักพักใหญ่ก่อนจะหยิบเกราะมือกับกระเป๋าคลังเวทของชายชราขึ้นมา

ท่านผู้เฒ่าคนนี้เป็นหัวหน้าของชายชุดดำทั้งหลาย ต้องไม่ธรรมดาเลยจึงมีกระเป๋าคลังเวทไว้ในครอบครอง

หลังจัดสรรสิ่งของที่ได้มา สีหน้าของหวังเป่าเล่อก็บิดเบี้ยวเจ็บปวด แผลตรงเอวนั้นเจ็บเกินทานทน เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แสงวาบปรากฏในดวงตา

“อาจจะยังมีผู้รอดชีวิตอยู่ ข้าต้องหาคำตอบให้ได้ว่าใครอยากจะฆ่าข้า”         หวังเป่าเล่อมองรอบตัว เขารู้สึกได้ว่าแม้บาดแผลจะสาหัส แต่ร่างกายฟื้นกำลังวังชาคืนมาแล้ว เขารวบรวมความมุ่งมั่นจะสู้ต่อไปและสวมถุงมือ พลันแว่วเสียงแผ่วเบาโรยแรงมาจากที่ไกลๆ ตอนเขากำลังจะไปจากตรงนี้

“ช่วยข้าด้วย ช่วยข้าด้วย…”

หวังเป่าเล่อหันหัวไปรอบๆ ด้วยความตื่นตัวสุดขีด เขาตั้งใจฟังเสียงพร้อมประเมินสถานการณ์ ก่อนจะค่อยๆ เข้าไปใกล้ต้นเสียง ไม่นานนักก็ไปถึงบริเวณที่โล่งเตียน ดวงตาชายหนุ่มเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าเป็นใคร ความรู้สึกเหมือนเจอฟ้าผ่าลง    ใกล้ตัว กรามอ้าค้าง ตัวเขากรีดร้องอย่างไร้เสียง

“นี่เจ้า…นี่เจ้า…!”

ชายวัยกลางคนร่างเปลือยบนพื้น ตัวเหลือเพียงผิวหนังหุ้มกระดูก ดวงตาลึกโหล หุ่นเชิดทั้งห้าตัวข้างเขาก็เปลือยเปล่าเช่นกัน

“ช่วยด้วย…ช่วยข้าด้วย…” ชายวัยกลางคนดูจะสังเกตเห็นหวังเป่าเล่อเข้ามาใกล้ เขาร้องขออย่างอ่อนแรง น้ำตาไหลลงอาบแก้ม

“ฟ้าดิน เจ้าทำอะไรกับวัตถุเวทหุ่นเชิดของข้า” หวังเป่าเล่อรู้สึกถึงอารมณ์ต่างๆ ไหลพรู ในหัวเขาว่างเปล่าสนิท พอตั้งสติได้ก็จำได้ว่าชายผู้นี้คือ หนึ่งในยอดฝีมือ     วัยกลางคนขั้นบำรุงชีพจรที่หลบหนีไปก่อนหน้านี้

ทว่าสภาพชายวัยกลางคนตรงหน้าช่างน่าสมเพชเหลือเกิน จนหวังเป่าเล่อไม่อยากเชื่อสายตา

“นี่เจ้า…ต้องอับจนขนาดไหนกันถึงขืนใจวัตถุเวทของข้า เจ้าพยายามจะสมสู่กับพวกมันงั้นรึ” หวังเป่าเล่อไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น คิดเพียงว่าชายชุดดำเป็น       คนวิปริตอย่างเห็นได้ชัด หวังเป่าเล่อโกรธจัด พยายามควบคุมหุ่นเชิดใหม่อีกครั้ง    เขาพ่นลมหายใจโล่งอกเมื่อเห็นหุ่นเชิดทั้งห้าเบิกตาโพลง แล้วดึงทั้งหมดกลับมาเก็บไว้พร้อมกับความรู้สึกปวดใจ แล้วหันไปแยกเขี้ยวใส่ชายชุดดำ

“นี่มันจะมากเกินไปแล้ว!”

พอได้ยินคำพูดจากหวังเป่าเล่อ ชายวัยกลางคนผู้เคยเป็นยอดฝีมือขั้นบำรุงชีพจรสูงสุดก็เผยสีหน้าฟ้องราวกับว่าชายหนุ่มเข้าใจผิด ท่าทางอยากแก้ต่างเต็มทน         แต่อ่อนแอเกินจะเปล่งคำพูดใดๆ

“ต่ำช้านัก! อย่าว่าแล้วกัน ถ้าข้าจะทดลองฤทธิ์โอสถกับเจ้า!” หวังเป่าเล่อ      โกรธจัด หยิบโอสถทั้งหมดมาจากกำไลคลังเวท แล้วป้อนใส่ปากชายวัยกลางคน       ทีละชนิด เมื่อผ่านไปราวเจ็ดหรือแปดตัว ชายวัยกลางคนยังมีชีวิตอยู่ และเริ่มอาการดีขึ้นเล็กน้อย หวังเป่าเล่อยกหมัดขึ้นชกชายวัยกลางคนเข้าตรงอก ทำให้อาการบาดเจ็บกลับไปแย่ลง ชายวัยกลางคนกรีดร้องเจ็บปวด กระอักเลือดออกมาเป็น        สีแดงฉานตามมา

“เจ้าคนวิปริต!” หวังเป่าเล่อร้อง เลิกยุ่งกับชายวัยกลางคน หันมากลืนโอสถที่ทดสอบแล้ว เขาหลับตาลงเพื่อพักฟื้น สองชั่วโมงให้หลัง อาการบาดเจ็บเขาดีขึ้น  อย่างเห็นได้ชัด กลับกัน ชายวัยกลางคนยิ่งอาการย่ำแย่ลง ดวงตามองหวังเป่าเล่ออย่างหวาดกลัว

“พูด! ใครสั่งให้เจ้ามาฆ่าข้า!” หวังเป่าเล่อถามพลางหันไปมองชายวัยกลางคน

ชายวัยกลางคนลังเล หวังเป่าเล่อมองเขาอย่างเยือกเย็นไร้อารมณ์ เขาไม่พยายามถามต่อแต่กลับหยิบเอาโอสถปริศนาอีกมากออกมาให้ชายวัยกลางคนดูทีละชนิด จากนั้นจึงจับป้อนเข้าปาก

หวังเป่าเล่อรอดูปฏิกิริยาหลังป้อนโอสถแต่ละชนิดเข้าไป ถ้าอาการชาย           วัยกลางคนดีขึ้นจะถูกเขาต่อยหนึ่งหมัด ถ้าอาการแย่ลง จะป้อนโอสถเพิ่ม

เวลาผ่านไป ชายวัยกลางคนยิ่งอ่อนแอลงจากการทรมาน เขาดูจะครุ่นคิดแล้วหลายตลบและปิดปากเงียบแม้จะถูกกรอกโอสถพิษ หวังเป่าเล่อจึงจำเป็นต้อง      ป้อนโอสถถอนพิษให้

“ดีนี่ เจ้าเป็นพวกปากหนักอย่างนั้นรึ เหอะ” หวังเป่าเล่อขุ่นเคืองใจ                รีบคิดหาทางอื่นมารับมือชายวัยกลางคน ครั้นต้องมาเจอกับคนแบบนี้ ที่ตอนแรกยังร้องขอความช่วยเหลือ ทว่าบัดนี้กลับไม่หวาดกลัวต่อความตาย หวังเป่าเล่อก็ทำตัว  ไม่ถูกเช่นกัน

ทันใดนั้นเอง ความคิดหนึ่งแวบขึ้นมาในหัว เขายกมือขวาขึ้น เผยหุ่นเชิดทั้งห้าที่เก็บไว้ในกำไลคลังเวท

เมื่อเห็นหุ่นเชิดปรากฏกาย จู่ๆ ชายวัยกลางคนเกิดตัวสั่นขึ้นมา ความหวาดกลัวฉายในดวงตา เขาเริ่มพูดเองโดยที่หวังเป่าเล่อไม่ทันเอ่ยอะไรสักคำเดียว

“ข้าจะพูด…ข้าจะพูดแล้ว! อย่าเพิ่งใจร้อนไป…เก็บ…เก็บพวกมันไปเสีย!”

ปฏิกิริยาตอบสนองของชายวัยกลางคนช่วยให้หวังเป่าเล่อโล่งใจ เขาเพียงแค่อยากลองดู แต่ไม่คาดฝันว่าผลลัพธ์จะลงเอยน่าตกใจเช่นนี้ เขาอดสงสัยมิได้ว่า       ชายวัยกลางคนชำเราวัตถุเวทของเขาจริง หรือมีสิ่งอื่นเกิดขึ้น

“ข้ารู้เพียงแค่ว่า คำสั่งนั้นมาจากนครศักดิ์สิทธิ์ ข้าได้ยินหัวหน้าพูดถึงเพียงแค่ครั้งเดียว อีกฝ่ายเหมือนจะเป็นบุตรชายคนใหญ่คนโต!” ชายวัยกลางคนรีบพูด น้ำตาเอ่อล้นในดวงตา

ตาหวังเป่าเล่อเผยแววเย็นยะเยือก เขามีข้อสงสัยไว้อยู่แล้ว เมื่อได้ฟัง            ชายวัยกลางคนพูด เขายิ่งแน่ใจว่าตนสงสัยถูก

บุตรชายคนใหญ่คนโต…หลินเทียนหาวรึ ข้าแย่งตำแหน่งหัวหน้าศิษย์เขามา      เขาเลยต้องการฆ่าข้ารึ หรือมีคนอื่นที่ข้าไม่ทันสังเกตอีก จริงด้วยสิ ถ้าข้าตาย เฉาคุนและเขาจะได้เป็นหัวหน้าศิษย์อีกครั้ง สองคนนั้นอาจจะบงการรองเจ้าสำนักอยู่ด้วย ไม่อย่างนั้น พวกเขาคงออกคำสั่งให้ข้ากลับไปสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้”

ความอาฆาตแค้นวิ่งพล่านในใจหวังเป่าเล่อ เขาไม่ทันรู้ตัวมาก่อน แต่เมื่อผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้ ความโหดเหี้ยมในตัวเขาทวีรุนแรงขึ้น แต่ชายหนุ่มก็ตระหนักดีว่า    ไม่ควรดูถูกคู่ต่อสู้ เขาคงไม่อาจล้างแค้นคนพวกนั้นด้วยการต่อสู้ซึ่งๆ หน้าได้ แต่หากเล่นตามกฎและบีบให้พวกนั้นชดใช้สิ่งที่ทำ ก็พอจะไปเป็นได้อยู่!

“เก็บไปสักที ได้โปรด ได้โปรด ข้าขอร้อง…”

เสียงชายวัยกลางคนอ้อนวอนหยุดความคิดวิเคราะห์สถานการณ์ในหัวหวังเป่าเล่อ เขามองไป ชายวัยกลางคนตัวสั่นเทิ้ม ดวงตาฉายแววหวาดกลัวชัดยิ่งกว่าเก่า

หวังเป่าเล่อนึกหนักใจ มองยังชายวัยกลางคนที หุ่นเชิดของตนที ครุ่นคิดถึง  ความเป็นจริงว่าถ้าหุ่นเชิดของเขาไม่ได้จับตัวชายวัยกลางคนไว้ เขาคงตายไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว

หุ่นเชิดทำแบบนั้นได้ด้วย…หวังเป่าเล่อเหมือนได้รู้อะไรเพิ่มมากขึ้น เขานึกถึง  ชายปริศนาจากเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูงที่เซี่ยไห่หยางเคยขอยืมหมวกนักรบมายาทันที แล้วยิ่งสงสัยกว่าเดิมอย่างห้ามตัวเองมิได้

เขาอยากซื้อหุ่นเชิด แต่ก็ยังต้องการอีกเรื่อยๆ เป็นไปได้ไหมว่ามีเจตนาแอบแฝงด้วย ไม่ ไม่ใช่แบบนั้นหรอก หวังเป่าเล่อรู้สึกว่าความคิดของตนชักสุดโต่งเกิน เขาสะบัดหัวให้ตัวเองหยุดคิด แล้วเอาโอสถป้อนชายวัยกลางคนอีกครั้งให้หมดสติไป ก่อนกำชับเขาไว้ใต้แขนแล้วออกเดินทาง

ชายวัยกลางคนจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อ!

หวังเป่าเล่อเดินไปตามทางที่ตนผ่านมาในทีแรก ผ่านป่าฝนบ่อเมฆ ระหว่างทาง เขาคอยดูว่ามีผู้รอดชีวิตคนอื่นอีกไหม ไม่นานนักเขาก็มาถึงจุดที่ได้เจอเข้ากับยุงยักษ์ เขาหยุดชะงักลง

ข้าจำได้ว่ามียานสี่ลำตก และอีกลำหนีไปได้ หวังเป่าเล่อมองขึ้นฟ้า ทบทวนความทรงจำย้อนถึงตอนที่ยานทั้งสี่ลำตก

เขาตรวจสอบโดยละเอียด ไม่มีผู้รอดชีวิตคนอื่น แต่ยานหนึ่งในสี่ลำนั้นสภาพไม่ได้แย่นัก ทุกคนในยานเสียชีวิตหมดแล้ว แต่ตัวยานยังถือเป็นวัตถุเวท ตัวเขาที่เป็นหัวหน้าศิษย์สาขาอาวุธเวทจึงพยายามซ่อมยานเอง

หลายชั่วโมงให้หลัง หวังเป่าเล่อซ่อมแซมยานบางส่วนได้สำเร็จดีพอจะใช้เดินทางกลับสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ได้ ชายหนุ่มจุดเชื้อเพลิง เสียงครางต่ำๆ ดังขึ้นขณะที่  ตัวยานลอยสู่ท้องฟ้าเหนือป่าฝนบ่อเมฆ และออกเดินทางไป

ภายในยาน หวังเป่าเล่อซัดชายวัยกลางคนสลบอีกหนให้บาดเจ็บหนักจนขยับไม่ได้ แต่ไม่ให้ถึงตาย จากนั้นเขาจึงเริ่มผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง พอคิดถึงสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายที่เพิ่งเผชิญมา ความหวาดกลัวก็ผุดขึ้นมาในทันทีทันใด ตัวเขาสั่นจนคุมไม่ได้

โลกนี้อันตรายเกินไป เมื่อกลับไปถึงสำนักเต๋าศักดิ์สิทธิ์ ข้าจะต้องขยัน ฝึกฝนให้หนักยิ่งขึ้น

อารมณ์มากมายประดังใส่หวังเป่าเล่ออย่างรวดเร็ว เขาหันไปมองยังป่าฝนบ่อเมฆด้านนอกหน้าต่าง แล้วเห็นทิวภูเขามีห้ายอดอยู่ลิบๆ

“เอ๊ะ” เมื่อสายตาเขามองไปยังทิวเขา หวังเป่าเล่อก็อุทานออกมา ตรงนี้คือ      จุดที่บิดาของเขาบอกว่าเจอหน้ากากนิล!

“ข้าควร…จะลงไปดูหน่อยไหมนะ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version