บทที่ 77 ท่าไม้ตายใหม่
ทุกคนถึงกับผงะเมื่อได้ยินดังนั้น พวกเขาเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสงสัย เมื่อมองเห็นเจ้าหุ่นเชิดที่กำลังมุ่งตรงเข้าด้วยความรวดเร็วนั่นเอง นัยน์ตาของพวกเขาก็เบิกโพลงออกมาในทันใด โดยเฉพาะเจ้าตัวร้ายสกุลเฉิน เขาถึงกับงุนงงพลางจ้องมองหุ่นเชิดรูปตัวเขาอย่างเหม่อลอย หุ่นเชิดเดินมาหยุดตรงหน้าเขา มันนั่งลงขัดสมาธิแล้วเริ่มจ้องมองเขา
“เจ้า…” ไม่ว่าบุคคลตรงหน้าเขาคือใครก็ตาม สายตาที่จ้องมองมานั้นเหมือนกับของเจ้าหนุ่มสกุลเฉินอย่างมาก เจ้าหนุ่มนิ่งงันไป ก่อนที่เขาจะได้พูดจบประโยคหุ่นเชิดก็พูดขัดขึ้นมาอย่างเนิบๆ
“เต๋าเบิกตาข้าให้เห็นธรรม!”
ศิษย์พี่เฉินแทบจะกระโดดด้วยความโกรธเคืองเมื่อได้ยิน ประโยคนี้เป็นเครื่องหมายการค้าของสาขาปรัชญาเต๋า พวกเขาพูดประโยคนี้กับคนอื่นอยู่เป็นประจำ พอได้มาเห็นตัวเขาเองพูดประโยคนี้ทำให้เขาโกรธจนแทบจะคุมตัวเองไม่อยู่
เหตุการณ์แปลกประหลาดนี้ทำให้เจ้าหนุ่มสกุลเฉินถึงกับอ้าปากกินลมด้วย ความตกตะลึง เหล่าศิษย์สาขาปรัชญาเต๋าโดยต่างก็รู้สึกหวาดกลัวไปตามๆ กัน พวกเขามองที่ศิษย์พี่เฉินแล้วหันไปมองหุ่นเชิด พลางคิดว่าเหตุการณ์ตรงหน้านี้ ช่างแปลกประหลาดเสียนี่กระไร
“ต้องเป็นเจ้าหวังเป่าเล่อแน่ๆ!” ศิษย์พี่เฉินร้องด้วยความโกรธเกรี้ยวและเตะหุ่นเชิดเข้าไปหนึ่งที แม้ลูกเตะจะทำให้เกิดเสียงป๊าบดังสนั่น แต่หุ่นเชิดก็ไม่สะทกสะเทือนแม้แต่น้อย กลับกัน ศิษย์พี่เฉินถึงกับตะคริวขึ้นขาลงไปนอนร้องโอดโอย หุ่นเชิดตัวนี้…แข็งแรงเกินไป!
หลังจากที่ถูกเตะหุ่นเชิดก็หันมามองศิษย์พี่เฉินอย่างโกรธเคืองแล้วตะโกนว่า “เต๋าเบิกตาข้าให้เห็นธรรม!”
“ข้านี่สิจะเบิกตาเจ้า! หวังเป่าเล่อ การปลอมแปลงตัวตนไม่ใช่เรื่องตลกนะ มีคนเดือดร้อนเพราะปัญหานี้ปีหนึ่งเป็นล้านๆ ครัวเรือน!” ศิษย์พี่เฉินคำรามด้วยโทสะ ศิษย์สาขาปรัชญาเต๋าที่นั่งอยู่รอบๆ พากันลุกขึ้นมาช่วยเขา ขณะนั้นเอง จากทางด้านฝูงชน ร่างสิบร่างเดินออกมาอย่างฉับพลัน ร่างเหล่านี้ก็คือร่างคู่ของ ศิษย์สาขาปรัชญาเต๋าคนอื่นๆ…ซึ่งก็คือหุ่นเชิดที่เป็นร่างเลียนแบบของพวกเขานั่นเอง!
ในสิบตัวนั้น สี่ตัวเป็นร่างเลียนแบบของศิษย์ที่อยู่รอบๆ ศิษย์พี่เฉิน เมื่อมองเห็นหุ่นเชิดที่กำลังขยับใกล้เข้ามาทุกขณะ เหล่าศิษย์สาขาปรัชญาเต๋าสี่คนนั้นก็ได้แต่จ้องมองด้วยตาค้าง ต่างคนต่างก็พูดไม่ออก
เพื่อการรับมือกับสาขาปรัชญาเต๋า หวังเป่าเล่อได้ซื้อวัตถุดิบจำนวนมากจาก เซี่ยไห่หยาง ราคาของวัตถุดิบเหล่านี้แพงจนน่าตกใจ
แม้ว่าเซี่ยไห่หยางจะไม่อยากเสี่ยงลบหลู่สาขาปรัชญาเต๋าแต่เขาก็ชอบทำธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสาขาปรัชญาเต๋าแบ่งความสนใจไปเพ่งเล็งหวังเป่าเล่อ ทำให้การซื้อขายดำเนินไปโดยสะดวก
แม้จะมีวัตถุดิบครบครันหวังเป่าเล่อก็ยังต้องใช้ความพยายามอย่างมากใน การหลอมหุ่นเชิดขึ้นมา ออกแบบตัวอักขระคำสั่ง และตั้งค่าให้พวกมันเดินตาม ตัวต้นแบบของตัวเอง ขณะนี้ เมื่อหุ่นเชิดมองเห็นต้นแบบจากสาขาปรัชญาเต๋าแล้ว พวกมันรีบพุ่งตัวเข้าไปเผชิญหน้าด้วยการจ้องมองเขม็งและร้องตะโกนว่า
“เต๋าเบิกตาข้าให้เห็นธรรม!”
เหตุการณ์นี้ส่งผลให้ศิษย์จากสาขาปรัชญาเต๋าพากันอลหม่านไปหมด เพราะว่าพวกเขาไม่เคยต้องโดนใครจ้องมองเพื่อพยายามจะบรรลุธรรมมาก่อน
นอกจากนั้น ปัญหานี้ไม่สามารถถูกแก้ได้ง่ายๆ เพราะว่าขณะที่คนกลุ่มนี้กำลังถูกกดดันจนแทบคลั่งนั้น ในช่วงไม่กี่วันต่อมา ก็มีคนจากสาขาปรัชญาเต๋ากลุ่มอื่นที่ต้องเจอกับหุ่นเชิดรูปเหมือนของตนเองบนยอดเขาสาขาอาวุธเวทเช่นกัน
เมื่อหุ่นเชิดเจอบุคคลต้นแบบแล้ว พวกมันก็ติดตามพวกเขาไปในทันที ไม่ว่าต้นแบบจะไปที่ไหน พวกมันจะตามไปคอยจ้องมองอยู่ด้วยเสมอ พวกมันทำแม้กระทั่งไปยืนอยู่ข้างที่นอนเมื่อคนต้นแบบนอนพักผ่อน พลางร้องตะโกนเกี่ยวกับการบรรลุธรรมขึ้นมาอยู่เนืองๆ
ศิษย์สาขาปรัชญาเต๋าทุกคนที่เจอเหตุการณ์หุ่นเชิดนี้ถึงกับเป็นบ้าไปเลย ซ้ำร้าย หุ่นเชิดเหล่านี้ต่างแข็งแรงเกินกว่าจะทำลายได้ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ศิษย์สาขาปรัชญาเต๋าเหล่านี้รังแกผู้ที่อ่อนแอกว่า บัดนี้พวกเขาทุกคนพากันร่ำไห้เพราะรู้สึก ใกล้จะเป็นบ้าเข้าทุกขณะ
“พวกเราจะยอมแพ้ไม่ได้ นี่คือการตอบโต้ของหวังเป่าเล่อ เขาพยายามจะไล่ พวกเราออกไป ทุกคนอดทนเอาไว้นะ!”
“ใช่แล้ว พวกเราต้องหาหวังเป่าเล่อตัวจริงให้พบและสอนเขาให้รู้ว่าห้ามลบหลู่สาขาปรัชญาเต๋าอันศักดิ์สิทธิ์!” ศิษย์สำนักปรัชญาเต๋าต่างพากันกัดฟันและพยายามที่จะเมินหุ่นเชิดที่จ้องมองอยู่ ไม่เพียงแต่พวกเขาไม่ยอมหนีเท่านั้น หุ่นเชิดเหล่านี้กลับทำให้ไฟนักสู้ในตัวพวกเขาลุกโชน
สถานการณ์นี้สั่นคลอนไปทั้งสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์…แม้กระทั่งเจ้าสำนักเอา ก็ยังให้ความสนใจอยู่เป็นครั้งคราว สาขาวิชาอื่นๆ ต่างก็พากันถกเถียงเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างออกรส เครือข่ายวิญญาณก็มีความคิดเห็นมากมายจนแทบจะระเบิด
“การต่อสู้ระหว่างหวังเป่าเล่อและสาขาปรัชญาเต๋ามีความคืบหน้าอีกครั้ง!”
“หุ่นเชิดตัวปลอมของศิษย์สาขาปรัชญาเต๋านับร้อยปรากฎตัวขึ้นที่สาขาอาวุธเวท พวกมันกำลังพยายามจะบรรลุธรรมโดยจ้องมองไปที่บุคคลต้นแบบ…”
“ฮะฮ่า มหัศจรรย์เสียจริง เจ้าหวังเป่าเล่อนี่ลูกเล่นร้ายกาจไม่เบา!”
ขณะที่ทุกสายตาจับจ้องไปที่สถานการณ์นี้ สาขาหลุมพรางก็เกิดกลัวและพากันเดินทางมาดู พวกเขาสนใจความสามารถการหลอมหุ่นเชิดเป็นอย่างยิ่ง
ขณะที่ทั้งสำนักศึกษากำลังร้อนระอุ โทสะของศิษย์สาขาปรัชญาเต๋าก็ค่อยๆ พอกพูนขึ้น อย่างไรก็ดี พวกเขายังไม่มีโอกาสได้แสดงออก เมื่อเห็นว่าศิษย์สาขาปรัชญาเต๋าไม่ยอมถอยเสียที หวังเป่าเล่อจึงตัดสินใจว่าเขาคงต้องใช้ลูกเล่นไม้ตาย
ถ้าไม่ติดว่าข้าไม่มีเวลามากนัก ข้าคงหลอมหุ่นเชิดให้พวกเจ้าทุกคนคนละตัว ถึงข้าจะมีหุ่นเชิดไม่ถึงร้อยตัวก็เพียงพอแล้ว!
ไม่ว่าจะเป็นการส่งหุ่นเชิดเหล่านี้ไปยังสาขาปรัชญาเต๋าเพื่อก่อความวุ่นวายหรือกระทั่งให้พวกมันไปทำลายและปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับบุคคลอื่นๆ ก็ยังเป็นแผนการที่ใช้ไม่ได้ เพราะว่าแผนเหล่านี้จะทำร้ายผู้บริสุทธิ์และทำให้มาตรฐานของข้าตกต่ำ!
ข้าต้องการจะให้พวกมันติดตามเจ้าพวกคนที่ลบหลู่ข้าและทำให้พวกเขารู้สึกสำนึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป!
หวังเป่าเล่อนึกย้อนกลับไปถึงชายชุดดำผู้น่าสงสารในป่าฝนบ่อเมฆ แม้ว่าเขาจะตัดสินใจไม่ใช้วิธีต่ำช้าแต่ทว่าเมื่อเห็นความเลวร้ายของสาขาปรัชญาเต๋าแล้ว ตาของเขาถึงกับเป็นประกาย เขาตัดสินใจจะแก้เผ็ดเจ้าพวกนั้นด้วยวิธีของพวกเขาเอง
“ฉากวาบหวิวเริ่มต้นได้!” หวังเป่าเล่อยกมือขวาขึ้น มีวัตถุทรงกลมแบนเรียบปรากฎขึ้นในฝ่ามือเขา แผ่นเวทนี้ใช้เผื่อควบคุมเหล่าหุ่นเชิดทั้งหลาย เขาปรับมันเล็กหน่อยก่อนที่แผ่นทรงกลมจะฉายแสงสว่างวาบขึ้น
ขณะเดียวกันศิษย์สาขาปรัชญาเต๋าผู้ที่ไม่ได้มีหุ่นเชิดคอยติดตาม แม้จะรู้สึกโชคดีแต่ก็ยังแสดงความดูหมิ่นเพื่อนๆ ออกมาทางสีหน้า พวกเขาคิดว่าการถูกหุ่นเชิดจ้องมองนั้นไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่สักเท่าใดนัก
ขณะที่พวกที่มีหุ่นเชิดติดตามก็เริ่มชินชากับการถูกจ้องมอง บางคนถึงกับพูดติดตลกว่าแบบนี้น่าจะช่วยให้พวกเขาบรรลุธรรมได้ง่ายขึ้น
ตอนที่พวกเขาเริ่มรู้สึกชินชานั้นเอง ดวงตาของหุ่นเชิดก็ส่องแสงจ้า จากนั้น…พวกมันก็จ้องมองร่างต้นแบบของตนด้วยสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความคลั่งไคล้ปรารถนา ก่อนจะอ้าปากแล้วเริ่มส่งเสียงครางอันยั่วยวนออกมา…
เสียงนั้นทำให้ศิษย์สาขาปรัชญาเต๋าตกตะลึงไปราวกับว่าโดนฟ้าผ่าร่างก็ไม่ปาน ขุมขนทุกเส้นบนร่างกายลุกซู่ขึ้นมาอย่างเหนือการควบคุม ขณะที่หัวก็ปวดเหมือนเจียนจะระเบิด ทุกคนต่างพากันเงียบงัน บ้างก็กลัวจนตัวสั่น บ้างก็สะดุดล้มลุกคลุกคลานพลางถอยหนี
“นี่…นี่มันอะไรกัน!”
“สววรค์ มัน…มันส่งเสียงได้ด้วยหรือ นี่มันเสียงอะไรกัน หวังเป่าเล่อ ปิดมันเดี๋ยวนี้นะ!”
“มัน…มันกำลังครางชื่อข้าอย่างอ่อนโยน!”
ศิษย์สาขาปรัชญาเต๋าที่เป็นเจ้าของตัวตนของหุ่นเชิดรู้ว่าพวกเขาได้มาถึงขีดสุดแล้ว ทุกคนต่างก็โกรธเกรี้ยวและตื่นกลัว ความรู้สึกเมื่อถูกจ้องมองและได้ยินเสียงร้องครางในเวลาเดียวกันทำให้พวกเขาแทบจะเสียสติ
“ปิดเสียงบ้านี่เดี๋ยวนี้ หุบปาก!”
“หยุดส่งเสียงนะ!”
ศิษย์พี่เฉินก็โดนไปเต็มๆ ดูเหมือนว่าหวังเป่าเล่อจะตั้งใจทำหุ่นเชิดของเจ้าหนุ่มร่างผอมเป็นพิเศษ เสียงที่มันเปล่งออกมานั้นดังกังวานกว่าปกติ
ศิษย์สาขาปรัชญาเต๋าที่ไม่มีหุ่นเชิดต่างพากันตกตะลึงกับสถานการณ์ พวกเขา ไม่คิดดูหมิ่นเพื่อนๆ อีกต่อไป กลับรู้สึกโชคดี เสียงครางนุ่มนวลนี้ช่างน่ากลัวยิ่งนัก
สถานการณ์ยิ่งแย่ลงไปอีกเมื่อพวกเขารู้ว่า…สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ทั้งสำนักกำลังจับตาดูอยู่ ราวกับว่าเมื่อพวกหุ่นเชิดเริ่มส่งเสียงครางออกมา สำนักศึกษา เต๋าศักดิ์สิทธิ์ก็ลุกเป็นไฟ ทั้งบนเครือข่ายวิญญาณและตามสาขาต่างๆ
“หวังเป่าเล่อใช้ลูกเล่นครั้งใหญ่ สวรรค์ เจ้านี่มันช่าง…เหลือเกินจริงๆ!”
“เสียงครางของสาขาปรัชญาเต๋าช่างเร้าอารมณ์ดีเหลือเกิน หุ่นเชิดของหวังเป่าเล่อนี่สมจริงดีนะ”
“หัวหน้าศิษย์หวังเป่าเล่อ ท่านมีหุ่นเชิดขายหรือไม่ ข้าต้องการหนึ่งตัว!”
เมื่อเห็นว่าผู้คนต่างพากันเสนอซื้อหุ่นเชิดเข้ามาบนเครือบ่ายวิญญาณ ศิษย์จากสาขาปรัชญาเต๋าทุกคนก็ขนลุกขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว คนที่ไม่โดนหุ่นเชิดตามทุกคนต่างพากันลังเลใจ บางคนถึงขนาดอยากจะถอนตัว พวกเขาต่างตื่นกลัว ความเลวร้ายที่เพื่อนร่วมสาขาของพวกเขาเผชิญอยู่นั้นเหมือนเป็นบทเรียนของพวกเขาไปด้วย ยิ่งไปกว่านั้น หากมีใครสักคนซื้อหุ่นเชิดรูปเหมือนพวกเขาไป…การจินตนาการถึง เรื่องนี้ช่างน่ากลัวเสียจนพวกเขาไม่กล้าจะคิดต่อ ไม่นานนัก ศิษย์สาขาปรัชญาเต๋าจำนวนมากก็รีบหนีออกจากสาขาอาวุธเวท
แม้ว่าพวกเขามีทางเลือกที่จะหนีและการต้องเห็นหุ่นเชิดของตนเองร้องครวญคราง ก็ชวนให้ขวัญผวา แม้กระนั้น ศิษย์สาขาปรัชญาเต๋าก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ แม้ว่าบางส่วนจะหนีไปแล้ว แต่ศิษย์จำนวนมากก็ยังคงออกค้นหาหวังเป่าเล่อด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ
“หวังเป่าเล่อ ออกมานะ!”
“ถ้าแน่จริงก็เลิกซ่อนตัวเสีย ออกมาเจอกับพวกเราสิ!”
เมื่อเห็นความหัวดื้อของบรรดาศิษย์สาขาปรัชญาเต๋า หวังเป่าเล่อยิ่งโมโห
“นี่พวกเจ้าลองดีเองนะ เริ่มโหมดลกมกได้!” หวังเป่าเล่อเรียกแผ่นเวท ออกมาแล้วกดปุ่ม