Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1374

ตอนที่ 1374

กลับไปยังสามสิบสามนรก

“แน่นอนว่า…สามสิบสามนรกยังประกอบด้วยภาพลวงตาและอันตราย…” หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ ไห่เมิ่งก็อธิบายให้เมิ่งฮ่าวฟังถึงอันตรายต่างๆ ที่นางพูดถึงต่อไป

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น หลังจากที่ได้ยินคำอธิบายของนาง เขาก็พยักหน้า

เวลาเลื่อนผ่านไป

ช่วงเวลานี้สงครามได้ยุติลงแล้ว จิตใจของผู้ฝึกตนอาณาจักรขุนเขาทะเลเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและเงียบเหงา ปฏิบัติตามคำสั่งของไห่เมิ่จื้อจุนเตรียมพร้อมอยู่ในสถานที่ต่างๆ…เพื่อเตรียมรับมือกับการโจมตีที่จะมาถึงในอีกสิบเดือนข้างหน้านี้!

คนทั้งหมดกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ครั้งสุดท้าย ทำให้เกิดเป็นแรงกดดันอย่างลึกล้ำกดทับลงมาในจิตใจของแต่ละคนในอาณาจักรขุนเขาทะเล ราวกับว่า…พวกมันจะตายไปอย่างเงียบๆ หรือว่าระเบิดเป็นความดุร้ายออกมา!

บางคนก็ครุ่นคิดว่าอาณาจักรขุนเขาทะเลจะคงอยู่จนถึงช่วงเวลาที่สงครามสิ้นสุดลงหรือไม่ แต่ความคิดเช่นนั้นก็เหมือนกับหลุมที่ไร้จุดสิ้นสุด ทำให้ผู้คนต้องรู้สึกหนาวเหน็บจนไม่อาจจะหายใจต่อไปได้

เนื่องจากดวงตะวันและจันทราถูกทำลายไป ทำให้อาณาจักรขุนเขาทะเลเหลือแต่ห้วงอวกาศอันว่างเปล่าที่มืดมิดสนิท

ภายในความมืดมิดนั้นมนุษย์ธรรมดาต้องนั่งสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว แม้แต่ผู้ฝึกตนก็รู้สึกว่ามีแรงกดดันกำลังกดทับลงมา

หลังจากที่ปฏิบัติภารกิจตามที่ไห่เมิ่งจื้อจุนมอบหมายมาให้เรียบร้อยแล้ว ผู้ฝึกตนมากมายก็กลับไปหาคนในครอบครัวและเหล่าสหาย เวลาที่จะใช้ร่วมกันกับญาติสนิทมิตรสหาย เป็นสิ่งที่มีค่าอย่างยิ่งในช่วงเวลานี้

มีผู้ฝึกตนบุรุษและสตรีบางคนที่เคยเป็นสหายสนิทกันมานานหลายปี แต่ก็ไม่กล้าจะเปิดเผยความรู้สึกอันลึกล้ำที่มีต่อกันมาก่อน ตอนนี้ต่างก็เปิดใจบอกรักซึ่งกันและกัน

ยังมีใครบางคนที่มีความแค้นเป็นศัตรูกันมาอย่างยาวนาน ในที่สุดก็เลือกที่จะปล่อยวางความรู้สึกเช่นนั้นไป…

ราวกับว่าผู้คนกำลังเตรียมตัวตาย และหวงแหนช่วงเวลาที่ยังคงเหลืออยู่นี้

บางคนก็ครุ่นคิดว่าทำไมถึงได้เกิดสงครามในครั้งนี้เกิดขึ้นมา สามสิบสามสวรรค์ถูกทำลายไปเกือบครึ่ง และอาณาจักรขุนเขาทะเลก็หายไปครึ่งหนึ่งด้วยเช่นกัน กลุ่มคนนอกคอกและผู้ฝึกตนขุนเขาทะเลต่างก็ตกตายไปเป็นจำนวนมาก

ทำไม…พวกมันต้องมาต่อสู้กัน…?

ทำไมต้องทำสงคราม? ต้องตายไปเพื่ออะไร? ทั้งหมดนี้ดูเหมือนจะไร้ความหมายแม้แต่น้อย

อย่างไรก็ตามคำถามเช่นนี้ไม่ใช่ประเด็นหลัก สิ่งสำคัญก็คือว่าสงครามจะยังคงดำเนินต่อไป และความเป็นตายก็ช่างเปราะบางนัก…เช่นเดียวกับความแตกต่างที่แท้จริงระหว่างความมืดและแสงสว่าง

อาณาจักรขุนเขาทะเลในส่วนที่เหลือได้รับการฟื้นฟูกลับคืนมา มีการร่วมมือกันมากมายเพื่อเตรียมตัวสำหรับสงครามครั้งสุดท้าย เมิ่งฮ่าวไปพบกับสามสิบสามผู้ถูกเลือก และนำกลุ่มคนเหล่านั้นเข้าไปในขุนเขาทะเลที่แปด

สามสิบสามผู้ถูกเลือกส่วนใหญ่แล้วก็เป็นคนแปลกหน้าสำหรับเมิ่งฮ่าว ส่วนที่เหลือเป็นผู้ที่คุ้นเคยกันดี ยกตัวอย่างเช่นจี้ยิน แต่ไม่มีผู้ถูกเลือกจากสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่เข้ามาร่วมด้วย

เมิ่งฮ่าวรู้สึกยินดีที่เฉินฝานและหวังโหย่วฉายอยู่ในท่ามกลางกลุ่มคนเหล่านี้ ถึงแม้ว่าจะไม่มีเจ้าอ้วนก็ตามที แต่การมีสหายที่รู้จักกันเป็นเวลานานสองคนมาร่วมด้วย ก็ช่วยให้เมิ่งฮ่าวต้องรำลึกไปถึงความทรงจำอันน่าประทับใจเมื่อในอดีต ถึงแม้ว่าจะมีแรงกดดันกดทับลงมาในจิตใจก็ตาม

ผู้ฝึกตนที่เหลือมาจากขุนเขาทะเลอื่นๆ ซึ่งเมิ่งฮ่าวไม่รู้จัก แต่พวกมันต่างก็รู้ดีว่าเขาคือใคร และในทันทีที่พวกมันจ้องมองมา แววตาก็ลุกโชนขึ้นด้วยความคลั่งไคล้

ไม่มีใครในผู้ถูกเลือกที่จะมีพื้นฐานฝึกตนอยู่ในอาณาจักรเต๋า คนทั้งหมดอยู่ในอาณาจักรโบราณ บ้างก็อยู่ในขั้นต้นของอาณาจักรนี้ บ้างก็อยู่ในขั้นสูงสุด

ในทันทีที่คนทั้งหมดพบหน้ากัน ผู้ถูกเลือกทั้งหมดก็ประสานมือและโค้งตัวลง

“ขอน้อมพบเสาจู่!”

“ขอน้อมพบเสาจู่แห่งขุนเขาทะเล!”

เฉินฝานยิ้มออกมาขณะที่มองไปยังเมิ่งฮ่าว ดูเหมือนว่ากำลังคิดย้อนกลับไปยังเหตุการณ์ที่อยู่ในสำนักเอกะเทวะ

หวังโหย่วฉายสูญเสียดวงตาไปนานแล้ว แต่กลิ่นอายอันดุร้ายของมันก็ทำให้ดูน่ากลัวจนยากจะใกล้ชิดได้โดยสิ้นเชิง ถึงแม้ว่ามันจะตาบอด แต่ก็ดูเหมือนว่ากำลังมองดูเมิ่งฮ่าวอยู่ หลังจากที่ผ่านไปชั่วขณะ ก็ประสานมือและโค้งตัวลง

หลี่หลิงเอ๋อร์มีความรู้สึกที่ซับซ้อนมากที่สุด เมื่อเร็วๆ นี้ มีอยู่หลายคนที่มาสอบถามเกี่ยวกับพันธะวิวาห์ระหว่างนางและเมิ่งฮ่าว การที่นางหลบหนีงานวิวาห์ไปเมื่อหลายปีก่อน ดูเหมือนว่าจะเป็นการกระทำที่ไร้เดียงสานัก

ต่อมานางก็ได้เห็นเมิ่งฮ่าวมีชื่อเสียงเลื่องลือ มองเห็นการกระทำอันยิ่งใหญ่ของเขาในสงครามแห่งขุนเขาทะเล

บางครั้งนางก็อดที่จะสงสัยไม่ได้ว่า จะเกิดอะไรขึ้นถ้าตนเองไม่หลบหนีการแต่งงานในครั้งนั้น…

ถึงแม้ว่าเมิ่งฮ่าวก็เลือกที่จะหลบหนีด้วยเช่นกัน แต่ในแง่ของกฎหมายและศีลธรรมแล้ว นางคือภรรยาของเมิ่งฮ่าวตามหลักการทั่วไป

จี้ยินยิ่งมีความรู้สึกอันซับซ้อนมากไปกว่านั้น เดิมทีนางมองว่าเมิ่งฮ่าวเป็นผู้ที่ด้อยกว่าตนเอง ในที่สุดนางก็มองว่าเท่าเทียมกัน แต่สุดท้ายเมื่อนานมาแล้ว เขาก็มีชื่อเสียงอยู่ในระดับเดียวกับปรมาจารย์ของตระกูลตนเอง เป็นคนที่นางต้องก้มศีรษะให้อย่างไร้ทางเลือก

นางเคยเชื่อว่าระดับฐานะเช่นนั้นยังมีข้อจำกัดอยู่ แต่เมื่อเกิดสงครามขึ้น นางก็ตระหนักว่าเมิ่งฮ่าว…อยู่เหนือกว่าระดับปรมาจารย์ไปแล้ว

เขาเป็นบุคคลที่ไม่ว่าใครก็ตามต้องก้มศีรษะให้

เมิ่งฮ่าวมองไปยังผู้ถูกเลือกที่อยู่รอบๆ จากนั้นก็กล่าวขึ้นช้าๆ

“ข้าเคยไปยังสามสิบสามนรกมาก่อน มันเป็นสถานที่ซึ่งจิ่วเฟิงจื้อจุนจัดเตรียมไว้ เพื่อผู้ฝึกตนแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเล ดังนั้นท่านจึงได้ทิ้งโชควาสนาอันน่าเหลือเชื่อไว้ในรูปแบบของผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังสามสิบสามคน ผนึกไว้ในนั้นตั้งแต่สงครามแห่งอาณาจักรเซียนผู้ยิ่งใหญ่”

“กายเนื้อของผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นถูกทำลายไปแล้ว เหลือแต่จิตวิญญาณเท่านั้น พวกมันคล้ายกับเป็นต้นกำเนิดแห่งพลัง ถ้าพวกท่านสามารถจะดูดซับพวกมันเข้าไปได้ พื้นฐานฝึกตนก็จะก้าวหน้าพุ่งทะยานขึ้นไป!”

“แต่ขั้นตอนนั้นก็ไม่ได้ง่ายดายเหมือนที่พูด ยังมีอันตรายอันร้ายแรงแฝงอยู่”

“ถ้าพวกท่านล้มเหลว ก็จะถูกกำจัดไป…นอกจากนั้นถึงแม้ว่าจะทำได้สำเร็จ และพื้นฐานฝึกตนของพวกท่านจะก้าวหน้าขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่ค่าตอบแทนที่ต้องจ่ายออกไปก็คือว่า…ในอนาคตพวกท่านจะพบว่าพื้นฐานฝึกตนของตัวเองยากที่จะก้าวหน้าขึ้นไปได้อีก!”

“พวกท่านจะต้องเลิกคิดถึงความเป็นไปได้ในอนาคตทั้งหมด แต่ก็แลกเปลี่ยนกับการที่…พื้นฐานฝึกตนมีความแข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่าจักรพรรดิเต๋า นอกจากนี้ถ้าพวกท่านยินดีที่จะเสียสละอายุขัยบางส่วนออกไป ซึ่งเป็นส่วนของแก่นแท้พลังชีวิต…พวกท่านก็จะได้ครอบครองพลังการฝึกตนที่เหนือกว่าจักรพรรดิเต๋า แต่…ก็จะมีชีวิตอยู่ได้แค่หกสิบปีเท่านั้น หลังจากนั้นก็จะตายไปตลอดกาล”

หลังจากที่ได้ยินเช่นนี้ ผู้ถูกเลือกทั้งสามสิบสามคนต่างก็อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง คำอธิบายนี้ค่อนข้างจะแตกต่างไปจากความเข้าใจก่อนหน้านี้ของพวกมัน แต่หลังจากที่ได้เห็นสีหน้าที่เคร่งเครียดของเมิ่งฮ่าว พวกมันก็รับรู้ได้ว่า…เขากำลังพูดความจริงอยู่

สามสิบสามผู้ถูกเลือกตกอยู่ในความเงียบ แต่ก็ไม่มีใครคิดที่จะเปลี่ยนใจ

เมิ่งฮ่าวมองไปยังกลุ่มคนทั้งหมด จากนั้นก็กล่าวว่า “เมื่อเข้าไปแล้ว ข้าจะคอยคุ้มกันพวกท่านทั้งหมด พวกเราจะไปรับมอบโชควาสนาที่อยู่ในสามสิบสามนรกด้วยกัน ยังมีอีกเรื่องที่ต้องระวังก็คือภายในสามสิบสามนรกมีสัตว์อสูรนอกคอกอยู่สามสิบสามตัว ซึ่งจะถูกปล่อยออกมาเมื่อสามสิบสามนรกเริ่มกระจัดกระจายออกไป” คำอธิบายส่วนใหญ่ที่เมิ่งฮ่าวกำลังพูดออกมานี้ เขาได้รับรู้มาจากไห่เมิ่งจื้อจุน

“ยังมีเวลาที่จะถอนตัวในตอนนี้ แต่ถ้าไม่มีใครต้องการทำเช่นนั้น…พวกเราก็เข้าไปในสามสิบสามนรกด้วยกัน!”

เมิ่งฮ่าวมองเห็นความมุ่งมั่นแน่วแน่อยู่ในแววตาทั้งสามสิบสามคู่เหล่านั้น พวกมันไม่จำเป็นต้องพูดออกมาแม้แต่คำเดียว เขาก็เข้าใจได้ว่าพวกมันกำลังรู้สึกอย่างไร

ถ้าอาณาจักรขุนเขาทะเลไม่คงอยู่อีกต่อไป ก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องราวในอนาคตแต่อย่างใด การได้รับโชควาสนาในครั้งนี้คือการเดิมพันอย่างหนึ่ง และเป็นการเสียสละอันยิ่งใหญ่ แต่ก็ทำให้อาณาจักรขุนเขาทะเลมีโอกาสที่จะรอดพ้นจากหายนะด้วยเช่นกัน

โดยไม่พูดอะไรอีก เมิ่งฮ่าวโบกสะบัดชายแขนเสื้อ กลายเป็นลำแสงนำกลุ่มคนทั้งหมดตรงไปยังสามสิบสามนรกแห่งขุนเขาที่แปด ขณะที่คนทั้งหมดเข้าไปใกล้อาณาเขตที่มืดมิดโดยสิ้นเชิง เมิ่งฮ่าวก็พึ่งพาพลังจากพื้นฐานฝึกตนในตอนนี้ของตนเอง บังคับให้เปิดเป็นปากทางเข้าขึ้นมา

หลังจากที่ผ่านเข้าไป สามสิบสามผู้ถูกเลือกก็พบว่าตนเองอยู่ภายในกลุ่มหมอกอันไร้ขอบเขต ตรงด้านล่างเป็นดินแดนที่แตกหักกระจัดกระจายออกไป จนแทบจะมองไม่เห็น เป็นสถานที่ซึ่งเคยเป็นสนามรบอันรุนแรงมาก่อน

เริ่มมองเห็นเงาร่างขนาดใหญ่อยู่ภายในกลุ่มหมอกที่พลุ่งพล่านปั่นป่วนอย่างช้าๆ พร้อมกับเสียงแผดร้องคำรามที่ทรงพลังดังก้องออกมา ทันใดนั้นโซ่เหล็กก็พุ่งตรงมายังทิศทางของเมิ่งฮ่าวและคนอื่นๆ ทั้งหมด

เวลาเดียวกันนั้น ก็มีเสียงดังก้องออกมาทำให้จิตใจของคนทั้งหมดต้องสั่นสะท้าน “หิว…หิว….หิวเป็นอย่างยิ่ง…”

สำหรับคนทั้งหมดที่อยู่ด้านหลังเมิ่งฮ่าว นี่เป็นครั้งแรกที่พวกมันเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ และเงาร่างอันน่าตกใจอย่างน่าเหลือเชื่อนี้ก็ทำให้พวกมันแทบจะหมดสติไป

เมิ่งฮ่าวแค่นเสียงเย็นชา ชี้นิ้วตรงไปยังทิศทางของโซ่เหล็ก ร้องตวาดขึ้น

“ไสหัวกลับไป”

เสียงตวาดนั้นดังก้องออกไปราวกับเป็นเสียงฟ้าคำราม ทำให้กลุ่มคนที่ด้านหลังสั่นสะท้าน คำพูดนั้นก็ดูเหมือนว่าจะเต็มไปด้วยกฎธรรมชาติ เมื่อโซ่เหล็กใกล้เข้ามา ก็เริ่มสั่นสะท้าน จากนั้นก็ระเบิดออกไปอย่างง่ายดาย

เสียงเมิ่งฮ่าวราวกับเป็นลูกธนูที่พุ่งทะลุเข้าไปในกลุ่มหมอก กลายเป็นสัญลักษณ์เวทที่มองไม่เห็นนับไม่ถ้วน พุ่งตรงไปยังเงาร่างขนาดใหญ่ จากนั้นเขาก็ชี้นิ้วไปมา ทำให้โลกแห่งนี้สั่นสะเทือนไปทั่ว และกลุ่มหมอกก็ม้วนตัวไปมา ค่อยๆ เคลื่อนที่ออกไปทางด้านข้าง

ในที่สุดก็เผยให้เห็นถึง…สิ่งที่ถูกซ่อนไว้ด้านใน!

มันคือยักษ์ที่ถูกพันธนาการไว้ด้วยโซ่เหล็ก

กำลังแผดร้องคำรามออกมา แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกหวาดกลัว และกำลังสั่นสะท้านอยู่ภายใต้พลังจากสายตาของเมิ่งฮ่าวที่จ้องมองไป

“นี่คือสัตว์อสูรนอกคอกตัวแรกที่อยู่ภายในสามสิบสามนรก” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ จากนั้นก็เดินตรงไป ติดตามมาด้วยผู้ถูกเลือกทั้งหมด

เมื่อพวกมันเดินผ่านยักษ์ ที่แผดร้องคำรามออกมาอยู่ตลอดเวลา แต่แววตาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่มันหวาดกลัวไม่ใช่สามสิบสามผู้ถูกเลือก แต่เป็นเมิ่งฮ่าว

มันหวาดกลัวเมิ่งฮ่าว และกลิ่นอายอันดุร้ายอย่างเข้มข้นที่อยู่บนร่างนั้น!!

มันคือกลิ่นอายที่ไม่มีใครสามารถจะรับรู้ได้ ถ้าปราศจากพื้นฐานฝึกตนที่เพียงพอ แต่คนที่รู้สึกได้ก็สามารถจะบอกได้ว่า…เขาเคยสังหารผู้ยิ่งใหญ่มาแล้ว!

เมิ่งฮ่าวนำกลุ่มคนมุ่งหน้าตรงไปยังแท่นศิลาที่อยู่ตรงจุดศูนย์กลางของอาณาเขตแรก และเมื่อคนทั้งหมดไปถึงชายขอบของรอยแตกที่นำเข้าไปสู่ด้านใน ยักษ์ที่อยู่ด้านหลังจู่ๆ ก็พูดขึ้นมาด้วยสุ้มเสียงที่ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง “เจ้า…เคยสังหาร…ผู้ยิ่งใหญ่?”

“อืม ข้าเคยสังหารไปหนึ่งคน ทำให้อีกคนกลายเป็นข้าทาส และบังคับให้คนที่สามต้องระเบิดตัวเองไป เจ้ายังห่างไกลจากการเป็นผู้ยิ่งใหญ่ ดังนั้นจึงไม่ต้องวิตกไป ข้าจะไม่สังหารเจ้า” ด้วยเช่นนั้นเมิ่งฮ่าวก็ก้าวเข้าไปในรอยแตก กลุ่มคนที่ด้านหลังสบตากันไปมาอย่างเงียบๆ และจากนั้นก็รีบติดตามเข้าไป

หลี่หลิงเอ๋อร์มีสีหน้าแปลกๆ และเฉินฝานก็หัวเราะหึๆ ด้วยเสียงที่แหบแห้ง ริมฝีปากหวังโหย่วฉายกระตุกขึ้นเล็กน้อย แต่ทั้งหมดก็ไม่กล่าวอะไรออกมา คำพูดของเมิ่งฮ่าวดูเหมือนว่าอาจหาญเป็นอย่างยิ่งสำหรับพวกมัน…

สำหรับยักษ์ที่ถูกพันธนาการไว้ด้วยโซ่เหล็ก ต้องอ้าปากค้างด้วยความหวาดกลัว สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก สมองที่เรียบง่ายของมันไม่อาจจะประมวลผลได้ทัน แต่ก็สามารถจะรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายบนร่างเมิ่งฮ่าว ทำให้เข้าใจคำพูดเหล่านั้น และต้องสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ในที่สุดมันก็ก้มศีรษะลง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version