บทที่ 97 พบเห็นทุกแห่งหน
หลี่อี้ประทับปากกระจับสีชมพูลงบนร่างลมหายใจเที่ยงแท้ของตนเองด้วย ความหลงใหล ขณะเดียวกันนั้น หวังเป่าเล่อก็วิ่งผ่านมาทางนั้นพอดี
ฉับพลัน ร่างมายาของนางก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในชั่วพริบตา หน้าท้องนั้นบวมอืด หุ่นบางเล็กของหญิงสาวป่องขยายจนอ้วนกลม ใบหน้าเริ่มพร่ามัว จนไม่เหมือนกับนางอีกต่อไป…มันกลายร่างเป็นหวังเป่าเล่อแทน!
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก แม้แต่หญิงสาวผู้นั้นยังแน่นิ่งไปด้วยความตกใจ หลังจากเห็นการปรากฏตัวของชายหนุ่มและเหล่ากองทัพคนอ้วนเหล่านั้น เมื่อสติกลับคืนมา นางมองร่างในอ้อมกอดด้วยแววตาตกตะลึง เพราะตอนนี้มันกลายเป็นร่างของชาย ผู้นั้นไปเสียแล้ว อีกทั้งริมฝีปากแดงอวบอิ่มของตน ยังประทับอยู่บนแก้มของ ร่างตาอ้วนคนนี้อีกต่างหาก
เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ทำให้ดวงตาของหลี่อี้เบิกกว้างด้วยความ ตื่นตระหนกและว้าวุ่นใจ นางร้องเสียงแหลมออกมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน และถอยกรูดไปด้านหลังตามสัญชาตญาณ ขณะที่ร่างมายานั้น รีบเคลื่อนตัวออกจากอ้อมแขนของหลี่อี้ แล้วพุ่งไปทางหวังเป่าเล่อในบัดดล
ชายหนุ่มตัวจริงซึ่งกำลังวิ่งตาลีตาเหลือกไปข้างหน้าอยู่นั้น หันกลับมามองว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากด้านหลัง แต่กลับเห็นเพียงเหล่าร่างลมหายใจเที่ยงแท้ที่กรูเข้ามาทางเขา โดยไม่ทันสังเกตว่ามีหญิงสาวอยู่ตรงนั้นด้วยเช่นกัน
“หนึ่งนิ้ว! ในที่สุดก็เจอจนได้!” หวังเป่าเล่อตื่นเต้นทันที ก่อนหัวเราะขึ้นฟ้าให้กับความวุ่นวายที่เกิดขึ้น แล้วหมุนตัวเพื่อเปลี่ยนทิศทางวิ่งไปยังรากฐานวิญญาณระดับลมหายใจเที่ยงแท้หนึ่งนิ้วตรงนั้น เมื่อใกล้จะถึง เขาระเบิดเสียงหัวเราะลั่นก่อน เขวี้ยงหมัดออกไป ชายหนุ่มปลดปล่อยพลังทั้งหมดที่มี ทลายเกราะกำบังอันหนาแน่นของอีกฝ่ายจนสิ้น
เสียงดังสนั่น พลังหมัดนั้นทำลายร่างของรากฐานวิญญาณระดับลมหายใจเที่ยงแท้หนึ่งนิ้วในทันที มันสลายเป็นหมอกเขียวเคลื่อนเข้าสู่ร่างกายของชายหนุ่มผ่านทาง ฝ่ามือ
หมอกนั่นรวมตัวกันในจุดตันเถียนทันที และหลอมรูปร่างเป็นภาพมายา รากฐานวิญญาณหนึ่งนิ้ว
ขณะนั้นเอง ในตัวของหวังเป่าเล่อราวกับกำลังถูกชอนไช เขารีบระงับความ รู้สึกนั้นอย่างร้อนรน ขณะหมุนตัวกลับและเริ่มวิ่ง ก่อนที่เหล่ากองทัพคนอ้วนจะเริ่มไล่ล่าต่อ
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นและเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว กว่าหลี่อี้จะเรียกสติกลับมาสู่ความเป็นจริงได้ อีกฝ่ายก็จากไปไกลแล้ว สภาพแวดล้อมเริ่มสงบลง ในเวลานั้นเอง หญิงสาวจึงตะโกนร้อง “หวังเป่าเล่อ เรื่องระหว่างเจ้ากับข้า ไม่จบเพียงแค่นี้แน่!”
เสียงของนางแหลมเสียดแทงใจ จนหนุ่มผู้ก่อเรื่องซึ่งอยู่ไกลออกไปนั้นยังได้ยิน แต่เจ้าตัวไม่มีอารมณ์สนใจเกี่ยวกับคนอื่นนัก เพราะเอาแต่ก้มหน้าก้มตาวิ่งค้นหารากฐานวิญญาณสองนิ้วต่อไป
ชายหนุ่มเจอรากฐานวิญญาณมาแทบทุกชนิดแล้ว ยกเว้นขนาดสองนิ้วเท่านั้น
หากหวังเป่าเล่อพบ และดูดกลืนรากฐานวิญญาณสองนิ้วได้เมื่อไร ก็จะต่อสู้กับร่างมายาตุ้ยนุ้ยด้านหลังเหล่านี้ได้เมื่อนั้น เขามั่นใจเต็มเปี่ยม ว่าจะดูดกลืน รากฐานวิญญาณสามนิ้ว สี่นิ้ว ไปจนถึงเจ็ดนิ้วได้สำเร็จเป็นแน่
แต่ทว่า โชคไม่เข้าข้างนัก เพราะแม้จะวิ่งไปทั่วหมู่บ้านลมปราณวิญญาณ และพบรากฐานวิญญาณระดับลมหายใจเที่ยงแท้มากขึ้น ทั้งยังเห็นร่างเก้านิ้วตนหนึ่งล่องลอยไปผ่านหัวไปเมื่อครู่ แต่เขากลับหารากฐานวิญญาณสองนิ้วไม่เจอสักตัว จนชายหนุ่มหงุดหงิดและผิดหวัง
สถานการณ์ยิ่งแย่ลงเมื่อเวลาใกล้จะหมด เพราะตลอดทั้งวันที่ผ่านมา เหล่าร่างมายาอ้วน ซึ่งไล่ตามหวังเป่าเล่อนั้น มีจำนวนถึงหลักพันเลยทีเดียว กองทัพอันโอ่อ่านี้ทำให้ชายหนุ่มโดดเด่นมากในหมู่บ้านลมปราณวิญญาณ ศิษย์แทบทุกคนจาก สำนักศึกษาเต๋าต่างหันมองชายผู้นี้
“หวังเป่าเล่อ ฝากไว้ก่อนเถอะ!”
“หวังเป่าเล่อ ข้าจะแก้แค้นเจ้า!”
“เจ้าอ้วนนั่นตั้งใจแกล้งกันแน่ๆ!”
เสียงตะโกนสาปแช่งโวยวายจากศิษย์มากหน้าหลายตาดังขึ้นไม่หยุด ด้วยความหมั่นไส้และเกลียดชัง เพราะหลายคนเจอเหตุการณ์คล้ายกับแม่นางหลี่อี้ คือระหว่างจะหลอมรวมกับรากฐานวิญญาณระดับลมหายใจเที่ยงแท้อยู่นั้น มันก็ดันแปรพักตร์ไปเสียก่อน เพราะได้เจอหน้ากับหนุ่มอ้วนคนนี้
ยิ่งไปกว่านั้น จำนวนรากฐานวิญญาณที่ถูกชะตากับเขามีมหาศาล ส่งผลให้ ศิษย์จำนวนมากต้องใช้เวลาตามหาเพิ่มขึ้น จนดำเนินภารกิจล่าช้าลง
หวังเป่าเล่อไม่อาจทำอะไรได้ ชายหนุ่มเองก็กังวลไม่แพ้กัน เพราะปกติแล้ว หมู่บ้านลมปราณวิญญาณจะมีสนามแม่เหล็กโอบล้อมเอาไว้แต่บางเบา ทว่าจากความเหนื่อยล้าตลอดวัน กลับทำให้เขารู้สึกราวกับโดนพลังของสนามแม่เหล็กนั้น ถ่วงร่างกายเอาไว้จนหนักอึ้ง ในขณะที่รากฐานวิญญาณเหล่านั้นไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย อย่างไรชายหนุ่มก็ไม่อาจหยุดวิ่งได้ มิเช่นนั้น กองทัพแฝดเป็นพันๆ ตนคงรุมทึ้งเขาจนตายเป็นแน่ เพียงแค่คิดภาพในจินตนาการ ร่างกายตั้งแต่เส้นผมจรด ส้นเท้าก็สั่นระรัว
“ทำอย่างไรดี สองนิ้ว สองนิ้วอยู่ไหนนะ!” หวังเป่าเล่อใกล้จะร่ำไห้ขึ้นทุกขณะ รู้สึกราวกับมิติเวททั้งหมดนี้ช่างแปลกประหลาดจนไม่ยากจะอธิบาย ตอนนี้เป็นเวลากลางคืนที่ทุกคนต่างพักผ่อน ยกเว้นเขาซึ่งยังคงวิ่งอย่างไม่หยุดหย่อน
“พวกท่าน ได้โปรดหยุดตามข้าเสียที! มีคนตั้งมากมายที่นี่ ไปหาพวกเขาแทนเถิด!”
ช่วงเวลาใกล้รุ่งสาง ร่างกายของหวังเป่าเล่อผู้วิ่งไปมาทั้งวันทั้งคืนเริ่มอ่อนแรงลง จนต้องต่อรองกับรากฐานวิญญาณระดับลมหายใจเที่ยงแท้ซึ่งไล่ตามมาด้านหลัง
แต่เขาประเมินความน่าดึงดูดใจของตนเองต่ำไป เพราะเหล่าร่างมายาด้านหลัง กลับตอบสนองคำพูดนั้นด้วยเสียงโหยหวนที่ดังขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มความเร็วอีกด้วย
หวังเป่าเล่อถูกต้อนจนมุม ไม่มีทางใดให้เลือก นอกจากโอดครวญต่อสวรรค์เบื้องบน แม้จะลองมาหลายหนทาง ไม่ว่าจะซ่อนตัว หรือเบี่ยงเบนความสนใจ แต่ไม่มีวิธีไหนทำให้การไล่ล่าของรากฐานวิญญาณพวกนั้นเปลี่ยนทิศทางได้เลย อีกทั้งยังลองปลดปล่อยขั้นสรีระทองคำอยู่ช่วงหนึ่ง ผลปรากฏว่า รากฐานวิญญาณด้านหลังนั้นกลับตื่นเต้นและป่าเถื่อนมากขึ้น จนทำให้ชายหนุ่มต้องรีบหยุดวิธีนั้นโดยฉับพลัน
เมื่อหวังเป่าเล่อผ่านไปยังภูเขา ความเหนื่อยล้าสุดขีด รวมถึงความหมดสิ้นหนทาง มือขวาของเขาจึงล้วงเข้าไปหยิบโทรโข่งขนาดใหญ่ออกมาอย่างทุลักทุเล แล้วตะโกนไปทางด้านหลังเสียงดังลั่น “ไสหัวไป! ”
เสียงกรีดร้องดังลั่นจนฟ้าสะเทือน คลื่นเสียงแผ่กว้างใหญ่ไปทุกหนแห่ง จนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า รากฐานวิญญาณระดับลมหายใจเที่ยงแท้กลุ่มนี้ นิ่งชะงักไปชั่วขณะ เมื่อเห็นว่ามันได้ผล หวังเป่าเล่อจึงเร่งฝีเท้าเพื่อเพิ่มระยะห่างระหว่างตัวเองกับรากฐานวิญญาณเหล่านั้น แต่แล้วดวงตาของเขากลับเบิกโพลง พร้อมจิตใจอันสับสน ชายหนุ่มหวีดร้อง แต่เสียงแทบไม่ออกมาจากลำคอ ด้วยความขลาดกลัว
“อย่า…อย่าทำแบบนี้สิ!”
ร่างอ้วนพันๆ ตัวด้านหลังนั้น ต่างลอกเลียนการกระทำเมื่อสักครู่ โดยทุกตัวได้สร้างโทรโข่งขนาดใหญ่ขึ้นมาในมือ เมื่อเห็นโทรโข่งนับพันเครื่องปรากฏสู่สายตา หวังเป่าเล่อเหงื่อตก ก่อนผงะถอยหลัง และแผดเสียงร้องด้วยความขยาดกลัว แต่ทุกอย่างกลับสายเกินแก้เสียแล้ว
ร่างมายาระดับลมหายใจเที่ยงแท้นับพันยกโทรโข่งขึ้นพร้อมกัน ก่อนคำรามใส่ชายหนุ่มโดยทันที
โฮก!
เสียงคำรามดังลั่นยิ่งกว่าฟ้าผ่าจนหูดับ มันระเบิดดังกระหึ่มไปทั่วหมู่บ้านลมปราณวิญญาณ ก่อให้เกิดคลื่นเสียงอันรุนแรงดั่งพายุหมุน โหมกระหน่ำตรงไปยังหวังเป่าเล่ออย่างจัง
พายุหมุนคลื่นเสียงลูกนี้มีขนาดมหึมา แถมยังทรงพลังจนศิษย์คนอื่นๆ ใจสั่นระทึก เพราะได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะอยู่แห่งหนใดในหมู่บ้านลมปราณวิญญาณ แห่งนี้ ส่วนหวังเป่าเล่อ ผู้เผชิญหน้าโดยตรงกับพายุลูกนี้ ถึงกับแหกปากร้องเสียงโหยหวน ราวกับมีมือล่องหนพุ่งมาฟาดสุดแรง จนอวัยวะภายในปั่นป่วน ร่างกายของชายหนุ่มถูกพัดกระเด็นไปในอากาศ ลอยละลิ่วไปราวกับเป็นว่าวที่ถูกตัดสายทิ้ง ก่อนตกกระแทกตรงอีกฟากของยอดภูเขา
อีกฟากของภูเขานี้เป็นป่าทึบ ร่างของหวังเป่าเล่อร่วงตกกระทบพื้นดินเสียงดัง แต่โชคยังดี เมล็ดแห่งการดูดกลืนในร่างกายของเขาปลดปล่อยพลังสูบได้ทันเวลาจนช่วยประคองให้ร่างของเขามั่นคง แม้ปากจะมีเลือดกบ และใบหน้านั้นจะซีดเซียวด้วยความตื่นตระหนก อีกทั้งยังบาดเจ็บ แต่ชายหนุ่มยังคงรีบกระเสือกกระสนวิ่งหนี เพื่อซ่อนตัวอย่างรวดเร็วโดยทันที
หลังจากนั้นพักใหญ่ หวังเป่าเล่อจึงหยุดลง ก่อนแหงนมองท้องฟ้า เมื่อตระหนักว่าเหล่าร่างมายาระดับลมหายใจเที่ยงแท้นั้นไม่ได้ไล่ตามมาให้เห็นอีกแล้ว เขาก็ได้แต่ประหลาดใจสุดขีดกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น
นี่ข้ากำจัดพวกมันไปหรือนี่
ที่นี่ดูน่ากลัวเกินไป อย่าได้เจอรากฐานวิญญาณระดับลมหายใจเที่ยงแท้ที่ยาวกว่าสามนิ้วเลยเถอะนะ!
หนุ่มร่างอ้วนครุ่นคิดถึงเหตุการณ์สุดระทึกขวัญก่อนหน้านี้ ทำให้รู้สึกเจ็บตรงหน้าอก จึงรีบรักษา โดยการกินโอสถวิญญาณไปขนานหนึ่ง เพื่อช่วยบรรเทา ความเจ็บปวดลง ก่อนจะหลบหนีต่ออย่างระมัดระวัง
ขณะเดียวกัน หลังจากชายหนุ่มลอยกระเด็นข้ามยอดเขาไป ด้วยระยะทางอันกว้างใหญ่ไพศาลนั้น ทำให้บรรดารากฐานวิญญาณระดับลมหายใจเที่ยงแท้กว่าพันตนไม่สามารถหาเขาเจอ จึงต้องเริ่มแยกย้าย เพื่อช่วยกันค้นหาชายหนุ่มผู้ถูกชะตาคนนั้น
ทำให้ร่างมายาซึ่งดูเหมือนหวังเป่าเล่อนั้นปรากฏตัวไปทั่วทุกหนแห่งของหมู่บ้านลมปราณวิญญาณ พวกมันวิ่งสวนกับฝูงชนและเป็นที่สังเกตเห็นของเหล่าศิษย์จาก สี่ยอดสำนักศึกษาเต๋า
พวกเขาเข้าใจผิดกับสิ่งตรงหน้า ความโกรธเกลียดได้ปะทุรุนแรงขึ้นกว่าเคย
“มิติเวทอันงดงามต้องถูกทำลายลงด้วยเจ้าอ้วนนั่น!”
“ข้าไม่อยากจะเห็นหน้าไอ้หมูตอนคนนี้! ข้ารังเกียจมันนัก!”
ขณะที่หวังเป่าเล่อตัวปลอมนับพันคนกระจายไปทั่วหมู่บ้านลมปราณวิญญาณ จนทำให้คนอื่นๆ หัวเสียอย่างฉุนเฉียว ชายหนุ่มตัวจริงในอีกฟากหนึ่ง ก็กำลังนั่งขดตัวด้วยความอับเฉา ข้างกับบ่อน้ำร้อนขนาดเล็กในป่าฝน อิงแอบกับศิลาก้อนใหญ่ก่อนตบหน้าผากตัวเองเพื่อระบายความหงุดหงิด
“รากฐานวิญญาณสองนิ้ว อยู่ไหนกันนะ! ซวยซ้ำซวยซ้อนที่ข้าออกไปค้นหาตามใจชอบไม่ได้ เพราะหากไปเจอรากฐานวิญญาณตนอื่นแทนล่ะก็…” หวังเป่าเล่อ ถูหน้าผากไปมา พยายามจะปลอมตัว แต่คิดว่าไม่น่าจะใช่ทางเลือกที่ดี เขาขบฟันคิดขณะมองไปรอบๆ
ถ้าจะหลบซ่อน ต้องไม่เหลือร่องรอยทิ้งไว้!
ชายหนุ่มใคร่ครวญ ก่อนหาศิลาขนาดใหญ่ และใช้กระบี่เหาะของตนกะเทาะ ด้านในจนกลวงเหลือแต่เปลือก เพื่อจะปกคลุมร่างกายของตน หลังปรับแต่งองศาพอดีแล้ว จึงเจาะรูเล็กๆ เพื่อให้มองเห็น ก่อนจะเคลื่อนตัวไปด้านหน้าช้าๆ ราวกับเป็นหอยทาก
หลังจากเคลื่อนไปได้สองสามก้าว หวังเป่าเล่อหยุดลง และหยิบศิลาวิญญาณรุ้งออกมา พลางครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะเริ่มจารึกตัวอักขระลงไปบนผิวของศิลาแบบเส้นต่อเส้น เพื่อช่วยเพิ่มความสามารถในการหลบซ่อนที่แน่นหนาขึ้น
วิธีนี้คงจะพอช่วยอะไรได้บ้าง ขอเพียงหารากฐานวิญญาณสองนิ้วเจอ ข้าก็ไม่กลัวอะไรอีกแล้ว!