ตอนที่ 1237
ตรวจพบ
ในทันทีที่เมิ่งฮ่าวกล่าวจบ สีหน้าหานชิงเหลยก็เปลี่ยนไป จ้องนิ่งมายังเมิ่งฮ่าว แต่เมื่อมันคิดไปถึงสิ่งทั้งหมดที่เมิ่งฮ่าวกระทำมา ในตอนที่ต่อสู้กับพันธมิตรเทพสวรรค์ ก็อดที่จะชื่นชมเขาไม่ได้ ใบหน้ามันยังคงเมินเฉย และแค่นเสียงเย็นชาออกมา แต่ในเวลาเดียวกันนั้นก็โบกสะบัดมือออกไป ทำให้กำไลหยกลอยออกมา และเมิ่งฮ่าวก็คว้าจับไว้
“ใส่นั่นไว้ ร่างเจ้าไม่เพียงแต่จะกลายเป็นภาพลวงตาเท่านั้น แต่กลิ่นอายก็จะถูกปกปิดไว้ด้วยเช่นกัน และข้าจะพาเจ้าออกไปจากพันธมิตรเทพสวรรค์”
เมิ่งฮ่าวมองไปยังกำไลอย่างครุ่นคิดชั่วขณะ จากนั้นก็กล่าวว่า “ในฐานะที่เป็นผู้ฝึกตนแห่งขุนเขาทะเลที่แปด เจ้าต้องคุ้นเคยกับวิธีการค้นหาของพันธมิตรเทพสวรรค์อย่างแน่นอน แต่ข้าเชื่อว่าต้องมีผนึกบางอย่างบนร่างข้า หรือบางสิ่งที่เป็นเช่นนั้น ทำให้พวกมันสามารถจะไล่ตามร่องรอยข้าได้ ไม่ว่าข้าจะทำอย่างไรก็ตามที” เมิ่งฮ่าวมองไปยังหานชิงเหลย ขณะที่เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องออกมาจากภายในกลุ่มหมอกรอบๆ ตัวคนทั้งสอง
“ผนึก?” หานชิงเหลยพึมพำ ตบไปที่ถุงสมบัติ หยิบเอาแผ่นหยกออกมาศึกษาอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็มองกลับไปยังเมิ่งฮ่าว
“ผู้เฒ่าสูงสุดแห่งเทียนเสินเต้าเชี่ยวชาญในด้านเวทโลหิต โลหิตภายในร่างเจ้าไหลซึมเข้าไปในอวัยวะภายในและกลิ่นอายของเจ้า ที่มันต้องการก็คือโลหิตเพียงหยดเดียวของเจ้าก็สามารถจะตรวจพบตำแหน่งที่อยู่ของเจ้าได้แล้ว ถ้าเจ้าคิดว่ามีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น ก็คงเป็นผลงานของผู้เฒ่าสูงสุดนั้น มันกำลังใช้เวทตามรอยโลหิต!”
“ทำให้เรื่องราวยุ่งยากขึ้นมาบ้าง…” หานชิงเหลยขมวดคิ้ว
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ เมิ่งฮ่าวก็หัวเราะขึ้นมาและกล่าวว่า “วิชาเวทใดๆ ก็ตามสามารถจะถูกทำลายไปได้ ตราบเท่าที่เข้าใจถึงวิธีการทำงานของมัน”
จากนั้นเมิ่งฮ่าวก็ยกมือขวาขึ้นมาตบลงไปบนหน้าอกของตัวเอง ทำให้แก่นแท้แห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ม้วนกวาดไปทั่วร่าง ทำการเผาไหม้โลหิตของตนเองไป!
การเผาไหม้เช่นนี้ทำให้เกิดเป็นความเจ็บปวดอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้ ขณะที่หยดโลหิตของเขาไหม้เกรียมไป หลังจากที่โลหิตหายไปจนหมดสิ้น เขาก็เหมือนกับเป็นมนุษย์ธรรมดาทั่วไป ที่แขวนอยู่บนปากเหวแห่งความตาย แม้แต่ผู้ฝึกตนก็ยังไม่อาจจะอยู่ในขั้นตอนนี้ได้นานมากนัก
ใบหน้าเมิ่งฮ่าวซีดขาว การเผาไหม้โลหิตของตนเองไป ทำให้ร่างกายแก่ชราลงไปอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่โลหิตเหือดแห้งหายไปจนไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว
แต่จากนั้นเมิ่งฮ่าวก็โคจรหมุนวนพื้นฐานฝึกตน ส่งพลังการฝึกตนเข้าไปในร่าง รวมเข้ากับพลังของกายเนื้อ ทำการสร้างโลหิตขึ้นมาใหม่ ถึงแม้ว่าขั้นตอนนี้จะเกิดขึ้นค่อนข้างรวดเร็ว แต่ก็ยังคงทำให้เกิดเป็นความเจ็บปวดอย่างน่าเหลือเชื่อ รวมทั้งอันตรายอันน่าตกใจด้วยเช่นกัน
แม้แต่หานชิงเหลยก็ยังรู้สึกตกตะลึงต่อการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวของเมิ่งฮ่าว มันมองไปขณะที่สีสันเริ่มกลับคืนมาบนใบหน้าเมิ่งฮ่าวอย่างช้าๆ และกลิ่นอายพลังชีวิตของเขาก็ค่อยๆ ฟื้นฟูกลับคืนมา สุดท้ายหานชิงเหลยก็ต้องสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และเตือนตนเองว่าน่าจะดีที่สุดที่จะไม่ไปตอแยเมิ่งฮ่าว
เมิ่งฮ่าวทำตัวเองให้บริสุทธิ์ด้วยการกำจัดโลหิตเก่าทั้งหมดไป และแทนที่ด้วยโลหิตใหม่ เขาไม่มั่นใจว่าจะเป็นอิสระจากวิชาเวทของผู้เฒ่าสูงสุดหรือไม่ แต่ก็เป็นวิธีนี้เท่านั้นที่สามารถจะคิดออกมาได้ในตอนนี้
“พี่หาน ข้ายังคงต้องการความช่วยเหลือจากท่าน” เขากล่าวโบกสะบัดมือออกไป ทำให้หยดโลหิตที่ถูกเผาไหม้ไปมารวมตัวกันอยู่บนฝ่ามือ
“ข้าเข้าใจ” หานชิงเหลยกล่าว พยักหน้าให้ โบกสะบัดมือออกไป ทำให้เงาร่างสิบกว่าสายเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาอยู่รอบๆ ตัว แต่ละคนนำหยดโลหิตไปหนึ่งหยด หายลับตาไปยังที่ห่างไกลอย่างรวดเร็ว
ในที่สุดเมิ่งฮ่าวก็สวมใส่กำไลหยก ร่างเริ่มเลือนรางลงไปอย่างช้าๆ ขณะที่ลอยตัวอยู่กับหานชิงเหลย ดูคล้ายกับเป็นหนึ่งในผู้ติดตามของมัน
หานชิงเหลยกระแอมไอออกมา และมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยหางตา รู้สึกค่อนข้างพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็รู้ว่าคงไม่เหมาะสมนักที่จะกล่าวอะไรออกมา ดังนั้นมันจึงก้าวเดินตรงไปเท่านั้น เมื่อบัลลังก์กระดูกปรากฏขึ้น มันก็นั่งลงไปและจากนั้นก็พุ่งเข้าไปในกลุ่มหมอก
เวลาเดียวกันนั้น เมิ่งฮ่าวและผู้ติดตามภาพลวงตาคนอื่นๆ อีกสิบกว่าคนก็ติดตามไปด้วย
ขณะที่หานชิงเหลยและเมิ่งฮ่าวบินจากไป เงาอันเลือนลางที่อยู่ในกลุ่มหมอกก็มองไปด้วยดวงตาที่แดงเข้ม
“ข้ารู้สึกชอบร่างกายของเจ้าแล้ว คิดว่าจะจากไปได้จริงๆ?!” ดวงตาของเงาร่างนั้นแวบขึ้นด้วยแสงสีแดง ขณะที่เริ่มพึมพำเป็นคำสาปแช่งบางอย่างออกมา ทำให้เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้นมาอยู่ในกลุ่มหมอก เป็นเสียงกระหึ่มที่คล้ายกับสายฟ้า ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างในบริเวณนั้นสั่นสะเทือนไปทั่ว
“หิว…หิว…” เสียงนี้ดังก้องออกไป เต็มไปด้วยความไม่ยินยอมพร้อมใจและโทสะ แต่…เสียงนี้ก็ค่อยๆ ห่างออกไปไกลมากขึ้นเรื่อยๆ และกลุ่มหมอกก็กระจายหายไปพร้อมกับการจากไปของมัน ราวกับว่าสิ่งมีชีวิตอันน่ากลัวนี้คือต้นกำเนิดของกลุ่มหมอก…
อันที่จริงภายในช่วงเวลาไม่กี่อึดใจ กลุ่มหมอกก็หายไปโดยสิ้นเชิง ทันใดนั้นผู้ฝึกตนนับร้อยที่อยู่ในรอยแตกนั้น ต่างก็มองเห็นซึ่งกันและกันได้อย่างชัดเจน
ชายชราที่มาจากเทียนเสินเต้าพร้อมกับพื้นฐานฝึกตนที่น่าประหลาดใจ คือคนที่แข็งแกร่งมากที่สุดในตอนนี้ มันกำลังหอบหายใจหันหน้ามองไปยังที่ห่างไกล มันเพิ่งจะต่อสู้กับสิ่งที่มีชีวิตขนาดใหญ่อันน่ากลัวมา และการต่อสู้อันดุร้ายนี้ก็อันตรายอย่างถึงที่สุด
คนทั้งหมดระมัดระวังตัวอยู่ชั่วขณะ และมองไปรอบๆ เพื่อประเมินสถานการณ์ ในที่สุดคนทั้งหมดก็มองเห็นหานชิงเหลยกำลังเดินทางจากไป เมิ่งฮ่าวอยู่ที่ด้านขวามือของมัน และเมื่อกลุ่มหมอกจู่ๆ ก็หายไป ทำให้จิตใจเขาต้องห่อเหี่ยวลงไป และต้องก่นด่าตัวเองต่อเหตุการณ์ที่กลับกลายเป็นเช่นนี้อย่างกระทันหัน เขามองไปยังปากทางออก ซึ่งอยู่ห่างไม่ไกลมากนัก และเริ่มคิดว่าจะพุ่งตรงไปเอง แต่ก็ไม่อาจจะทำเช่นนั้นได้
ถ้าเขาเคลื่อนที่ไป ก็จะเปิดเผยให้ผู้อื่นรู้ว่าหานชิงเหลยกำลังช่วยเหลือเขาอยู่ นอกจากนี้ต่อให้เขาออกไปได้ ก็คงไม่มีศักดิ์ฐานะอันเหมาะสมในขุนเขาทะเลที่แปด จนสามารถจะหลบหนีจากความเกรี้ยวกราดของพันธมิตรเทพสวรรค์ได้
เสวียนเต้าจื่อก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของมันพุ่งกระจายออกไป แต่ก็ไม่อาจจะค้นหาตำแหน่งของเมิ่งฮ่าวได้ ดวงตามันหดเล็กลง และแค่นเสียงเย็นชาขณะที่มองไปยังหานชิงเหลย
สีหน้าหานชิงเหลยยังคงสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย และเคลื่อนที่ไปด้วยความรวดเร็วเท่าเดิม ขณะที่พุ่งฝ่าอากาศตรงไปยังปากทางออก ดวงตาเสวียนเต้าจื่อสาดประกายขึ้น และทันใดนั้นร่างมันก็แวบขึ้น จากนั้นก็ไปปรากฏกายอยู่ตรงเบื้องหน้าเส้นทางของหานชิงเหลย
เสวียนเต้าจื่อมองไปยังหานชิงเหลย และกล่าวขึ้นมาในทันที “สหายเต๋าหาน ทำไมต้องเร่งรีบจากไปเช่นนี้!?”
สีหน้าหานชิงเหลยไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย
ขณะที่มองกลับไปยังเสวียนเต้าจื่อด้วยความเย็นชา ทันใดนั้นรอยยิ้มอันดุร้ายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
“เสวียนเต้าจื่อ พื้นฐานฝึกตนของท่านอาจจะสูงส่งกว่าของข้า และข้าก็ไม่อาจจะต่อสู้กับท่านได้ ท่านสามารถจะสังหารข้าไปได้อย่างง่ายดาย แต่…ท่านกล้าจะลองดูหรือไม่?! ท่านกล้าที่จะทำร้ายแม้แต่ปลายเส้นผมของข้า?”
หานชิงเหลยลุกขึ้นมายืนและแผดร้องออกไป ทำให้พลังของมันพุ่งสูงขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้มันมีความแข็งแกร่งมากกว่าตอนที่อยู่ในอาณาจักรสายลม และเห็นได้ชัดว่าแทบจะสามารถคุกคามใครบางคนที่อยู่ในอาณาจักรเสมือนเต๋าได้แล้ว
หลังจากที่ทำการทะลวงผ่าน มันก็สามารถจะลงมือกับผู้แข็งแกร่งเสมือนเต๋าได้ทุกการต่อสู้!
“ข้าจำเป็นต้องขออนุญาตท่านเพื่อเดินทางไปในขุนเขาทะเลที่แปด?” หลังจากที่โบกสะบัดชายแขนเสื้อ มันก็กลับลงไปนั่งบนบัลลังก์โครงกระดูกอันน่ากลัวต่อไป
สีหน้าเสวียนเต้าจื่อหมองคล้ำลง หานชิงเหลยมีศักดิ์ฐานะพิเศษอยู่ในขุนเขาทะเลที่แปด และเสวียนเต้าจื่อก็ไม่ต้องการจะไปมีเรื่องกับมัน แต่เมิ่งฮ่าวก็มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง จนทำให้เสวียนเต้าจื่อไม่อาจจะสูญเสียเขาไปได้ หลังจากที่ลังเลอยู่ชั่วขณะ มันก็มองไปยังผู้อาวุโสจากเทียนเสินเต้า ซึ่งยืนอยู่บนพื้นไม่ไกลออกไปมากนัก ประสานมือและโค้งตัวลง
“อาจารย์โจวโปรดช่วยข้าสักเล็กน้อย!” การโค้งตัวลงต่ำของเสวียนเต้าจื่อ และสีหน้าของมันก็ทำให้ดูเหมือนว่าจะจริงใจเป็นอย่างยิ่ง “ข้ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับปรมาจารย์เฮยหุน รวมทั้งหงเฉิน พวกเราทั้งสามรวมพลังกันเพื่อตามล่าเมิ่งฮ่าว และตอนนี้คนทั้งสองก็ประสบภัยไปแล้ว เหลือเพียงแต่ข้าเท่านั้น
ข้าขอสาบานว่าจะค้นหาเมิ่งฮ่าว และสังหารมันไปเพื่อแก้แค้นให้กับเฮยหุนและหงเฉินให้จงได้!” เสวียนเต้าจื่อพูดขึ้นมาด้วยความสัตย์ซื่อจริงใจ และเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่ง
บนพื้นด้านล่าง ชายชราจากเทียนเสินเต้าพึมพำกับตัวเองอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็พยักหน้า มันยกมือขวาขึ้นและทำท่าร่ายเวท จากนั้นก็ลืมตาขึ้น เผยให้เห็นถึงแสงสีโลหิตที่กำลังสาดประกายออกมา
เมิ่งฮ่าวยังคงอยู่ที่ด้านข้างของหานชิงเหลย ด้วยสีหน้าปกติ แต่จิตใจกลับเต็มไปด้วยความระมัดระวังตัว ขณะที่มองไปยังชายชราจากเทียนเสินเต้า
ในที่สุดชายชราก็ลดมือลงไปและกล่าวว่า “น่าสนใจนัก มันต้องสังเกตพบเวทตามรอยของข้า จากนั้นก็กระจายหลบหนีจากไป มันต้องอยู่ที่ด้านนอกแล้วในตอนนี้”
ทันทีที่ชายชรากล่าวจบ เมิ่งฮ่าวก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมา หานชิงเหลยแค่นเสียงเย็นชา จากนั้นก็ก้าวเดินตรงไป จริงๆ แล้วเมื่อครู่นี้มันรู้สึกวิตกเป็นอย่างยิ่งด้วยเช่นกัน ไม่รู้ว่ากลุ่มหมอกจะกระจัดกระจายหายไป จนเผยให้เห็นว่ามันกำลังจะจากไป
เสวียนเต้าจื่อแอบถอนหายใจ และก้าวไปด้านข้าง เปิดทางให้กับหานชิงเหลย
ตรงไปยังทางออก
“เมิ่งฮ่าวช่างกลอกกลิ้งเจ้าเล่ห์นัก ถ้ามันหลบหนีไปได้ คงเป็นเรื่องยากที่จะพบเห็นมันอีก…รวมทั้งปล่อยให้มันมีเวลาในการฟื้นฟูพลังการฝึกตน ถ้าเกิดขึ้นเช่นนั้นคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ข้าจะจัดการมันได้ตามลำพัง แต่ข้าก็ไม่อาจจะเปิดเผยเรื่องนี้ให้ใครรู้ได้!” เสวียนเต้าจื่อขมวดคิ้ว และสายตาของมันก็ตกกระทบไปที่ด้านหลังของหานชิงเหลยอีกครั้ง จากนั้นมันก็มองไปยังภาพอันเลือนลางของผู้ติดตามหานชิงเหลย
ตอนแรกมันไม่ได้ให้ความสนใจต่อผู้ติดตามเหล่านั้นแม้แต่น้อย นอกจากนี้อาจารย์โจวแห่งเทียนเสินเต้าก็ยังพูดออกมาด้วยความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งมั่นใจได้ว่าต้องเป็นความจริงอย่างแน่นอน
แต่ในทันทีที่มันมองไปยังหนึ่งในผู้ติดตามท่ามกลางกลุ่มคนที่อยู่รอบๆ หานชิงเหลย ทันใดนั้นแก่นแท้ของเสวียนเต้าจื่อก็สั่นสะท้านขึ้นมาอย่างฉับพลัน ถึงแม้ว่าจะบางเบาเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ทำให้ดวงตาของเสวียนเต้าจื่อต้องเบิกกว้างขึ้น และจิตใจก็เริ่มเต้นรัวขึ้นมา
มันไม่มีเวลาพอที่จะพิจารณาถึงเรื่องนี้อย่างรอบคอบ ดังนั้นจึงก้าวเดินตรงไปและร้องตะโกนขึ้นว่า “เจ้าไม่อาจจะไปยังที่แห่งใด! กลับมานี่!”
ด้วยเช่นนั้นมันจึงยื่นมือออกไป ทำให้หัตถ์ยักษ์เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาทำท่าคว้าจับตรงไป ไม่ใช่หานชิงเหลยแต่เป็น…เมิ่งฮ่าว!
เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว ไม่ใช่ผู้อาวุโสแห่งเทียนเสินเต้าที่ค้นพบเขา
แต่เป็นเสวียนเต้าจื่อ เมิ่งฮ่าวเฝ้าบอกตัวเองเช่นนี้ และจู่ๆ ก็รู้สึกสงสัยขึ้นมาว่า ทำไมเสวียนเต้าจื่อถึงพยายามไล่ตามมาอย่างไม่ลดละ แม้ว่าปรมาจารย์เฮยหุนจะตกตายไปแล้วก็ตาม ซึ่งมันจะไม่ได้รับรางวัลเป็นของตอบแทนใดๆ
“นั่นคือจุดสำคัญของเรื่องนี้” เมิ่งฮ่าวคิดพร้อมกับถอนหายใจ ความคิดพุ่งขึ้นมามากมาย เปิดเผยตัวเองออกมาในทันที พร้อมกับเสียงหัวเราะอย่างเย็นชา แทบจะในทันทีที่เขาปรากฏตัวขึ้น สีหน้าหานชิงเหลยก็สลดลง และร่างมันก็หมุนคว้างออกไป
“เมิ่งฮ่าว เจ้านั่นเอง! บัดซบ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเจ้าแสร้งทำเป็นผู้ติดตามของข้า!” หานชิงเหลยแผดร้องก้าวเดินมาฟาดฝ่ามือตรงไปยังเมิ่งฮ่าว
พลังอันน่าเหลือเชื่อพุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว กระแทกไปที่เขาก่อนที่เสวียนเต้าจื่อจะโจมตีมา เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น และโลหิตก็พ่นกระจายออกมาจากปาก
เมิ่งฮ่าว แต่เขาก็ยืมพลังนั้นพุ่งห่างออกไปไกล
“หานชิงเหลย ข้า, เมิ่งฮ่าวและเจ้า จะต้องตายกันไปข้าง!”
เมิ่งฮ่าวแผดร้องขึ้น และรีบพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็วมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
“หานชิงเหลย!!” เสวียนเต้าจื่อกล่าวขึ้นจ้องมองไปยังหานชิงเหลย การแสดงออกระหว่างเมิ่งฮ่าวและหานชิงเหลยมองเห็นได้อย่างชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง แต่ดูเหมือนว่าหานชิงเหลยไม่สนใจว่าเสวียนเต้าจื่อจะรับรู้หรือไม่
ขณะที่เสวียนเต้าจื่อเริ่มไล่ตามเมิ่งฮ่าวไป มันก็ร้องตะโกนขึ้น “สหายเต๋าทั้งหลาย โปรดช่วยข้าจับกุมคนผู้นั้น คำสัญญาของเสวียนเต้าจื่อจะมีผลตลอดไป!”
ผู้ฝึกตนแห่งพันธมิตรเทพสวรรค์ที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นมองมาด้วยดวงตาที่สาดประกายขึ้น พวกมันหลายคนเริ่มบินตรงไปขัดขวางเส้นทางเมิ่งฮ่าวไว้ในทันที สองในกลุ่มคนเหล่านั้นอยู่ในอาณาจักรเต๋า แต่พวกมันไม่ใช่ราชันเต๋า เป็นแค่ผู้ฝึกตนสองแก่นแท้เท่านั้น!
การปรากฏกายขึ้นอย่างกะทันหันของเมิ่งฮ่าว ทำให้ชายชราแห่งเทียนเสินเต้าต้องจ้องมองไปด้วยความตกตะลึง จากนั้นแสงแปลกๆ ก็สาดประกายขึ้นในดวงตาของมัน และมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความละเอียดมากขึ้น ในที่สุดมันก็เข้าใจ
“มันช่างเป็นคนที่ตัดสินใจได้เด็ดขาดและโหดเหี้ยมเป็นอย่างยิ่ง” ชายชราพึมพำ
กลุ่มคนจำนวนมากเข้ามาใกล้พยายามจะขัดขวางเมิ่งฮ่าว สองผู้ฝึกตนอาณาจักรเต๋าสองแก่นแท้ไม่ใช่สิ่งที่จะหลบเลี่ยงได้อย่างง่ายดาย เมื่อรวมกับเสวียนเต้าจื่อที่ใกล้เข้ามาพร้อมกับความต้องการสังหารอย่างเข้มข้น ถ้าเมิ่งฮ่าวหยุดชะงักไปแม้แต่น้อย เขาก็จะตกอยู่ในกับดักนี้อย่างแน่นอน
เมื่อเมิ่งฮ่าวมองไปรอบๆ ก็ตระหนักว่าตนเองตกอยู่ในสถานการณ์อันเลวร้ายอย่างแท้จริง ราวกับเป็นวิหคที่ตกอยู่ในร่างแหพร้อมกับปีกที่ถูกตัดออกไป
ในตอนนี้เองที่…เหตุการณ์แปลกๆ จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นอยู่ในโลกแห่งหลุมฝังศพนี้