ตอนที่ 1214
ข้ามีนามว่าเมิ่งฮ่าว
เดิมทีเมิ่งฮ่าวไม่ได้คิดว่าจะมายังขุนเขาทะเลที่แปด จุดหมายปลายทางในตอนแรกของเขาคือไปยังขุนเขาทะเลที่สี่ เขาหวังว่าจะไปยังที่แห่งนั้นได้โดยตรง หรืออาจจะแค่เดินทางผ่านขุนเขาทะเลที่แปดไปเท่านั้น
ถ้าเป็นเช่นนั้นเขาก็จะผ่านขุนเขาที่เจ็ด, ขุนเขาที่หก, ขุนเขาที่ห้า และในที่สุด…ก็จะบรรลุถึงขุนเขาที่สี่ เขาจะเดินทางผ่านขุนเขาทะเลต่างๆ เพื่อไปค้นหาสวี่ชิง…นำพานางกลับไปบ้าน
แต่เมื่อเกิดเหตุขึ้นกับฉู่อวี้เยียน ทำให้เขาต้องเปลี่ยนใจ เขาจะไม่มุ่งหน้าตรงไปยังขุนเขาที่สี่ เขาเป็นหนี้ฉู่อวี้เยียนเป็นอย่างมาก จึงต้องไปตามหาวิญญาณของนางและช่วยชีวิตนางไว้อย่างไร้ทางเลือก
ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เดินทางผ่านไป แต่ต้องมายังขุนเขาทะเลที่แปดนี้แทน!
ที่แห่งนี้เขามีความผูกพันกับทั้งปรมาจารย์เอกะเทวะและตระกูลเมิ่ง ตระกูลเมิ่งคือตระกูลของมารดา เป็นเครือญาติของเขา
สำหรับปรมาจารย์เอกะเทวะ เมื่อเมิ่งฮ่าวพบว่ามันอยู่ในขุนเขาทะเลที่แปด ก็ตัดสินใจขึ้นในทันทีว่าไม่ว่าใครก็ไม่อาจจะขัดขวางเขา ในการทำให้มันกลายเป็นพาหนะของตนเองได้
เมื่อไหร่ที่เกิดขึ้นเช่นนั้น เขาก็สามารถใช้พลังของปรมาจารย์เอกะเทวะ พุ่งผ่านเกราะป้องกันระหว่างขุนเขาทะเลต่างๆ ไปได้อย่างง่ายดาย!
ตอนนี้เขายืนอยู่ในประตูเคลื่อนย้ายทางไกลของมู่หั่วเต้า พวกมันไม่มีดวงดาวในครอบครองของตนเอง แต่กลับสร้างสำนักอยู่บนดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ดวงหนึ่ง เพราะว่าโครงสร้างทางการเมืองของขุนเขาที่แปดแตกต่างไปจากขุนเขาที่เก้าอยู่เล็กน้อย ทำให้สำนักเล็กๆ ต่างก็ถูกก่อตั้งขึ้นมาเช่นเดียวกันนี้
“ผู้อาวุโส จากที่แห่งนี้ท่านสามารถเคลื่อนย้ายทางไกลไปยังดาวเคราะห์แห่งหนึ่งที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกับพันธมิตรเทพสวรรค์ ดาวเคราะห์เหล่านั้นก่อตัวเป็นทางเชื่อมที่จะเข้าไปในพันธมิตรเทพสวรรค์”
มู่หั่วเหล่าไกว้ประสานมือ โค้งตัวลงต่ำขณะที่เริ่มอธิบาย “จากที่แห่งนั้น ท่านน่าจะค้นหาประตูเคลื่อนย้ายทางไกลที่นำไปสู่เฮยหุนเต้าได้…”
เมิ่งฮ่าวมองไปยังชายชราอย่างครุ่นคิด ตลอดช่วงเวลานี้มันไม่เคยเอ่ยถึงค่าตอบแทนใดๆ ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็ยื่นมือออก แตะไปบนหน้าผากของมู่หั่วเหล่าไกว้ ทำให้แก่นแท้แห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ไหลเข้าไปในร่างมันเล็กน้อย
มู่หั่วเหล่าไกว้สั่นสะท้านไปทั้งร่าง และทันใดนั้นใบหน้าก็กลายเป็นสีแดงเจิดจ้า ราวกับว่ามันกำลังจะลุกไหม้กลายเป็นเปลวไฟ ดวงตาเริ่มคลุ้มคลั่งขึ้นด้วยความยินดี คุกเข่าลงไปในทันที
“ขอบคุณมากสำหรับความเมตตาในครั้งนี้! ชั่วชีวิตนี้มู่หั่วจะไม่ลืมเลือนอย่างเด็ดขาด แค่ผู้อาวุโสพูดออกมาเพียงคำเดียว ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟ มู่หั่วก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อย!” มู่หั่วเหล่าไกว้รู้สึกตื่นเต้นขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่ออย่างที่มันควรจะเป็นจริงๆ เมื่อคิดไปว่ามันฝึกฝนเวทแห่งเปลวไฟ และตอนนี้เมิ่งฮ่าวก็มอบแก่นแท้แห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ให้กับมันบางส่วน สามารถจะกล่าวได้ว่า…เส้นทางที่มุ่งไปยังอาณาจักรเต๋าของมันถูกเปิดออกแล้ว!
ของขวัญชิ้นนี้คล้ายกับเป็นของขวัญแห่งชีวิตใหม่!
“เส้นทางการฝึกตนช่างมืดมนยิ่ง ที่ข้าสามารถจะทำได้ก็คือ มอบตะเกียงให้เจ้าไว้ส่องทาง การที่เจ้าจะเดินไปได้ไกลมากแค่ไหน ทั้งหมดนั้น…ก็ขึ้นกับตัวเจ้าเอง จงพยายามให้ดีที่สุด” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นอย่างช้าๆ โบกสะบัดชายแขนเสื้อ ทำให้ค่ายกลหินลมปราณที่เขาก่อตั้งขึ้นมาอยู่รอบๆ
ประตูเคลื่อนย้ายทางไกล ส่องแสงระยิบระยับขึ้นมา ขณะที่หินลมปราณเริ่มแหลกสลายไป พลังของค่ายกลเวทก็ทำให้เกิดเป็นแสงอันเจิดจ้าแวบขึ้นมา…
เมื่อแสงนั้นจางหายไป ก็มองไม่เห็นเมิ่งฮ่าวอีก
อย่างไรก็ตาม มู่หั่วเหล่าไกว้ก็ยังคงนั่งคุกเข่า โขกศีรษะอยู่ที่นั่น
ในขุนเขาทะเลที่แปด พันธมิตรเทพสวรรค์ ครอบครองสามดวงดาวที่โคจรหมุนวนอยู่รอบขุนเขา เป็นอาณาเขตซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะที่เป็นวงแหวนด้านใน!
ตรงด้านนอกของวงแหวนด้านใน ผู้ฝึกตนแห่งพันธมิตรเทพสวรรค์ ใช้วิชาเวทรวมดาวเคราะห์นับไม่ถ้วนเข้าด้วยกัน เพื่อก่อตัวเป็นดาวเคราะห์เทียมขนาดใหญ่จำนวนมาก
และดาวเหล่านั้นถูกเรียกว่าวงแหวนด้านนอก
ดาวเคราะห์เทียมที่อยู่ในวงแหวนด้านนอกเหล่านั้น ไม่เหมือนกับสี่ดวงดาวอันยิ่งใหญ่ ซึ่งมีวิญญาณดวงดาว และสามารถจะให้กำเนิดเซียนแท้ได้ ที่สำคัญมากไปกว่านั้น พวกมันยังเป็นสถานที่สำหรับให้ผู้ฝึกตนอยู่อาศัยและฝึกฝนตนเองอีกด้วย อย่างไรก็ตามดาวเคราะห์เทียมเหล่านั้นก็ยังดูน่าประทับใจและน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง
เกือบเจ็ดในสิบส่วนของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งขุนเขาทะเลที่แปด ตกอยู่ในการครอบครองของพันธมิตรเทพสวรรค์ ความว่างเปล่าเหล่านี้ก่อตัวกันเป็นอาณาเขตที่แยกจากกันเป็นหนึ่งเดียว และถูกปกป้องโดยเกราะป้องกันที่มองไม่เห็น ซึ่งผู้ฝึกตนที่ไม่ใช่พันธมิตรเทพสวรรค์ ไม่อาจจะผ่านเข้าไปได้ ถ้าไม่มีเหรียญแสดงตัวตนและชำระค่าภาษีผ่านทาง
ทางเข้านั้นก่อตัวขึ้นมาโดยเจ็ดดาวเคราะห์ที่เรียงตัวกันเป็นแนวยาว ซึ่งเป็นทางเชื่อมที่นำไปสู่พันธมิตรเทพสวรรค์
เมิ่งฮ่าวปรากฎตัวขึ้นบนดาวเคราะห์ดวงที่สามในเจ็ดดวงดาวที่เป็นทางเชื่อมเหล่านั้น ตรงไปยังเมืองที่อึกทึกวุ่นวายมีชีวิตชีวาอย่างไม่ธรรมดาแห่งหนึ่ง
มีผู้ฝึกตนอยู่ทั่วทุกที่ เข้ามาและออกไปจากพันธมิตรเทพสวรรค์อยู่ตลอดเวลา
ไม่มีใครให้ความสนใจเมิ่งฮ่าวแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตามเกิดเป็นลำแสงที่กระจายออกมาจากประตูเคลื่อนย้ายทางไกลเอง และม้วนกวาดไปทั่วร่างเขา เหรียญแสดงตัวตนที่ได้มาจากมู่หั่วเหล่าไกว้ก็พิสูจน์ให้เห็นในทันทีว่ามันมีประโยชน์ ส่องแสงระยิบระยับออกมาขณะที่ช่วยปกปิดตัวตนที่แท้จริงของเขาไว้
ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็ได้ยินเสียงที่แสดงถึงความรำคาญดังออกมาจากด้านข้าง “เมื่อเจ้ามาถึงแล้วในตอนนี้ ก็ให้รีบไป คนอื่นๆ กำลังรออยู่”
เขามองไปเห็นผู้ฝึกตนที่สวมใส่ชุดเต๋าสีน้ำเงินขาวผู้หนึ่ง ซึ่งเป็นชุดพิเศษเฉพาะสำหรับผู้ฝึกตนจากพันธมิตรเทพสวรรค์เท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์สวมใส่ได้
เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย ขณะที่ก้าวเดินออกมาจากประตูเคลื่อนย้ายทางไกล จากนั้นก็เริ่มเดินเข้าไปในเมือง เท่าที่เห็นเขาสามารถประเมินได้ว่ามีผู้ฝึกตนนับแสนกำลังเดินทางเข้าออกจากดาวเคราะห์ของพันธมิตรเทพสวรรค์ดวงนี้
“เจ็ดดวงดาว ผู้ฝึกตนนับล้าน…ด้วยการค้าเช่นนี้ ทำให้พันธมิตรเทพสวรรค์ได้กำไรอย่างไม่รู้จบ…” เมิ่งฮ่าวพึมพำ รู้สึกประทับใจต่อขุนเขาที่แปดอย่างลึกซึ้ง รวมทั้งความลึกล้ำและกองกำลังแห่งพันธมิตรเทพสวรรค์ด้วยเช่นกัน
“ถ้าราชันจี้ไม่ก่อการกบฏ และสำนักเซียนอสูรโบราณยังคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้…ขุนเขาทะเลที่เก้าก็คงจะเป็นเช่นนี้” เมิ่งฮ่าวถอนหายใจ ถึงแม้เขาจะเตรียมใจไว้แล้วก่อนที่จะมายังขุนเขาทะเลที่แปด แต่ก็ไม่เคยคาดคิดว่าเรื่องราวจะซับซ้อนถึงเพียงนี้มาก่อน
ไม่ใช่เป็นความซับซ้อนของเรื่องที่เขาจะต้องกระทำ แต่เป็นสถานการณ์ในตอนนี้ สำหรับเฮยหุนเต้ามันไม่ได้แข็งแกร่งด้วยตนเองอย่างแท้จริง ถึงแม้ว่าเขาจะเคยเห็นผู้ฝึกตนอาณาจักรเต๋าสองแก่นแท้ผู้นั้นมาก่อน แต่ก็ไม่ทำให้เขาต้องใส่ใจใดๆ
อย่างไรก็ตามเขาต้องสนใจเกี่ยวกับภาพรวมของพันธมิตรเทพสวรรค์ทั้งหมด ถ้าเขาจะเข้าไปในอาณาเขตของพันธมิตรเทพสวรรค์เพื่อกวาดล้างเฮยหุนเต้าจริงๆ คงจะทำให้เกิดเป็นความปั่นป่วนขนานใหญ่ขึ้นในขุนเขาทะเลที่แปดอย่างแน่นอน และจะต้องมีศัตรูนับไม่ถ้วนพยายามตามไล่ล่าเพื่อสังหารเขาไปเป็นแน่
“น่าเสียดาย ถ้าข้ามีเวลามากกว่านี้ ก็สามารถจะจัดการเรื่องราวได้ราบรื่นดีกว่านี้ สามารถจะเริ่มทำการค้าและใช้ผลกำไรนั้นมาสร้างเป็นประตูเคลื่อนย้ายทางไกล เพื่อให้เรื่องราวง่ายมากขึ้น”
“น่าเสียดายที่มีเวลาไม่พอ…แต่ก็มีบางสิ่งในชีวิตที่จำเป็นต้องกระทำ ไม่ว่าจะอันตรายมากแค่ไหนก็ตาม…สำหรับใครบางคนไม่ว่าอย่างไรก็จะต้องช่วยเหลือไว้ให้จงได้…”
“ถึงจะอันตราย แต่ก็ยังคงต้องกระทำ ขุนเขาทะเลที่แปดอันกระจ้อยร่อยนี้ จะมาเทียบกับอันตรายในอาณาจักรสายลมได้อย่างไร?!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นด้วยความเย็นชา
“ข้าคือราชันในอนาคตแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเล และที่นี่ก็คืออาณาจักรของข้าเอง!” เมิ่งฮ่าวหายใจเข้าลึกๆ ไม่ยอมลังเลอีกต่อไป ก้าวเดินตรงไปข้างหน้า เพื่อจะไปสอบถามตำแหน่งที่ตั้งอันแน่นอนของประตูเคลื่อนย้ายทางไกลของเฮยหุนเต้า
จำนวนหินลมปราณที่เมิ่งฮ่าวต้องจ่ายออกไป ทำให้ใบหน้าต้องเคร่งเครียดขึ้น แต่ในที่สุดก็พบกับสิ่งที่เขากำลังค้นหาอยู่ ไม่นานต่อมา…เขาก็ไปอยู่ตรงประตูเคลื่อนย้ายทางไกลของเฮยหุนเต้า!
เฮยหุนเต้าไม่มีคุณสมบัติที่จะอยู่ในวงแหวนด้านใน แต่กลับตั้งอยู่บนดาวเคราะห์เทียม อย่างไรก็ตามชื่อเสียงของปรมาจารย์เฮยหุนก็เป็นที่นับถืออย่างสูงส่งในกลุ่มพันธมิตรเทพสวรรค์ ดังนั้นถึงแม้ว่าเฮยหุนเต้าจะไม่อยู่ในวงแหวนด้านในก็ตามที แต่ก็ยังคงตั้งอยู่ใกล้กันเป็นอย่างมาก
ยิ่งไปกว่านั้นมันยังได้ครอบครองดาวทั้งดวงเป็นของตนเองอีกด้วย ทำให้กลายเป็นราชันของดาวดวงนั้น!
กลุ่มคนในสำนักพวกมันมีไม่มากนัก เพียงแค่สามแสนผู้ฝึกตนเท่านั้น แต่ทั้งหมดต่างก็จงรักภักดีต่อสำนักเป็นอย่างยิ่ง และฝึกฝนเวทแห่งเต๋าที่เกี่ยวข้องกับวิญญาณ พวกมันขับไล่ภูติผีและกลืนกินวิญญาณ วิชาของพวกมันโดดเด่นไม่เหมือนใคร กล่าวโดยทั่วไปแล้วพวกมันอำมหิตและโหดเหี้ยมเป็นอย่างมาก
ในตอนนี้ศิษย์บางคนของเฮยหุนเต้ากำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ใกล้กับประตูเคลื่อนย้ายทางไกลบนดาวเคราะห์ดวงนั้น จู่ๆ ประตูก็แวบประกายขึ้น และศิษย์เหล่านั้นก็มองไปด้วยสายตาที่เย็นชา ขณะที่เริ่มมองเห็นเป็นเงาร่างชุดขาวร่างหนึ่ง
ซึ่งไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเป็นเมิ่งฮ่าว
ขณะที่ศิษย์เหล่านั้นมองมาด้วยสายตาที่สาดประกาย หนึ่งในพวกมันก็ร้องตวาดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “นั่นเป็นใคร? บอกจุดประสงค์การมาด้วย!”
เมิ่งฮ่าวทำท่าราวกับว่าเขาไม่ได้ยิน ยืนอยู่ในประตูเคลื่อนย้ายทางไกลมองไปรอบๆ ในที่สุดก็มองไปยังหน้าผาสีดำสนิทที่อยู่ห่างไกลออกไป บนหน้าผานั้นถูกเขียนไว้ด้วยตัวอักษรสามตัว
เฮยหุนเต้า! (เต๋าวิญญาณมืด)
มันเหมือนกับภาพที่เขามองเห็นผ่านเวทผนึกกรรม ยิ่งไปกว่านั้น…เขายังมองเห็นกระถางธูปขนาดใหญ่อยู่บนหน้าผานั้นอีกด้วย!
ถึงแม้ว่าในตอนนี้จะไม่มีกลุ่มควันลอยออกมา หรือกำลังถูกดูดเข้าไป แต่เมิ่งฮ่าวก็ไม่เคยลืมว่ามันมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร
“ที่นี่คือ…” เมิ่งฮ่าวกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบาแต่เย็นชา
“เจ้าไม่มีลิ้นหรืออย่างไร? หรือว่ามีใครตัดมันออกไปแล้ว เมื่อเจ้าไม่ตอบ ข้าก็จะลากวิญญาณเจ้าออกมา!” เนื่องจากพวกมันฝึกฝนวิชาที่โหดเหี้ยม ทำให้ศิษย์ส่วนใหญ่ของสำนักอื่นๆ ต่างก็ปฏิบัติต่อพวกมันด้วยความสุภาพ เมื่อเห็นว่าเมิ่งฮ่าวไม่ให้ความสนใจ พวกมันจึงแค่นเสียงเย็นชาและโจมตีมาในทันที
ฉับพลันนั้นเสียงแผดร้องด้วยโทสะก็ได้ยินมา ขณะที่วิญญาณปีศาจเริ่มลอยตรงมายังเมิ่งฮ่าว ราวกับว่าต้องการจะกลืนกินเขาลงไป
เมิ่งฮ่าวละสายตามาจากหน้าผาสีดำ กล่าวว่า “ข้ามีนามว่าเมิ่งฮ่าว…”
จากนั้นก็โบกสะบัดมือออกไป ทำให้เกิดเป็นสายลมอันคลุ้มคลั่งพุ่งตรงไปยังผู้ฝึกตนเฮยหุนเต้า
ต่อมาเมิ่งฮ่าวก็เปล่งคำพูดที่แผ่วเบา ซึ่งมีแต่เขาเท่านั้นที่จะได้ยิน “ข้ามาที่นี่เพื่อนำวิญญาณของสหายรักกลับไป และ…กวาดล้างสำนักนี้!”
ในตอนนั้นเองที่วิญญาณเหล่านั้นกระแทกเข้าไปในสายลมอันคลุ้มคลั่ง และจากนั้นก็แผดร้องเป็นเสียงแหลมเล็กออกมา ขณะที่พวกมันถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้นๆ ถูกทำลายไปโดยสิ้นเชิง ผู้ฝึกตนที่อยู่ด้านหลังพวกมันไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะประหลาดใจ สายลมนั้นม้วนกวาดพวกมันไป ทำให้ร่างกายสั่นสะท้านอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่เลือดเนื้อจะถูกฉีกกระชากออกไปจากกระดูก จากนั้นก็กลายเป็นเถ้าธุลีไป แตกต่างไปจากวิญญาณที่พวกมันเรียกมา พวกมันไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะแผดร้องออกมา!
นอกจากหนึ่งคนที่เหลือแล้ว พวกมันทั้งหมด…ถูกสังหารไปทั้งร่างกายและวิญญาณอย่างฉับพลัน!
แต่หนึ่งคนที่รอดชีวิตนั้น ถูกพลังมหาศาลโอบล้อมไปรอบๆ ตัว และถูกลากให้ตรงไปยังเมิ่งฮ่าวซึ่งมีสีหน้าที่ดูน่ากลัว ใช้มือจับไปบนศีรษะของมัน และปลดปล่อยเวทควาญวิญญาณออกมา
ผู้ฝึกตนนั้นสั่นสะท้านและเริ่มมีฟองสีขาวออกมาจากปาก ฟองสีขาวนั้นกลายเป็นสีแดงไปอย่างรวดเร็ว ภายในช่วงเวลาแค่ไม่กี่อึดใจ มันก็ตกตายไป เมิ่งฮ่าวปล่อยมือและบุรุษผู้นั้นก็กลายเป็นเถ้าธุลีไป
“มีประตูเคลื่อนย้ายทางไกลทั้งหมดห้าแห่ง…?” เมิ่งฮ่าวยกเท้าขวาขึ้นไปในอากาศ และจากนั้นก็กระทืบลงไป ทันใดนั้นประตูเคลื่อนย้ายทางไกลที่เขายืนอยู่ก็แตกกระจายกลายเป็นเสี่ยงๆ เช่นเดียวกับประตูเคลื่อนย้ายทางไกลอีกสี่แห่ง ซึ่งตั้งอยู่บนดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ
“เมื่อผนึกประตูเสร็จสิ้น ก็เริ่มสังหารได้แล้ว!” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นมาด้วยเสียงแผ่วเบา ขณะที่มองขึ้นไป เขามองเห็นเงาร่างที่มีโทสะนับไม่ถ้วนกำลังบินตรงมายังทิศทางที่เขายืนอยู่ เวลาเดียวกันนั้นกระแสแห่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากก็พุ่งตรงมาที่เขา สีหน้าเมิ่งฮ่าวสงบนิ่งขณะที่เริ่มเดินตรงไป