Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1302

ตอนที่ 1302

ช่วงเวลาวิกฤต…

ถึงแม้ว่าเมิ่งฮ่าวจะแข็งแกร่ง แต่ก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนไปอย่างสูงลิ่ว สุดท้ายแล้วก็ยังได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสอีกด้วย สติสัมปชัญญะกำลังเลือนหายไป และโลหิตก็ไหลซึมออกมาทั่วร่าง เมื่อเขากำลังจะกลืนกินเวทขุนเขาทะเลของไป๋จู่เข้าไป จิตใจก็หมุนคว้าง และหันหน้ามองไปยังไป๋จู่

ในตอนนั้นเองไป๋จู่ที่กำลังจะพังทลายลงไป มีชีวิตที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายแห่งความตาย แต่จู่ๆ กลิ่นอายที่ไม่ใช่อาณาจักรขุนเขาทะเล ก็กระจายออกมาจากร่างมัน ในช่วงเวลาสั้นๆ ก็ทำให้ร่างของไป๋จู่พุ่งตรงไปยังรอยแตกที่เชื่อมต่อระหว่างขุนเขาทะเลที่เจ็ดและแปด ในชั่วพริบตามันก็แทบจะผ่านเข้าไปในรอยแตกนั้นได้แล้ว

เมิ่งฮ่าวที่กำลังจะสลบไป รีบบังคับให้ตนเองมีสติแจ่มใสขึ้นมา ก้าวเดินตรงไปยังไป๋จู่โดยไม่ลังเลใดๆ เขาจะไม่ยอมปล่อยให้มันหลบหนีจากไปได้อย่างแน่นอน!

นี่เป็นการต่อสู้อย่างยากลำบาก และเมิ่งฮ่าวก็ตระหนักเป็นอย่างดีว่า ตนเองได้ชัยชนะมาอย่างโชคช่วย ถ้าคนทั้งสองต้องมาต่อสู้กันอีกครั้ง ก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถเอาชนะมันได้อีกหรือไม่

ขณะที่ไป๋จู่เข้าไปใกล้รอยแตก รังสีสังหารก็เดือดพล่านอยู่ในดวงตาเมิ่งฮ่าว จากนั้นก็ยกมือขวาขึ้นมา ทำท่าคว้าจับตรงไปยังไป๋จู่

นี่คือเวทปลิดดาว!

เขากำลังใช้พลังเสี้ยวสุดท้ายที่ยังคงเหลืออยู่ปลดปล่อยเวทนี้ออกมา เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น ขณะที่ไป๋จู่เริ่มสั่นสะท้านไปทั้งร่างในทันที ร่างมันเข้าไปในรอยแตกได้ครึ่งตัวแล้ว ขณะที่เมิ่งฮ่าวคว้าจับไปและเริ่มลากมันออกมา

ในตอนนี้เองที่ไป๋จู่ซึ่งเต็มไปด้วยโลหิตก็ลืมตาขึ้นมาอย่างฉับพลัน ภายในแววตาคู่นั้นมองไม่เห็นร่องรอยของความบ้าคลั่งหรือสิ้นหวังแม้แต่น้อย แต่กลับเป็นความเย็นเยียบราวน้ำแข็งจนถึงจุดที่…สาดประกายขึ้นด้วยความโหดเหี้ยมอย่างเห็นได้ชัดเจน

เห็นได้ชัดว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่มันเพิ่งกระทำมานั้นเป็นแค่การเสแสร้งเท่านั้น ความตั้งใจจริงของมันก็คือรอให้เมิ่งฮ่าวเข้ามาใกล้จนไม่อาจจะหลีกเลี่ยงการโจมตีได้

“ในที่สุด…เจ้าก็อ่อนหัดนัก” ไป๋จู่กล่าวขึ้นอย่างเงียบๆ ในตอนนี้ความรู้สึกที่มันแสดงออกมา ทั้งในแง่ของพลังและคำพูดช่างแตกต่างไปจากเมื่อครู่นี้โดยสิ้นเชิง มันไม่ได้ถูกยึดร่าง แต่เป็น…ร่างจริงของมันเอง!

ราชันแห่งขุนเขาทะเลที่เจ็ด!

แววตามันเย็นชาราวน้ำแข็ง ขณะที่ยกมือขวาขึ้นมาขยับร่ายเวท จากนั้นก็คว้าจับออกไปยังทิศทางของเมิ่งฮ่าว ทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวสั่นสะท้าน ด้วยพลังที่ปะทุออกมาอย่างน่าตกใจจนยากที่จะอธิบายได้

ถึงแม้ว่ามันจะมีท่าทางเยือกเย็น แต่โลหิตก็พ่นกระจายออกมาจากปาก และใบหน้าก็ซีดขาว บางทีมันกำลังปกปิดบุคลิกส่วนตัวที่แท้จริงอยู่ภายใต้หน้ากากของความบ้าคลั่ง แต่อาการบาดเจ็บในตอนนี้ของมัน…ก็เป็นเรื่องที่แท้จริง มันได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสจนแทบจะพังทลายลงไป และการโจมตีในตอนนี้ก็มาจากพลังส่วนสุดท้ายของมันแล้ว

มันมีพลังเพียงแค่การโจมตีครั้งสุดท้ายนี้เท่านั้น แต่วิธีการหลอกล่อเมิ่งฮ่าวและความตั้งใจสังหารของมัน ก็แสดงออกถึงความน่ากลัวอย่างลึกล้ำ และความเจ้าเล่ห์เป็นอย่างยิ่งของมัน!

มันแทบจะหมดสติลงไปได้ทุกเมื่อ และอาจจะหมดพลังไปแล้วโดยสิ้นเชิง แต่ก็ยังคงต้องการชัยชนะในครั้งสุดท้าย!

สีหน้าเมิ่งฮ่าวสลดลง และความขมขื่นก็ปะทุขึ้นมาในจิตใจ ขณะที่เวทปลิดดาวถูกทำลายไปโดยท่าโจมตีคว้าจับมาของไป๋จู่ โลหิตไหลซึมออกมาจากมุมปากเมิ่งฮ่าว และสายตาก็พร่าเลือนไป เขาไม่มีพลังที่จะโจมตีกลับไปอีกแล้ว และเมื่อการโจมตีนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แสงแห่งความไม่ยินยอมก็ปรากฏขึ้นในแววตาเมิ่งฮ่าว

อย่างไรก็ตามทันใดนั้นเอง เสียงบ่นแหลมเล็กก็ดังก้องออกมาจากภายในถุงสมบัติเมิ่งฮ่าว ในช่วงวิกฤตนี้ลำแสงหลากสีก็ลอยออกไปในทันที ซึ่งก็คือ…อู่เหยีย!

อู่เหยียมีท่าทางดีใจเป็นอย่างยิ่ง และยังได้พร่ำบ่นด้วยคำพูดที่สะกดข่มออกมาอีกด้วย

“เมื่อถึงช่วงวิกฤตทีไร อู่เหยียมักจะเป็นคนพลิกสถานการณ์อยู่เสมอ ฮา ฮา ฮา! อู่เหยียเป็นพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยได้! อู่เหยียเฝ้ารอคอยวันนี้มานานมากแล้ว” นกแก้วแผดร้องขึ้น กระพือปีกไปมา ทันใดนั้นผู้ฝึกตนอสูรจากทะเลที่เก้าก็ปรากฏขึ้น

มันช่างเป็นภาพอันยิ่งใหญ่นัก เมื่อพวกมันจัดเรียงตัวกันเป็นค่ายกล…และเตรียมตัวที่จะขับร้องเป็นบทเพลง

“มา มา มาร้องพร้อมกับอู่เหยีย!”

“พวกเราเป็นไห่เซียน, พวกเราเป็นไห่เซียน…”

เสียงแหลมเล็กของนกแก้วดังก้องออกไปในทั่วทุกทิศทาง ถ้าใครได้ฟังก็จะต้องตกตะลึงไปกับเพลงไห่เซียน (อาหารทะเล) ที่ดังกระหึ่มไปทั่วทั้งท้องฟ้าในตอนนี้

ขณะที่เพลงไห่เซียนดังก้องออกไป ระลอกคลื่นที่ไม่อาจจะอธิบายได้ก็ปรากฏขึ้น พุ่งตรงไปยังทิศทางการโจมตีมาของไป๋จู่ เมื่อพวกมันกระแทกเข้าหากัน การโจมตีของไป๋จู่ก็แตกกระจายไป กลายเป็นจุดแสงนับไม่ถ้วนค่อยๆ ดับลงไปอย่างช้าๆ ในตอนนี้เองที่เพลงไห่เซียนก็เริ่มบรรลุถึงจุดสูงสุด

“…เมื่อข้ายังเยาว์ ข้าเป็นเด็กเลว ข้าคือไห่เซียนตัวน้อย ลา ลา ลา ลา ไห่เซียนตัวน้อย โฮ โฮ โฮ โฮ ไห่เซียนตัวน้อย…เจ้าคนในชุดขาวนั่น มา มา มาร้องไปพร้อมกับอู่เหยีย!”

ทันใดนั้นนกแก้วก็กระพือปีกขึ้นลง ด้วยท่าทางกระตือรือร้นเป็นอย่างยิ่ง ไป๋จู่ที่อยู่ภายในรอยแตกสองตาเบิกค้าง จ้องมองไปด้วยความตกตะลึงอย่างถึงที่สุด จิตใจเริ่มงุนงงไปโดยสิ้นเชิง

ในฐานะที่เป็นราชันแห่งขุนเขาทะเลที่เจ็ด ทำให้มันได้รับความเคารพอย่างสูงสุด และคิดว่าในชีวิตนี้ไม่มีอะไรที่ตนเองไม่เคยเห็น…แต่มันก็ไม่เคยเห็นนกแก้วเช่นนี้มาก่อน ทำให้อารมณ์ความรู้สึกของมันพลิกกลับตาลปัตรไปโดยสิ้นเชิง จากนั้นมันก็ได้ยินเสียงร้องอันน่ากลัวเหล่านั้น จนยากที่จะอธิบายออกมาได้

ที่น่าประหลาดใจมากไปกว่านั้นก็คือ หลังจากที่นกแก้วพูดจบ และขณะที่เสียงเพลงดังก้องออกมา ไป๋จู่ก็ไม่อาจจะบังคับตนเองไม่ให้เข้าร่วมการขับขานบทเพลงนั้นได้ ทำให้มันเกิดความรู้สึกราวกับว่าศีรษะแทบจะระเบิดออกไป

ก่อนที่มันจะทันได้ทำอะไรต่อไป ระลอกคลื่นที่เกิดขึ้นมาจากเสียงเพลงก็ดังกระหึ่มเข้าไปในรอยแตก ปกคลุมไปทั่วร่างไป๋จู่ ทำให้ต้องสั่นสะท้านขึ้นมาในทันที และจากนั้นก็เริ่มอ้าปากขึ้นและร้องตาม

“พวกเราคือไห่เซียนตัวน้อยๆ…อ๊ากกกกกกก!!”

ไป๋จู่ร้องตามไปได้แค่ท่อนเดียวก็เริ่มแผดร้องเป็นเสียงโหยหวนออกมา ดวงตาเบิกกว้างขึ้นด้วยความหวาดกลัว ขณะที่ตระหนักว่าบาดแผลในร่างมันสาหัสมากขึ้นเป็นอย่างยิ่ง และกำลังจะเริ่มหมดสติไปในไม่ช้า ในตอนนี้มันรู้แล้วว่าคงไม่อาจจะสังหารเมิ่งฮ่าวได้อีกต่อไป ดังนั้นจึงกัดฟันแน่น ทำให้กลิ่นอายเหมือนเมื่อครู่นี้ปะทุออกไป เป็นพลังที่ไม่ใช่มาจากอาณาจักรขุนเขาทะเล ห่อหุ้มตัวมันไว้และจากนั้นก็ลากมันเข้าไปในรอยแตก

ขณะที่มันหายตัวไป ก็ร้องตะโกนออกมาอีกครั้งด้วยโทสะ “ข้าจะกลับมาใหม่!”

“โยว! ทำไมต้องไปด้วย? ท่านย่ามันเถอะ! ไม่ยอมไว้หน้าอู่เหยียบ้างเลย?”

อันที่จริงจิตใจนกแก้วกำลังเต้นรัวด้วยความหวาดกลัว เมื่อไป๋จู่กำลังจากไป มันก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมา

หลังจากที่มันส่งเสียงแผดร้องด้วยโทสะขึ้นมา ก็เก็บไห่เซียนไว้จากนั้นก็ตบไปที่หน้าอกของตัวเอง และมองกลับไปยังเมิ่งฮ่าว

พลังเมิ่งฮ่าวเริ่มฟื้นฟูกลับคืนมาแล้ว แต่ก็ยังคงอ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง มองไปยังนกแก้ว หัวเราะหึๆ ออกมา จากนั้นก็มองกลับไปยังรอยแตก ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความน่ากลัว

นี่เป็นการต่อสู้ที่ยุ่งยากลำบาก และยากเย็นกว่าที่เมิ่งฮ่าวคาดคิดไว้มากนัก

ถึงแม้จะดูเหมือนว่าตนเองและราชันแห่งขุนเขาทะเลที่เจ็ดจะมีฝีมือที่สูสีกัน แต่เมิ่งฮ่าวก็รู้ดีว่าตนเองอ่อนแอกว่าเล็กน้อย

“ข้าไม่อาจจะสังหารมันได้…” เมิ่งฮ่าวคิดพร้อมกับถอนหายใจ เขาได้ทุ่มเทออกมาอย่างสุดกำลังแล้ว และในตอนนี้สีหน้าก็เต็มไปด้วยความตระหนักแก่ใจ แต่ดวงตาก็ยังคงสาดประกายขึ้นด้วยรังสีสังหารอันเย็นชาอย่างต่อเนื่อง

เขารู้ว่าไป๋จู่ก็ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสเช่นเดียวกัน และต้องใช้เวลาในการฟื้นฟู หลังจากที่มันหายดีแล้ว ก็จะกลับมายังขุนเขาทะเลที่แปดอีกครั้ง และการต่อสู้ของคนทั้งสองก็จะต้องดำเนินต่อไป

น่าเสียดายที่เมิ่งฮ่าวไม่มั่นใจว่า ครั้งหน้าเขาจะอยู่ในจุดสูงสุดได้อีกหรือไม่

ความรู้สึกถึงวิกฤตอันร้ายแรง เริ่มพุ่งขึ้นมาในจิตใจ และทันใดนั้นก็มองออกไปยังที่ห่างไกล พร้อมกับดวงตาที่สาดประกายขึ้น

“เมื่อข้าใช้เวทผนึกอสูร ไป๋จู่ก็พูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเต๋าแห่งราชันหลี่…”

“ข้าจำเป็นต้องได้ครอบครองมรดกแห่งราชันหลี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งจะทำให้ข้ามีความแข็งแกร่งขึ้นก่อนที่ไป๋จู่จะกลับมา เมื่อนั้น…ข้าก็สามารถจะกำจัดมันไปได้!”

ย้อนกลับไปในตอนที่เมิ่งฮ่าวกำลังจุดตะเกียงวิญญาณของตนเอง สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาได้กระจายออกไปอย่างรุนแรง เต็มไปทั่วทั้งขุนเขาทะเลที่แปด ในเวลานั้นเขาได้มองเห็น…ปรมาจารย์เอกะเทวะ!

เมิ่งฮ่าวพุ่งตรงไปอย่างรวดเร็ว ยังที่ห่างไกลออกไป ถึงแม้ว่าสายตาจะพร่ามัว แต่ก็บังคับให้ตนเองต้องยืนหยัดต่อไป ไม่ปล่อยให้คนนอกมองเห็นได้แม้แต่น้อย แม้ว่าอาณาจักรความเป็นนิรันดร์ภายในร่างจะหยุดไป แต่ก็ค่อยๆ เริ่มทำงานขึ้นอีกครั้งอย่างช้าๆ

“หนึ่งเดือน ข้าจำเป็นต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนในการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์” เมิ่งฮ่าวพึมพำ พร้อมกับขมวดคิ้ว เมื่อตระหนักว่าจำเป็นต้องใช้เวลาถึงหนึ่งเดือน ไป๋จู่คงจะฟื้นฟูได้รวดเร็วกว่านี้อย่างแน่นอน

ขุนเขาทะเลที่แปดเริ่มรู้สึกยินดีขึ้น ถึงแม้ว่าคนทั้งปวงไม่อาจจะมองเห็นการต่อสู้นี้ได้ แต่ก็รับรู้ได้ว่าแรงกดดันจากขุนเขาทะเลที่เจ็ดได้หายไปแล้วจากท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวในตอนนี้

ขณะที่เกิดขึ้นเช่นนี้ ผู้ฝึกตนขุนเขาทะเลที่เจ็ดต่างก็มีใบหน้าที่ซีดขาว และเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ถึงแม้ว่าพวกมันไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็มีคำอธิบายได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ถึงเหตุผลที่ทำไมกลิ่นอายแห่งราชันขุนเขาทะเลของพวกมันถึงได้หายไป

ราชันขุนเขาทะเลของพวกมัน…พ่ายแพ้ในการต่อสู้ครั้งนี้!

ไม่นานนักผู้ฝึกตนจากขุนเขาทะเลที่เจ็ดต่างก็ตระหนักถึงเรื่องนี้ กำลังขวัญของพวกมันตกต่ำลงไปในทันที และความต้องการต่อสู้ของพวกมันก็จมดิ่งลงไป

แต่กลับกัน ผู้ฝึกตนขุนเขาทะเลที่แปดเริ่มมีกำลังใจและตื่นเต้นขึ้น พวกมันแผดร้องคำราม พุ่งไปต่อสู้อย่างดุร้ายในทันที ครั้งนี้กลุ่มที่ต้องถอยร่นไปทางด้านหลังครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ใช่ผู้ฝึกตนแห่งขุนเขาทะเลที่แปดอีกต่อไป แต่เป็นขุนเขาทะเลที่เจ็ด!

เสียงระเบิดดังก้องขึ้น ขณะที่การต่อสู้เริ่มดำเนินต่อไปอีกครั้ง!

บนจุดสูงสุดของขุนเขาที่แปด ไว่กงของเมิ่งฮ่าว ราชันแห่งขุนเขาทะเลที่แปด ไม่ได้สั่นสะท้านอีกต่อไป แต่สงบนิ่งเยือกเย็น เห็นได้ชัดว่าดวงตาของท่านกำลังจะลืมขึ้นมาได้ทุกเมื่อแล้ว…

เมิ่งฮ่าวพุ่งตรงไปอย่างรวดเร็ว ชายชราผมแดงและผู้ฝึกตนอื่นๆ นับแสนคนต่างก็ถอยไปทางด้านหลังไกลมากขึ้นมานานแล้ว

การต่อสู้อันน่าตกใจที่พวกมันมองเห็นด้วยสองตาของตนเอง ทำให้ต้องสั่นสะท้านอยู่ภายในใจ และได้แต่มองดูขณะที่เมิ่งฮ่าวจากไป

พวกมันรู้สึกได้ว่าเขาอ่อนแอ แต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะลองไปทดสอบดู…

แม้แต่ชายชราผมแดงก็ไม่มีความกล้าที่จะทำเช่นนั้น มันจะไม่โจมตีไปยังเมิ่งฮ่าว จนกว่าอาการบาดเจ็บของเขาจะเลวร้ายไปกว่าพวกมัน หรืออาจจะเป็นตอนที่เขาหมดสติไป

ขณะที่เมิ่งฮ่าวจากไป มันก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมา

หลังจากที่อยู่ห่างออกไปไกลแล้ว ตรงจุดที่ไม่มีใครมองเห็น เมิ่งฮ่าวก็หยุดลง โลหิตไหลซึมออกมาจากมุมปาก รีบกลืนเม็ดยาลงไปอย่างรวดเร็ว หลับตาลงและโคจรหมุนวนพลังการฝึกตนให้หมุนเวียนไปมารอบแล้วรอบเล่า

ในตอนที่เมิ่งฮ่าวหลับตาลง ความรู้สึกถึงวิกฤตอันร้ายแรงจู่ๆ ก็พุ่งขึ้นมาในจิตใจ เขาหันหน้ามองไปเห็นบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งกำลังก้าวเดินออกมาจากความว่างเปล่า

ในทันทีที่ตระหนักว่าบุรุษหนุ่มผู้นี้คือใคร ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็สาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้า

บุรุษหนุ่มมีท่าทางตื่นเต้น แต่ก็ยังคงรักษาระยะห่างไว้ เมื่อมันตระหนักว่าตนเองถูกจ้องมองมา ก็ประสานมือและโค้งตัวลง

“พี่เมิ่ง พวกเราไม่ได้พบกันนานแล้ว ต้องขอบคุณท่านที่ให้โอกาสจี้โหม่วในครั้งนี้ ข้าเฝ้ารอโอกาสนี้มานานเป็นอย่างยิ่ง คาดไม่ถึงว่าในช่วงเวลาสั้นๆ ท่านจะ…แข็งแกร่งได้ถึงขั้นนี้!!”

ผู้ที่มาใหม่นี้คือ…จี้ตงหยาง!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version