ตอนที่ 1002
เจ้าคือใคร!?
เนื่องจากมีกลิ่นอายของสายโลหิตกระจายออกมาจากร่างมัน ทำให้คนทั้งหมดในตระกูลฟาง รวมทั้งเมิ่งฮ่าวสามารถรับรู้ได้ว่า…มันต้องไม่ได้มาจากตระกูลจี้อย่างแน่นอน เห็นได้ชัดว่ามันต้องเป็นคนของตระกูลฟาง ยิ่งไปกว่านั้นความรู้สึกถึงสายโลหิตที่พวกมันรับรู้ได้ ก็บ่งบอกว่ามันต้องแก่ชรามากกว่ากลุ่มคนในตระกูลทั้งหมด มันต้องเก่าแก่โบราณอย่างน่าเหลือเชื่อนัก
เมิ่งฮ่าวสั่นสะท้านอยู่ภายในใจ นี่เป็นความรู้สึกแบบเดียวกันกับตอนที่เขารู้สึกได้ จากซากศพของปรมาจารย์รุ่นแรกในวิหารโลกันต์!
ทั่วทั้งคฤหาสน์โบราณตกอยู่ในความเงียบโดยสิ้นเชิง และกลุ่มคนของตระกูลทั้งหมดต่างก็จ้องมองไปด้วยความตกใจ
ที่ด้านนอกในขุนเขาทะเลที่เก้า เหล่าปรมาจารย์อาณาจักรเต๋าของสำนักและตระกูลต่างๆ สะท้านใจกันไปทั่ว ดวงตาเบิกกว้างและสีหน้าตกตะลึงก็มองเห็นได้บนใบหน้าของแต่ละคน เมื่อพวกมันมองไปยังฟางตงหานก็รู้สึกว่า…ช่างเป็นคนที่น่าหวาดกลัวและน่าตกใจอย่างถึงที่สุด
“มันคือ…?” เหล่าปรมาจารย์อาณาจักรเต๋าทั้งหมดรู้สึกว่าสีหน้าพวกมันเปลี่ยนไป และเริ่มหอบหายใจออกมา อันที่จริงไม่มีใครในพวกมันที่จะรู้จักฟางตงหานแม้แต่น้อยนิด
“เจ้าคือใคร?!” ใบหน้าฟางเหยียนซวีซีดขาว และกระอักโลหิตออกมาอีกครั้ง ร่างกายแทบจะกลายเป็นสีดำไปทั้งตัว ราวกับว่ามีพลังสาปแช่งบางอย่างกระจายออกไปอยู่ภายในร่างของท่าน
“ข้าคือใคร?” ฟางตงหานพูดขึ้นด้วยท่าทางที่ดูโบราณเป็นอย่างยิ่ง
“ข้าคือฟางเต้าจื่อ เป็น…บุตรชายคนโตของปรมาจารย์รุ่นแรก พวกเจ้าเหล่าผู้เยาว์ของตระกูลฟางทั้งหมดได้ลืมข้าไปแล้ว?”
เสียงนั้นราวกับเป็นสายฟ้าที่ฟาดลงไปบนสวรรค์ชั้นสูงสุด
คำพูดแค่ประโยคเดียวของมันก็ทำให้สำนักและตระกูลทั้งหมดแห่งขุนเขาทะเลที่เก้าต้องสั่นสะท้าน คนทั้งหมดที่ได้ยินคำพูดของมัน ผู้ฝึกตนทั้งหมดที่กำลังเฝ้ามองดูอยู่ รู้สึกว่าจิตใจพวกมันถูกกระแทกด้วยคลื่นแห่งความตกใจ
“มันคือ…มันคือ…บุตรชายคนโตของปรมาจารย์รุ่นแรกตระกูลฟาง?”
“นั่นต้องเป็นไปไม่ได้! ปรมาจารย์รุ่นแรกตระกูลฟางอยู่ในยุคเดียวกันกับราชันหลี่ ท่านได้ตายไปนานแล้ว และบุตรชายของท่านต้องไม่อาจจะมีชีวิตมาอย่างยาวนานเช่นนั้นได้!”
“ฟางเต้าจื่อ…ฟางเต้าจื่อ…ตอนนี้เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว ข้าก็ค่อนข้างจะมั่นใจว่าเคยได้เห็นชื่อของมันอยู่ในบันทึกโบราณของขุนเขาทะเลที่เก้า”
ผู้ฝึกตนตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย สำหรับเหล่าปรมาจารย์อาณาจักรเต๋า พวกมันมองไปด้วยความตกตะลึงและมีดวงตาที่เบิกกว้าง แต่ไม่นานนักพวกมันก็จดจำชื่อนี้ได้
“ฟางเต้าจื่อ!! ข้าจำได้แล้วว่าในรุ่นแรกสุด มีใครบางคนมีชื่อเช่นนั้น…เป็นคนที่ถูกสังหารไปโดยท่านปรมาจารย์รุ่นแรก ด้วยเหตุผลที่ไม่ชัดเจนนัก!”
“คนผู้นั้นมีชีวิตอยู่ในยุคที่ห่างไกลจากพวกเรามากนัก แล้วมันจะยังคงมีชีวิตอยู่จริงๆ?”
“พื้นฐานฝึกตนของมันอยู่ในระดับใดกัน?”
คนทั้งหมดที่อยู่ด้านนอกตระกูลตกตะลึงและแปลกใจ แต่กลุ่มคนของตระกูลฟางจ้องมองไปด้วยความงุนงง พวกมันไม่เคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับบุตรชายคนโตของท่านปรมาจารย์รุ่นแรกมาก่อน
แทบจะราวกับว่าไม่มีการบันทึกเรื่องราวของมัน อยู่ในประวัติศาสตร์ของตระกูลแม้แต่น้อย แต่เนื่องจากพวกมันรับรู้ได้ถึงสายโลหิตที่อยู่ภายในร่างมัน จึงทำให้มั่นใจได้ถึงสิ่งหนึ่งว่า ฟางเต้าจื่อผู้นี้จะต้องเป็นคนของตระกูลฟางอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น มันยังมีสายโลหิตที่เก่าแก่โบราณซึ่งน่าหวาดกลัวโดยสิ้นเชิง!
สามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ต่างก็ตกตะลึงต่อเหตุการณ์ที่กลับกลายเป็นเช่นนี้ พวกมันไม่เคยคาดคิดว่าผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังเช่นนี้จะมาหลบซ่อนอยู่ในตระกูลฟาง นอกจากนั้นตัวตนของมันก็น่าตกใจอย่างถึงที่สุด ที่สำคัญมากที่สุดก็คือมันได้สมรู้ร่วมคิดกับตระกูลจี้
ขณะที่ฟางเต้าจื่อปรากฎตัวขึ้นบนดาวตงเซิ่ง ระฆังเต๋าของตระกูลฟางก็เริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาอยู่ในกลางอากาศเหนือคฤหาสน์โบราณ จากนั้นก็เริ่มกระจายแสงอันเจิดจ้าไร้ขอบเขตออกมา และส่งเสียงดังขึ้นมา
นี่คือ…เสียงระฆังที่จะได้ยินก็ต่อเมื่อมีคนในตระกูลปรากฏขึ้นด้วยสายโลหิตที่เข้มข้นเป็นอย่างยิ่ง หลังจากที่ตัวตนของคนผู้นั้นถูกบันทึกลงไปในระฆังแล้ว ก็จะทำให้เกิดเป็นเสียงระฆังดังก้องออกไป
เสียงระฆังนี้ทำให้กลุ่มคนของตระกูลฟางสั่นสะท้านลึกลงไปจนถึงแก่นกาย และยืนยันได้ว่าฟางเต้าจื่อ…คือคนของตระกูลฟางอย่างแน่นอน
“ช่างเป็นเสียงที่น่ารำคาญนัก” ฟางเต้าจื่อพูดขึ้นมาพร้อมกับถอนหายใจ “มันตอกย้ำให้ข้าต้องคิดไปถึงเหล่าโถวจื่อ (ตาแก่) นั่น เงียบได้แล้ว!” ดวงตามันแวบขึ้นด้วยแสงอันเข้มข้น ขณะที่มันพูดออกมา ระฆังเต๋าก็หยุดส่งเสียงขึ้นในทันที เงียบกริบไปโดยสิ้นเชิง
เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่นั่นในกลุ่มฝูงชน หอบหายใจออกมา มองขึ้นไปยังฟางเต้าจื่อที่ยืนอยู่ในกลางอากาศ และจิตใจก็ต้องเต้นรัว เขาไม่มีทางคาดคิดได้ว่าจะมีหายนะและวิกฤตการณ์อันน่ากลัวเกิดขึ้นอยู่ในตระกูลฟาง
เห็นได้ชัดว่า…หายนะในครั้งนี้ต้องเกี่ยวข้องกับฟางเต้าจื่ออย่างแน่นอน
การต่อสู้ระหว่างกลุ่มคนในตระกูลที่อยู่ในคฤหาสน์โบราณได้หยุดลงชั่วคราว คนทั้งหมดต่างก็ตกตะลึง ขณะที่มองขึ้นไปในอากาศ แม้แต่กลุ่มคนทรยศของตระกูล ก็ไม่มั่นใจว่ากำลังมีอะไรเกิดขึ้น
ใบหน้าของผู้เฒ่าโอสถซีดขาว และถอยไปทางด้านหลัง ฟางเหยียนซวีปาดเช็ดโลหิตออกจากใบหน้า และจ้องมองลงไปยังฟางเต้าจื่อ
สามผู้แข็งแกร่งเสมือนเต๋าถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมา หลังจากที่มองไปยังฟางเต้าจื่อด้วยความหวาดกลัว ดวงตาพวกมันก็เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง และความต้องการทำลายล้างขึ้นอีกครั้ง พวกมันจ้องมองไปยังผู้ฝึกตนที่จงรักภักดีของตระกูลฟาง
“ไม่มีใครจำข้าได้จริงๆ?” ฟางเต้าจื่อกล่าวขึ้นพร้อมกับถอนหายใจ เสียงของมันเก่าแก่โบราณอย่างน่าเหลือเชื่อ จากนั้นมันก็โบกสะบัดมือ และชี้ขึ้นไปในอากาศ
ดรรชนีของมันทำให้ท้องฟ้าแตกกระจายไป เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องออกมา ขณะที่กระแสน้ำวนขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น เริ่มหมุนวนไปมา ทำให้เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องออกไป ขณะที่บางสิ่งบางอย่างเริ่มมองเห็นได้อยู่ภายในกระแสน้ำวนนั้น
อย่างน่าตกใจยิ่ง คนทั้งหมดมองเห็นจี้ซิ่วฟางและฟางโส่วเต้ากำลังต่อสู้กันอยู่
จากนั้นจี้ซิ่วฟางเริ่มหัวเราะออกมา นางเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ก้าวเท้าออกมาจากกระแสน้ำวน และไปปรากฏตัวขึ้นในกลางอากาศเหนือดาวตงเซิ่ง
“ซิ่วฟางขอคารวะ ท่านผู้อาวุโส” นางกล่าวขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่อ่อนหวาน โค้งตัวลงให้กับฟางเต้าจื่อ
ใบหน้าฟางโส่วเต้าหมองคล้ำลง และติดตามนางออกมาจากภายในกระแสน้ำวน หลังจากที่โผล่ออกมา ก็หันหน้ามองไปยังฟางเต้าจื่อด้วยสายตาที่เย็นชาราวน้ำแข็ง
“ฟางโส่วเต้า” จี้ซิ่วฟางกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “แทนที่จะมองว่าตระกูลจี้กำลังโจมตีมายังตระกูลฟาง น่าจะดีกว่าถ้าจะกล่าวว่า…ตระกูลจี้กำลังตอบแทนบุญคุณให้กับผู้อาวุโสของตระกูลฟาง”
ฟางโส่วเต้าไม่โต้ตอบ ประสานมือและโค้งตัวลงให้กับฟางเต้าจื่อ
“โส่วเต้าขอคารวะ ปรมาจารย์เต้าจื่อ”
ฟางเต้าจื่อมองไปยังฟางโส่วเต้าและยิ้มออกมา
“เจ้าคือลูกหลานสายโลหิตของเหล่าซาน (เจ้าสาม) ใช่หรือไม่?” มันกล่าวด้วยเสียงที่ราบเรียบ “ข้ารู้สึกผิดหวังต่อตระกูลฟางเป็นอย่างยิ่ง ตลอดทั้งหลายปีที่ผ่านมา พวกเจ้ามีผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าเพียงแค่สองคนเท่านั้น…ถ้าเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะสลายตระกูลฟางนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป!”
“ตระกูลฟางรุ่นใหม่จะเริ่มอยู่บนดาวตงเซิ่ง และข้าจะนำมันไปในอีกเส้นทางหนึ่ง” ด้วยเช่นนั้นมันก็โบกสะบัดมือขวาขึ้น ทำให้เสียงแผดร้องโหยหวนดังขึ้นมาจากกลุ่มคนของตระกูลฟาง มีแต่กลุ่มคนทรยศเท่านั้นที่ไม่มีผลกระทบใดๆ คนอื่นๆ ทั้งหมดรู้สึกว่าโลหิตของตนเองเริ่มเดือดพล่าน ราวกับว่ามันกำลังลุกไหม้ขึ้นมา
เมิ่งฮ่าวก็เช่นเดียวกัน โลหิตของเขากำลังเดือดพล่าน ราวกับว่ามันต้องการจะระเบิดออกมาจากร่าง ฟางตานอวิ๋น, ฟางเหยียนซวี และแม้แต่ฟางโส่วเต้า คนทั้งหมดต่างก็พบเจอกับเรื่องเช่นเดียวกันนี้
เนื่องจากฟางเต้าจื่อ ทำให้ทั่วทั้งตระกูลเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในทันที
เมิ่งฮ่าวสั่นสะท้านอยู่ภายในใจ แต่ก็กล้ำกลืนต่อความเจ็บปวดนั้นไว้ ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยแสงแปลกๆ
“เตียต้องรู้ว่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ท่านจึงได้ส่งให้ข้ามายังดาวตงเซิ่งนี้ ดังนั้น…มันต้องไม่มีอันตรายใดๆ ตระกูลฟาง…จะต้องมีไพ่ไม้ตายเหลืออยู่อีกสักอย่าง”
ฟางโส่วเต้ากำลังสั่นไปทั้งร่าง ด้วยระดับพื้นฐานฝึกตนของมัน ทำให้ไม่อาจจะหยุดการลุกไหม้ของโลหิตตัวเองไว้ได้ จากความรู้สึกของมัน ฟางเต้าจื่อก็อยู่ในอาณาจักรเต๋าเช่นเดียวกับตนเอง แต่ฟางเต้าจื่อต้องมีบางสิ่งที่ลึกลับอันยากที่จะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิง
ฟางโส่วเต้ารู้ว่าในอาณาจักรเต๋า ทุกๆ แก่นแท้ที่เพิ่มขึ้นมา จะทำให้พื้นฐานฝึกตนเกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมาย แต่ละระดับจะมีความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก ถึงจะเป็นเช่นนี้ สีหน้าของฟางโส่วเต้าก็ไม่ได้เผยให้เห็นถึงความตื่นตระหนก หรือตกใจหวาดกลัวออกมาแม้แต่น้อย ทั้งหมดที่มันทำอยู่ในตอนนี้คือหลับตาลง
ปฏิกิริยาเช่นนั้นทำให้จี้ซิ่วฟางต้องจ้องมองไปด้วยความตกตะลึง ความหวาดกลัวที่นางรู้สึกอยู่ในจิตใจเริ่มมีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“การที่มันมีความเยือกเย็นเช่นนี้ ก็แสดงว่าตระกูลฟางยังไม่ได้ทุ่มไพ่ไม้ตายทั้งหมดออกมา ทำไมมันถึงยังเยือกเย็นได้ในเมื่อตระกูลเกือบจะถูกทำลายล้างไปแล้ว!?”
ขณะที่ความตื่นตระหนกพุ่งขึ้นมาอยู่ในจิตใจจี้ซิ่วฟาง ฟางเต้าจื่อก็มองเห็นถึงความเยือกเย็นของฟางโส่วเต้า และจิตใจมันก็เริ่มเต้นรัว อย่างช้าๆ ความคิดเริ่มก่อตัวขึ้นมาอยู่ในจิตใจ จนมันไม่กล้าที่จะคิดถึงความเป็นไปได้นั้น
ทันทีที่ความคิดนั้นพุ่งขึ้นมา มันก็สะกดข่มลงไป มันกำลังจะโบกสะบัดมือ แต่ร่างกายมันก็เริ่มสั่นสะท้าน จากนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และดวงตาก็แวบขึ้น ขณะที่มองไปยังเมิ่งฮ่าวจากภายในกลุ่มฝูงชน
เมื่อมันมองไป จิตใจเมิ่งฮ่าวก็สั่นสะท้าน แต่เขาก็กัดฟันแน่นและมองกลับไปยังฟางเต้าจื่อ ดวงตาของนักรบศิลาที่ด้านข้างสาดประกายขึ้น และยกมือไปที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว ระเบิดเป็นพลังที่ช่วยคุ้มครองเมิ่งฮ่าวออกมา ยกกระบี่ขนาดใหญ่ของมันขึ้น ดูเหมือนว่าพร้อมที่จะทำทุกอย่าง เพื่อให้เมิ่งฮ่าวปลอดภัย ถึงแม้ว่ามันจะถูกบดขยี้เป็นเถ้าธุลีไปก็ตามที
ในตอนนี้เองที่สีหน้าของฟางเต้าจื่อต้องสลดลง “ไม่ถูกต้อง มันไม่ควรจะอยู่ที่นี่…มัน…”
ทันใดนั้นมันก็หันหน้ามองไปยังรอยแยกในอากาศที่นักรบศิลาได้โผล่ออกมา
มันกำลังมองผ่านรอยแยก…เข้าไปในดินแดนบรรพบุรุษ!
“เป็นไปไม่ได้!!” ดวงตาของฟางเต้าจื่อเบิกกว้างขึ้น ราวกับว่ามันกำลังมองไปยังบางสิ่งบางอย่างที่น่าเหลือเชื่อโดยสิ้นเชิง มันเริ่มหอบหายใจออกมา ท่าทางสบายๆ ของมันหายไปจนหมดสิ้น และความเก่าแก่โบราณของมันจู่ๆ ก็ดูเหมือนว่าจะหายไป โดยที่ไม่รู้สึกตัว มันก้าวเท้าถอยไปทางด้านหลังสองสามก้าว ดวงตาเริ่มกลายเป็นสีแดงก่ำ
“เป็นไปไม่ได้!!”
“นี่ต้องเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!!” ดูเหมือนว่ามันกำลังจะบ้าคลั่ง ส่งเสียงแผดร้องและยื่นมือขวาออกไป ชี้ตรงไปยังรอยแยกนั้น ในตอนนี้เองที่ทันใดนั้น สามกระแสแห่งแก่นแท้ลมปราณได้พุ่งออกมาจากฟางเต้าจื่อ ทำให้ทุกสรรพสิ่งสั่นสะท้าน ดาวตงเซิ่งสั่นสะเทือนขึ้นอย่างรุนแรง จนดูเหมือนว่าแทบจะพังทลายลงไป
หนึ่งในกระแสเหล่านั้นคล้ายกับเป็นแก่นแท้แห่งต้นพืชสมุนไพรของฟางเหยียนซวี เป็นแก่นแท้แห่งพลังชีวิตที่ไร้ขอบเขต ในทันทีที่มันปรากฏขึ้น ท้องฟ้าก็มืดสลัวและสายลมขนาดใหญ่ก็พุ่งขึ้นมา
ต้นกำเนิดและแหล่งที่มาของทุกสรรพสิ่งก็คือแก่นแท้!!
เมื่อเข้าใจได้อย่างละเอียดเกี่ยวกับแก่นแท้ สามารถเรียนรู้และควบคุมแก่นแท้ได้ นั่นก็คืออาณาจักรเต๋า!
นอกจากแก่นแท้แห่งต้นพืชสมุนไพรแล้ว ก็ยังมีกระแสของสายฟ้าที่แวบขึ้นมาจนทำให้เกิดเป็นเสียงกระหึ่มกึกก้องขึ้น นั่นคือ…แก่นแท้แห่งสายฟ้า และเป็นสายฟาทำลายล้างที่สามารถจะทำลายทุกสรรพสิ่งในสวรรค์และปฐพีไปได้ตราบชั่วนิรันดร์ เมื่อมันปรากฏขึ้น สายฟ้านี้ก็ดูเหมือนจะมาแทนที่สายฟ้าทั้งหมดในโลกแห่งนี้
กระแสแก่นแท้ที่สามของฟางเต้าจื่อคือ…กลิ่นอายแห่งความตายอันเข้มข้นอย่างน่าเหลือเชื่อ มันคือเจตจำนงแห่งอเวจีและน้ำพุเหลือง เป็นเวทแห่งการเกิดใหม่!
มันคือแก่นแท้แห่งการเกิดใหม่!
แก่นแท้แห่งอาณาจักรเต๋าอันน่ากลัวเหล่านี้ ได้พุ่งตรงเข้าไปในรอยแยก ราวกับว่าต้องการจะทำลายรอยแยกนั้นไปให้หมดสิ้น
อย่างไรก็ตาม ขณะที่สามกระแสแห่งแก่นแท้ได้เข้าไปใกล้รอยแยก มือข้างหนึ่งค่อยๆ ยื่นออกมาจากข้างในรอยแยกนั้นอย่างช้าๆ ดีดนิ้วไปเพียงหนึ่งครั้ง แก่นแท้ทั้งหมดก็หายไป เถ้ากลับคืนสู่เถ้า, ธุลีกลับคืนสู่ธุลี…
มือข้างนั้นแห้งเหี่ยวอย่างน่าเหลือเชื่อ ราวกับว่ามันไม่มีโลหิตอยู่แม้แต่หยดเดียว ดูเหมือนกับเป็นต้นไม้เก่าแก่โบราณที่แห้งเหี่ยวตายซาก แต่ก็ยังมีพลังปรากฏขึ้นอยู่ภายในดรรชนีนั้น เป็นพลังที่สามารถจะทำให้สวรรค์ต้องสั่นสะท้านปฐพีต้องสั่นสะเทือน และทำให้จิตใจของผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าแห่งขุนเขาทะเลที่เก้าต้องเต้นรัว
ยิ่งไปกว่านั้น ระลอกคลื่นอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ก็กระจายออกมาจากขุนเขาที่เก้าในทันใด ราวกับว่ามีใครบางคนที่หลับใหลอยู่ชั่วนิรันดร์ภายในตระกูลจี้…ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาอย่างฉับพลันด้วยการปรากฏขึ้นมาของมือข้างนั้น
ร่างกายฟางเต้าจื่อสั่นสะท้าน และใบหน้าก็ซีดขาวราวกระดาษ ความไม่อยากจะเชื่อปรากฏขึ้นในแววตาของมัน
“เวทลับฟื้นคืนชีพ…เป็นไปไม่ได้ มันตายไปแล้ว! ข้าเห็นกับตาของตัวเอง! ข้ารู้สึกได้ว่ามันตายไปแล้ว! แก่นแท้ของมันหายไป และวิญญาณก็ไม่คงอยู่ในสวรรค์และปฐพีใดๆ อีก! มันไม่มีทางที่จะมาเกิดใหม่ในขุนเขาทะเลที่เก้านี้”
“ข้ามั่นใจอย่างแน่นอนว่า…มันได้ตายไปแล้วจริงๆ ในปีนั้น! มันไม่มีทางจะมีชีวิตรอดมาได้! เจ้าเป็นใคร? เจ้าคือใคร!?!?” จิตใจฟางเต้าจื่อกำลังเต้นรัว และเต็มไปด้วยความหวาดกลัวที่ไม่อาจจะอธิบายออกมาได้ ขณะที่มันร้องตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง