Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1121

ตอนที่ 1121

ขั้นที่แข็งแกร่งมากที่สุด

ฉับพลันนั้นเต้าเทียนก็มีลางสังหรณ์อันเข้มข้นขึ้นว่า ถ้ามันไม่อาจจะทำอะไรเพื่อหยุดกลิ่นอายของเมิ่งฮ่าวที่กำลังพุ่งขึ้นมาอย่างรุนแรงนี้แล้วละก็ มันก็คงจะตกไปอยู่ในท่ามกลางหายนะอันน่ากลัวนี้อย่างแน่นอน

“บัดซบ เมิ่งฮ่าวแข็งแกร่งขึ้นเช่นนี้ได้อย่างไร!?!?” แทบจะเป็นเรื่องยากอย่างถึงที่สุด ที่เต้าเทียนจะเคยพบเจอใคร จนทำให้มันต้องคิดเช่นนี้ขึ้นมาได้

“ไสหัวไป!” เต้าเทียนกระแทกอวี่เหวินเจียนไปทางด้านหลัง จากนั้นก็ก้าวตรงไปในท่ามกลางเสียงกระหึ่มกึกก้อง อวี่เหวินเจียนไม่อาจจะต่อสู้กับมันได้ แม้แต่จะมีขวานนักรบก็ตามที ยังคงถูกบังคับให้ต้องล่าถอยออกไปอย่างต่อเนื่อง แต่มันก็ไม่ยอมหลบเลี่ยง แผดร้องคำรามขึ้น ปลดปล่อยพลังกายเนื้อออกมาอย่างเต็มกำลัง ต่อสู้กลับไปยังเต้าเทียนอย่างดุร้าย เพื่อถ่วงเวลาให้กับเมิ่งฮ่าว

เมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน ขณะที่มีความสูงถึงยี่สิบหกจ้าง ชีพจรเซียนทั้งหมดได้หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียวแล้วในตอนนี้ และร่างกายก็ถูกห้อมล้อมด้วยแสงสีฟ้าอันเจิดจ้า

แต่น่าเสียดายที่ในตอนนี้ ก็เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อาจจะทำการต่อสู้ได้อย่างแท้จริง ในขณะที่พลังกำลังพุ่งขึ้นไป เขาต้องการจะต่อสู้แต่ก็ไม่อาจจะทำได้ นี่คือครั้งแรกที่เขาดูดซับผลเนี่ยผานเข้าไป และบรรลุถึงขั้นเซียนทุกชั้นฟ้าในช่วงของการต่อสู้ สองครั้งก่อนหน้านี้เป็นแค่การทดลองซึ่งอยู่ในช่วงของการเข้าฌาณตามลำพัง

“บัดซบ!” เมิ่งฮ่าวคิด เริ่มกระวนกระวายใจมากขึ้น แต่ก็ไม่เห็นความลังเลใดๆ บนใบหน้าของเขา พลังกำลังพุ่งขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง และใครก็ตามที่มองมา ก็จะเห็นได้ว่าพลังนั้นยิ่งมีมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน

กลิ่นอายของเขาพุ่งผ่านอาณาจักรแห่งจักรพรรดิเซียนไป และผ่านเข้าไปในอาณาจักรเซียนทุกชั้นฟ้าได้ครึ่งทางแล้ว ระลอกคลื่นอันน่ากลัวกำลังระเบิดออกมาจากร่างเขา

สีสันแวบขึ้นไป และสายลมก็กรีดร้องระงม ราวกับว่ามีดวงตาขนาดใหญ่ได้ปรากฏขึ้นในท้องฟ้า และกำลังจ้องมองมายังเมิ่งฮ่าว

สายฟ้าฟาดลงมา และท้องฟ้าที่ด้านบนของอาณาจักรสายลมก็บิดเบี้ยวไปมา พื้นดินสั่นสะเทือน และภูเขาก็สั่นสะท้าน ดูเหมือนว่าโลกแห่งนี้ทั้งหมดกำลังเปลี่ยนแปลงไป

ดวงตาเต้าเทียนเบิกกว้างขึ้น เมื่อมองเห็นพลังของเมิ่งฮ่าวพุ่งขึ้นไปอย่างไร้จุดสิ้นสุด แม้แต่มันก็ยังต้องยอมรับว่า กำลังมองไปยังสิ่งที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง มันแหงนหน้าขึ้นและแผดร้องออกมา ขยับสองมือร่ายเวท ทำให้พื้นฐานฝึกตนปะทุเป็นพลังพุ่งออกไป กลุ่มหมอกสีดำปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้ามัน จากนั้นก็ม้วนตัวไปมาจนกลายเป็นยักษ์ที่มีเขาหนึ่งข้าง ส่งเสียงแผดร้องคำรามออกมา ขณะที่พุ่งตรงไปยังอวี่เหวินเจียน

สีหน้าอวี่เหวินเจียนสลดลง และรู้สึกวิตกกังวลเพิ่มมากขึ้น มันไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับเมิ่งฮ่าว ถึงแม้ว่าคนทั้งสองจะไม่ได้วางแผนกันอย่างแน่ชัด อันเนื่องมาจากสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวย แต่ช่วงเวลานี้ก็น่าจะเป็นตอนที่เมิ่งฮ่าวควรจะต้องขยับตัวเคลื่อนไหวแล้ว

“บัดซบ ทำไมมันถึงได้ช้านัก!?” อวี่เหวินเจียนแผดร้องอยู่ภายในใจ ครึ่งหนึ่งของจิตใจมันต้องการจะหลบหนีจากไป แต่ในที่สุดก็กัดฟันแน่น และไปเผชิญหน้ากับยักษ์ที่พุ่งตรงเข้ามา

เกิดเป็นเสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องออกไป และโลหิตก็พ่นกระจายออกมาจากปากของอวี่เหวินเจียน เสียงแตกร้าวของกระดูกได้ยินมา โลหิตพ่นกระจายออกไป และมันก็กระอักอวัยวะภายในที่ถูกบดขยี้ไปบางส่วนออกมา ลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลัง กลิ่นอายมันกำลังอ่อนแอลงไป แต่ก็กัดฟันแน่น แผดร้องคำรามออกมา จากนั้นก็ตัดสินใจทุ่มออกมาจนสุดตัว ยกขวานนักรบขึ้นมาและตวัดสับลงไปยังเต้าเทียนที่กำลังจะพุ่งผ่านมันไปอย่างดุร้าย

พร้อมกับเสียงแค่นอย่างเย็นชา เต้าเทียนก้าวเท้าตรงไปโดยไม่ยอมหลบเลี่ยงแม้แต่น้อย ยกมือขวาขึ้นมา ขณะที่มันใช้โซ่เซียนปิดกั้นขวานที่กำลังสับลงมานั้น

เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องขึ้น และจากนั้นเต้าเทียนก็หมุนตัว พุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว อวี่เหวินเจียนแผดร้องคำรามและต่อยหมัดออกไป พยายามที่จะต่อสู้กับเต้าเทียนและตรึงมันไว้ ใบหน้าเต้าเทียนเริ่มดูน่ากลัวมากขึ้น

“เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!?” มือขวามันกำเป็นหมัด และต่อยลงไปที่ท้องของอวี่เหวินเจียน ดวงตาอวี่เหวินเจียนเบิกกว้างขึ้น ขณะที่ลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลังพร้อมกับกลุ่มหมอกของโลหิตและชิ้นเนื้อ

“เมิ่งฮ่าว เจ้าเป็นหนี้ชีวิตข้า!” อวี่เหวินเจียนร้องตะโกนออกมาพร้อมกับเสียงหัวเราะอย่างขมขื่น ขณะที่มันพูดจบ ดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยความมุ่งมั่น และพุ่งตรงไปอีกครั้ง เตรียมพร้อมที่จะใช้หนึ่งชีวิตของมัน พยายามจะขัดขวางเต้าเทียนไว้ให้นานขึ้นอีกเล็กน้อย

“ตาย!” เต้าเทียนแผดร้องออกมา โบกสะบัดมือ อสูรกลุ่มหมอกขนาดยักษ์ส่งเสียงแผดร้องคำราม และพุ่งตรงไปยังอวี่เหวินเจียน เมื่อดูเหมือนว่ามันแทบจะกระแทกเข้าไปในร่างของอวี่เหวินเจียนแล้ว ทันใดนั้นเองอากาศที่เบื้องหน้าของอวี่เหวินเจียนก็บิดเบี้ยวไปมา และเงาร่างที่สูงใหญ่สายหนึ่งก็ปรากฏขึ้น

ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเป็นเมิ่งฮ่าว กำลังยืนอยู่ที่นั่นด้วยความสูงมากกว่ายี่สิบจ้าง!!

เขายื่นมือออกไปในทันที และฟาดตรงไปยังอสูรที่พุ่งเข้ามา

การกระทำนี้ทำให้อสูรที่น่าตกใจก่อนหน้านี้ ส่งเสียงกรีดร้องออกมาราวกับเป็นแมวป่วย ทันใดนั้นมันก็หยุดนิ่งอยู่ในกลางอากาศ ไม่อาจจะขยับตัวเคลื่อนไหวได้ สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและไม่อยากจะเชื่อ ขณะที่เมิ่งฮ่าวยื่นมือออกมาและฟาดลงไปบนศีรษะของมัน

เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องขึ้น ขณะที่อสูรตนนั้นระเบิดออกไป จนเกิดเป็นกลุ่มหมอกสีดำม้วนตัวออกไปในทั่วทุกทิศทาง

“เมิ่ง…เมิ่งฮ่าว!” อวี่เหวินเจียนหอบหายใจออกมา รู้สึกตกใจต่อภาพของเงาร่างที่อยู่ตรงหน้ามัน เมิ่งฮ่าวเปล่งประกายเจิดจ้าด้วยแสงสีฟ้า และกลิ่นอายอันเก่าแก่โบราณก็พุ่งออกมาจากร่างเขา

แทบจะราวกับว่า…ในตอนนี้ เมิ่งฮ่าวไม่ใช่ผู้ฝึกตนแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเล แต่เป็นใครบางคนที่เดินทางข้ามกาลเวลามาจากอาณาจักรเซียนผู้ยิ่งใหญ่แห่งครั้งบรรพกาล

เขายืนเด่นเป็นสง่าอยู่ที่นั่น กระจายแสงสีฟ้าออกมา มองเห็นสัญลักษณ์เวทส่องแสงระยิบระยับอยู่บนร่างได้อย่างเลือนลาง เขายืนอยู่ที่นั่นดูคล้ายกับเป็นภูเขา อากาศสั่นสะท้านและพื้นดินก็สั่นสะเทือน กลุ่มเมฆที่ด้านบนดูเหมือนว่ากำลังจะลดตัวต่ำลงมาเพื่อก้มกราบคารวะ

ทั่วทั้งโลกแห่งนี้ และในดินแดนทั้งหมดนี้ ราวกับว่ามีแค่เมิ่งฮ่าวคงอยู่แต่เพียงผู้เดียว

นี่คือ…กลิ่นอายที่สะกดข่มซึ่งกล่าวออกมาว่า ให้เทิดทูนบูชาข้า!

เมิ่งฮ่าวมองไปยังเต้าเทียน

สีหน้าเต้าเทียนเปลี่ยนไปด้วยความเคร่งเครียดขณะที่จ้องมองกลับมา ภายในใจมันกำลังเริ่มวิตกกังวลอยู่

“อวี่เหวินเจียน รีบออกไปจากที่นี่!”

เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นช้าๆ อวี่เหวินเจียนไม่อาจจะช่วยอะไรได้ในการต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ ถ้ามันยังอยู่ต่อไป ก็เป็นไปได้ที่เต้าเทียนอาจจะปลดปล่อยเวทที่คล้ายกับเวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิตออกมา หรือเป็นสิ่งที่น่ากลัวคล้ายกับเวทอสูรฟ้ากลืนกิน ซึ่งจะทำให้เมิ่งฮ่าวต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย

ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเมิ่งฮ่าวก็คือ ให้มันจากไป!

อวี่เหวินเจียนจ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างลึกซึ้งชั่วขณะ ราวกับว่าจะประทับเขาไว้ในความทรงจำ อวี่เหวินเจียนไม่ค่อยมีสหายมากนัก แม้แต่หงปินก็ถือได้ว่าเป็นสหายแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น แต่ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่มันได้อยู่ร่วมกับเมิ่งฮ่าว มันก็ถือว่าเขาคือสหายไปเรียบร้อยแล้ว

“ข้าจะไม่คืนขวานนักรบนี้ให้ ถ้าเจ้าตายไป ดังนั้น…อย่าให้ตนเองต้องถูกสังหารไป!” มันกล่าวขึ้น จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และพุ่งออกไปยังที่ห่างไกล ด้วยความรวดเร็วทั้งหมดเท่าที่สามารถจะรวบรวมขึ้นมาได้ เต้าเทียนไม่แม้แต่จะชำเลืองมองขณะที่มันจากไป ภัยคุกคามที่กระจายออกมาจากร่างเมิ่งฮ่าวมากมายจนมันไม่อาจจะเสียสมาธิได้

“เมิ่งฮ่าว!” มันแผดร้องออกมา ร่างกายเกิดเป็นเสียงแตกร้าวขึ้น ในชั่วพริบตาร่างมันก็เริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้น สีหน้าบิดเบี้ยวไปมา และเมื่อบรรลุถึงความสูงยี่สิบจ้าง ก็แหงนหน้าขึ้นและแผดร้องคำรามออกมา เสียงหัวใจที่เต้นอยู่ของมันดังก้องออกมา และเมื่อดังขึ้นเป็นครั้งที่เก้า พลังของมันก็พุ่งขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุด ก้าวเดินตรงมายัง    เมิ่งฮ่าว

เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าสงบนิ่ง รับรู้ได้ถึงพลังของชีพจรเพียงจุดเดียว รวมทั้งความแข็งแกร่งอย่างน่ากลัวของกายเนื้อตนเอง เขาเริ่มเดินตรงไป จากนั้นก็กำมือขวาเป็นหมัด และต่อยตรงไปยังเต้าเทียน

หมัดนั้นทำให้ท้องฟ้าแวบประกายขึ้นและสายลมก็ส่งเสียงกรีดร้อง สีหน้าเต้าเทียนเปลี่ยนไป แต่ก็หัวเราะอย่างดุร้ายออกมา ขณะที่หมัดของเมิ่งฮ่าวใกล้เข้ามา จู่ๆ มันก็หายตัวไป จากนั้นก็ปรากฏกายขึ้นใหม่อยู่ที่ด้านหลังเมิ่งฮ่าว ในเวลาเดียวกันนั้น ปีกสีดำสองข้างก็แผ่ขยายออกมาจากแผ่นหลังของมัน

จากนั้นมือของมันก็ทำท่าเป็นกรงเล็บ กรีดเฉือนตรงไปยังแผ่นหลังของเมิ่งฮ่าว

เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย ไม่แม้แต่จะหันหลังกลับไป แต่ใช้เท้าผลักดันตัวเอง ให้แผ่นหลังพุ่งตรงไปยังเต้าเทียน

กรงเล็บเต้าเทียนกระแทกลงไปบนแผ่นหลังของเมิ่งฮ่าว ทำให้เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องออกไป เมิ่งฮ่าวไม่มีปฏิกิริยาใดๆ แต่มือของเต้าเทียนบิดเบี้ยวหงิกงอ ไม่อาจจะทำอะไรกับเมิ่งฮ่าวได้โดยสิ้นเชิง จากนั้นร่างเมิ่งฮ่าวก็กระแทกลงไปบนร่างของเต้าเทียน

เสียงระเบิดจนแก้วหูแทบฉีกขาดดังก้องออกมา และโลหิตก็พ่นกระจายออกมาจากปากของเต้าเทียน ลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลังคล้ายกับเป็นว่าวที่ถูกตัดสายป่าน สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ กระดูกในร่างของมันแตกหักไปมากกว่าครึ่ง

“เป็นไปไม่ได้! ทำไมมันถึงได้แข็งแกร่งเช่นนี้!?!?”

ในความประหลาดใจของมัน เสียงแหวกฝ่าอากาศก็ดังก้องออกมาจากร่างมันด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ขณะที่ลอยละลิ่วพุ่งฝ่าอากาศไป อันเนื่องจากการโจมตีมาอย่างดุร้ายของเมิ่งฮ่าว

ในชั่วพริบตา มันก็พุ่งผ่านชนเผ่าที่ห้าออกไปไกล จนเข้าไปใกล้กับเขตชายแดนของชนเผ่าที่สี่ ต่อจากนั้นเมิ่งฮ่าวก็หายตัวไป ฉับพลันนั้นก็ไปปรากฏกายขึ้นใหม่อยู่ที่ด้านหน้าของเต้าเทียน

เขายื่นมือขวาออกไป และแสงสีฟ้าอันไร้ขอบเขตก็พุ่งออกมาจากร่าง ขณะที่ใช้พลังของเซียนทุกชั้นฟ้าชี้นิ้วออกไป

“ข้าคืออันดับหนึ่งแห่งลำดับขั้น เจ้าไม่อาจจะเอาชนะข้าได้! ขั้นนี้ของเจ้าคงอยู่ได้ไม่นานมากนัก!!”

เต้าเทียนแผดร้องออกมา โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปาก และใช้ปีกห่อหุ้มไปรอบๆ ร่างเพื่อปกป้องตนเอง ในเวลาเดียวกันนั้น มันก็ใช้สองมือขยับร่ายเวท ทำให้เกราะป้องกันปรากฏขึ้น พร้อมกับของวิเศษอีกจำนวนมาก

เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องขึ้น ขณะที่ดรรชนีจากพลังทุกชั้นฟ้าของเมิ่งฮ่าว กดลงไปบนเกราะป้องกัน เสียงแตกร้าวดังก้องออกไปในทั่วทุกทิศทาง และเกราะป้องกันชั้นแล้วชั้นเล่าก็พังทลายลงไป ของวิเศษจำนวนมากแตกกระจายออกไป และจากนั้นดรรชนีของเมิ่งฮ่าวก็พุ่งลงไปยังปีกของเต้าเทียน

เสียงระเบิดดังก้องออกไปขณะที่ปีกทั้งสองข้างของมันฉีกขาดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย กลายเป็นเถ้าธุลีไป เต้าเทียนแผดร้องอย่างน่าอนาถใจออกมา ขณะที่ดรรชนีของเมิ่งฮ่าวยังคงพุ่งต่อไป จากนั้นมันก็ยกแขนขวาขึ้นมา พยายามใช้ของวิเศษโบราณซึ่งเป็นโซ่เซียนมาปิดกั้นไว้

เสียงปะทุดังเต็มอยู่ในอากาศ ซึ่งดังออกมาจากโซ่เซียนที่กำลังแตกกระจายไป เมื่อดรรชนีทุกชั้นฟ้าของเมิ่งฮ่าวแตะสัมผัสไปโดน ของวิเศษโบราณก็ไม่อาจจะทำอะไรเพื่อต่อต้านได้ ดวงตาเต้าเทียนเบิกกว้างขึ้นด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

ทันใดนั้น แขนขวาของมันก็ระเบิดขึ้นกลายเป็นกลุ่มหมอกของโลหิต จากการโจมตีมาราวกับเป็นสายฟ้าของดรรชนีเมิ่งฮ่าว

“เวทเทพอมตะ!” เต้าเทียนแผดร้องขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว แสงสีโลหิตพุ่งออกมาจากร่างกายมัน กลายเป็นสัญลักษณ์เวทกระแทกลงไปบนดรรชนีของเมิ่งฮ่าว สัญลักษณ์เวทสั่นสะท้าน แต่ก็ไม่ได้ถูกทำลายไป และพลังอันยิ่งใหญ่ของดรรชนีเมิ่งฮ่าวก็โจมตีไปยังเต้าเทียน จนร่างมันต้องลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลัง

ในชั่วพริบตา มันก็ลอยผ่านเขตชายแดนที่อยู่ระหว่างชนเผ่าที่ห้าและชนเผ่าที่สี่ไป อีกครั้งในตอนที่อยู่ในชนเผ่าที่สี่ สัญลักษณ์เวทของเต้าเทียนในที่สุดก็แตกกระจายไป โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปาก และสีหน้าก็ดูซีดเซียว แต่ความต้องการต่อสู้ของมันก็ยังไม่ลดลงไปแม้แต่น้อย มันแหงนหน้าขึ้นและกู่ร้องออกมา ขณะที่เมิ่งฮ่าวพุ่งผ่านเขตชายแดน บินตรงไปยังมัน

“เมิ่งฮ่าว เจ้าไม่อาจจะสังหารข้าได้! เจ้าจะอยู่ต่อได้อีกนานเท่าใด? เมื่อไหร่ที่เจ้าออกไปจากขั้นนี้ เจ้าต้องตาย!” เต้าเทียนกระอักโลหิตออกมากองโต และขณะที่เมิ่งฮ่าวเข้าไปใกล้ มันก็ยกมือขวาขึ้นมาร่ายเวท จากนั้นก็โบกสะบัดไปที่เบื้องหน้า ทันใดนั้น อากาศที่ตรงหน้ามันก็ส่งเสียงดังกระหึ่ม และแตกกระจายออกไป ขณะที่ลำแสงสีดำได้ลอยออกมา

ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากเป็นม้วนภาพวาด ซึ่งเป็นเวทผู้ยิ่งใหญ่ของเต้าเทียน!

“ภาพวาดผู้ยิ่งใหญ่, เปิดออก!”

เกิดเป็นเสียงกึกก้องดังกระหึ่มขึ้น ขณะที่ม้วนภาพวาดคลี่กางออก เผยให้เห็นดินแดนที่เต็มไปด้วยรังสีสังหาร ในตรงกลางของดินแดนแห่งนั้นเป็นรูปปั้นของบุรุษหนุ่มในชุดยาวสีดำ กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่น มีเส้นผมที่ยาวจนคล้ายกับเป็นผ้าม่านที่ห้อยตกลงไปบนพื้น ขณะที่มันนั่งอยู่

ที่กำลังพุ่งขึ้นมาจากร่างกายมัน เป็นกลิ่นอายที่เย็นชาอันน่ากลัว อย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version