Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1009

ตอนที่ 1009

ข้าแต่งงานแล้ว

ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบประกายขึ้น เขายืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ ไม่ตอบโต้ใดๆ ขณะที่รับฟังสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่พูดคุยเรื่องราวของเขาและลำดับขั้นกับฟางโส่วเต้า เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในทันทีที่เขาได้รับการแต่งตั้งให้อยู่ในลำดับขั้นโดยหญิงสาวชุดขาว เขาก็รู้แล้วว่าเรื่องเหล่านี้จะถูกคนอื่นๆ รับรู้ได้ในที่สุด

เมิ่งฮ่าวเป็นคนที่มีความระมัดระวังตัวเป็นอย่างยิ่ง แต่ตอนนี้เรื่องของลำดับขั้นได้ถูกพบเห็นโดยสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ การที่พยายามจะปกปิดความจริงไว้นั้นเป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์ ในตอนนี้มันน่าจะสมเหตุสมผลมากกว่าที่จะให้ตระกูลได้ตระหนักถึงเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน อย่างน้อยเขาก็จะมีคนคอยช่วยปกป้องคุ้มครองได้

ฟางโส่วเต้าไม่ได้ตอบรับในตอนแรก หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะในที่สุดมันก็กล่าวขึ้นว่า “เรื่องราวที่หนักหนาสาหัสเช่นนี้ เป็นสิ่งที่ข้าไม่อาจจะตัดสินใจด้วยตนเองได้ เช่นนี้เป็นอย่างไร สหายเต๋า ให้พวกท่านกลับไปยังห้องโถงหลักก่อนในตอนนี้ ข้าจะพูดคุยกับฮ่าวเอ๋อร์ตามลำพัง จากนั้นพวกเราก็จะให้คำตอบแก่พวกท่าน”

ตัวแทนจากสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่สบตากันและจากนั้นก็พยักหน้า ในชั่วพริบตาพวกมันก็ออกไปจากห้องลับ และไปปรากฏกายขึ้นใหม่ที่ด้านนอกในห้องโถงหลัก

หลังจากที่พวกมันจากไป เมิ่งฮ่าวจ้องมองไปยังฟางโส่วเต้า ที่กำลังมองกลับมายังเขา มันกระแอมไอออกมาและจากนั้นก็ยิ้มให้

จากมุมมองของเมิ่งฮ่าว รอยยิ้มนั้นดูตลบตะแลงเป็นอย่างยิ่ง ทำให้เขาต้องแค่นเสียงออกมาดังๆ

ฟางโส่วเต้ากระแอมไอ จากนั้นก็มองมายังเมิ่งฮ่าวและกล่าวว่า “ข้าจะให้เจ้าหนึ่งส่วน!” มันตระหนักดีว่ายังไม่ได้พูดถึงเรื่องส่วนแบ่งกันเลย

“ไม่มีทาง! ข้าต้องการห้าส่วน!” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบขึ้นในทันที

ฟางโส่วเต้าขมวดคิ้วและจากนั้นก็พูดว่า “ของขวัญทั้งหมดนั้นมีความสำคัญต่อตระกูลเป็นอย่างยิ่ง! อย่างมากที่สุดข้าก็ให้เจ้าได้แค่สองส่วนเท่านั้น!”

“ท่านรู้หรือไม่ว่าข้าได้ทำอะไรเพื่อตระกูลบ้าง? ข้าได้…” เมิ่งฮ่าวกำลังจะสาธยายอย่างยืดยาวออกมา แต่ฟางโส่วเต้าก็ถอนหายใจยาวแทรกเข้ามา

“ฮ่าวเอ๋อร์ เจ้าคือนายน้อยของตระกูล!” มันกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าที่ผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง เสียงของมันเต็มไปด้วยความเจ็บปวดขณะที่พูดต่อไป “เจ้ารู้หรือไม่ว่า ในฐานะที่เป็นนายน้อย เจ้าจะได้รับการปกป้องเป็นพิเศษจากตระกูล? นั่นแสดงให้เห็นว่าตระกูลได้ยอมรับเจ้ามากมายแค่ไหน! แล้วผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ ที่พวกเรากำลังพูดคุยกันอยู่ตอนนี้จะไปเทียบกันได้อย่างไร?”

“นี่คือบ้านของเจ้า!”

“และในตอนนี้ บ้านของเจ้าก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเป็นอย่างยิ่ง! ท่านปรมาจารย์รุ่นแรกกำลังหลับใหลอยู่ และดวงดาวก็อ่อนแอลงไป นอกเหนือจากสิ่งของที่ใช้ในการฝึกตนจะเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับตระกูลแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านั้นต่างก็ถูกนำมาใช้กับดาวดวงนี้”

“รวมทั้งพวกเราต้องเฝ้าระวังตระกูลจี้อีกด้วย! นอกจากนั้นแล้วพวกเราจำเป็นต้องสำรองทรัพยากรเหล่านี้ไว้ เพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉินตอนที่ต้องปลุกท่านปรมาจารย์รุ่นแรกให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เมิ่งฮ่าว…เจ้าเข้าใจในสิ่งที่ข้ากำลังพูดอยู่หรือไม่?”

“เมื่อพิจารณาถึงสิ่งเหล่านั้นทั้งหมดแล้ว จะเป็นไปได้อย่างไรว่าตระกูลจะยอมส่งนายน้อยของพวกเราไปยังสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่เพื่อฝึกฝนพื้นฐานฝึกตนได้!?

“ตระกูลฟางคือบ้านของเจ้า และเจ้าก็เป็นคนในครอบครัวของพวกเรา! เจ้ายังได้เป็นนายน้อยของตระกูลอีกด้วย! ตอนนี้ถึงเวลาที่เจ้าจะยอมเสียสละผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้ตระกูลมีที่ว่างพอจะหายใจได้ เจ้าเห็นด้วยหรือไม่?”

“ในวันข้างหน้า ทุกสิ่งทุกอย่างในตระกูลก็จะเป็นของเจ้า ใช่หรือไม่?”

“ถ้าเจ้าคิดว่ามันไม่ยุติธรรม ก็ให้เอาของขวัญเหล่านั้นไปทั้งหมด! ข้าไม่ต้องการแม้แต่ชิ้นเดียว!” ด้วยเช่นนั้น ฟางโส่วเต้าก็หลับตาลงและถอนหายใจออกมา

เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่เห็นความสำคัญของทรัพย์สมบัติมากเกินไปจริงๆ และรู้สึกไม่ดีขึ้นเล็กน้อย ในที่สุดเขาก็พยักหน้ากล่าวว่า

“ไม่เป็นไร ลืมมันไปเถอะ…”

ฟางโส่วเต้าลืมตาขึ้นมา และใบหน้าก็เต็มไปด้วยความเมตตา ขณะที่ตบไปที่ไหล่ของเมิ่งฮ่าวเบาๆ

“ช่างเป็นเด็กดีจริงๆ…” มันกล่าวขึ้น จากนั้นก็โบกสะบัดชายแขนเสื้อ ทำให้คนทั้งสองหายตัวไป และไปปรากฏขึ้นใหม่อยู่ในห้องโถงหลัก

งานเลี้ยงยังคงดำเนินต่อไป และในที่สุดสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ก็คาดหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ยินว่า เมิ่งฮ่าวจะประกาศว่าเขาจะเข้าสังกัดกับสำนักพวกมัน แต่ฟางโส่วเต้าก็ยกเรื่องพื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าวมาอ้างเป็นเหตุผล บอกว่าพวกมันต้องกลับมาอีกครั้งในอีกสามเดือนข้างหน้าเพื่อมารับฟังการตัดสินใจของเขาอย่างเป็นทางการ

เมิ่งฮ่าวคอตกด้วยความเซื่องซึม ถึงแม้เขาจะเข้าใจได้ว่าตระกูลกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากเป็นอย่างยิ่ง และเมื่อคิดไปถึงจำนวนหินลมปราณจำนวนมากมายที่กำลังหลั่งไหลเข้ามา แต่ก็ไม่มีแม้แต่ชิ้นเดียวที่จะกลายเป็นของเขา ก็ทำให้จิตใจต้องเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

“อา, ไม่เป็นไร ท่านปรมาจารย์พูดถูก ข้าคือคนของตระกูล จึงควรที่จะต้องทำเช่นนี้อยู่แล้ว” เมื่อปลอบใจตัวเองเช่นนี้แล้วเมิ่งฮ่าวก็บอกลาคนทั้งหมด และก้าวเดินออกไปจากห้องโถง เมื่อเขากำลังจะบินจากไป สองลำแสงอันเจิดจ้าก็กรีดร้องเป็นเสียงแหลมเล็กแหวกฝ่าอากาศตรงมายังห้องโถงหลัก

กลุ่มคนของตระกูลฟางบินอยู่ใกล้บริเวณนั้นเพื่อคอยคุ้มกัน และขณะที่ลำแสงนั้นเข้ามาใกล้ ก็กลายเป็นว่าเป็นกลุ่มคนจากตระกูลหลี่ หนึ่งคือหลี่หลิงเอ๋อร์ ซึ่งมีใบหน้าที่เคร่งขรึมและดูน่าเกลียด ที่ข้างกายนางเป็นบุรุษวัยกลางคนซึ่งมีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับเป็นเทพเซียน มีหน้าตาที่หล่อเหลาและกลิ่นอายก็แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่งเต็มไปด้วยพลังของแก่นแท้

เมื่อหลี่หลิงเอ๋อร์มองเห็นเมิ่งฮ่าว นางก็กัดฟันแน่น และดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยโทสะ แต่กลับกันดวงตาของบุรุษวัยกลางคนสาดประกายเจิดจ้าขึ้น และหัวเราะเป็นเสียงดังออกมา กล่าวขึ้นว่า

“อา, ช่างหล่อเหลาเหมือนที่คาดคิดไว้ ก่อนหน้านี้ข้าได้แต่สังเกตดูด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่ตอนนี้เมื่อได้มองเห็นเจ้าแบบตัวเป็นๆ เด็กน้อย ข้าต้องขอบอกว่ายอดเยี่ยม ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ!” บุรุษผู้นั้นหัวเราะขณะที่เดินเข้าไปในห้องโถง

หลี่หลิงเอ๋อร์เดินผ่านเมิ่งฮ่าวไป จ้องมองมายังเขาด้วยสายตาที่คมกริบราวใบมีด นางมีท่าทางไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง ราวกับว่าโลกนี้ช่างไม่ยุติธรรมกับนางเลย จนนางแทบจะควบคุมอารมณ์ของตนเองไว้ไม่ได้ เมิ่งฮ่าวจ้องมองไปด้วยความตกตะลึง มีบางอย่างดูเหมือนว่าจะไม่ถูกต้อง แทนที่เขาจะจากไป ก็หยุดชะงักลงและมองกลับไปด้านหลัง สิ่งแรกที่เขาสังเกตเห็นก็คือว่าฟางโส่วเต้ากำลังลุกขึ้นมายืน และจากนั้น…ก็ได้ยินบุรุษวัยกลางคนจากตระกูลหลี่หัวเราะและเริ่มกล่าวขึ้นว่า

“พี่โส่วเต้า หลังจากที่ข้าได้รับแผ่นหยกของท่าน ข้าก็เรียกประชุมคนในตระกูลเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน ฮ่าวเอ๋อร์เป็นเด็กที่มหัศจรรย์ยิ่ง และข้าก็ชอบมันเป็นอย่างมาก จริงๆ แล้วทั้งตระกูลหลี่ต่างก็เห็นด้วย!

พวกเราทั้งหมดจะสนับสนุนฮ่าวเอ๋อร์ และเมื่อไหร่ที่มันกลายเป็นผู้นำของตระกูลฟางในวันข้างหน้า ตระกูลของพวกเราทั้งสองก็จะกลายเป็นพันธมิตรอันแข็งแกร่ง!”

“ข้ามาในวันนี้ได้จัดเตรียมที่จะมอบของวิเศษอาณาจักรเต๋าหนึ่งชิ้น, ของวิเศษอาณาจักรโบราณหนึ่งร้อยชิ้น, ของวิเศษเซียนหนึ่งพันชิ้น, หยกเซียนหนึ่งร้อยล้านชิ้น, หินลมปราณหนึ่งหมื่นล้านก้อน รวมทั้งสิ่งอื่นๆ อีกมากมาย ในฐานะที่เป็นของขวัญวันวิวาห์สำหรับฮ่าวเอ๋อร์และหลิงเอ๋อร์!” บุรุษวัยกลางคนจากตระกูลหลี่หัวเราะเป็นเสียงดัง ประสานมือและโค้งตัวลงให้กับฟางโส่วเต้า

การที่มันได้พูดถึงรายการของขวัญก็เพียงพอที่จะทำให้แม้แต่ผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าก็ต้องจ้องมองไปด้วยความตกตะลึง ของขวัญอันล้ำค่าเช่นนั้นเป็นสิ่งที่ยากจะพบเห็นได้ แต่ในทันทีที่พวกมันได้ยินคำว่า “วิวาห์” คนทั้งหมดก็เริ่มเข้าใจ

เมิ่งฮ่าวไม่ใช่คนในตระกูลธรรมดาทั่วไปอีกแล้ว เขาคือผู้ถูกเลือกอันดับหนึ่งของตระกูล, เป็นดวงตะวันอันเจิดจ้าที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในขุนเขาทะเลที่เก้า และยังได้เป็นนายน้อยของตระกูลอีกด้วย ด้วยศักดิ์ฐานะเช่นนี้ กองกำลังใดๆ ก็ตาม ต่างก็ยินดีที่จะมอบของขวัญจำนวนมหาศาลเพื่อกลายเป็นพันธมิตรร่วมกัน

ใบหน้าฟางโส่วเต้าปรากฏเป็นรอยยิ้มที่กว้างขึ้น ขณะที่มันเดินตรงไปพร้อมกับหัวเราะออกมา และกล่าวขึ้นว่า

“พี่หลี่ ท่านช่างมีมารยาทนัก! ฮ่าวเอ๋อร์และหลิงเอ๋อร์ได้ถูกหมั้นหมายกันมาตั้งแต่เยาว์วัย! ข้าก็แค่เร่งให้เรื่องราวเร็วขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ต้องกังวลไป” ฟางโส่วเต้ามองไปยังหลี่หลิงเอ๋อร์ด้วยรอยยิ้มที่เมตตา

เมิ่งฮ่าวที่ยืนอยู่ตรงด้านนอกของประตูวิหารหลัก อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง ดวงตาเบิกกว้าง เขาแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ ทำให้จิตใจต้องหมุนคว้าง

“มันกำลังขายข้าออกไป?” เขาพึมพำ ทันใดนั้นก็เริ่มสั่นสะท้านขึ้นมา และโทสะก็เริ่มลุกโชนอยู่ภายในจิตใจ ถ้าให้กล่าวกันโดยทั่วไปแล้ว ควรจะเป็นฝ่ายหญิงที่จะได้รับของขวัญในพิธีวิวาห์ แต่เมื่อคิดว่านี่คือตระกูลฟาง ซึ่งเป็นฝ่ายที่ได้รับของขวัญ สิ่งที่เมิ่งฮ่าวไม่อาจจะยอมรับได้อีกต่อไปก็คือว่า…ทุกสิ่งทุกอย่างที่ฟางโส่วเต้าเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อครู่นี้…เห็นได้ชัดว่าเป็นหลุมพรางอันยิ่งใหญ่ที่ทำให้เขาต้องตกลงไป

เพื่อตระกูลแล้วในที่สุดเขาก็ยอมรับเรื่องราวทั้งหมดเหล่านั้นได้ เขายินดีที่จะต้องแยกจากของขวัญอันล้ำค่าเหล่านั้นทั้งหมด ถึงแม้ว่าจะรู้สึกเจ็บปวดใจก็ตามที

แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้ ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเรื่องทรัพย์สมบัติเลย!

ทันใดนั้นจิตใจเมิ่งฮ่าวก็เต็มไปด้วยภาพของวันวิวาห์สีเลือด และการเข่นฆ่าสังหารอย่างไม่รู้จบ วันวิวาห์นั้นคือหนึ่งในช่วงเวลาที่เจ็บปวดมากที่สุดในชีวิตของเขา!

เขามองเห็นตัวเองกำลังโอบกอดสวี่ชิงอยู่ในอ้อมแขน จนกระทั่งนางค่อยๆ หลับตาลงและจางหายไปในที่สุด ความเจ็บปวดอย่างที่ไม่อาจจะลืมเลือนไปได้ เต็มอยู่ในจิตใจเมิ่งฮ่าวขึ้นมาอีกครั้ง

เพียงเท่านี้เขาก็รู้สึกราวกับว่า สามารถมองเข้าไปในวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ และทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงที่ดังก้องอยู่ในหูเขาไปตราบชั่วนิรันดร์

“ข้าอยู่ในวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่…รอคอยท่านอยู่”

ถึงแม้มักจะดูเหมือนว่าเมิ่งฮ่าวได้ปฏิบัติต่อหญิงสาวคนอื่นๆ ด้วยความเจ้าชู้ก็ตามที แต่ในความเป็นจริงแล้ว ในส่วนลึกของจิตใจเขามีหญิงสาวเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถผ่านเข้าไปได้

แม้แต่ฉู่อวี้เยียนก็ยังไม่อาจจะผ่านเข้าไปได้ ดังนั้น…หลี่หลิงเอ๋อร์จะผ่านเข้าไปได้อย่างไรกัน!?

นั่นคือ…สถานที่สำหรับคนเพียงผู้เดียวเท่านั้น มันคือ…สถานที่สำหรับสวี่ชิงเพียงคนเดียวเท่านั้น!

เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความเย็นชา ขณะที่คนทั้งหมดพูดคุยและหัวเราะกันไปมา ทันใดนั้นเขาก็พูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ท่านปรมาจารย์ ข้าแต่งงานแล้ว!”

ในทันทีที่เสียงของเขาดังก้องออกไป ทั่วทั้งห้องโถงก็ตกอยู่ในความเงียบไปโดยสิ้นเชิง บุรุษวัยกลางคนจากตระกูลหลี่หันหน้ามามองยังเมิ่งฮ่าว จากนั้นก็มองกลับไปยังฟางโส่วเต้า

ดวงตาหลี่หลิงเอ๋อร์เจิดจ้าขึ้นด้วยความมุ่งหวัง

ฟางโส่วเต้าไอแห้งๆ ออกมา และส่งผ่านเสียงของมันมายังเมิ่งฮ่าวเพียงคนเดียว “ข้าให้ของขวัญวันวิวาห์ของตระกูลหลี่กับเจ้าสองส่วน!”

สีหน้าเมิ่งฮ่าวเยือกเย็นอย่างถึงที่สุด ดวงตาเย็นเยียบราวน้ำแข็ง ขณะที่จ้องมองกลับไปยังฟางโส่วเต้าโดยไม่พูดจา

“เจ้าอันธพาลน้อย ห้าส่วนเป็นอย่างไร ไม่อาจจะมากไปกว่านี้อีกแล้ว เจ้าก็รู้ว่าตระกูลกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยุ่งยากอยู่ในตอนนี้ และข้า…”

“ท่านปรมาจารย์” เมิ่งฮ่าวพูดแทรกขึ้น ด้วยเสียงที่เยือกเย็น

“ข้า, เมิ่งฮ่าว รักเงินทอง แต่ก็ไม่ใช่ทุกสิ่งในโลกนี้ที่จะสามารถต่อรองกันได้ ในแง่ของเงินทองและผลประโยชน์ ข้าบอกว่า ข้าแต่งงานแล้ว!”

“ข้ามีภรรยาหนึ่งคน และนามของนางก็คือสวี่ชิง” เขาพูดออกมาด้วยความเคร่งเครียดและชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง

สายตาทั้งหมดในห้องโถงหลักเลื่อนไปมองยังเมิ่งฮ่าว ยกเว้นเหล่าปรมาจารย์อาณาจักรเต๋า และผู้อาวุโสคนอื่นๆ รวมทั้งผู้ถูกเลือกทั้งหมดที่เมิ่งฮ่าวเคยต่อสู้ด้วย

แสงแปลกๆ ได้ปรากฏขึ้นในดวงตาพวกมัน พวกมันจ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าว ด้วยสายตาที่สาดประกายขึ้น

หลี่หลิงเอ๋อร์มีความน่ารักเป็นอย่างยิ่ง และน่าจะเป็นภรรยาที่ตระกูลใดๆ ก็ตามต้องมองมาด้วยความชื่นชอบ ยิ่งไปกว่านั้นการที่มีตระกูลหลี่คอยสนับสนุน ก็จะทำให้เมิ่งฮ่าวบรรลุถึงความสำเร็จในอนาคตได้อย่างง่ายดาย และเขาจะต้องมีชื่อเสียงมากขึ้นไปอีกอย่างแน่นอน

ไม่มีใครจะสามารถเข้าใจได้ว่าทำไม เมิ่งฮ่าวถึงได้ปฏิเสธโอกาสที่ดีเช่นนี้ได้

เดิมทีหลี่หลิงเอ๋อร์กำลังเฝ้ารอคอยที่จะได้เห็นเมิ่งฮ่าวปฏิเสธข้อเสนอเหล่านี้ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เมื่อนางได้ยินคำอธิบายของเขาและเห็นท่าทางที่เคร่งเครียดจริงจังของเขาแล้ว ฉับพลันนั้นนางก็ตระหนักว่าเขาได้แตกต่างไปจากตัวร้ายที่นางเคยรู้จักโดยสิ้นเชิง อันที่จริงดูเหมือนว่าเขาได้ปิดบังความเจ็บปวดอันยิ่งใหญ่อยู่ลึกๆ ภายในใจ ความจริงนั้นทำให้นางต้องสั่นสะท้านขึ้นมาเล็กน้อย

“นางอยู่ที่ไหน?” ฟางโส่วเต้าถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เข้มงวด “บนดาวหนานเทียน?” มันมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความเคร่งเครียดมากขึ้นกว่าเดิม และน้ำเสียงก็เคร่งขรึมเป็นอย่างยิ่ง

“นางไม่ได้อยู่บนดาวหนานเทียน” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบด้วยเสียงแผ่วเบา

“นางอยู่ในวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ เฝ้ารอให้ข้าไปค้นหานาง” เขาไม่อาจจะปิดบังความโศกเศร้าเสียใจที่กำลังแสดงขึ้นมาบนใบหน้าได้อีกต่อไป ทันใดนั้นเขาก็มองเห็นภาพอันเลือนลางของหญิงสาวเยาว์วัยที่กำลังยืนอยู่ที่เบื้องหน้าเขา สวมใส่เสื้อผ้าธรรมดา นางคือคนที่นำเขาเข้ามาในโลกแห่งการฝึกตนนี้

นางไม่ได้ดูงดงามจนน่าตกตะลึง แต่ก็ยังคงเข้าไปอยู่ในจิตใจเขาได้ เขาได้มอบเม็ดยาคงโฉมให้กับนาง และในที่สุดคนทั้งสองก็มีวิวาห์เลือดด้วยกัน

นางคือสวี่ชิง

ซึ่งเป็นชิงเอ๋อร์ของเขา…

นางได้ยอมเสียสละชีวิตอันยืนยาวของนางเพื่อเขา นางได้เข้าไปในวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่เพื่อเขา ขณะที่นางตายไป นางยังได้ฝืนยิ้มออกมา…เพื่อเขา

ในวงแขนของเมิ่งฮ่าว นางได้เปลี่ยนจากหญิงสาวที่เยาว์วัยและงดงาม กลายเป็นหญิงชราที่ผมเผ้าขาวโพลน ร่างกายแห้งเหี่ยวลงไปและหลับตาลง นางได้พยายามยกมือขึ้นมา ราวกับว่าจะมาปาดเช็ดน้ำตาออกไปจากใบหน้าเขา แต่มือข้างนั้นก็ตกลงไปอย่างไร้ชีวิต นั่นคือ…ภาพที่เขาเห็น

“นางมีนามว่าสวี่ชิง” เมิ่งฮ่าวกล่าวต่อด้วยเสียงแผ่วเบา

“นางกำลังรอคอยข้าอยู่ในห้วงการเกิดใหม่ และพวกเราก็ได้สัญญากันว่าข้าจะไปค้นหานาง นาง…คือภรรยาของข้า เป็นภรรยา…เพียงคนเดียวของข้าเท่านั้น!” ด้วยเช่นนั้น เขาก็โค้งตัวลงให้กับฟางโส่วเต้า จากนั้นก็หันหลังและบินจากไป สีหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด, โศกเศร้าเสียใจ และโดดเดี่ยวเดียวดาย

ย้อนกลับไปในห้องโถงหลัก คนทั้งหมดกำลังสั่นสะท้าน พวกมันสามารถรับรู้ได้ถึงความโศกเศร้าที่อยู่ภายในใจของเมิ่งฮ่าว และบอกได้ว่าถึงแม้ภายนอกเขามักจะดูเหมือนว่ามีความสุขและดูเหลาะแหละ แต่จริงๆ แล้วก็เต็มไปด้วยทะเลแห่งความโศกเศร้าและโหยหา

หลี่หลิงเอ๋อร์สั่นสะท้านขณะที่มองดูเมิ่งฮ่าวจากไป ในตอนนี้ความเกลียดชังที่นางมีต่อเขาไม่ได้ลึกล้ำอีกต่อไป และในความเป็นจริงแล้ว ความสงสารได้หยั่งรากฝังลึกอยู่ในจิตใจของนางแล้ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version