ตอนที่ 1077
คัมภีร์เต๋าศักดิ์สิทธิ์!
จุดประสงค์หลักของประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทองที่ห้าคือ สร้างความเชื่อมั่นให้กับศิษย์ในสำนัก เมื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความถูกหรือผิด บางครั้งสิ่งที่สำคัญก็คือ ให้ยอมรับการตัดสินใจและคำอธิบายของสำนัก มากกว่าการตัดสินใจส่วนตัวของใครคนใดคนหนึ่ง
ถ้าศิษย์ผู้หนึ่งไม่เชื่อมั่นในสำนัก การทดสอบก็จะไม่เริ่มต้นขึ้น และศิษย์ผู้นั้นก็จะถูกขับไล่ออกมาจากแท่นศิลาตัวอักษรที่ห้า ซึ่งคล้ายกับเมิ่งฮ่าวที่แทบจะถูกขับไล่ออกมา
ถ้าศิษย์แสดงออกถึงความเชื่อมั่น…การทดสอบก็จะเริ่มต้นขึ้น จากนั้นด้วยระดับพื้นฐานฝึกตน รวมทั้งความเชื่อมั่นต่อสำนักอย่างลึกล้ำของพวกมัน ก็จะเป็นตัวตัดสินระดับของพวกมัน
ก่อนหน้านี้ ภายในโลกของการทดสอบ ปีศาจร้ายสีโลหิตได้ปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยที่รูปร่างหน้าตาของพวกมันมีความแตกต่างกันออกไปในแต่ละครั้ง เมื่อนามของเมิ่งฮ่าวผ่านเข้าไปในหนึ่งพันคนแรก การสังหารก็จบลง แต่การทดสอบยังไม่เสร็จสิ้น โลกรอบๆ ตัวเขาแตกกระจายกลายเป็นชิ้นๆ และเมื่อมันก่อตัวขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เขากำลังเผชิญหน้าอยู่กับภาพที่แตกต่างกันออกไป
เมิ่งฮ่าวยังคงอยู่ภายในสำนัก และกำลังถูกออกคำสั่งคล้ายกับก่อนหน้านี้ แต่ในครั้งนี้พวกเขาคือผู้รุกราน เสียงที่ดังออกมาจากสำนักได้บอกพวกเขาว่า ดินแดนแห่งนี้คือบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเขา!
พวกเขาต้องทำการสังหารผู้ต่อต้านใดๆ ก็ตามที่พบเจอ ต้องสังหารผู้ฝึกตนฝ่ายตรงข้ามไปให้หมดสิ้น
เรื่องราวเริ่มซับซ้อนมากขึ้น ทำให้มีอยู่หลายคนที่สับสน แต่สุดท้ายสิ่งที่สำนักได้บอกไว้ก็เป็นความจริง สถานที่แห่งนี้…เป็นบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเขาจริงๆ!
การต่อสู้ดำเนินต่อไป และนามของเมิ่งฮ่าวก็พุ่งขึ้นไปอยู่ในห้าร้อยคนแรก จากนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง โลกแห่งใหม่ได้ปรากฏขึ้นและทางสำนักก็ได้ประกาศเป็นคำสั่งใหม่ออกมา
เหตุการณ์เช่นเดียวกันนี้ได้เกิดขึ้น เมื่อเมิ่งฮ่าวบรรลุถึงสี่ร้อยคนแรก, สามร้อย, สองร้อย…และหนึ่งร้อย เห็นได้ชัดว่ามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทุกครั้ง ที่เขาอยู่ในตำแหน่งหนึ่งร้อยคนแรก
จากนั้นการเกิดขึ้นเช่นนี้ก็ยิ่งมีความถี่มากขึ้นไปเรื่อยๆ ในตอนที่เขาบรรลุถึงยี่สิบคนแรก…เขาต้องพบเจอกับโลกมากมายหลายแห่ง แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงมีอยู่ตลอดกาลไม่เปลี่ยนแปลงไปคือสำนัก คำสั่งที่ออกมาจากสำนักคือความเป็นนิรันดร์ การตัดสินใจของสำนักคือความเป็นจริงตลอดไป
คล้ายกับเป็นรูปแบบของการล้างสมอง ประสบการณ์ทั้งหมดนี้ได้บอกกับเมิ่งฮ่าวเช่นนั้น ไม่ว่าจะอย่างไร สำนักต้องถูกต้องอยู่เสมอ ถ้าเขามีความเชื่อมั่นในสำนัก การทดสอบก็จะดำเนินต่อไป ถ้าเขาลังเลเกี่ยวกับสำนักที่พุ่งขึ้นมาในจิตใจ เขาก็จะถูกขับไล่ออกไป
ในที่สุด…นามของเมิ่งฮ่าวก็บรรลุถึงสิบคนแรก โลกได้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ อยู่ที่เบื้องหน้า และเมื่อมันก่อตัวขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ก็กลายเป็น…สถานที่ที่ดูคุ้นตาเป็นอย่างยิ่ง
มันคือ…ดาวหนานเทียน!
นี่คือบ้านซึ่งอยู่ในความทรงจำของเขาตลอดไป เป็นสถานที่ซึ่งมีเรื่องราวมากมายหลายสิ่งได้เกิดขึ้น เขามีความทรงจำเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้อยู่มากมาย แต่ในตอนนี้ เมื่อได้เห็นดาวหนานเทียน จิตใจเมิ่งฮ่าวต้องเต้นรัวขึ้น
ความเชื่อมั่นในสำนักของเขาเริ่มจางหายไป พลังแห่งการขับไล่ดูเหมือนจะพุ่งขึ้นมาอย่างเลือนลาง
“สถานที่แห่งนี้…คือดาวของพวกนอกคอก! ดาวหนานเทียนที่แท้จริงของขุนเขาทะเลที่เก้าได้ถูกทำลายลงและกลายเป็นประตูไปแล้ว! ภายในประตูนั้นคือดาวดวงใหม่!”
“ทำลายสถานที่แห่งนี้! ใช้พลังของมันทำให้ประตูดวงดาวพังทลายไป!”
ขณะที่เสียงจากสำนักจางหายไป เมิ่งฮ่าวก็มองไปรอบๆ ยังผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนที่ห้อมล้อมอยู่รอบๆ ตัวเขา พวกมันแทบทั้งหมดต่างก็เป็นที่คุ้นเคยดีสำหรับเขา เขาไม่อาจจะรำลึกถึงนามพวกมันได้ แต่ก็ตระหนักดีว่าบุคคลเหล่านี้เป็นศิษย์ร่วมสำนักที่อยู่ในขั้นการทดสอบนี้ เป็นกลุ่มคนที่เขาได้พุ่งเข้าไปต่อสู้ด้วยกันมาหลายครั้งก่อนหน้านี้!
เสียงกระหึ่มดังก้องออกมา ขณะที่พวกมันพุ่งตรงไปยังดาวหนานเทียน จิตใจเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้านขณะที่มองเห็นภูเขา, แม่น้ำ และดินแดนที่ดูคุ้นเคย รวมทั้งสหายเก่าทั้งหลาย
“สังหารสิ่งมีชีวิตทุกอย่างบนดาวดวงนี้! เมื่อพวกนอกคอกมาถึง สายโลหิตของพวกมันก็จะตื่นขึ้นมา และพวกมันก็จะกลายเป็นศัตรูของพวกเรา! ทำลายดาวดวงนี้! กวาดล้างมันออกไปจากท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว!” ขณะที่เสียงนั้นดังก้องออกไป คนทั้งหมดก็พุ่งตรงเข้าไปสังหาร มีแต่เมิ่งฮ่าวเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ลอยตัวอยู่ที่นั่น นิ่งเงียบไป
พลังขับไล่เริ่มรวมตัวเข้าด้วยกัน ราวกับว่ามีเสียงนับไม่ถ้วนกำลังร้องตะโกนเรียกเขา กล่าวตักเตือนให้เขาพุ่งตรงไป หลังจากผ่านไปชั่วขณะ เมิ่งฮ่าวก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และจากนั้นร่างกายก็หายไป ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งตรงด้านหน้าขึ้นไป ระหว่างกองกำลังของผู้ฝึกตน และกลุ่มฝูงชนจากดาวหนานเทียน เขาชูมือทั้งสองสูงขึ้นไปในอากาศ เพื่อหยุดกองกำลังที่กำลังมุ่งหน้าไป
อย่างไรก็ตาม ในตอนที่เขาพยายามจะทำเช่นนั้น พลังขับไล่ก็คว้าจับตัวเขาไว้ และเสียงของสำนักก็ดังก้องอยู่ในหู
“หลังจากที่ผ่านประสบการณ์เหล่านั้นมาทั้งหมด เจ้าก็ยังคงไม่มีความเชื่อมั่นในสำนัก!?!?” มันกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวดใจ
“ถ้าเป็นเช่นนั้น เจ้าก็ควรจะมองเห็นความจริงด้วยสองตาของตนเอง!” เสียงของสำนักกลายเป็นพลังที่เมิ่งฮ่าวไม่อาจจะต่อต้านได้
ทำให้เขาต้องออกไปยังท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวด้วยร่างกายที่แน่นิ่งไม่ไหวติง
ในเวลาเดียวกันนั้น กองกำลังของผู้ฝึกตนร่วมสำนักก็หายตัวไป ทันใดนั้นดาวหนานเทียนก็ดูเหมือนว่าจะผ่านห้วงกาลเวลาไปนานหลายปีจนนับไม่ถ้วน จู่ๆ มันก็เริ่มสั่นสะท้านขณะที่พลังอันน่าเหลือเชื่อได้ระเบิดออกมา จากนั้นเมิ่งฮ่าวก็มองไปขณะที่ดวงดาวค่อยๆ เริ่มเคลื่อนที่ไปอย่างช้าๆ
ขณะที่มันเคลื่อนที่ไป อย่างน่าตกใจยิ่ง…ตำแหน่งดั้งเดิมของดวงดาวก็เผยให้เห็นถึงหลุมดำขนาดใหญ่!
ซึ่งดูคล้ายกับเป็น…ประตู!
หลังจากที่ประตูนั้นปรากฏขึ้น ก็มองเห็นลำแสงลำหนึ่ง ขณะที่มันกระจายออกมา เสียงกระหึ่มอย่างน่าตกใจก็ได้ยินออกมาจากดาวหนานเทียน ในเวลาเดียวกันนั้นขณะที่แสงนั้นกระจายออกมา ฉับพลันนั้นก็มีผีเสื้อหนึ่งตัวบินออกมาจากด้านในของประตู!
ผีเสื้อตัวนั้นมีขนาดที่ใหญ่โตจนดูเหมือนว่าไร้จุดสิ้นสุด ผู้ฝึกตนนอกคอกจำนวนมากบินออกมาจากผีเสื้อตัวนั้น กระจายกลิ่นอายอันน่ากลัวออกมาอย่างน่าประหลาดใจ
ที่ใดก็ตามที่พวกมันพุ่งผ่านไป ดวงดาวก็จะพังทลายและแตกกระจายไป ผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนส่งเสียงแผดร้องตกตายไป ขุนเขาที่เก้าพังทลายลงและทะเลที่เก้าก็เดือดพล่าน!
ไม่นานนัก ขุนเขาทะเลที่เก้าทั้งหมดก็กลายเป็นซากปรักหักพัง ผู้คนนับไม่ถ้วนตกตายไป มีอยู่หลายคนที่เมิ่งฮ่าวรู้จัก และอีกหลายคนที่เขาไม่รู้จัก แต่คนทั้งหมดต่างก็ตกตายไป…
ดาวตงเซิ่ง, ดาวเป่ยหลู, ดาวซีเฮ่อ…ทั้งหมดต่างก็พังทลายลงไป
ในภาพสุดท้าย เต่าเสวียนอู่ขนาดใหญ่ส่งเสียงกู่ร้องด้วยความเจ็บปวดใจออกมา จนดูเหมือนว่าจะเต็มไปด้วยความโศกเศร้าอย่างไร้ที่สิ้นสุด จากนั้นมันก็แตกกระจายกลายเป็นกลุ่มโลหิตและชิ้นเนื้อไป
ภาพที่เห็นจบลงไป เหลือแต่เมิ่งฮ่าวที่กำลังหอบหายใจออกมา เขาลืมดิ้นรนและต่อต้าน ขณะที่ภาพนั้นจางหายไป เขาถูกพลังแห่งการขับไล่คว้าจับไว้และส่งตัวออกไปจากโลกแห่งนี้
ในช่วงก่อนที่เขาจะจากไป เสียงเก่าแก่โบราณที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจของสำนักก็ดังก้องอยู่ในหู “ตอนนี้เจ้าเชื่อแล้วหรือไม่?”
แรงสั่นสะเทือนวิ่งผ่านไปทั่วร่างเมิ่งฮ่าว และเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มมองเห็นได้ชัดเจนขึ้น เขาก็กลับไปอยู่ในอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า กำลังยืนอยู่ที่ด้านนอกของประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทองที่ห้า เขามองขึ้นไปและเห็นว่านามของตนเอง…อยู่ในรายชื่อของสิบคนแรก!
เสียงร้องด้วยความประหลาดใจดังก้องออกไปในทั่วทุกทิศทาง แต่เมิ่งฮ่าวยังคงดูเหมือนว่ากำลังอยู่ในโลกอีกแห่งหนึ่ง เขาได้ยินสิ่งที่คนอื่นๆ พูดคุยกันอย่างเลือนราง ขณะที่ยืนอยู่ตรงด้านหน้าของแท่นศิลาตัวอักษรเป็นเวลานาน
ในตอนนี้เองที่เสียงของเสินซือซ่างเหรินได้ดังขึ้นมาอยู่ในหูของเมิ่งฮ่าว “การทดสอบของคนทั้งหมดในประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทองที่ห้าเป็นเหมือนกันทั้งหมด แต่สำหรับกลุ่มคนที่อยู่ในสิบคนแรกจะพบเจอกับเรื่องราวที่แตกต่างกันออกไป…”
“สิ่งที่เจ้าเห็นนั้นจะเป็นภาพของในอนาคต หรืออาจจะเป็นแค่ภาพในจินตนาการก็เป็นได้”
เมิ่งฮ่าวมองขึ้นไปยังเสินซือซ่างเหริน หลังจากที่เงียบไปเป็นเวลานาน เขาก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และปัดเป่าความคิดที่ฟุ้งซ่านไป ไม่ว่าเขาต้องการจะยอมรับมันหรือไม่ แต่การทดสอบในครั้งนี้ได้ประทับลึกอยู่ในความทรงจำของเขาแล้ว คิดอยู่ในใจว่า
“ในที่สุด พลังคือทุกสรรพสิ่ง! ถึงแม้ว่าภาพสุดท้ายนั้นจะเป็นเรื่องจริง แต่ถ้าข้าแข็งแกร่งเพียงพอ เมื่อผีเสื้อปรากฏตัวขึ้น ข้าก็จะสังหารมันไป! จากนั้น…เรื่องทั้งหมดก็จะแตกต่างกันออกไป!”
“เชื่อมั่นในสำนักไม่ใช่สิ่งสำคัญ สิ่งสำคัญคือ…ทำตัวเองให้แข็งแกร่งเพียงพอ!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้า ขณะที่ประสานมือและโค้งตัวลงให้กับเสินซือซ่างเหริน จากนั้นก็หมุนตัวไป สีหน้าเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ขณะที่บินตรงไปยังประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทองแห่งอื่น
ช่วงเวลาสามเดือนเกือบจะหมดลงแล้ว ก่อนที่เมิ่งฮ่าวจะจากไป เขาต้องการหยกเซียนสามร้อยล้านชิ้นเหล่านั้น เขายังต้องการทิ้งรอยประทับไว้ที่อาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าไปตราบชั่วนิรันดร์อีกด้วย
“นอกจากแท่นศิลาตัวอักษรที่ห้าแล้ว ข้ายังต้องการให้นามของข้า…อยู่ในอันดับหนึ่งบนประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทองทั้งหมด!
ถ้าข้าไม่อาจจะทำได้ในครั้งนี้ ข้าก็ต้องทำให้จงได้ก่อนที่จะจากไป!” เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ขณะที่พุ่งตรงไปยังประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทองที่เจ็ด
ประตูสีทองที่เจ็ดนี้คือการทดสอบของสัมผัสศักดิ์สิทธิ์!
สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่จุดแข็งของเมิ่งฮ่าว แต่เขาก็มีตำราเล่มแรกของคัมภีร์เต๋าศักดิ์สิทธิ์อยู่ ซึ่งเขาเคยฝึกฝนมาเมื่อในอดีต จากตำนานที่เล่าขานสืบต่อกันมา
คัมภีร์เต๋าศักดิ์สิทธิ์เป็นคัมภีร์สำหรับสัมผัสศักดิ์สิทธิ์อันแข็งแกร่ง แต่หลังจากที่ฝึกฝนมัน เมิ่งฮ่าวก็รู้สึกว่าไม่มีอะไรที่เขารู้สึกประทับใจมากเป็นพิเศษ!
อย่างมากที่สุดมันก็ช่วยให้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาดีขึ้นเล็กน้อย ในตอนที่อยู่ในอาณาจักรมนุษย์ แต่เป็นเพราะว่าเขาได้ผ่านเข้าไปในอาณาจักรเซียน และมีระดับการฝึกตนที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้มันกลายเป็นจุดอ่อนสำหรับเมิ่งฮ่าวไปอย่างแท้จริง
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไมไหหนี่ว์ (ธิดาทะเล) ถึงสามารถจะหยุดเขาให้ชะงักนิ่งไปได้ด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของนาง สำหรับความอ่อนแอในเรื่องนี้ของเขา ทำให้ต้องตระหนักว่าเขาควรที่จะมุ่งมั่นแก้ไขปัญหานี้
“เป็นไปได้หรือไม่ว่าข้าฝึกมันไม่ถูกต้อง? หรือว่ามันอาจจะไม่ใช่คัมภีร์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริง?”
คัมภีร์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นมาอยู่ในความคิด ขณะที่เมิ่งฮ่าวบินตรงไป เวลาผ่านไปไม่นานมากนักก่อนที่เขาจะไปปรากฏตัวขึ้นที่ด้านนอกของแท่นศิลาตัวอักษรสีทองที่เจ็ด โดยไม่ลังเลใดๆ แม้แต่น้อย เขาก้าวเท้าเข้าไปในประตูสีทองนั้น
อย่างน่าแปลกใจยิ่ง ในทันทีที่เมิ่งฮ่าวผ่านเข้าไป นามของเขาก็ปรากฏขึ้นบนแท่นศิลาตัวอักษร ศิษย์ทั้งหมดที่มารวมตัวกัน กำลังจ้องนิ่งไปยังนามของเมิ่งฮ่าว และเริ่มคาดเดากันว่าเขาน่าจะอยู่ที่อันดับเท่าใด
ภายในโลกของประตูสีทองที่เจ็ด เมิ่งฮ่าวแหงนหน้าขึ้นและกู่ร้องออกมา เส้นผมสะบัดพลิ้วไปมาอยู่รอบๆ ร่าง ทั่วทั้งโลกแห่งนี้คือเส้นทางที่ประกอบด้วยบันไดศิลาหนึ่งหมื่นขั้น แต่ละขั้นเป็นตัวแทนของหนึ่งอันดับ
เก้าพันขั้นแรกง่ายสำหรับเมิ่งฮ่าวเป็นอย่างมาก แต่หนึ่งพันขั้นสุดท้ายเริ่มมีความยากมากขึ้นไป แต่ละครั้งที่เขาก้าวเดินไป ก็จะพบว่าตัวเองถูกห้อมล้อมด้วยพลังของสัมผัสศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นไป ซึ่งพยายามแทรกซึมเข้ามาในจิตใจเพื่อทำให้เขาพังทลายลงไป
ความคิดนับไม่ถ้วนไหลเข้ามาในจิตใจ ทำให้เมิ่งฮ่าวรู้สึกสับสน ทำให้ยากที่จะต่อต้านได้มากขึ้นไปเรื่อยๆ
ในเวลาเดียวกันนั้น ยิ่งเมิ่งฮ่าวอดทนได้มากขึ้นเท่าใด สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็จะยิ่งก้าวหน้าเร็วมากขึ้นเท่านั้น คัมภีร์เต๋าศักดิ์สิทธิ์หมุนวนอยู่ในจิตใจ และขณะที่เขาเดินหน้าต่อไป ก็ยิ่งได้รับความรู้แจ้งอันเนื่องมาจากความทรงจำต่างๆ เหล่านั้นอย่างต่อเนื่อง
เวลาผ่านไป ที่ด้านนอกของประตูสีทองที่เจ็ด ศิษย์ที่เฝ้ามองดูอยู่ขณะที่นามของเมิ่งฮ่าวพุ่งขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง ในตอนนี้ความคืบหน้าของเขาช้ากว่าแท่นศิลาตัวอักษรก่อนหน้านี้มากนัก
“สัมผัสศักดิ์สิทธิ์คือจุดอ่อนของมัน!”
“ตอนที่อยู่ในแท่นศิลาตัวอักษรที่เก้าหรือที่ห้า ความคืบหน้าของมันไม่ได้เชื่องช้าเช่นนี้ มีเพียงทางเดียวเท่านั้นที่จะผ่านประตูสีทองที่เจ็ดนี้ไปได้อย่างราบรื่น คือต้องมีสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่ง แต่มันกำลังไปได้อย่างเชื่องช้ายิ่ง!”
“เท่าที่เห็นคงจะเป็นเรื่องยากสำหรับมัน ที่จะผ่านเข้าไปในสิบคนแรกได้!” ขณะที่กลุ่มฝูงชนทำการคาดเดาความคิดเห็นของพวกมันด้วยเสียงแผ่วเบา เมิ่งฮ่าวที่อยู่ในโลกของแท่นศิลาตัวอักษรที่เจ็ด ถึงดวงตาจะกลายเป็นสีแดงเจิดจ้า แต่ก็กำลังยิ้มออกมาอยู่
“คัมภีร์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ต้องฝึกฝนเช่นนี้นี่เอง!”
“ข้าเข้าใจแล้ว!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น ยื่นสองมือออกไปขยับร่ายเวท ทำให้ร่างกายเปลี่ยนเป็นบางสิ่งบางอย่างที่คล้ายกับเป็นหลุมดำ จนเกิดเป็นเสียงกระหึ่มกึกก้องขึ้นมา ขณะที่เขาเริ่มทำการดูดซับสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังโจมตีมาทั้งหมดเข้าไป!
หมายเหตุ : เมิ่งฮ่าวได้รับตำราเล่มแรกของคัมภีร์เต๋าศักดิ์สิทธิ์มาจากโฉ่ว เหมินไถ ในตอนที่ 301 : เซียนชี้ทาง